40

NYA~ Journal Vol.2

Embed Size (px)

DESCRIPTION

Flyin Cat Club's Journal about School life and Knwledges

Citation preview

Page 1: NYA~ Journal Vol.2
Page 2: NYA~ Journal Vol.2
Page 3: NYA~ Journal Vol.2

สวัสดีครับ พี่โหลเป็นศิษย์เก่าคนหนึ่งที่ยังคงกลับไปที่โรงเรียนสวนกุหลาบ

วิทยาลัย นนทบุรี บ่อยถึงบ่อยมาก ( อย่างน้อย ๆ ก็สัปดาห์ละ ๑ – ๒ ครั้ง ) จึงยังคง

ทราบข่าวสารต่าง ๆ ที่เกิดภายในโรงเรียนอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ รุ่นของพี่ยังเป็น

รุ่นที่เรียกได้ว่า เป็นรุ่นท้าย ๆ จริง ๆ ที่มาทันเห็นความ “ ขลัง ” ของโรงเรียนของ

เรา ซึ่งต่อมาก็ค่อย ๆ ถูกลบเลือนไปด้วยความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ จนกลายมาเป็น

โรงเรียนที่พวกเรารู้จักในปัจจุบัน พี่ได้เห็นอะไรมากมายที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปตลอด

หลายปีที่พี่อยู่ที่โรงเรียนนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่พี่หวังว่าจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ต่อให้รอบ

กายเราจะไม่เหลือสิ่งที่เหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นแล้วก็ตาม นั่นคือ “ จิตวิญญาณ

ความเป็นสวนกุหลาบ ” ของน้อง ๆ ทุกคน

อันที่จริง วารสาร เนีย ฉบับนี้ไม่ได้ตั้งใจตีตราให้เป็น “ ฉบับพิเศษสำาหรับ

ส.ก.น.โดยเฉพาะ ” แล้ว เพราะตั้งใจจะให้เป็นฉบับปฐมฤกษ์เป็นฉบับพิเศษฉบับ

เดียวแล้วจะให้เล่ม ๒ เป็นต้นไปนำาเสนอสาระความรู้ทั่วไปในวงกว้างขึ้น แต่พี่โหล

พี่มะนาว และพี่ ๆ ทีมงานวารสารเนียและแมวบินคนอื่น ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะถ่ายทอด

เกียรติภูมิและความทรงจำาอันงดงามของโรงเรียนของพวกเราทุกคนให้น้อง ๆ รู้ ดัง

นั้น ภายในฉบับนี้ พี่โหลจึงขออนุญาตนำาเสนอสาระต่าง ๆ ที่ยังคงไม่ไปไหนไกลไป

EDITOR’S TALK

NYA JOURNAL issue.02 july 2011

“ปาฏิหาริย์”

กว่าบ้านอันเป็นที่รักของพวกเรา

ถึงแม้ เนีย ฉบับนี้จะเกิดขึ้นเพียงเพราะ “ ความอยากจะทำา ” ของพวกเราเอง แต่เราก็ขอแรงใจสนับสนุนให้เนียฉบับ

ที่ ๓ ฉบับที่ ๔ และฉบับต่อ ๆ ไปได้เกิดขึ้นอีกเพื่อให้เรา วารสารเนีย และชุมนุมแมวบิน ได้นำาเสนอและถ่ายทอดสิ่งดี ๆ แก่น้อง

ๆ และท่านผู้อ่านทุกท่านต่อไป ขอให้เพลิดเพลินกับสาระที่พวกเราบรรจงคัดสรรมานำาเสนอ ภายในวารสาร เนีย “ ปาฏิหาริย์ ”

ฉบับนี้ครับ

แล้วพบกันในโอกาสหน้า

ชลากร สถิวัสส์

บรรณาธิการ

Page 4: NYA~ Journal Vol.2
Page 5: NYA~ Journal Vol.2

HOTNEWSUPDATE

@flyingcatclub

/flyingcatclub

+ หากในมือของท่านมีกล่องนมกล่องเครื่องดื่ม

เปล่า อย่าทิ้ง หย่อนลงกล่องรับบริจาคของชุมนุม

แมวบินที่ตั้งอยู่ในโรงอาหาร เพื่อรวบรวมนำาไป

ทำาความสะอาดและบริจาคแก่ โครงการหลังคาเขียว

โดยมูลนิธิเพื่อนพึ่ง ( ภาฯ ) ยามยาก ให้เขาได้นำา

ไปรีไซเคิลและผลิตเป็นหลังคาสำาหรับที่พักผู้ประสบ

ภัยชั่วคราว และผลิตเป็นสิ่งของต่าง ๆ อันเป็น

สาธารณประโยชน์กันนะคะ

+ ในวันที่ ๔ – ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ที่ผ่าน

มา โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ได้รับการ

ประเมินจากสำานักงานรับรองมาตฐานและประเมิน

คุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) สมศ. และ

ชุมนุมแมวบินก็ได้เป็น ๑ ใน ๑๐ ตัวแทนชุมนุมของ

โรงเรียน ในการนำาเสนอผลงานหมวดกิจกรรมพัฒนา

ผู้เรียนแก่คณะกรรมการอีกด้วย ในโอกาสนี้ เราขอขอบพระคุณ อ.นิศารัตน์ จันทรวรชาติ ที่ได้มอบโอกาสดี ๆ ให้เราได้นำาเสนอผลงานของชุมนุมแมวบินด้วยค่ะ

+ ขณะนี้ชุมนุมแมวบินมีโครงการกิจกรรม “ ไดอารีขยะ ” โดยให้น้อง ๆ สมาชิกชุมนุมได้สังเกตและบันทึกว่า

ในวันวันหนึ่งนั้น เราได้สร้างขยะให้โลกมากแค่ไหน พร้อมรับสาระความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับภัยของขยะ การแยกขยะ

และการลดขยะในชีวิตประจำาวันให้เหลือศูนย์ สำาหรับน้อง ๆ และเพื่อน ๆ คนใดที่สนใจจะลองนำาไดอารีขยะนี้ไป

ทำาบ้างและร่วมเรียนรู้ไปด้วยกัน ก็ขอเชิญติดต่อขอรับไดอารีได้จากทางชุมนุมแมวบินนะคะ

Page 6: NYA~ Journal Vol.2

มี

อะไรใน

NYA~

แมวบิน

Fly to Learn

ลุยสวนMain Course

Get a taste of (28) ร้านป้าอ้อย อาหารตามสั่ง

(14) สวนเสริมปัญญา

ที่แห่งนี่มีความทรงจำา

(12) เป็นเด็กกิจกรรมอย่างไร

ให้ไม่พบจุดจบเหมือนพี่นาว

(8) โต๊ะจีน โลกร้อน และสังคม

(18) สัมภาษณ์พิเศษ พี่ตอง

ประธานชุมนุมเชียร์ ชุมนุมที่มาก

กว่าการร้องเพลงและถือเพลท

Page 7: NYA~ Journal Vol.2

เนียฉบับนี้ ยังคงกระท่อนกระแท่นเหมือนเดิมครับ เพราะช่วงนี้

กองบก.ก็เข้าสู่ช่วงเตรียมสอบกันทุกคนจึงไม่ค่อยมีเวลามาลงตรงนี้เต็มที่

เท่าเมื่อก่อน

สำาหรับคำาถามที่ถามกันมาว่า เนียคืออะไรกันแน่ ก็อย่างที่พี่โหล

บอกไว้ในฉบับที่แล้วว่ามันคือเสียงร้องของแมวในภาษาญี่ปุ่นครับ แต่ความ

หมายแฝงๆมันก็คือ อยากให้อ่านว่า “เนี่ย” ใครถามว่าอ่านอะไรอ่ะ เราก็

ตอบว่า “อ่านเนี่ย” ดูกวนโมโหและอวัยวะเบื้องต่ำาดีใช่มั้ยครับ

ตอนนี้พวกเราเริ่มแบ่งงานกันชัดเจน พี่โหลเป็นบรรณาธิการ

อำานวยการ และพี่นาวเป็นบรรณาธิการบริหาร และยังมีทีมงานอีกจำานวน

หนึ่ง คือพี่กานต์ชาย ซึ่งมาพร้อมกับคอลัมน์ใหม่ แนวใหม่ ซึ่งอาจจะไม่

เคยเห็นกันมาก่อน เรามาดูกันว่า แค่เด็กสองคนคุยกัน สามารถสื่อถึงเรื่อง

ที่ลึกซึ้งได้มากมาย และพี่กานต์หญิง ซึ่งหลายๆคนไม่คุ้นหน้าคุ้นตา แต่พี่

เค้าก็เป็นศิษย์เก่าสวนนนท์นะ น่ารักด้วย ปัจจุบันศึกษาอยู่คณะนิติศาสตร์

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ลำาปาง พี่กานต์นี่เป็นสาวเพอร์เฟ็ค(มั้ยหว่า) ที่

เรียนดี กิจกรรมเด่น จึงรับคอลัมน์เกี่ยวกับการเรียนและทำากิจกรรมไป

หวังว่าน้องๆขากิจกรรมน่าจะชอบกัน นอกจากนี้ก็ยังมีทีมงานจากชุมนุม

แมวบินด้วย แต่ มันก็ยังไม่พอหรอกครับ งานทำาหนังสือนี่เป็นงานที่หนัก

ถ้าน้องๆคนไหนสนใจจะมาร่วมทำางานกับพวกพี่ก็ติดต่อมาได้ทุกช่องทาง

เลยนะครับ จะมีหรือไม่มีประสบการณ์ก็ได้ ยิ่งใครที่มีความฝันอยากเป็น

นักเขียน หรือทำาหนังสือล่ะก็ พี่ว่าน่าสนใจนะ พี่นาวก็กำาลังศึกษาเกี่ยวกับ

สื่อสิง่พิมพ์อยู่ น้องๆที่สนใจก็มาเรียนกับพี่ได้ฟรีๆเลย เพราะพี่เชื่อว่า ไม่มี

การเรียนการสอนอะไรในโลกที่จะมีประโยชน์เท่าการได้ลงมือทำาด้วยตัวเอง

อีกแล้ว อย่างคนที่เรียนแบบพี เรียนทางด้านนี้มา เรียนทฤษฎีกันแทบตาย

แต่จะมีสักกี่คนที่ได้ลองปฏิบัติจริง เพราะการทำาจริงนั้น ยากกว่าเยอะ

ขอให้สนุกกับเนียฉบับที่2 “ปาฏิหาริย์” และช่วยกันภาวนาให้

เกิดปาฏิหารย์กับเล่ม3ด้วยนะครับ

WHAT ABOUT NOW

I T(RY)

โรงเล่า

DO-D

แนะ-ชะ-นำา

MEGAPHONE

ณ ปัจจุบันขณะ

M-S-อึน

(23) โรงเรียนเราจากบนฟากฟ้า

(31) ภูตพรายกับนายหมอผี

(26) เรื่องของพระนเรศวร

ที่ไม่มีในพงศาวดารสยาม

(36) งด .... เข้าพรรษา ?

(29) แต่งกายดี เป็นศรีแก่ตัว

() ร้านป้าอ้อย อาหารตามสั่ง

(33) ตอน ขอนะ

Page 8: NYA~ Journal Vol.2

แมวบิน เรืื่อง; ชลากร สถิวัสส์ @scjade

เปิดด้วยชื่อบทความแบบนี้คงทำาเอาน้องๆแปลกใจไม่ใช่เล่น บาง

คนคงนึกถามตัวเองในใจแล้วว่า โต๊ะจีน โลกร้อน และสังคม มันมีความ

เกี่ยวข้องกันได้อย่างไร? ในคอลัมน์แมวบินของวารสารเนียฉบับนี้ พี่โหลขอ

นำาประสบการณ์ส่วนตัวและความจริงทางวิทยาศาสตร์มานำาเสนอแก่น้องๆ

ให้ทราบว่า คำาสามคำานี้มีความเชื่อมโยงกันอย่างไรครับ

โต๊ะจีน แค่เห็นชื่อก็รู้แล้วว่ามีสัญชาติจีนแน่ๆ โต๊ะจีนเป็นรูป

แบบการรับประทานอาหารอย่างหนึ่ง มีโต๊ะกลมตัวใหญ่ นิยมคลุมด้วยผ้า

ปูโต๊ะสีแดงตามความเชื่อว่าเป็นสีมงคลของชาวจีน ล้อมรอบด้วยเก้าอี้ตาม

จำานวนผู้รับประทาน บนโต๊ะมีชุดเครื่องถ้วยชามช้อนและตะเกียบ มีถ้วยน้ำา

จิ้มสูตรต่างๆ เมื่อผู้รับประทานนั่งกันเรียบร้อยพร้อมที่จะทานแล้ว บริกรก็

จะยกอาหารจานใหญ่มาทีละจาน จำานวนรายการอาหารและคุณภาพความ

หรูหราของอาหารก็บ่งบอกถึงความสำาคัญของโอกาสที่รับประทานหรือ

ระดับชั้นของแขกที่นั่งที่โต๊ะนั้น การรับประทานอาหารแบบโต๊ะจีนนี้เป็น

ที่นิยมในเมืองไทยมาโดยช้านาน สามารถใช้ได้ในทุกโอกาส ทั้งงานมงคล

และอวมงคล ไม่ว่าจะเป็น งานทำาบุญขึ้นบ้านใหม่ งานแต่งงาน งานศพ

งานเลี้ยงพบปะสังสรรค์ งานเลี้ยงเฉลิมฉลองครบรอบ ฯลฯ (โดยมากจะมี

อาหาร๘รายการ และของหวานอีก๑รายการ) กล่าวได้ว่า เมื่อใดที่เราคิดจะ

จัดงานเลี้ยงสักงาน โต๊ะจีนก็จะเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆของเราเลยก็ว่าได้

แน่นอนว่าทุกคนต่างก็มีประสบการณ์การรับประทานอาหารโต๊ะ

จีนกันมาแล้วทั้งนั้น ท่านผู้อ่านก็คงเคยรับประทานเช่นกัน พี่โหลก็เคยครับ

แต่ว่าหากทุกคนเคยทานอาหารโต๊ะจีนกันแล้ว แล้วทุกคนรู้กันหรือเปล่า

ที่มาที่ไปของโต๊ะจีนนั้นเป็นอย่างไร อาหารที่ปรุงนั้นมาอยู่บนจานให้เรา

รับประทานได้อย่างไร และหากเราทานอาหารเหลือ อาหารเหล่านั้นจะไป

ที่ไหน? ครั้งหนึ่งพี่โหลเคยมีประสบการณ์เป็นพนักงานพาร์ทไทม์ ทำาหน้าที่

เป็นบริกรเสิร์ฟอาหารโต๊ะจีนที่โรงแรมที่ทั้งใหญ่และมีชื่อเสียงตั้งอยู่ในกลาง

กรุงเทพครับ จึงได้เห็นเบื้องหลังของการเตรียมการจัดงานเลี้ยงให้บริษัท

ขายตรงสัญชาติญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง งานนั้นมีแขกเข้าร่วมงานถึง ๕,๐๐๐ คน

โต๊ะจีนของโรงแรมนี้รองรับแขกได้๑๒ คน/โต๊ะ คิดแล้วก็มากถึง๔๑๖โต๊ะ ซึ่ง

เป็นจำานวนที่มากกว่าครั้งไหนๆ ที่โรงแรมแห่งนี้เคยจัดงานมา จนถึงขั้นต้อง

ขอแรงจากโรงแรมใกล้เคียงให้ส่งพนักงานมาช่วย (พี่โหลได้ทำางานนี้เพราะ

มีญาติทำางานที่โรงแรมนี้ เมื่อทราบเรื่องจึงติดต่อมาถามความสนใจ พี่โหล

ปิดเทอมว่างๆพอดีจึงไปหาประสบการณ์ครับ)

หลังจากที่ทุกคนต่างก็เหน็ดเหนื่อยกับชั่วโมงทำางานหลายชั่วโมง

มาทำางานตั้งแต่เช็ดพาชนะให้แห้งสะอาด จัดโต๊ะจัดที่ทางให้เรียบร้อย

ยกอาหารจานใหญ่โตและหนักแสนหนักคนละหลายสิบจาน มีทั้งแขกที่

นิสัยดีและนิสัยไม่ดี ทุกคนก็เฝ้าอดทนนับเวลาถอยหลังให้หมด๘ชั่วโมง

ทำางาน จนกระทั่งถึงเวลาที่งานเลี้ยงต้องเป็นอันเลิกรา เมื่อแขกผู้เข้าร่วม

งานหลายพันชีวิตก็แห่แหนกันกลับบ้าน เหล่าพนักงานต่างก็ผ่อนคลาย

ความเกร็งและความเครียดลงได้ แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นก็คืออาหารจำานวนมาก

ที่แขกทานเหลืออยู่บนโต๊ะ โต๊ะหนึ่งมีจานอาหารอยู่ประมาณ๔–๕จาน

กว่าเหล่าพนักงานจะจัดแจงกวาดเศษอาหารทิ้งและเก็บจานเคลียร์โต๊ะ

ให้เรียบร้อยได้ก็กินเวลาไปอีกเป็นชั่วโมงๆ พี่โหลเองก็ต้องทำาหน้าที่เก็บ

โต๊ะทำาความสะอาดโต๊ะเช่นกัน อาหารหลายรายการทั้งที่น่าตาน่าอร่อย

แถมยังเป็นอาหารชั้นเลิศของโรงแรมชื่อดัง แต่ดูท่าจะไม่ถูกปากแขกผู้

ร่วมงานจึงเหลือให้เห็นบนโต๊ะอย่างดาษดื่นตาและในสภาพที่ดูเหมือนยัง

ไม่มีใครทานไปเสียด้วยซ้ำา พี่โหลกะด้วยสายตาขณะเก็บจานอาหารเหล่า

นั้น คิดโดยประมาณโต๊ะหนึ่งน่าจะมีเศษอาหารเหลือประมาณ๘๐๐กรัม

หากรวมกับจานที่เก็บไปแล้วระหว่างงานก่อนหน้านี้ รวมแล้วก็น่าจะตก

โต๊ะหนึ่งมีทิ้งอาหารไป๑.๒ กิโลกรัม หรือทั้งหมด๔๑๖โต๊ะ (พี่โหลหลบมุม

มากดมือถือคำานวณอย่างไม่เกรงกลัวใคร) ในงานนี้มีอาหารที่ถูกทิ้งไป

กว่า๕๐๐กิโลกรัม!! ครึ่งตัน หรือประมาณ๑ใน๓ของรถยนต์๑คันเลยที

เดียว แม้จะมีพนักงานส่วนใหญ่นำาอาหารที่ลูกค้าทานเหลือไปทานต่อบ้าง

แต่นั่นเป็นปริมาณที่น้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณอาหารที่ทิ้งไปทั้งหมด

เมื่อเสร็จงานในคืนนั้น พี่โหลนั่งคิดตลอดทางที่กลับบ้านว่า

อาหารเหล่านั้นเมื่อถูกทิ้งแล้วจะไปไหนต่อ? หากมันถูกทิ้งลงถังขยะพร้อม

กับเศษทิชชู่ ตะเกียบ พลาสติกซีลฝาขวดน้ำา และเศษขยะอื่นๆบนโต๊ะ

อาหารปะปนกันไป ทางโรงแรมก็จะขายให้ไปเป็นอาหารหมูหรืออาหาร

สัตว์อื่นๆไม่ได้เป็นแน่ ทางเดียวที่ขยะเหล่านั้นจะไปก็คือ ถูกทิ้งรวมกับ

ว่าด้วย โต๊ะจีน โลกร้อน และสังคม

Page 9: NYA~ Journal Vol.2

ขยะอื่นๆของโรงแรมไว้เฉยๆ และขยะของโรงแรมก็จะถูกนำาไปทิ้งรวมกับ

ขยะปริมาณมหาศาลจากทุกอาคารบ้านเรือน ...แล้วเมื่อไหร่ขยะนั้นจะ

ย่อยสลายหรือถูกกำาจัดหมดไป?

หลังจากวันนั้น พี่โหลได้ลองค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลทาง

อินเตอร์เน็ตต่างๆ ประกอบกับหนังสือที่พี่โหลอ่านและนำามาใช้เป็นข้อมูล

สำาหรับสอนน้องๆ สมาชิกชุมนุมแมวบินในคาบกิจกรรมชุมนุมที่โรงเรียน

กล่าวว่ากระบวนการย่อยสลายขยะมูลฝอยตามธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งที่ใช้

เวลานานกว่าที่คิดมาก หากเราทิ้งเปลือกกล้วยธรรมดาลงในที่ที่มีสภาพ

แวดล้อมเอื้ออำานวย มีแสงแดดเข้าถึงพอเหมาะ มีดินกลบกำาลังดี เปลือก

กล้วยนั้นจะใช้เวลาประมาณ ๗ วันจึงจะย่อยสลายหมด แต่ถ้าหากวันต่อ

มาเราทานกล้วยอีกผลและทิ้งในบริเวณเดิมอีก พื้นที่นั้นก็จะเกิดขยะเพิ่ม

ขึ้นอีกชิ้นโดยที่เปลือกกล้วยชิ้นแรกยังย่อยสลายไม่หมด แล้วยิ่งทานกล้วย

แล้วทิ้งเช่นนี้ทุกวัน ในวันที่๘เราก็จะมีขยะถึง๗ชิ้น โดยที่เปลือกกล้วยที่ทิ้ง

ไว้ตั้งแต่วันแรกเพิ่งจะย่อยสลายหมดเอง

แต่ว่าการย่อยสลายจะเป็นไปตามกรณีนี้เป๊ะๆ ก็ต่อเมื่อเปลือก

กล้วยถูกทิ้งในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจริงๆ หากเปลือกกล้วยถูก

ทิ้งในสภาพแวดล้อมที่มีอุปสรรคก็จะใช้เวลานานกว่านี้มาก ยิ่งเป็นขยะ

ประเภทอื่นๆ ก็จะใช้เวลานานต่างกันไป ท่านผู้อ่านลองนึกภาพพื้นดิน

ขนาดเท่าสนามฟุตบอลโรงเรียนของเรานะครับ ที่นี่มีขยะกองสูงนับสิบ

เมตร และถุงขยะอาหารที่เหลือจากงานเลี้ยงนั้น น้ำาหนัก๕๐๐กิโลกรัมอยู่

บนสุดของกองขยะ มีเพียงถุงขยะชั้นล่างสุดที่ได้แตะหน้าดิน แต่ถุงขยะ

ทุกใบก็เป็นถุงดำาที่แสงแดดส่องไม่ถึงและไม่ได้สัมผัสดินและย่อยสลายตาม

ธรรมชาติอย่างที่ควรเป็น ขยะเหล่านั้นก็ได้แต่เพียงเน่าเสียอยู่ภายในถุง

และส่งกลิ่นคละคลุ้งเป็นมลภาวะรบกวนทุกชีวิตโดยรอบไปโดยปริยาย แค่

นึกภาพก็ไม่น่ารื่นรมย์แล้วนะครับ

แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือก๊าซที่เกิดขึ้นในกระบวนการย่อยสลาย

และเน่าเสีย ไม่ได้มีเพียงเชื้อโรคเท่านั้นที่เกิดขึ้นในขณะที่ขยะหมักหมม

และยังไม่ย่อยสลาย แบคทีเรียในขยะเองก็ปล่อยก๊าซเรือนกระจกตัวร้าย

ชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า “ก๊าซมีเธน” ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งก๊าซมีเธนนี้สามารถ

ซึมซับความร้อนได้มากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง๒๐เท่า มันจึงเป็น

ก๊าซที่ทั่วโลกต้องหวาดเกรงและเฝ้าระวังอย่างมากเลยล่ะครับ หากเรา

ปล่อยขยะจากงานเลี้ยงโรงแรมมื้อนั้นไว้สัก๑๐–๑๕ปี ไม่นำาไปทำาลายหรือ

ฝังกลบให้ย่อยสลายตามธรรมชาติโดยเร็ว ขยะเศษอาหารนี้อาจปล่อยก๊าซ

มีเธนได้ถึง ๒๐๐ลูกบาศก์เมตรเลยทีเดียว

ในความจริง แม้ว่าก๊าซมีเธนจะเป็นตัวร้ายในชั้นบรรยากาศ

โลก แต่มันก็มีค่าในเชิงเศรษฐกิจมาก เพราะก๊าซมีเธนสามารถนำาไปผลิต

ก๊าซเชื้อเพลิงLPG ใช้เป็นก๊าซหุงต้ม หรือเชื้อเพลิงสำาหรับรถยนต์ได้ แต่

น่าเสียดายที่ประเทศไทยของเรายังไม่ตื่นตัวในการสกัดก๊าซมีเธนจาก

การสลายขยะสักเท่าไรนัก (ส่วนใหญ่มาจากแหล่งก๊าซธรรมชาติใต้ทะเล)

นอกจากนี้ การย่อยสลายทางธรรมชาติก็ไม่ใช่หนทางเดียวในการกำาจัด

ขยะ เรายังมีกรรมวิธีอื่นๆ เช่นการบดแน่นและเผาในเตาเผาขยะ แต่

กระทำาเช่นนั้นก็ยังคงปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ปริมาณมากอยู่ดี โดย

เฉพาะหากขยะเหล่านั้นไม่ได้ถูกแยกทำาลายอย่างเหมาะสมแล้วถูกเผา

รวมกันไป ขยะพลาสติกหรือขยะพิษต่างๆ ก็จะปล่อยก๊าซพิษอีกมากหาก

ถูกเผาไปพร้อมกัน ยิ่งไปกว่านั้น เตาเผาทำาลายขยะในบ้านเราไม่สามารถ

รองรับปริมาณขยะมหาศาลที่เกิดขึ้นทุกวันได้ทัน ก็ได้แต่วางทิ้งไว้และ

ทยอยทำาลายกันไป ทางหนึ่งที่เราพอช่วยให้การทำาลายขยะเป็นไปได้อย่าง

รวดเร็วและเหมาะสมก็คือแยกขยะก่อนทิ้งนะครับ

ตอนนี้ท่านผู้อ่านคงพอมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างโต๊ะจีนและ

ภาวะโลกร้อนกันแล้ว ความสัมพันธ์กับสังคมนั้นก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรไป

กว่ากันเลย หากยกกรณีเดิมที่มีขยะเศษอาหารจากงานเลี้ยง๕๐๐กิโลกรัม

สมมุติว่าก่อนหน้างานเลี้ยงนั้นเราจัดให้แขกตักอาหารด้วยช้อนกลางทุก

โต๊ะ และเมื่อเลิกงานเราให้พนักงานแยกอาหารที่ยังทานได้ออกจากเศษ

อาหารและขยะอื่นๆ ได้อาหารน้ำาหนัก๓๕๐กิโลกรัม (สมมุติ) แล้วนำา

อาหารเหล่านั้นไปให้สถานสงเคราะห์เด็กกำาพร้า ลองคิดว่าเด็ก๑คนทาน

อาหารหนัก๓๕๐กรัมต่อมื้อ อาหารที่เรามีนั้นเพียงพอสำาหรับการเลี้ยง

สถานสงเคราะห์เด็กกำาพร้า สถานสงเคราะห์สัตว์ หรือมูลนิธิที่คล้ายคลึง

กันขนาด๕๐๐คน (หรือตัว) ได้ฟรีๆ๒มื้อ หรือหากเรานำาอาหารไปแบ่งปัน

แก่คนที่ทำางานหาเช้ากินค่ำา พวกเขาดำารงชีวิตท่ามกลางค่าครองชีพที่

ขณะเดียวกันอาหารเหล่านั้นอาจมีค่าเกินบรรยายสำาหรับหลายชีวิตที่ไม่มีโอกาสได้ทานอาหารให้อิ่มทุกมื้อ

Page 10: NYA~ Journal Vol.2

พุ่งสูงขึ้นตรงข้ามกับรายได้เพียงน้อยนิด การประหยัดค่าอาหารสักมื้อย่อม

ทำาให้เขามีเงินเก็บมากขึ้นและเป็นโอกาสในการมีชีวิตที่ดีขึ้น หรือนำาเป็น

ค่าเล่าเรียนของลูกหลานของเขาได้ เห็นไหมครับว่าอาหารที่เรากินเหลือทิ้ง

นั้น เพียงคนเดียวอาจดูไม่มากและไม่เสียดาย แต่หากหลายคนรวมกันก็

เป็นปริมาณมหาศาล หากทิ้งไปก็มีแต่จะเน่าเสียและก่อให้เกิดเชื้อโรคและ

ก๊าซเรือนกระจก ขณะเดียวกัน อาหารเหล่านั้นอาจมีค่าเกินบรรยายสำาหรับ

หลายชีวิตที่ไม่มีโอกาสได้ทานอาหารให้อิ่มทุกมื้ออย่างที่เราทานกันเป็น

ธรรมดาจนไม่ได้รู้สึกอะไร

ทั้งหมดนี้คือความเกี่ยวพันกันระหว่าง โต๊ะจีน โลกร้อน และสังคม

ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้ด้วยตัวพวกเราเองทั้งนั้นครับ

ครั้งต่อไปที่จะจัดงานเลี้ยง ลองมองหารูปแบบการเลี้ยงอาหารแบบอื่นๆ

เช่น บุฟเฟ่ต์, ค็อกเทล หรือจัดอาหารเลี้ยงเบาๆ ในบรรยากาศกันเอง ซึ่ง

สามารถจัดให้เข้ากับธีมของงานได้ง่ายและยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย

และกะปริมาณอาหารต่อจำานวนแขกได้ง่ายเช่นกัน อาหารที่เหลือก็ไม่เปื้อน

น้ำาลายของผู้อื่นเหมือนโต๊ะจีน ซึ่งก็สามารถเก็บไว้ทานในมื้อถัดไปหรือแบ่ง

ปันแก่แขกผู้เข้าร่วมงานหรือเพื่อนบ้านได้

หรือหากไม่ได้เป็นเจ้าภาพ แต่เป็นแขกที่ไปเข้าร่วมงานเลี้ยง

โต๊ะจีนอย่างเลี่ยงไม่ได้ อย่าอายที่จะพกพาชนะหรือบรรจุภัณฑ์สำาหรับตัก

อาหารที่เหลือกลับบ้าน เพราะเหลือไปอาหารเหล่านั้นก็จะถูกทิ้งอยู่ดีอย่าง

ที่พี่โหลเล่าไว้ข้างต้น ถ้าเราถือไม่อยากทานของเหลือ อย่างน้อยๆก็ยังเอามา

ฝากน้องหมาน้องแมวได้นะครับ

นอกจากนี้แล้ว เราลองมาเปลี่ยนแปลงวิถีการกินของเราให้คุ้มค่า

ยิ่งขึ้น ซื้อทานอาหารแต่พอดีและทานอาหารให้หมด หากเรารู้ตัวว่าเราชอบ

ทานอาหารบุฟเฟ่ต์ประเภทปิ้งย่างหรือชาบูแล้วเหลือเป็นประจำา ลองหัน

มาตักอาหารทีละน้อยแล้วค่อยลุกมาตักเมื่ออาหารหมด(ลุกเดินบ่อยขึ้นก็

ช่วยให้เราได้ออกกำาลังกายไปในตัว) หรือเปลี่ยนมาซื้ออาหารจานเดี่ยวทาน

หลายๆจานให้หนำาใจ รับรองว่ายังไงเราก็อิ่มและใช้เงินน้อยกว่าการทาน

ร้านบุฟเฟ่ต์แน่นอนครับ แถมเงินส่วนต่างที่เราประหยัดได้ยังสามารถนำาไป

ใช้ประโยชน์อื่นๆ หรือบริจาคแก่องค์กรการกุศลได้อีกต่างหาก

ในโอกาสหน้า เราก็จะยังคงไม่ไปไหนไกลกว่าเรื่องของ “การกิน”

พี่โหลจะนำาสาระดีๆ มาเสนอแก่น้องๆ และผู้อ่านทุกท่าน แล้วเราจะได้รู้ว่า

มีหนทางมากมายที่เพียงเราลองเปลี่ยนแปลงตนเองเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็

ช่วยโลกได้มากเลยล่ะครับ สำาหรับคอลัมน์แมวบินประจำาวารสารเนียฉบับนี้

ขอลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ สวัสดีครับ :)

Page 11: NYA~ Journal Vol.2

ถ้าพูดถึงหนังสือการ์ตูน แน่ล่ะ ว่ามันย่อมต้อง

ทำามาจากกระดาษ และถ้าพูดถึงกระดาษ ก็แน่ล่ะว่า

มันเกิดจากการตัดไม้มาทำา กระดาษที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้

ไม่ว่าจะในรูปแบบสมุด หนังสือ หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆอีก

มากมายหลายชนิดเกิดขึ้นมาจากการสังเวยต้นไม้และ

พื้นที่ป่าเป็นล้านๆไร่ไป

พี่กานต์เป็นคนนึงซึ่งชอบอ่านหนังสือการ์ตูน

เอามากๆ วันนี้ ขณะที่พี่นั่งมองกองหนังสือการ์ตูนที่

บ้าน พี่ก็นั่งปวดหัวว่าหนังสือการ์ตูนมากมายขนาดนี้

ถ้าเบื่อที่จะอ่านแล้ว จะทำายังไงกับมันดี จะปล่อยทิ้งไว้

ในห้องเก็บของ ก็จะกลายเป็นขยะดีๆนี่เอง หรือจะนำา

ไปขายของเก่า เพื่อรีไซเคิล ก็ดูโอเคดีเหมือนกัน แต่คิด

ไปคิดมา อยากจะให้ หนังสือการ์ตูนหรือหนังสือเก่าๆ

ของเรากลับมามีประโยชน์อีกครั้ง จึงลองหาไอเดียใน

อินเตอร์เน็ตดู จนมาเจอไอเดียนี้ ...ปลูกต้นไม้โดยใช้

หนังสือการ์ตูนเก่า

ไอเดียนี้ เป็นของ ศิลปินญี่ปุ่นนาม Koshi

Kawachi ซึ่งเขาได้นำาหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นเก่าๆที่ึ้ส่วน

ใหญ่จะหนามากๆ มาใช้ปลูกต้นไม้ โดยอาศัยความชื้น

ของกระดาษหนังสือ ให้ต้นไม้ได้โต ซึ่งตาคนนี้เค้า

ขนานนามวิธีการของตัวเองว่า Manga Farming ถ้า

ใครยังสงสัยว่าจะปลูกได้อย่างไร ดูตามรูปเลยค่ะ พี่

กานต์ชักอยากลองทำาซะแล้ว นอกจากจะเป็นการทำา

ให้ขยะกลับมามีประโยชน์แล้ว ยังได้ปลูกต้นไม้เพิ่ม

ออกซิเจนให้โลก แถมยังน่ารักกุ๊กกิ๊กดีอีกด้วย :3

ปลูกต้นไม้ ..... ในหนังสือการ์ตูน (!?)

Page 12: NYA~ Journal Vol.2

Fly to Learnเรืื่อง; วรกานต์ วินิจชัยมงคล @w_worrakan

ทำ�ในสิ่งที่ชอบ

การทำาและอยู่กับสิ่งที่ชอบเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดที่นำาไปความ

สำาเร็จและความสุขของเราเอง เวลาทำางานก็เหมือนกับเวลาเล่นเพราะเรา

ทำาอะไรที่เราชอบเราก็สนุก ในขณะเดียวกัน การฝืนอยู่กับสิ่งที่เราไม่ชอบ

ก็อาจทำาให้เราทุกข์ไปตลอดเลยก็ได้ ก่อนที่จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม

กิจกรรมต่างๆ เช่น ชุมนุม, เชียร์, กรรมการนักเรียน, กองร้อยพิเศษ, วงโย

ทวาทิต ฯลฯ ควรศึกษาและสอบถามรายละเอียดให้ดีก่อนว่าจะมีกิจกรรม

หรือต้องทำาอะไรบ้าง เพราะสิ่งที่เราเข้าใจกับความเป็นจริงนั้นอาจไม่

เหมือนกันเสมอไป และควรพิจารณาควบคู่ไปด้วยว่ากิจกรรมนั้นๆจะมีผลก

ระทบต่อการเรียนและเวลาส่วนตัวหรือไม่อย่างไรค่ะ

รู้ขอบเขตของตนเอง

กิจกรรมก็เป็นเหมือนดาบสองคม เป็นเหมือนสิ่งเสพติดที่มีฤทธิ์

รุนแรงพอกับการเล่นอินเทอร์เน็ตที่บ้านเลยค่ะ การที่เราทุ่มเทกับสิ่งนี้มาก

เกินไปก็อาจส่งผลกระทบต่อผลการเรียนของเราให้ตกต่ำาลงอย่างน่าตกใจ

หากคิดอยากจะลองทำากิจกรรมแล้ว ก็ควรทำาความรู้จักตนเองให้ดีและ

สร้างขอบเขตของตัวเราเองไว้ ถามตัวเองดูว่าเราจะอนุญาตให้กิจกรรมเป็น

ส่วนหนึ่งของชีวิตเรามากแค่ไหน แค่ครั้งเดียวพอเป็นประสบการณ์? ทำา

ประจำาแต่ไม่ใช่งานหลัก? หรือจะอยู่กับกิจกรรมกันแบบถาวรกันไปเลย?

เพื่อรู้ว่าเราควรให้เวลา แรงกายและแรงใจแก่สิ่งนี้มากแค่ไหน จะได้ไม่ทำา

อะไรเกินตัวแล้วเป็นผลเสียแก่ตนเอง ขณะเดียวกัน หากเลือกได้ก็ควรเลือก

กิจกรรมที่เหมาะสมกับขอบเขตของเราเองด้วย เพราะกิจกรรมบางอย่าง

มองเผินๆ อาจไม่มีอะไรมาก แต่เอาเข้าจริงเหมือนต้องเอาชีวิตเราเข้าแลก

กับงานไปเลยก็มีนะคะ

แบ่งเวล�ให้เป็น

เรามีอาชีพ บทบาทหน้าที่เป็นนักเรียน ไม่ใช่นักกิจกรรม แม้การ

จัดสรรเวลาของเราให้เหมาะสมเหมือนจะเป็นเรื่องที่เราได้ยินมาบ่อย ใครๆ

ก็แนะนำามาเช่นนี้ แต่ทว่าหากใครเป็นเด็กกิจกรรมจะรู้เลยว่าเป็นสิ่งที่ทำาที่

ทำาได้ยากมาก เพราะหลายงานเป็นเรื่องคอขาดบาดตายชนิดว่าละเลยไม่

ได้แม้แต่น้อย ถึงจะตั้งมั่นสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ให้รบกวนการเรียน แต่

ก็ต้องขาดเรียนเพื่อมาจากงานการให้เสร็จให้ได้ การแบ่งเวลาให้ดีจึงเป็น

เรื่องที่ชี้เป็นชี้ตายความอยู่รอดของผลการเรียนของเราเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่

เพียงที่โรงเรียนเท่านั้นนะคะ เวลาอยู่ที่บ้านแล้วเราก็ควรจะบริหารเวลาที่มี

จำากัดของเราให้เกิดประโยชน์ ขอแนะนำาว่าให้ลองทำาตารางเวลาประจำาวัน

ของเราดู เช่น ตื่นเช้าไปเรียนตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมง แล้วจะอยู่โรงเรียนเพื่อทำา

กิจกรรมต่อถึงกี่โมง และกลับบ้านไม่เกินกี่โมง จะใช้เวลาพักผ่อนนานเท่าไร

ใช้เวลาทบทวนบทเรียนและทำาการบ้านกี่ชั่วโมง แล้วพยายามทำาตามให้ได้

จนเป็นกิจวัตร หากสัปดาห์ไหนมีกิจกรรมใหญ่ที่กินเวลานอกเวลาเรียนมาก

เป็นพิเศษก็ควรจัดสรรเวลาที่เหลือว่างอยู่ให้ดีว่าควรทำาอย่างไรให้การบ้าน

ก็เสร็จ และได้พักผ่อนให้หายเหนื่อยและหายเครียดด้วย

เข้�เรียนทุกค�บที่เข้�ได้

หากชีวิตเราพัวพันกับกิจกรรมแล้ว อาจจะต้องมีการเตรียมการ

สำาหรับงานใหญ่ที่จำาเป็นต้องเอาเวลาเรียนมาให้กับงานส่วนนี้ ทันทีที่งาน

นั้นเสร็จสิ้นลง เราก็ควรจะเข้าเรียนให้ครบและติดตามเนื้อหาให้ทันเพื่อน

อย่าเคยตัวกับการขาดเรียนเด็ดขาดเลยนะคะ พยายามเตือนตัวเองอยู่

เสมอว่าเรามีโอกาสเข้าเรียนไม่มากเท่าคนอื่น ดังนั้นเมื่อมีเวลาก็ต้องเรียน

ให้เต็มที่ การทำากิจกรรมไม่ทำาให้ผลการเรียนตกต่ำา แต่การทำากิจกรรมอาจ

เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเรียนของเราให้หย่อนยานหรือเฉื่อยชาลง เมื่อ

นั้นแหละค่ะที่เป็นอันตรายต่อคะแนนเก็บหรือเกรดตอนสิ้นเทอมแน่

จะห�ยไปไหน อย่�ลืมบอกอ�จ�รย์

เมื่อไรก็ตามที่เราจะขาดเรียนไปทำางานกิจกรรม ควรแจ้งอาจารย์

ให้ทราบล่วงหน้า หรือถ้าเป็นงานที่ปัจจุบันทันด่วนก็ควรฝากเพื่อนบอก

อาจารย์ในคาบ หรือรีบมาบอกย้อนหลังเมื่อมีเวลาก็ยังดี ที่ห้องงาน

ทะเบียนวัดผลมีแบบฟอร์มขอเวลาเรียนซึ่งเราสามารถนำามาใช้ได้โดยให้

อาจารย์ที่ควบคุมดูแลเราขณะทำากิจกรรมลงชื่อรับรองให้ จะได้เป็นหลัก

“....โรงเรียนสวนกุหล�บวิทย�ลัย นนทบุรี ล้ำ�เลิศด้�นวิช�ก�ร...”

เมื่อไรที่เราเห็นสโลแกนนี้ตามนิทรรศการของโรงเรียนเวลาไปออกงานหรือมีใครมาชมผลงาน

ที่โรงเรียน หลายคนคงนึกขำาในใจแล้วคิดว่า “วิชาการที่ไหนล่ะ โรงเรียนของเราล้ำาเลิศด้าน

กิจกรรมซะมากกว่า” คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหากโรงเรียนของเราจะถูกขนานนามว่าเป็นโรงเรียนแห่งกิจกรรม ไม่ใช่เพียงเพราะทุกเดือนต่างก็มีทั้งกิจกรรมในวัน

สำาคัญ หรือจะมีอีเว้นท์พิเศษที่ไม่นักเรียนจัดเองก็เป็นคนจากนอกโรงเรียนเข้ามาจัดให้ โรงเรียนของเรายังมีทางเลือกมากมายให้นักเรียนได้ฝึกฝนลงมือ

ปฏิบัติ หาประสบการณ์เป็นการเรียนรู้ภายนอกห้องเรียน ไม่ว่าจะรุ่นพี่หรืออาจารย์ก็สนับสนุนอยากให้นักเรียนได้ทำากิจกรรม เพราะประโยชน์ที่ได้

นั้นมีสารพัด โรงเรียนก็ได้ผลงานที่เกิดขึ้นจากความสามารถของนักเรียน ตัวนักเรียนเองก็ได้ทั้งการเรียนรู้ในอีกรูปแบบหนึ่ง, ประสบการณ์, ได้เพื่อนใหม่

และที่สำาคัญที่สุด กิจกรรมของโรงเรียนเป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิตวัยมัธยมของเราให้มีสีสันและคุ้มค่าที่สุดก็ว่าได้นะคะ ในคอลัมน์ Fly to Learn ของวารสาร

เนียฉบับนี้ พี่กานต์ขอนำาเสนอหลักการใช้ชีวิตการเรียนควบคู่กับกิจกรรมให้ได้ดีทั้งคู่ค่ะ

Page 13: NYA~ Journal Vol.2

ฐานว่าเราขาดเรียนเพื่อทำากิจกรรมอันเป็นประโยชน์แก่โรงเรียน ไม่ใช่โดด

เรียนด้วยเหตุผลส่วนตัวค่ะ เพราะเราไม่รู้ว่าในอนาคตเราจะมีเหตุอะไรที่

ทำาให้ต้องขาดเรียนจริงๆ อาจารย์ประจำาวิชาจะได้ไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะ

ไม่ตัดคะแนนเข้าเรียนจากที่เดิมก็เข้าเรียนไม่ค่อยครบอยู่แล้ว การแจ้งและ

อธิบายให้อาจารย์ทราบเป็นสิ่งสำาคัญจริงๆค่ะ

นอกจากนี้แล้ว หากเรารู้ว่ามีอาจารย์ท่านใดที่เคร่งครัดหรือไม่รับ

ฟังเหตุผลความจำาเป็นของนักเรียนที่ขาดเรียนไปทำากิจกรรมและเช็คขาด

ทุกครั้งที่เราไม่อยู่ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจโดดเรียน ควรจะตกลงกับเพื่อนๆ ว่า

คาบนี้ไม่เข้าไม่ได้ ต่อให้ขาดเรียนเพื่อทำางานทั้งวัน แต่ถ้ามีคาบของอาจารย์

ท่านนี้ยังไงก็ต้องไปเรียน ทางเลือกนี้อาจเป็นผลดีกว่าการทำาให้อาจารย์ที่มี

ทัศนคติที่ไม่ดีต่อเด็กกิจกรรมยิ่งเข้าใจอะไรผิดไปกว่าเดิมอีกนะคะ

เรียนพิเศษเท่�ที่จำ�เป็น

หากเราต้องปันเวลาหลักเลิกเรียนส่วนหนึ่งไปกับกิจกรรมแล้ว

หากเรายังคงเลือกเรียนพิเศษหรือกวดวิชาแบบเต็มอัตรายิ่งทำาให้เวลาพัก

ผ่อนของเราน้อยลงไปทุกทีจนได้หลับนอนไม่เพียงพอและเรียนในคาบ

เรียนไม่รู้เรื่อง หรือบางครั้งหากเราเอาแต่เรียนพิเศษจนไม่ค่อยใส่ใจกับ

งานกิจกรรม อาจเป็นการเพิ่มภาระแก่เพื่อนๆ ที่เหลือที่ทำางานอยู่อย่างไม่

ยุติธรรมสักเท่าไรนัก เราควรเลือกเรียนพิเศษเสริมเฉพาะวิชาที่เราคิดว่าเรา

เรียนอ่อนเท่านั้น และลงเวลาเรียนที่เหมาะสม (คำานึงเวลาเดินทางไป–กลับ

ถึงบ้านด้วย) สำาหรับวิชาอื่นๆที่เรารู้ตัวเองดีว่าทำาได้ก็ใช้วิธีตั้งใจเรียนในห้อง

ให้เต็มที่ เท่านั้นก็เพียงพอที่จะทำาคะแนนสอบให้ได้ดีๆ และได้เกรดที่น่า

พึงพอใจออกมาแล้ว และใช้เวลาว่างที่เหลืออยู่บ้านพักผ่อน ทำากิจกรรมกับ

ครอบครัว และนอนให้เต็มที่ เพราะว่าการพักผ่อนก็สำาคัญไม่น้อยไปกว่า

การเรียนเลยล่ะค่ะ

อย่�เอ�แต่ลอกก�รบ้�น

ยามเร่งด่วนเราก็จำาเป็นต้องลอกการบ้านเพื่อให้มีงานส่งอาจารย์

ตามกำาหนดไม่ให้เสียคะแนนและไม่ต้องยุ่งยากมาตามส่งทีหลัง แต่หากเป็น

เวลาที่เราไม่ได้มีหน้าที่มีงานกิจกรรมอะไรก็ควรเปิดสมุดจับปากกาลองทำา

เองนะคะ เราจะได้ฝึกคิดฝึกทำาความเข้าใจด้วยตัวเอง และเสริมพื้นฐานของ

เราให้พร้อมสำาหรับการเรียนในคาบครั้งต่อไป เวลาเราขาดเรียนหรือต้อง

ตามงานค้างก็จะช่วยให้เราทันเพื่อนๆ เร็วขึ้นไงล่ะคะ

เตือนตัวเอง

เมื่อใดที่เราทุ่มเทกับกิจกรรมไปมากๆ และเรียนอย่างหักโหมจน

รู้สึกเหนื่อย เครียด ท้อแท้ หรือถึงขั้นถามตัวเองว่า “เราทำาไปเพื่ออะไร? ”

เมื่อนั้นเป็นสัญญาณว่าเราอาจจะก้าวล้ำาขอบเขตของเราก็ได้ อย่าปล่อยให้

ตัวเองเครียดจนถึงขั้นถอนตัวจากกิจกรรมที่เรารักหนักหนา หรือสไตรค์การ

เรียนจนเสียทุกอย่างไปหมด ลองหยุดพักสักนิด บอกเพื่อนๆ ว่าเราขอเวลา

ให้ตัวเองหน่อย ทำาใจให้สบาย ทบทวนว่าเราทำาอะไรมากเกินความพอดีไป

หรือเปล่า แล้วลองจัดตารางชีวิตของเราใหม่สักครั้ง ไปพักผ่อน เดินห้างดู

ภาพยนตร์หรือทำาอะไรที่เราชอบให้ใจเราสบาย หยุดพักชาร์จแบตให้ตัวเอง

แล้วเดินต่อไปดีกว่าฝืนเกินกำาลังแล้วพลาดเป้าหมายของเราไปค่ะ

เวล�พัก พัก

สิ้นสุดสัปดาห์ที่เราเหน็ดเหนื่อยกับการเรียนและกิจกรรม วันเสาร์

อาทิตย์เป็นโอกาสทองที่เราจะได้ฟื้นตัวให้ได้เต็มที่ หลายคนคงประสบเรื่อง

ทำานองว่า มีอะไรมากมายให้ทำาเต็มไปหมด พอทำามันทั้งหมดทั้งวันเสาร์วัน

อาทิตย์ คืนวันอาทิตย์เราก็จะนอนบนเตียงนึกเสียดายว่า เฮ้อ พรุ่งนี้จะวัน

จันทร์อีกแล้ว เรายังไม่ได้พักอะไรเลย พี่กานต์ขอแนะนำาว่า ถ้าน้องๆ ชอบ

ออกไปเที่ยวนอกบ้าน มีเรียนพิเศษ ทำาการบ้าน หรือชอบทำาอะไรที่ใช้แรง

ใช้เวลาล่ะก็ จัดมันให้หมดในวันเสาร์เลยค่ะ แล้วปล่อยวันอาทิตย์ของเรา

ให้ว่างไว้เต็มๆ วันหรือครึ่งวันก็ได้ ปรับตัวเราให้อยู่ในโหมด “ว่างจนไม่มี

อะไรทำา” นั่งเล่น นอนเล่น เปิดทีวีไปเรื่อย หยิบการ์ตูนเก่าๆมาอ่าน ให้เรา

รู้สึกว่าเราได้อยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำาอะไร ให้เรารู้สึกว่าสุดสัปดาห์นี้เราได้พักแล้ว

และจะได้ไม่ต้องเสียดายอะไรอีก นอนให้เต็มที่แล้วเตรียมตัวพบกับสัปดาห์

แสนสุขในวันใหม่นะคะ

ทั้งหมดนี้คือแนวทางที่พี่กานต์และเพื่อนๆ ที่เป็นเด็กกิจกรรมช่วยกันคิดขึ้นมา จริงๆ แล้ววิธีเรียนให้ดี กิจกรรมให้เด่นนั้นมีอีกมากมาย

แต่สิ่งที่พี่กานต์อยากเน้นมากที่สุดคือ “ความเหมาะสม” กับตัวเราเอง หากน้องๆ รู้แล้วว่าสิ่งใดเหมาะกับเราที่สุด การทุ่มเทมากแค่ไหนจึงจะไม่เกินตัว

เราเกินไป จัดการตัวเองอย่างไรถึงจะดี ไม่ว่าจะการเรียน กิจกรรม และการพักผ่อน น้องๆ ก็จะสามารถทำาให้ดีทั้งหมดในเวลาเดียวกันได้ แล้วชีวิตวัย

มัธยมของเราก็จะแสนสุข สนุก และคุ้มค่า มีแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้นเลยล่ะค่ะ

Page 14: NYA~ Journal Vol.2

ลุยสวนเรืื่อง/ภาพ ; ชลากร สถิวัสส์ @scjade

Page 15: NYA~ Journal Vol.2
Page 16: NYA~ Journal Vol.2

ไหนจะมีศาลาพักผ่อนที่ไม่ได้รับการบูรณะจนเสื่อมโทรมไม่

น่าดู สวนเสริมปัญญา ไม่ใช่สถานที่ในดวงใจของใครหลาย

คนอีกต่อไป ใครที่เคยเห็นสวนเสริมปัญหาในสมัยก่อน ครั้ง

ที่ยังเป็นสวนสวยอยู่ ก็คงอดใจหายไม่ได้หากมาเป็นความ

เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสวนเสริมปัญญาในปัจจุบันนี้

ห้องสมุด “ สวนเสริมปัญญา ” ประสบวิกฤติการณ์

ครั้งใหญ่ที่สุดเมื่อต้นปี พ.ศ.๒๕๕๔ นี้เอง ที่สวนเสริมปัญญา

เกือบถูก “ ทุบทิ้ง ” อย่างไร้เยื่อใยเพื่อก่อสร้างอาคารเรียนหลัง

ใหม่ แม้ว่าจะเป็นโชคดีในความโชคร้ายที่โครงการก่อสร้าง

ดังกล่าวถูกระงับไปเนื่องด้วยเหตุผลทางงบประมาณ แต่นี่

คือเหตุการณ์ที่ทำาให้พวกเรานักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย

นนทบุรีต้องนำามาคิด เหตุผลใดกันที่ทำาให้สวนเสริมปัญญา

ถูกมองข้าม ทำาไมสวนเสริมปัญญาถึงหมดความสำาคัญ

สำาหรับใครบางคน หรือใครหลาย ๆ คน

สถานที่อันทรงเกียรติที่สมเด็จพระเทพ ฯ ทรงเปิด

และทรงชื่นชม...สถานที่ที่อยู่คู่กับโรงเรียนของเรามาช้านาน...

สถานที่ที่อยู่ในดวงใจของนักเรียนรุ่นเก่าก่อน ถูกทุบทิ้งเพราะ

เหตุผลว่าการก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่เป็นเรื่องจำาเป็นกว่า

หรือเพราะเราไม่ให้ความสนใจสวนเสริมปัญญา ไม่ช่วยดูแล

รักษา ไม่ช่วยกันบำารุงสวนเสริมปัญญาจนเสื่อมโทรมขนาด

นี้ และเป็นที่ที่ถูกมองข้าม เป็นที่ที่ถูกละเลยในเหตุผลว่า “

ทำาไมต้องเก็บเอาไว้อยู่ ” และถูกแทนที่ด้วยอาคารหลังใหม่

อันจะทำาให้ “ พื้นที่สีเขียว ” ที่ใหญ่ที่สุดของโรงเรียนของเรา

อันตรธานไป

ช่วยกันดูแลเถอะครับ สวนเสริมปัญญาแห่งนี้ เพราะ

ที่นี่คือสมบัติอันล้ำาค่า คือมนต์ขลังเก่าแก่ของโรงเรียนเราที่

เหลือรอดอยู่เพียงน้อยนิด ช่วยกันรักษาสวนเสริมปัญญาให้

เป็นสวนสวยอยู่คู่โรงเรียน และจิตวิญญาณของพวกเราตลอด

ไปนะครับ

สวนเสริมปัญญาพฤกษานานาพันธ ุ์

สวนเสริมปัญญาเกือบถูก “ ทุบท้ิง ” อย่างไร้เย่ือใยเพ่ือก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่

Page 17: NYA~ Journal Vol.2

จากซ้าย

1. ซุ้มไม้เลื้อย ทางเข้าสวนเสริมปัญญา

2. ป้ายสวนเสริมปัญญา

3. ทางเข้า-ออก สู่สวนเสริมปัญญาจากห้องสมุด

(ปัจจุบันถูกปิดไม่ให้ใช้)

4. โรงเรือนสำาหรับเก็บอุปกรณ์ทำาความสะอาด

5. แนวโต๊ะไม้รูปเกวียน

6. ห้องศูนย์เกษตรกรรม

7. ศาลาเรือนไม้กลางนำา

8. แนวม้านั่งหินอ่อน

อ้างอิง :

-ไม่ระบุผู้แต่ง. โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี. [ ออนไลน์ ] เข้าถึงได้จาก : http://th.wikipedia.org/wiki/

โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย_นนทบุรี ( วันที่สืบค้นข้อมูล ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ )

-ไม่ระบุผู้แต่ง. ประวัติโรงเรียน. [ ออนไลน์ ] เข้าถึงได้จาก : http://www.skn.ac.th/obec/index.

php?mod=blog&path=web/blog&id_sub_menu=36&namemenu=ประวัติโรงเรียน ( วันที่สืบค้นข้อมูล ๙ กรกฎาคม

๒๕๕๔ )

สวนเสริมปัญญาพฤกษานานาพันธุ์

เราเคยนัดพบกันสร้างสรรค์ทบทวนวิชา

สวนเสริมบัณฑิตความคิดภูมิปัญญา

ทบทวนทุกวิชาในสวนปัญญาคอยย้ำาพร่ำาเตือน

สายธารยังคงเอื่อยไหล

ฝูงปลาเวียนไปเหมือนคอยเรากลับมาเยือน

กลางลานเขียวขจีมีน้องและเพื่อนสีชมพูฟ้า

พันทัพแย้มคราใดเตือนไว้ใกล้เข้ามา

รวมพลังรวมปัญญาที่อาคารสิรินธราลัยเพลง สวนเสริมปัญญา

Page 18: NYA~ Journal Vol.2

Main Courseบทสัมภาษณ์ ; วรกานต์ วินิจชัยมงคล @w_worrakan

Page 19: NYA~ Journal Vol.2
Page 20: NYA~ Journal Vol.2
Page 21: NYA~ Journal Vol.2
Page 22: NYA~ Journal Vol.2
Page 23: NYA~ Journal Vol.2

I T(RY)เรืื่อง; ชลากร สถิวัสส์ @scjade

โรงเรียนของเรา จากฟากฟ้า ด้วยฟังก์ชันใหม่ของโปรแกรม Google Earth โปรแกรมภาพถ่ายจากดาวเทียมยอดนิยมทั่วโลก ช่วยให้เราสามารถย้อนอดีตไปดูสภาพ

บ้านเมืองของเราในยุคต่าง ๆ ที่ดาวเทียมฮับเบิ้ลนั้นเคยบันทึกภาพไว้ แน่นอนว่าที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี บ้านหลังที่ ๒ อันเป็นที่รัก

ของพวกเราทุกคนก็มีภาพในอดีตให้ได้เห็น แม้ว่าโรงเรียนของเราจะไม่ได้อยู่ในใจกลางเมืองหลวง หรือตั้งอยู่ในประเทศแถบอเมริกาหรือยุโรปซึ่งทาง

Google Earth นั้นคอยบันทึกภาพบ่อย ๆ จึงมีภาพให้เราได้ชมตั้งแต่สมัย ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ – ๒๕๕๒ เท่านั้น แต่แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เมื่อ

เทียบกับความเป็นมาอันยาวนานของโรงเรียนเรา แต่ภาพเหล่านี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงมากมายที่ของบ้านของเรานะครับ

ภ�พที่ ๑ – ถ่�ยเมื่อวันที่ ๓ มิถุน�ยน ๒๕๔๗

แม้ภาพนี้จะยังไม่เก่ามากนัก แต่ก็มีสิ่งที่แตกต่าง

จากปัจจุบันมากมาย อย่างแรกก็คืออาคารหลังคาสีน้ำาตาล

ที่มุมซ้ายบนของภาพ เหนือสนามฟุตบอล ที่ชื่อ “ อาคาร

ทศวรรษ ” ซึ่งเป็นเหมือนอาคารกิจกรรมของคณะนักเรียน

กลุ่มต่าง ๆ ซึ่งน้อง ๆ รุ่น ๓๐ เป็นต้นมาคงจะไม่ค่อยรู้จัก

แล้ว เพราะอาคารแห่งนี้ถูกทุบลงเพื่อสร้างอาคาร ๙ มา

แทนที่ครับ

ที่กลางโรงเรียนก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คงเตะตาหลาย

ๆ คน นั่นคือลานอเนกประสงค์ที่ยังไม่มีหลังคา แน่นอน

ว่าตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนมาจนถึงรุ่น ๒๙ นักเรียนทุกคนก็จะ

ได้เข้าแถวเคารพธงชาติและปฏิบัติกิจกรรมยามเช้ากลางแจ้งทุก ๆ วันเลยครับ

และที่ด้านขวาสุดบริเวณสระน้ำาพุหลังโรงเรียน ที่เป็นโครงสร้างที่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง นั่นเป็นสระว่ายน้ำาของโรงเรียนที่อยู่ในช่วงก่อสร้างอยู่

นั่นเอง

Page 24: NYA~ Journal Vol.2

ภาพที่ ๒ – ถ่ายเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๔๗

ตอนนี้อาคารสระไหว้น้ำาสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว เห็นมั้ยครับ

( ภาพที่ถ่ายในปี พ.ศ.๒๕๔๘ ไม่ชัดเจนเนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำานวยแก่การบันทึก

ภาพถ่ายทางดาวเทียม ภาพนี้ไม่มีความแตกต่างเท่าไรนักจากรูปถัดมา แต่ถ้าใครอยากเห็นก็

ลองเปิดในโปรแกรมกูเกิ้ลเอิร์ธได้ครับ )

ภาพที่ ๓ – ถ่ายเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษจิกายน ๒๕๕๑

สิ่งที่เพิ่มเติมมาจากภาพที่แล้วอย่างชัดเจนคือ

อัฒจรรย์ และหลังคาโดมของลานอเนกประสงค์ และ

ยังมีอาคาร ๙ ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างแทนที่อาคาร

ทศวรรษ สังเกตไหมครับว่าพื้นที่สีเขียวซึ่งเป็นบรรดา

ต้นไม้ที่ให้ความร่มรื่นแก่พวกเรานั้นบางตาไปอย่างน่า

ตกใจ

ภาพที่ ๔ – ถ่ายเมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๓

ในภาพนี้อาคาร ๙ นั้นได้ก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว

และมีสะพานเชื่อมระหว่างอาคาร สธ.๒ และอาคาร ๙

เพิ่มขึ้นมา มีการเปลี่ยนสีหลังคาหอประชุมสิรินธราลัยและอาคาร สธ.๕ ( อาคารงานช่าง ) กันเล็กน้อย นอกจากนี้ก็มีอาคารพาณิชย์ปรากฎขึ้นที่หน้าโรงเรียนด้วย และยังมีอาคารที่ยังอยู่ในระหว่างการ

ก่อสร้างอีกต่างหาก

ภาพที่ ๕ – ถ่ายเมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๓

นี่เป็นภาพล่าสุดของโรงเรียนเราในโปรแกรมกูเกิ้ลเอิร์ธ เพียง

ระยะเวลาสั้น ๆ ในช่วงปิดเทอม นับตั้งแต่ภาพที่แล้ว โรงเรียนของเรา

มีการปรับปรุงทัศนียภาพต่าง ๆ มากมาย ซึ่งในภาพเราก็สามารถสังเกต

เห็นหลังคากันสาดบริเวณหน้าอาคารสธ. ๑ และริมสนามฟุตบอล ที่หน้า

อาคารสธ. ๒ ก็มีการต่อเติมอยู่เช่นกัน มีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายจน

กลายเป็นโรงเรียนที่เราใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันนี้

เห็นไหมครับว่าภาพเหล่านี้แสดงให้เราเห็นว่าโรงเรียนเรามี

การเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน แม้ว่าโรงเรียนของเราจะมีการพัฒนา

สิ่งอำานวยความสะดวกมากขึ้น มีอาคารเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่สำาคัญที่อยาก

จะเน้นย้ำาที่ทุก ๆ คนจำาไว้คือ ไม่ว่าบ้านของเราจะมีการเปลี่ยนแปลงไป

มากเพียงใด ก็ขอให้เราคงไว้ซึ่งความเป็นชาวสวนกุหลาบ และความเป็น

นักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรีแห่งนี้โดยไม่เปลี่ยนแปลงนะ

ครับ ขอให้รักและดูแลบ้านของเราไว้ตลอดไปครับ

นอกจากนี้ท่านผู้อ่านยังสามารถลองใช้โหมดภาพย้อน

ประวัติศาสตร์กับสถานที่อื่น ๆ บนโลกได้ในโปรแกรมกูเกิ้ลเอิร์ธ และยัง

สามารถค้นหาสถานที่มหัศจรรย์โดยเริ่มต้นจากการค้นหาในเว็บกูเกิ้ลว่า “

ภาพแปลก ๆ จาก Google Earth ” ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านจะต้องทึ่งและ

ประหลาดใจเมื่อได้เห็นว่ามีที่แบบนี้บนโลกของเราด้วยอย่างแน่นอนครับ

Page 25: NYA~ Journal Vol.2

ณ ปัจจุบันขณะเรืื่อง; ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ @Nicht_R

1. ในโลคยุคนี้ ปัจจัยที่เคยมีแค่ 4 ปัจจุบันอาจจะไม่พอ ปัจจัยที่5ที่

ผมคิดเอาเองก็คือ การสื่อสาร ปฏิเสธไม่ได้ว่าการสื่อารเป็นเรื่องที่จำาเป็น

มาก ไม่ว่าจะจากคนต่อคนหรือจากคนสู่มวลชน และการสื่อสารมีผลกระ

ทบใหญ่หลวงขึ้น ดังที่เราเห็นได้จากข่าวการคุกคามโดยสื่อ การใช้สื่อประช

ชาสัมพันธ์เพื่อโจมตีกันทางการเมือง การสื่อสาร เป็นปัจจัยดำารงชีวิตไปแล้ว

จริงๆ

2.

ข้อพิสูจน์ที่ว่า นี่คือสิ่งที่เป็นปัจจัยที่5ก็คือการที่คุณสามารถ

พบเห็นเด็กวัยรุ่นยันวัยทำางาน (ปัจจุบันเห็นเด็กประถมด้วยแล้ว) เดินก้ม

หน้าก้มตาคุยกับกล่องสีเหลี่ยมขอบมน เล็กบ้างใหญ่บ้างหลากสีสัน เดินก้ม

หน้างุดๆ กดปุ่มตะแด๊งๆ ใช้ชีวิตอยู่กับโทรศัพท์มือถือหลากยี่ห้อ ช่วงนี้ก็หนี

ไม่พ้น ไอโฟน บีบี และบรรดามือถือในเครือที่ใช้ระบบแอนดรอยด์

3.

สมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่อง .. แม้ว่าจะมีคนเถียงว่ามันถูกลงแล้วนะ

ราคามันตกแล้วนะ ผมก็ว่ามันยังแพงอยู่ดี เงินหนึ่งหมื่นสำาหรับโทรศัพท์มือ

ถือนี่ ผมเคยลองคำานวณดูว่าต้องเก็บยังไงให้ได้ถึง สมัยมัธยมผมได้เงินไป

โรงเรียนวันละ 60 บาท สมมุติว่าผมไม่กินข้าวกินน้ำาเลย ผมก็จะมีเงินเก็บ

สัปดาห์ละ 300 เดือนละ 1200 เก็บ 10 เดือนก็ได้หมื่นกว่าๆพอดี แต่นั่น

หมายถึงผมต้องไม่กินข้าวกินน้ำา10เดือนเต็มๆนะ

4.

ด้วยราคาที่แพง และผมไม่รู้ว่าเด็กวัยรุ่นพวกนี้ไปซื้อมาได้ยังไงกัน

แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะละลาบละล้วงพวกเขาในเรื่องนี้ บางทีพ่อเขาอาจจะนาม

สกุลชินแว๊ตร หรือนามสกุล ณ ปากเกร็ด ก็ได้ และอาจจะเป็นบ้านผมที่ยาก

จนเองเลยไม่มีปัญญาซื้อมาใช้

5.

เราเลิกคุยกันเรื่องเงินดีกว่า ยิ่งคุยผมก็ยิ่งดูจน ที่ผมไม่ค่อยพอใจ

พฤติกรรมการใช้ไอ้เจ้าพวกนี้เท่าไหร่ก็คือ เวลาผมอยู่บ้าน บรรดารุ่นน้อง

ที่ยังเรียนอยู่โรงเรียนมัธยม มักจะทวีตขึ้นมาในเวลาเรียน อัพเดทสเตตัสเฟ

ซบุ๊คมั่งอะไรมั่ง เฮ่ย เวลาเรียนนะเว่ย พ่อแม่เสียเงินซื้อมือถือให้ก็แล้ว เสีย

ตังให้มาเรียนก็แล้ว แต่แกเอาเวลาเรียนที่พ่อแม่เสียเงินมา มานั่งเล่นมือถือ

เนี่ยนะ แล้วพอเรียนไม่เข้าใจ พ่อแม่ก็ต้องเสียตังส่งพวกแกไปเรียนพิเศษอีก

และสมมุติไปเรียนพิเศษแกยังทำานิสัยอย่างนี้อีก วันนึงพ่อแม่พวกแกอาจจะ

ต้องเสียตังมากกว่านี้ตอนที่แกไม่มีปัญญาเข้ามหาลัยนะ

6.

เมื่อกี๊ผมฮาร์ดคอร์เกินไป ขอโทษที แต่ผมเริ่มเอือมกับพฤติกรรม

จะไปไหนต้องทวีตก่อน ก่อนกินข้าวตองถ่ายรูปแล้วทวีต ไปถึงไหนต้องเช็ค

อิน เช็คแม่งหมด ประตูรั้ว ส้วม ซอกตู้ ป้ายรถเมล์แย่งกันจะเป็นจะตย ตำา

แหน่งเมเยอร์เนี่ย เป็นไปก็ไม่เห็นได้อะไรขึ้นมา วัยรุ่นสมัยนี้นี่ตลกดี

7.

ผมเริ่มนั่งคิดว่าประโยชน์ของบรรดามือถือนี่คืออะไร และก็พบว่า

ปรธโยชน์ของมันมีแค่ 2 อย่าง คือ 1. มันทำาให้คนที่อยู่ไกล ได้ใกล้กัน เรา

สามารถพูดคุยกับเพื่อนเราที่อยู่ห่างกันเกินครึ่งโลกได้แล้วในปัจจุบัน กับอีก

ข้อคือ 2. มันทำาให้คนที่อยู่ใกล้กัน ยิ่งไกลกันออกไป ผมเคยมีเพื่อนผู้หญิงที่

คุยแต่กับตัวอะไรไม่รู้ในกล่อง ทั้งๆที่ผมก็นั่งอยู่ข้างๆมัน แถมคุยสนุกกว่าไอ้

ตัวนั้นอีกนะผมว่า

8.

ผมเคยฟันธงไปว่า มันคือของที่ไม่จำาเป็น แต่เพื่อนผมคนนึงก็ติงไว้

ว่า ของที่ไม่จำาเป็นสำาหรับเรา ไม่ได้แปลว่าของชิ้นนั้นไม่จำาเป็นนะ ทำาให้ผม

ต้องกลับไปปรับกระบวนการคิดของผมใหม่ และวันนี้ผมได้ข้อสรุปแล้วว่า

“สมาร์ทโฟน ไม่ใช่ของที่ไม่จำาเป็น สิ่งที่ไม่จำาเป็นจริงๆแล้วก็คือ พฤติกรรม

การใช้เครื่องมือสื่อสารอย่างบ้าคลั่งไม่รู้กาลเทศะต่างหาก“

9.

ขอบคุณครับ สวัสดี

สิ่งของจำาเป็น

Page 26: NYA~ Journal Vol.2

โรงเล่าเรืื่อง; ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ @Nicht_R

ภาพยนตร์เรื่อง ตำานานสมเด็จพระเนรศวรมหาราช ภาค 4 ซึ่ง

เป็นภาคสุดท้ายของมหากาพย์ภาพยนต์อันยิ่งใหญ่ของประเทศไทยกำาลัง

จะเข้าฉายในโณงภาพยนตร์แล้วเร็วๆนี้ วันนี้พี่นาวจึงขออินไปกับกระแส

สักเล็กน้อย ด้วยการเอาเกร็ดประวัติศาสตร์ ในสมัยพระนเรศวรฯ ซึ่งไม่ถูก

บันทึกอยู่ในพงศวดารของไทย แต่ชาวต่างชาติอย่างนาย เยเรเมียส ฟาน ฟ

ลีต หรือที่คนไทยเรียกว่า “วัน วลิต“ ได้บันทึกเอาไว้ จึงนำามาให้น้องๆได้

อ่านศึกษากัน

ด้วยความเคารพต่อดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระนเรศวร

บทความนี้เพียงต้องการสื่อในเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ซึ่งมีผู้บันทึกไว้

มิได้มีเจตนาลบหลู่ดูหมิ่นพระเกียรติยศแต่ประการใด

หลังจากที่พระเจ้าแผ่นดินองค์ก่อน เสด็จสวรรคตแล้ว บรรดา

ขุนนางกราบทูลวิงวอนให้พระนเรศทรงรับราชสมบัติเสด็จผ่านพิภพ พวก

ขุนนางกราบทูลถวายความเห็นว่า นอกจากจะทรงบำาเพ็ญพระราชกิจไว้

มากหลายแล้ว พระองค์ยังทรงเป็นพระราชโอรสองค์ใหญ่ในรัชกาลของ

สมเด็จพระราชบิดา และทรงดำารงตำาแหน่งฝ่ายหน้าหรือพระราชโอรส

ลำาดับต้น และเป็นองค์รัชทายาทที่ชิดราชบัลลังก์ที่สุด แต่พระนเรศไม่มี

พระราชประสงค์จะเสวยราชสมบัติ จึงตรัสขึ้นว่าพระองค์ทรงแปดเปื้อน

โลหิตมามากคงจะต้องปกครองกันอย่างเข้มงวด เด็ดขาด

ดังนั้นจึงมีพระราชประสงค์ให้พระอนุช (Prae Anoet – พระ

อนุชา) ซึ่งดำารงตำาแหน่งเป็นฝ่ายหลัง หรือราชโอรสที่จะเสวยราชในลำาดับ

ถัดไป พระอนุชาและบรรดาขุนนางทรงทราบดีว่าพระนเรศทรงทักท้วงขึ้น

เพื่อลองใจพวกขุน นาง ดังนั้นถ้าใครเห็นคล้อยกับข้อทักท้วงของพระองค์

ท่านอาจได้รับอันตรายขึ้นได้ ทั้งหมดจึงยืนกรานตามข้อที่กราบบังคมทูล

ถวายความเห็นไว้แต่เดิม พระนเรศทรงยกเปรียบเทียบพระเมตตาของ

สมเด็จพระราชบิดาที่สวรรคตไปแล้วกับ ทัศนะอันรุนแรงแข็งกร้าวของ

พระองค์ แต่ยิ่งพระองค์ทรงทักท้วงมากขึ้นเพียงใด พวกขุนนางยิ่งไม่กล้า

เลือกพระอนุชาคือฝ่ายหลัง ให้ขึ้นเสวยราชสมบัติ ท้ายที่สุดพระนเรศจึง

ตรัสขึ้นว่า “ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าต้องการให้ข้าขึ้นเป็นกษัตริย์ของพวกเจ้าจริง

?” พระอนุชาและขุนนางกราบทูลขึ้นพร้อมกันว่า “ขอพระองค์จงรับเป็น

บางมุมของสมเด็จพระนเรศวร ที่ไม่มีในพงศาวดารของสยามประเทศ

Page 27: NYA~ Journal Vol.2

พระเจ้าอยู่หัวของข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายเถิด พวกข้าพระพุทธเจ้าจักขอ

เป็นข้าบาทแห่งพระองค์ (ตามแต่จะทรงพระกรุณาโปรด ๆ )” พระนเรศ

ตรัสตอบว่า “ดังนั้น ข้าขอให้พวกเจ้าจงนบนอบเชื่อฟังข้า ปฏิบัติตามพระ

ราชกำาหนดกฎหมายบ้านเมือง รักษากฎหมายอย่าฝ่าฝืน ใครที่ล่วงละเมิด

พระราชกำาหนดกฎหมายแม้แต่เล็กน้อย จะถูกประหาร” แล้วจึงมีรับสั่ง

ให้จัดเรือหลวงพระที่นั่งให้พร้อม และเสด็จด้วยเรือพร้อมกับขุนนางไป

ยังพะเนียด (สถานที่ไว้ช้างและกษัตริย์หลายพระองค์ใช้ราชาภิเศก) เพื่อ

สถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ และถือน้ำาพระพิพัฒสัจจาต่อพระองค์

เมื่อเสด็จถึงพะเนียด ฝีพายเรือพระที่นั่งพระนเรศเข้าเทียบเรือ

ผิด แต่ขณะนั้นพระองค์ยังมิได้ทรงลงพระอาญา ได้ทรงราชาภิเศกตาม

ขัตติยราชประเพณี เมื่อพระชนม์ 35 พรรษา ทรงพระนามพระนเรศ

ราชาธิราช (Prae Naerith Raetisia Thieraij) เมื่อเสร็จพระราชพิธีรา

ชาภิเศกแล้ว พระองค์ตรัสให้เอาฝีพายประจำาเรือพระที่นั่งอีกทั้งพวกฝีพาย

ในเรือหลวงลำา อื่นๆ (ประมาณ 1,600 คน) ไปเผาเสียทั้งเป็น ณ สถาน

ที่เดียวกันนั้น มีพระดำารัสกับขุนนางว่าเป็นพระราชประสงค์จะให้พวก

ขุนนางจดจำาการลงพระราชอาญา นี้ไว้เป็นเยี่ยงอย่างการปกครองของ

พระองค์แล้วจึงเสด็จพระราชดำาเนินกลับพระราชวัง นี่อาจเป็นที่มาของ

อีกสมัญญานามว่า “ราชาแห่งไฟ”

พระนเรศราชาธิราชนั้น พวกมลายูเรียกพระองค์ว่า “ราชา

อภัย” ส่วนชาวสยามเอ่ยพระนามว่า “พระองค์ดำา”เท่าที่เคยมีมาใน

สยามนั้น นับว่าในรัชสมัยของพระองค์ทรงปกครองอย่างทหารและเข้ม

งวดกวดขันที่สุด มีเรื่องเล่าและตัวประจักษ์พยานที่ยังมีชีวิตอยู่มากหลาย

กล่าวว่า ในรัชกาล 20 ปีของพระองค์นั้น ทรงประหารและให้ประหาร

ตามคำาพิพากษาเสียกว่า 80,000 คน ทั้งนี้ไม่รวมถึงผู้ที่เสียชีวิตไปในการ

สงคราม ตลอดเวลาไม่ว่าจะทรงช้าง ทรงม้า ประทับเรือพระที่นั่งทรง หรือ

แม้แต่ประทับบนราชบัลลังก์เสด็จออกขุนนางก็จะทรงมีพระแสงไว้ มัก

จะทรงวางแล่งธนูไว้บนพระเพลาและถือพระแสงธนูไว้ในพระหัตถ์ เมื่อ

ทอดพระเนตรเห็นบุคคลใดทำาสิ่งไม่ถูกพระทัยแม้แต่เล็กน้อย จะทรงยิง

ลูกธนูไปที่ผู้กระทำาผิดและตรัสให้ผู้นั้นนำาลูกธนูกลับมาถวาย พระองค์จึง

ตรัสสั่งให้แล่เนื้อบุคคล (แม้แต่ขุนนาง) ที่ทำาความผิดเล็กน้อย และให้ผู้นั้น

กินเนื้อของตนเองต่อหน้าพระพักตร์ บางคนต้องบริโภคมูลอุจจาระของ

ตนเอง โดยตรัสอยู่เสมอว่า “นี่แหละ เป็นวิธีที่จะใช้ปกครองพวกเจ้าชาว

สยาม ทั้งนี้เพราะเจ้าเป็นคนมีนิสัยดื้อด้านอย่างน่าชิงชัง อยู่ในภาวะที่ฟอน

เฟะเหลวแหลก ข้าจะลงโทษอย่างนี้ต่อพวกเจ้าจนกว่าข้าจะดัดให้เจ้าเป็น

ชนชาติที่ได้รับความ เคารพยกย่องนับถือ เจ้าเปรียบประดุจต้นหญ้าใน

ท้องทุ่งอันอุดมสมบูรณ์ ยิ่งตัดให้มันสั้นเจ้าก็จะยิ่งขึ้นสวยงาม ข้าจะปราย

ทองคำาไว้ตามท้องถนน ทิ้งไว้อย่างนั้นแหละ หลายๆ เดือน ถ้าใครจ้องจะ

เอาทองด้วยความละโมบแล้ว จะต้องถูกประหาร”

บางครั้งในเวลาค่ำาคืนยามวิกาล พระองค์จะเสด็จประทับเรือ

เล็ก พายขึ้นล่องไปตามลำาแม่น้ำา นอกจากนี้ยังเสด็จไปกับพวกมหาดเล็ก

ไม่กี่คนในยามวิกาลตามท้องถนน เพื่อฟังว่ามีข่าวเลื่องลืออะไรเกิดขึ้น

บ้าง และจะได้ทรงทราบว่ามีอะไรดีหรือไม่ดีต่อพระองค์บ้าง พระองค์เป็น

กษัตริย์แรกที่ให้ขุนนางคลานเข้าเฝ้าและให้หมอบก้มหน้าไว้ตลอด เวลา

ธรรมเนียมการเข้าเฝ้านี้ยังคงถือปฏิบัติมาจนบัดนี้ อย่างไรก็ดีพระองค์ก็

ไม่มีพระราชประสงค์ให้คนต่างถิ่นหรือชาวต่างประเทศต้อง ปฏิบัติดังนั้น

ทรงโปรดชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวฮอลันดา พระองค์เป็นกษัตริย์

สยามองค์แรกที่ส่งคณะทูตานุทูตและถวายพระราชสาส์นแด่ เจ้าชายมอริส

แห่งราชวงศ์ออเรนจ์ ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในเมื่อทรงโปรดให้คณะทูต

ต่างประเทศเข้าเฝ้า จะไม่มีพระราชประสงค์ให้คณะทูตต้องเปลี่ยนแปลง

ประเพณีประจำาชาติของตน และหันมาปฏิบัติตามแบบอย่างสยาม โดย

ตรัสว่า “พวกท่านเป็นผู้แทนที่บรรดาพระเชษฐาพระอนุชาของเรา จัด

ส่งให้มา ดังนั้นเราจึงไม่ปราถนาให้ท่านต้องมาถวายพระเกียรติยศให้ยิ่ง

ไปกว่านี้ หรือนบนอบยำาเกรงเราให้มากเกินไปกว่าที่ท่านได้เคยถวายแก่

พระเจ้าอยู่หัวของ ท่านเอง”

ทรงไต่ถามคณะราชทูตว่าพวกเขารู้ภาษาสยาม มอญ หรือพม่า

กันหรือไม่ หากรู้ก็ให้กราบทูลกับพระองค์โดยตรง ถ้าพูดไม่ได้พระองค์จะ

ให้ขุนนางสักคนหนึ่งทำาหน้าที่เป็นล่ามให้ เพื่อพระองค์จะทรงเจรจากับ

คณะราชทูต ได้ทรงขู่จะเอาโทษประหารแก่พวกล่ามหากบิดเบือนประโยค

ถ้อยคำา หรือไม่แปลให้ถูกต้อง ในยุคนี้พวกชาวต่างประเทศได้รับการปฏิบัติ

ด้วยความเคารพยกย่อง มีพวกเจ้าหน้าที่นำาของกำานัลมาให้พวกชาวต่าง

ประเทศ เพื่อจะไม่ไปร้องฟ้องพวกเขาต่อพระเจ้าแผ่นดิน

พวกขุนนางอยู่กันด้วยความเกรงกลัวพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่สุด เมื่อ

มีรับสั่งให้เข้าไปเฝ้าก็จะจัดบ้านช่องของตนให้เรียบร้อยเสียก่อน เหมือนกับ

ว่าตนกำาลังจะไปตาย เพราะพวกขุนนางมักจะกลัวกันจนสยองเกล้าว่าไป

เฝ้าแล้วจะไม่ได้กลับบ้านอีก

นี่คือบางส่วนของเรื่องราวที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ในพงศาวดาร

ของไทย และอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำาไม อยุธยาจึงฟื้นกลับมาโดยเร็วและ

ยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งในประวัติศาสตร์

อ้างอิง : จดหมายเหตุ วัน วลิต

ที่มา : สถาบันอยุธยาศึกษา

Page 28: NYA~ Journal Vol.2

บ่ายแก่ๆยามเลิกเรียน หลังจากที่เหล่านักเรียน

ได้ทนเหนื่อยทนง่วงจนสิ้นสุดการเรียนการสอนของวัน

น้องๆหลายคนคงอยากจะหาอะไรอร่อยๆทานเติมแรง

ตอบแทนตัวเองที่ฝ่าฟัน๑วันเต็มให้สดชื่นอีกครั้ง แต่วัน

ไหนที่เลิกเรียนช้าหน่อย หากลงมาที่โรงอาหารโรงเรียน

อาจจะเจอแต่ร้านที่ปิดกันหมดแล้ว จึงต้องหิ้วท้องมา

ฝากความหวังกับร้านอาหารหน้าโรงเรียนที่มีให้เลือกสรร

หลายสิบร้าน ดังที่โรงเรียนของเราได้รับการขนานนามว่า

เป็นสวนกุหลาบที่มีของกินขายมากที่สุดในบรรดา๑๑สวน

แต่เดี๋ยวนี้ข้าวของก็แพงเอาๆ ซื้อขนมทานนิดหน่อย

ก็๒๐กว่าบาทแล้ว แถมไม่ค่อยอยู่ท้องอีกต่างหาก ลอง

เพิ่มเงินอีกสักนิดทานข้าวให้เป็นมื้ออิ่มเต็มท้องไปเลยดี

ไหมครับ? ถ้าสนใจ คอลัมน์ Get A taste ครั้งนี้ พี่โหลขอ

แนะร้านอาหารร้านหนึ่งหน้าโรงเรียนของเรา คือร้านป้า

อ้อย อาหารตามสั่งนั่นเอง

ร้านป้าอ้อย ตั้งอยู่ที่ร้านน้ำาพุ ติดกับร้านสเต็ก

และร้านบาร์บีคิว เป็นร้านที่พี่โหลทานมาหลายครั้งแล้ว

และติดใจในฝีมือของป้าอ้อยเอามากๆ จึงนำามาแนะนำา

ให้น้องๆ ได้รู้จักกันครับ ร้านของป้าอ้อยจำาหน่ายอาหาร

หลายประเภท มีทั้งก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น อาหารตามสั่ง และ

เมนูพิเศษประจำาวัน ซึ่งมีทั้งข้าวหมูแดง ข้าวหน้าเป็ด

ฯลฯ สับเปลี่ยนกันไป

เมนูแรกที่พี่โหลขอแนะนำาคือ ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น

เมนูนี้ป้าอ้อยบรรจงจัดใส่ในชามใบโต เสิร์ฟร้อนๆ ควัน

ฉุยน่าอร่อยมาก ถึงชามจะใหญ่แต่ก็มีก๋วยเตี๋ยวและเครื่อง

ทรงต่างๆมากมายเต็มชามจริงๆ ไม่ได้ใหญ่แต่ชามแต่ได้

น้อยเหมือนที่เราพบเห็นกันบ่อยๆ ได้ชามมาปุ๊บก็จะเห็น

ทั้งเนื้อหมูตุ๋น เนื้อหมูลวก ลูกชิ้นลอยเด่นน่าทาน หมูตุ๋น

ของป้าอ้อยชิ้นโตและเหนียวนุ่มอร่อยมาก เส้นก๋วยเตี๋ยว

ก็ได้เยอะ น้ำาซุปรสชาติกลมกล่อมกำาลังดี น้องๆที่ชอบ

รสชาติปานกลางก็สามารถทานอิ่มอร่อยได้โดยไม่ต้องปรุง

รสเพิ่มเติมเลย แต่ถ้าคนไหนชอบรสเผ็ดหน่อยก็สามารถ

เติมน้ำาพริกรสจัดจ้านสูตรป้าอ้อย ช่วยให้รสชาติเด็ดดวง

เป็นเท่าตัว แต่ใครจะสั่งเมนูนี้ต้องมีเวลาพอสมควรนะครับ

เพราะอาจใช้เวลาถึง๒๐–๓๐นาทีกว่าจะทานหมดชาม ป้า

อ้อยให้เยอะคุ้มราคาชามละ๒๕บาทจริงๆ

เมนูต่อมาที่พี่โหลชอบทานเป็นประจำา มีชื่อว่า

ข้าวยำาไก่แซ่บ เสียดายที่วันที่พี่โหลไปทำาคอลัมน์นี้ ข้าว

และไก่ทอดของป้าอ้อยหมดพอดี เลยไม่ได้เก็บรูปมาฝาก

ข้าวยำาไก่แซ่บสูตรป้าอ้อยคือเนื้อไก่ชิ้นโตทอดกรอบๆ ไม่

อมน้ำามัน คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงสไตล์ลาบ รสชาติจัด

จ้าน แซ่บสมชื่อจริงๆ เสิร์ฟพร้อมข้าวสวย น้องสามารถ

ทานเมนูนี้คู่กับซอสมะเขือเทศหรือซอสพริกก็ได้ ความ

หวานของซอสจะช่วยถ่วงรสชาติเผ็ดเข้ากันได้อย่างลงตัว

หรือถ้าใครโปรดปรานรสชาติจี๊ดจ๊าดมากๆ ลองราดน้ำา

พริกใส่ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นก็ยิ่งเพิ่มความแซ่บได้ทวีคูณ ราคา

ของเมนูนี้สนนอยู่จานละ๓๐บาท แต่พี่โหลขอยืนยันเลย

ครับว่า อิ่มอร่อยคุ้มราคาจริง ๆ

นอกจากนี้ ฝีมืออาหารตามสั่งของป้าอ้อยก็

เป็นที่ติดใจของนักเรียนเจ้าประจำาและเหล่าพนักงาน

จากหลายบริษัทที่ตั้งอยู่ที่ถนนเข้าโรงเรียนของเรา เพราะ

รสชาติอาหารฝีมือป้าอ้อยนั้นโดดเด่นที่ความเข้มข้นจน

ใครได้ทานแล้วก็ต้องติดใจ ป้าอ้อยเปิดร้านตั้งแต่๖โมง

ครึ่ง ส่วนจะปิดกี่โมงนั้นก็แล้วแต่ว่าวันนั้นมีนักเรียนมาก

หรือเงียบเหงาแค่ไหน แต่ยังไงก็อยู่หลังเลิกเรียนแน่ๆครับ

อาหารของร้านป้าอ้อยก็มีตั้งแต่ราคา๒๕–๓๕บาท ซึ่งเป็น

ราคามาตรฐานร้านอาหารทั่วไป แต่รับรองครับว่าปริมาณ

และคุณภาพอาหารร้านนี้ คุ้มราคา นอกจากนี้ ช่วงเวลา

เลิกเรียน ป้าอ้อยก็ยังตั้งโต๊ะขายยำามาม่าและยำาวุ้นเส้น

ด้วย ราคาถ้วยละ๒๐บาท แน่นอนว่าได้เยอะและอร่อยไม่

แพ้เมนูหลักเลย น้องๆคนไหนอยากจะลองชิมอาหารร้าน

ป้าอ้อยก็ขอเชิญได้ที่ร้านน้ำาพุนะครับ อ้อ น้องๆคนไหนที่

ทานเผ็ดไม่ค่อยได้อย่าลืมบอกป้าอ้อยขอเผ็ดน้อยๆก่อน

นะครับ เพราะบางเมนูอาจจะแซ่บขนาดน้องๆ เสียเหงื่อ

จนหมดตัวก็เป็นได้

สำาหรับคอลัมน์ Get A Taste ในวารสารเนีย

ฉบับนี้คงจะยั่วน้ำาลายน้องๆ ผู้อ่านมามากพอแล้ว ขอเชิญ

น้องๆ ได้ลองลิ้มรสด้วยตนเอง ส่วนพี่โหลขอลาไปก่อน

แล้วพบกันในโอกาสหน้านะคร้าบบบบ

Get a taste of เรืื่อง/ภาพ; ชลากร สถิวัสส์ @scjade

ป้าอ้อย อาหารตามส่ัง

Page 29: NYA~ Journal Vol.2

DO-Dเรืื่อง; ชลากร สถิวัสส์ @scjade

“ลูกสวนกุหลาบ มองจากด้านหลังก็ยังรู้ว่าเป็นลูกสวนกุหลาบ”

เป็น๑ในวาทะยอดนิยมที่คุ้นหูอย่างยิ่งในหมู่นักเรียนชาวสวน

กุหลาบ กล่าวถึงการแต่งกายเรียบร้อยอันเป็นเอกลักษณ์ของนักเรียนที่

ใช้ชื่อว่าเป็นชาวสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของ

ประเทศ และเป็นโรงเรียนสร้างผู้นำาผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์มาแล้วหลาย

ต่อหลายท่าน ที่โรงเรียนแห่งนี้ นักเรียนล้วนแต่งกายดีสมเกียรติของการ

เป็นสุภาพบุรุษสวนกุหลาบที่มีตราเสมาชมพู–ฟ้า ปักอยู่บนอก หากคุณมี

โอกาสได้ไปเยี่ยมที่นี่ คุณแทบจะไม่ได้เห็นนักเรียนมีชายเสื้อหลุดออกนอก

กางเกงเลยสักคน

ส่วนบ้านของเรา สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี น้องรองจาก

สวนกุหลาบวิทยาลัยต้นตำาหรับ แม้อายุจะห่างกันถึง ๑๐๐ปีเต็ม แต่ด้วย

จรรยาบรรณ ความรักในสถาบัน จนถึงประเพณีต่างๆ ที่พวกเรารักษาและ

ถ่ายทอดกันมาช้านานทำาให้เราเป็นโรงเรียนเครือสวนกุหลาบที่ได้รับการ

ยอมรับว่ารักษาวัฒนธรรมได้ใกล้เคียงสวนใหญ่มากที่สุด แต่ ณ เวลานี้ ใน

ความคิดของใครบางคน ...หรือใครหลายคน อาจเกิดความเคลือบแคลงใจ

แล้วถามตนเองว่า

...จริงหรือ ?

เมื่อศิษย์เก่ากลับมาเยี่ยมโรงเรียน ต่างก็ต้องประหลาดใจใน

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับบ้านที่รักของพวกเขา ทำาไมเมื่อก่อนแทบ

ไม่มีนักเรียนแต่งกายเอาเสื้อออกนอกกางเกง แต่เดี๋ยวนี้มีทั้งหญิงชายให้

เห็นหนาตา เมื่อจะมีคนใหญ่คนโตมาเยี่ยมเยียนโรงเรียน ครูบาอาจารย์ต่าง

ก็ต้องประกาศกันจ้าละหวั่นให้นักเรียนแต่งกาย “ดีเป็นพิเศษ” เกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา? ทำาไมต้องบอกให้แต่งกายดีทั้งที่นั่นเป็นสิ่งที่ควรจะทำา

เป็นเรื่องปกติ? ทำาไมเพียงการแต่งกายถึงเป็นเรื่องคอขาดบาดตายขนาด

นี้? ทำาไมศิษย์เก่าแก่ชอบย้ำาเสมอว่าให้แต่งกายดีๆ อย่าเอาเสื้อออกนอก

กางเกง ทั้งผู้ชายผู้หญิง อย่าใส่รองเท้าแตะ ไว้ผมยาวหรือซอยผมจนน่า

เกลียด หรืออะไรก็ตามที่มันทำาให้โรงเรียนขายหน้า

เพราะอะไร?

อาจเป็นเพราะพวกเราทุกคน ทุกคนในสังคมยังคงตัดสินคนจาก

ภายนอกอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าพวกเราจะพยายามมองคนทั้งนอกและใน

อย่างไร ภายนอกก็คือสิ่งที่เราเห็นก่อน สิ่งที่เราเข้าใจก่อน บางทีภายใน

อาจจะดีกว่าภายนอกก็ได้ แต่คนส่วนใหญ่ที่ในใจของเขามีความคิด เขา

ย่อมแสดงออกมาเป็นภายนอกที่ดี ในทางกลับกัน คนที่มีการแสดงออก

ภายนอกที่ไม่ดี คนอาจไม่เชื่อมั่นสักเท่าไรว่า ภายในของเขาจะดีสักเพียงใด

สมมุติว่าเราเป็นคนหนึ่งที่แต่งกายแย่มากๆ ขณะกำาลังเดินกลับบ้านก็เดิน

สวนกับคนธรรมดาคนหนึ่ง หากในใจของคนนั้นคิดถึงภาพของเราตอนที่

เดินสวนเขาไป เขาอาจคิดว่า “ทำาไมเด็กสวนกุหลาบคนนี้แต่งตัวแย่จังนะ”

ภาพลักษณ์ที่ด่างพร้อยจึงไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแต่ตัวเราที่แต่งกายแย่อยู่คน

เดียว ความคิดนี้อาจเหมารวมไปถึงเพื่อนร่วมโรงเรียนอีกหลายพันคน หรือ

หมายถึง “สวนกุหลาบใหญ่” ที่เขาพยายามรักษาความดีของเขาไว้มาโดย

ตลอด แต่พลอยเสียหายไปด้วยโดยไม่รู้ตัว ...ก็เพราะเรา

แต่งกายดี เป็นศรีแก่ตัวทำาดี ก็ ดูดี

Page 30: NYA~ Journal Vol.2

เครื่องแบบของนักเรียนโรงเรียนรัฐของไทยที่ไหนก็เหมือนกันทั้ง

นั้น อย่างมากก็ต่างกันที่สีกางเกง สีถุงเท้าหรือรองเท้า ถ้าเห็นผ่านๆ ก็คง

บอกไม่ได้ว่าเด็กคนไหนโรงเรียนไหน แต่เพราะเรามีโรงเรียนปักอยู่บนอก

เสื้อเป็นสิ่งที่ระบุว่า เราเป็นใคร เราแต่งชุดนักเรียนแล้วทำาสิ่งดีๆ ใครเห็น

เขาก็ยกย่องสถาบันที่อยู่บนอกเสื้อของเรา และแน่นอนว่า หากเราแต่งชุด

นักเรียนแล้วไปทำาอะไรไม่ดีให้ใครเห็น ความเสื่อมเสียย่อมถูกเข้าใจว่ามา

จากสถาบันที่อยู่บนอกเสื้อเราเช่นกัน น้ำาหนักของด้ายที่ปักเป็นอักษรย่อจึง

เบาเหมือนธุลีหากเทียบกับน้ำาหนักของ “เกียรติและศักดิ์ศรี” ที่เราแบกรับ

ตลอดเวลาที่เราสวมชุดนักเรียน

ใน ๗ วันเราใส่ชุดนักเรียนแล้ว ๓ – ๕วัน วันละหลายชั่วโมง

แน่นอนว่าเราอาจจะเบื่อหน่ายที่จะสวมใส่บ้าง จึงมีหลายๆ คนพยายาม

“เปลี่ยนแปลง” มันให้ต่างจากลักษณะที่ควรจะเป็น (ตามกฎระเบียบของ

โรงเรียน) ให้กลายเป็นความสบายส่วนตัวโดยไม่ได้ใส่ใจว่าคนรอบข้างเขา

จะรู้สึกอย่างไรเมื่อได้พบเห็น หรือว่าไม่ได้คิดว่าหากเราแต่งตัวแบบนี้แล้ว

จะมีผลอะไรตามมา เพียงเสี้ยววินาทีที่ผู้อื่นเห็นเราแต่งกายไม่เรียบร้อย

อาจทำาให้สิ่งดีๆ โรงเรียนสร้างสมมาหลายสิบปีเสียหายไป

พวกเราแต่ละคนก็อยู่โรงเรียนกันมาแล้วหลายปี ย่อมรู้สึก

ผูกพันและกล้าพูดได้ว่า รักโรงเรียน แม้การกระทำาที่แสดงออกได้ว่าเรารัก

โรงเรียนนั้นมีมากมายนัก และผู้ที่แต่งกายไม่เรียบร้อยก็ไม่ได้หมายความ

ว่าไม่ได้รักโรงเรียน อย่างไรก็ตาม การแต่งกายให้ถูกต้องตามระเบียบนั้น

ก็เป็นสิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดที่นักเรียนชาวสวนกุหลาบพึงกระทำา คนที่แต่ง

กายไม่เรียบร้อยอาจจะทำากิจกรรมหรือสิ่งอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อโรงเรียน

มากมาย แต่ขอให้ลองแต่งตัวดีสักครั้ง ไม่มีอะไรเสียหายเลย มีแต่เรื่องดี

ทั้งนั้น ทั้งดีต่อสถาบันที่ศิษย์เก่ารุ่นก่อน ๆ ช่วยกันสร้างมาหลายสิบปีและ

เป็นร้อยปี และทั้งดีต่อตัวเราเองเพราะการแต่งกายเรียบร้อยช่วยให้เราดู

เป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ และมีเกียรติน่ายกย่องจริง กลับถึงบ้านของเราแล้ว

จะยังไงก็ได้ แต่ตราบใดที่ไม่ใช่บ้านของเราก็ขอให้แต่งตัวให้ดีเข้าไว้ จาก

นั้นลองต่อไปเรื่อยๆ แล้วจะรู้ว่าความรู้สึกอึดอัดหรือร้อนเวลาแต่งกาย

เรียบร้อย ที่จริงแล้วมันไม่มีอะไรเลย

อาจารย์หรือใครที่เห็นเราแต่งกายเป็นระเบียบครั้งแรกเขาอาจ

จะไม่เอ่ยปากชมในทันที แต่เมื่อเขาเห็นเราทำาดีต่อไปเรื่อยๆ เขาก็จดจำา

เราได้ และเมื่อถึงเวลาเขาก็จะนึกถึงเรา เชื่อมั่นในตัวเรา แล้วเราก็จะได้รับ

โอกาสดีๆ มากมาย เช่นกัน หากเราแต่งกายไม่ดี ใครเห็นก็คงไม่พูดติเตียน

ในทันที แต่นานเข้า เกียรติและความน่าเชื่อถือในตัวเราก็จะลดลงไปตาม

เวลา

ใครจะมองเร�ดีหรือไม่ดีก็เห็นได้จ�กก�รแต่งก�ย ทุกอย่�งเริ่ม

ต้นขึ้นจ�กก�รแสดงออกภ�ยนอก และก�รแสดงออกภ�ยนอกนี้ก็ม�

จ�กจิตใจภ�ยในของเร� ก�รแต่งก�ยที่ดี เป็นระเบียบเรียบร้อยจึงเป็น

เครื่องสะท้อนบุคลิก คว�มคิด และคุณธรรมภ�ยในใจของพวกเร�ทุก

คน แต่งก�ยดีกันเถอะครับ เพื่ออักษร ส.ก. และตร�เสม�ที่เร�ยืมเข�ม�

ใช้ และใช้ร่วมกับเพื่อนสวนกุหล�บอีก ๙ แห่ง เพื่อถนอมคว�มดีคว�ม

ง�มของโรงเรียนของเร� และเพื่อเกียรติของตัวท่�นเอง

สำาหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อปฏิบัติเรื่องเครื่องแบบ

และการต่างกาย อ่านได้ในหนังสือคู่มือนักเรียนและผู้ปกครอง โรงเรียน

สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี หัวข้อ “ ระเบียบโรงเรียนสวนกุหลาบ

วิทยาลัย นนทบุรี ว่าด้วยเครื่องแบบและการแต่งกายของนักเรียน ”

ทำาไมคุณถึงต้องมี

“ริสแบนด์สวนกุหลาบนนท์ 54“

ก็แฟชั่นอ้ะ~!

ริสแบนด์ไขว้ชมพู-ฟ้า

คณะกรรมการนักเรียน‘54

เปิดให้สั่งจองได้แล้ววันนี้ที่

ห้องคณะกรรรมการนักเรียน(ใต้

อัฒจันทร์ใหญ่)

ใครไม่มีเดี๋ยวเชยนะจะบอกให้!

Page 31: NYA~ Journal Vol.2

แนะ-ชะ-นำาเรืื่อง; ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ @Nicht_R

ภูตพราย กับนายหมอผี วันนี้มีหนังสือการ์ตูนเรื่องนึงมา แนะ-ชะ-นำา ให้รู้จักกันครับ เรา

น่าจะรู้จักการ์ตูนที่เกี่ยวกับภูตผีวิญญาณมาเยอะแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ชาแมน

คิง นูระหลานจอมภูต หรือโด่งดังสุดๆอย่างอสูรน้อยคิทาโร่ ซึ่ง แต่ละเรื่อง

ก็จะมีนัยแฝงที่ต่างกันไปในเรื่องของภูตผี เช่น ชาแมนคิง(ในช่วงก่อนออก

ทะเลและไปจบที่ปาหมอน) ก็สอนว่า คนที่เห็นภูตผีได้น่ะ ไม่มีคนที่ไม่ดี

หรอก ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าหลักการคิดนี้มันมาได้ยังไงฟะ หรืออย่างอสูรน้อยคิ

ทาโร่ ที่พยายามให้เห็นด้านน่ารักๆของบรรดาผีๆทั้งหลาย และนูระ หลา

นของนูราริเฮียง ผู้นำาแห่งภูตทั้งปวง ซึ่งเป็นภูตที่พยายามปกป้องมนุษย์

แม้จะถูกมนุษย์เกลียดชัง แต่การ์ตูนผีๆที่จะเอามา แนะ-ชะ-นำา กันในวัน

นี้ แตกต่างออกมาแน่นอน ผมกำาลังพูดถึงหนังสือการ์ตูนชื่อ “ภูตพราย กับ

นายหมอผี” ซึ่งขณะนี้ในประเทศไทยออกมาแล้ว 12 เล่ม โดยสำานักพิมพ์

วิบูลย์กิจ ซึ่ง ในญี่ปุ่นจบไปนานแล้วที่เล่ม 15 ครับ

พูดถึง “หมอผี” เราก็ต้องนึกถึงคนที่มีหน้าที่กำาจัดผีใช่มั้ยครับ

ใส่ชุดพราหมณ์ขาวๆ ถือสายสิญจน์ ร่ายคาถา มีข้าวสารเสก ควายธนู

แบบที่เราเห็นบ่อยๆในละครผีไทยๆ แต่หมอผี อย่างนาย โกโคกุจิ คุโระ

พระเอกของการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ใช่อย่างนั้นครับ เพราะเขาเป็น “หมอ(ที่รักษา

แต่)ผี” ครับ อ่านแล้วอาจจะตกใจ แต่ไม่ได้ตาฝาดครับ นายคนนี้รักษาภูต

ผี วิญญาณ แม้กระทั่งเทพอย่างมังกรก็รักษามาแล้ว การ์ตูนเรื่องนี้ดึงความ

คิดที่ว่า ภูตผีปีศาจก็สามารถป่วยได้เหมือนกันนะ และใครก็ตามที่เจ็บป่วย

ก็ทรมานและต้องการการรักษากันทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นผี

หรือคน

“ภูตพราย กับนายหมอผี” พยายามแสดงให้

เห็นว่า ความจริงเหล่าภูตผีไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราเข้าใจ

ด้วยการเล่าประวัติของภูตผีแต่ละตนลึกๆ ว่าแท้จริงแล้ว

เป็นอย่างไร เช่น นางหิมะ (ยูคิ อนนะ) ภูตพรายที่คนรู้จัก

กันว่าเป็นผู้หญิงสวยซึ่งชอบหลอกกินคนที่หลงทางกลางหิมะ ความจริงแล้ว เธอก็แค่เหงา และ

ต้องการจะเจอคนที่จริงใจซึ่งไม่ได้รัก

เธอแค่รูปร่างภายนอกเท่านั้นเอง, นัก

ทำาเต้าหู้โทสุเกะ ซึ่งทำาเต้าหู้ที่เมื่อใคร

กินเข้าไปแล้วจะขึ้นรา ทั้งๆที่เขาไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบ

นั้น แต่เพราะคำา

สาปทำาให้เต้าหู้นั้น

ขึ้นรา ความจริง

เขาก็อยากทำาเต้าหู้

อร่อยๆเหมือนคน

ทั่วไปเหมือนกัน

หรือ หญิงสองปาก

(ฟุตากุจิ อนนะ) ที่

หากหลงรักใครแล้ว สุดท้ายจะต้องกินคนๆนั้นเข้าไป ฯลฯ

ยังมีอีกมากมายหลายเรื่องราวเกี่ยวกับภูตผีที่การ์ตูนเรื่องนี้

พยายามบอกเราว่า คนมีหัวใจ ผีก็มีหัวใจ คนมีความรู้สึก ผีก็มีความรู้สึก

แต่ในขณะที่บรรดาผีพยายามเข้าหาผู้คนเพื่อทำาความรู้จัก แต่เป็นคนซะอีก

ที่รังเกียจภูตผี มิหนำาซ้ำายังเอาความเลวร้ายที่เกิดขึ้นเพราะคนไปโยนให้ผี

อีกต่างหาก ยิ่งอ่านเราก็ยิ่งสงสัย ว่าสิ่งที่เลวร้ายคือผี หรือจิตใจของคนกัน

แน่ การ์ตูนเรื่องนี้แม้จะเน้นในเรื่องของการอยู่ร่วมกันของผีกับคน แต่ถ้า

มองกันลึกๆ การ์ตูนเรื่องนี้กำาลังเอาผี มาสอนคนในเรื่องการใช้ชีวิต เรื่อง

สังคม แม้แต่เรื่องความรัก

ฮั่นแหน่ะ สนใจแล้วล่ะสิ สนใจแล้วก็อย่าลืมไปหามาอ่านกันนะ

ครับ แต่ แน่นอนล่ะ ว่าไม่ใช่ในช่วงสอบอย่างนี้ ตั้งใจอ่านหนังสือสอบกัน

ให้ได้คะแนนสอบออกมาดีๆเต็มที่กันก่อน หลังสอบเราจะได้สบาย จะได้มี

เวลาอ่าน “ภูตพรายกับนายหมอผี“ กันได้เต็มที่ครับ

Page 32: NYA~ Journal Vol.2

ทุกวันนี้ แม้ว่าเราจะอยู่ในศตวรรษ

ที่ ๒๑ ยุคที่สิ่งที่เรียกว่า การล่าอาณานิคม น่า

จะหมดไปนานแล้ว แต่ประเทศต่างๆในโลกก็ยัง

พยายามตู่อสู้กัน รบกันเอาเป็นเอาตาย ใช้กำาลัง

บ้าง ใช้อาวุธบ้าง ใช้สมองบ้าง ใช้กลโกงบ้าง อ้าง

กันใหญ่เพื่อจะเอาอะไรสักอย่างมาให้เป็นของ

ประเทศตน ยกตัวอย่างก็ เกาะฟอร์โมซ่า เกาะ

ที่มีทรัพยากรน้ำามันดิบ ซึ่งขณะนี้ ญี่ปุ่นเอย

ฟิลิปปินส์เอย ติมอร์เอย แย่งกันเอาเป็นเอาตาย

เพื่อจะได้เป็นของตัวเอง หรือตัวอย่างใกล้ๆตัวก็

อย่างเขาพระวิหารนี่ไง เรารบกับเพื่อนบ้านที่ชื่อ

กัมพูชามาแรมปี เพื่อเหตุผลที่จะเอาปราสาทเก่าๆ

ซึ่งถามว่าสวยไหม? ก็ไม่ อลังการงานสร้างเท่า

ปราสาทต่างๆอีกมากมายในโลกไหม? ก็ไม่อีก

ทุกวันนี้ผมดูข่าไปก็รำาพึงไป บางที ไม่

เอาก็ได้นะ ไอ้เขาพระวิหารเนี่ย ไม่เห็นจะมีอะไร

น่าภูมิใจเลย เหมือนเราแย่งของกินกับเพื่อนน่ะ

ครับ เราอาจจะชนะ ได้ของกินมา แต่เราก็ต้อง

บาดหมางใจกับเพื่อน อาจจะตลอดไป ทั้งๆที่ถ้า

ฝ่ายใดฝ่ายนึง หรือจะให้ดีที่สุดคือทั้งสองฝ่ายยอม

กัน อาจจะคนละครึ่งทาง หาวิธีประนีประนอมกัน

อย่างจริงใจตรงไปตรงมา เราและเพื่อนก็ได้ขนม

กินทั้งคู่ แถมยังเกิดมิตรภาพดีๆขึ้นมาอีก

แทนที่เราจะมัวสนใจ มัวเอะอะมะเทิ่ง

โหวกเหวกโวยวายว่าจะเอานั่นเอานี่เป็นสมบัติ

ของชาติ คนไทยครับ คุณลองมองไปรอบๆตัวคุณ

แล้วคุณจะพบว่าประเทศไทยมีสมบัติที่ยิ่งใหญ่

ที่สุดอยู่มาตลอด แต่ไม่เคยได้รับการใส่ใจ มีแต่

บ่อนทำาลายลงทุกวันๆ และไม่ได้มีแค่ชิ้นเดียวด้วย

มีจำานวนมากเลย แต่เนื่องจากเนีย ฉบับนี้วางแผง

ใกล้วันภาษาไทยแห่งชาติ ผมจึงขอยกสมบัติล้ำาค่า

ของไทยที่ชื่อว่า “ภาษาไทย“ มาพูด

มีสักกี่ชาติในโลกที่มีภาษาเป็นของตัว

เอง ในยุคที่ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาจีน

และภาษาอาหรับครองโลกไปแล้วค่อนโลก หลาย

ประเทศต้องใช้ภาษาเหล่านี้เป็นภาษาทางการ

ภาษาราชการ และแม้แต่เป็นภาษาพูดในชีวิต

ประจำาวัน แต่ถ้าคุณเป็นคนไทย คุณมีภาษาเป็น

ของคุณเอง ไม่ต้องไปเอาของใครมาใช้เลย ลิขสิทธิ์

อยู่ในมือคุณ ไม่ต้องแย่ง ไม่ต้องสู้รบตบแปะกับ

ใครเพื่อได้มาทั้งนั้น

ภาษาไทยเป็นภาษาที่สวยงาม ตัว

อักษร ๔๔ ตัวนั้น สามารรองรับทุกเสียงจากทุก

ภาษาได้ เราเหนือกว่าบางภาษา เช่น ญี่ปุ่น ไม่มี

เสียง วอ แหวน ดังนั้นเวลาชาวญี่ปุ่นเดินเข้าร้าน

สะดวกซื้อสีเขียวขาวแดง พวกเขาก็จะพูดว่า “เซ

บึ้น อีเลบึ้น“ ในขณะที่คนไทยสามารถออกเสียง

ตัววี เป็น วอ ได้ชัดเจน เรามีตัวอักษรมากพอที่

จะรองรับเสียงสูงเสียงต่ำาของทุกๆภาษาได้ ฉะนั้น

จึงไม่แปลกที่คนไทยจำานวนมากเก่งภาษาอังกฤษ

มากกว่าญี่ปุ่น หรือจีน นั่นเพราะเราสามารถฟัง

และพูดได้ชัดเจนกว่าเขานั่นเอง

แต่ภาษาสุดวิเศษนี้ ไม่เคยถูกเห็นค่า ง

จะจริงที่เขาว่ากันว่าสิ่งที่เราใช้อยู่ทุกวันมักถูกมอง

ข้าม เราทุกนมองข้ามภาษาไทยเพราะเห็นว่ามัน

เป็นของตาย อยู่อย่างไรก็อย่างนั้น จะไปยุ่งกับมัน

ทำาไม แต่ไม่ใช่นะครับ ถ้าคุณมีความคิดนั้น รีบคิด

ใหม่เดี๋ยวนี้เลย

ทุกวันนี้ภาษาไทยถูกเปลี่ยนแปลงไป

มาก โดยเฉพาะภาษาไทยในการใช้ของวัยรุ่น ไม่

ว่าจะกัดคำา กร่อนคำา สะกดการันต์ผิด วรรณยุกต์

เพี้ยน ใช้คำาผิดความหมาย เอาคำาไทยผสมคำาต่าง

ประเทศให้สับสนปนเป ข้อพิสูจน์ที่ว่าสมัยนี้เกิด

ศัพท์แสลงขึ้นมากขนาดไหน ดูได้จากการที่แค่ใน

ช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา ราชบัณฑิตยสถานไล่

ประกาศพจนานุกรมคำาคะนองและคำาใหม่ขึ้นมา

ครั้งแล้วครั้งเล่า

นั่นเป็นเรื่องที่ผิดนะครับ การใช้ภาษา

ไทยให้ถูกต้องไม่ใช่การแก้ไขพจนานุกรมให้ที่ผิด

กลายเป็นถูกนะครับ แต่เป็นการที่เราควรจะใช้

ให้ถูกหลักดั้งเดิมของมัน วัยรุ่นจำานวนมากอ้างว่า

ที่ต้องกร่อนคำาให้สั้นลงนั้นก็เพราะลักษณะของ

สังคมออนไลน์อย่างโปรแกรมแชท เอ็ม เอ็ส เอ็น

ซึ่งต้องการความเร็วในการพิมพ์สูง ไม่สามารถ

พิมพ์คำาเต็มๆยาวๆได้ แต่ไปๆมาๆ มันก็เริ่มกลาย

เป็นนิสัย เริ่มนำาภาษาที่ควรจะอยู่แต่บนนสังคม

ออนไลน์ออกมาเพ่นพ่านในโลกภายนอก เด็กบาง

คนใช้แต่ภาษาผิดๆจนไม่รู้ด้วยซ้ำาว่าที่ถูกคืออะไร

คนจำานวนหนึ่งที่พยายามเปลี่ยนภาษา

ไทยไปเป็นแบบที่ว่า มักจะยกวลีที่ว่า “ภาษาที่

ไม่มีการพัฒนา คือภาษาที่ตายแล้ว“ มาขู่ให้เรา

เข้าใจว่าเราคือพวกหัวโบราณ ใช่ครับ ผมเป็น

คนหัวโบราณ ใช่ครับ ภาษาที่ไม่มีการพัฒนา

สักวันมันจะตาย ฉะนั้นมันต้องมีการพัฒนา

เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่ มนต้องเป็นการ

“พัฒนา“ นะครับ ไอ้ภาษาวัยรุ่นปัญญาอ่อนนั่น

มองยังไงมันก็ไม่ได้ใกล้เคียงคำาว่า “พัฒนา“ เลย

สักนิด

ผมเองก็ไม่ใช่คนที่ใช้ภาษาได้เก่งกาจสัก

เท่าไหร่ สะกดผิดก็บ่อย คำาตกคำาหล่นมีเยอะแยะ

แต่อย่างน้อยผมก็ไม่เคยตั้งใจจะไปบิด ไปเบือน

ให้อะไรที่มันถูกต้องสมควรอยู่แล้วกลายเป็นอะไร

ก็ไม่รู้ไปได้ และผมก็มั่นใจว่าที่ผมใช้อยู่คือ “ภาษา

ไทย“ ไม่ใช่ “พา สา ทัย“ อย่างที่วัยรุ่นจำานวน

มากกำาลังใช้

ขอบคุณคนอีกจำานวนมากที่พยายาม

ช่วยกันใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง และหวังว่าจะมีเพิ่ม

ขึ้นเรื่อยๆ อย่ายอมปล่อยให้ค่านิยมผิดๆ กลาย

เป็นเรื่งที่ยอมรับได้ ถ้าไม่เห็นแก่ตัวเอง ก็โปรด

เห็นแก่ประเทศชาติ เห็นแก่บรพพบุรุษ เห็นแก่

ลูกหลานในอนาคต ลองนึกดูให้ดีๆ แล้วคุณอาจ

จะเข้าใจว่าทำาไมผมถึงพูดเหมือนว่ามันเป็นปัญหา

ระดับชาติ ก็เพราะว่ามันเป็น “ปัญหาระดับชาติ“

จริงๆนี่ครับ อย่าปล่อยให้คนที่ใช้ภาษาไทยถูกเห

ลือแค่ราชบัณฑิตยสถานกับอาจารย์สอนภาษา

ไทยนะครับ เพราะภาษาไทยไมได้ถูกสร้างขึ้นมา

ให้คนเหล่านั้นใช้ แต่เป็นพวกคุณ คนไทยทุกคน

นั่นแหละครับ

การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง อาจไม่ได้

หมายถึงการใช้สระถูก้อง วรรณยุกต์ไม่เพี้ยน

การันต์ครบถ้วน ขอแค่อย่าบ่อนทำาลาย ทำาร้าย

ให้ภาษาไทยวิบัติเสื่อมโทรไปมากกว่านี้ ... พ่อขุน

รามคำาแหง ผู้ที่พระราชทานภาษาไทยให้เป็น

สมบัติอันล้ำาค่าของชาติเรา ท่านคงจะเบาใจได้

Page 33: NYA~ Journal Vol.2

M-S-อึนเรืื่อง; กานต์ พันธ์จันทร์ @kenoyama

ตอน ขอนะ..

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

เอม

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

มีไรอาร์ม

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

ทำาการบ้านวิทย์เสร็จยัง?

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

ใช่ปลูกถั่วงอกป่ะ? ถ้าอันนั้นเสร็จแล้ว

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

ดีๆๆๆๆ

ขอลอกผลสังเกต แล้วก็ถั่วสักต้นดิ

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

เฮ้ย!!

เราทำาตั้งนาน ขอกันง่ายๆเลยเหรอ

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

ก็มันส่งพรุ่งนี้แล้วอ่ะ ต้นเดียวเอง

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

อาร์ม แกลืม?

อาจารย์สั่งมาเกือบเดือนแล้วนะเว้ย

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

ไม่ได้ลืมๆ แค่จำาไม่ได้

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

เหมือนกันแหละย่ะ!!!

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

น่าๆ ขอหน่อยๆ

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

นี่อาร์ม แกไม่เห็นใจเพื่อนที่เขาทำาไอ้นี่

กันเหนื่อยบ้างเหรอวะ?

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

บ้า ปลูกถั่วงอกไม่ใช่ปลูกข้าว มันไม่

ยากขนาดนั้นหรอก

อ้าว? ที่แกยังเคยให้เราช่วยดูงานคอม

ให้เลยหนิ

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

นั่นฉันให้ช่วยสอน ฉันไม่เคยของแกล

อกเลยนะ

ถ้าไม่เข้าใจฉันก็ถามแก จะได้รู้เรื่อง

ทำาเองได้

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

….

เออๆ เดี๋ยวเราไปลองคุยกับอาจารย์

เองก็ได้

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

ดีๆ ที่ฉันทำาแบบนี้มันก็เพื่อตัวแกเอง

นะเว้ย

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

ฉันไปนอนล่ะ

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

เดี๋ยวๆ

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

??

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

แกทำาเลขเสร็จยัง?

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

เสร็จแล้ว ทำาไม?

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

สอนหน่อยดิ

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

ไม่เอา ง่วง

จะไปนอนและ

เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเอาไปให้ลอก

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

โอเคๆ

ราตรีสวัสดิ์จ๊ะ

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

บายย

น้องอาร์ม เด็กนรก is offline

งกไปได้...

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

ถ้าง่ายนักไมไม่ทำาเองล่ะ?

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

ลืม

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

ไหนเมื่อกี้บอกจำาไม่ได้

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

ไหนเมื่อกี้บอกเหมือนกัน

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

เอางี้

แกเป็นเพื่อนเราป่ะ?

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

อื้อ

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

เราสนิทกันตั้งแต่ประถมใช่ป่ะ?

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

ใช่

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

แกเคยให้เราช่วยหลายอย่างใช่มะ?

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

ใช่

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

เราขอลอกการบ้านวิทย์หน่อยนะ

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

...ก็ได้

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

จริงอ่ะ!

ขอบใจมากนะ เอมจ๋า >3<

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

แต่ถ้าให้ลอกแล้ว ฉันกับแกไม่ใช่เพื่อน

กันอีกเลยนะ

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

อ้าวเฮ้ย!! ไหงงั้นวะ?

น้องเอม เด็กน่ารัก says:

ก็แกไม่เห็นใจฉัน ทำาไอ้นี่ ฉันเหนื่อยนะ

เว้ย เพื่อนเขาเห็นใจกัน แกทำาแบบนี้มันก็เหมือน

ไม่เห็นชั้นเป็นเพื่อนอ่ะ

น้องอาร์ม เด็กนรก says:

น้องๆที่สนใจงานคอลัมนิสท์หรือนักเขียน สามารถส่งผลงานเข้ามาได้ที่เฟซบุ๊คและ

ทวิตเตอร์ของชุมนุมแมวบิน หรือของพี่ๆทีมงานก็ได้ เรื่องที่น่าสนใจ และถูกเลือก

มาใส่ใน NYA~ ฉบับหน้า จะได้รับของที่ระลึกจากชุมนุมแมวบิน

Page 34: NYA~ Journal Vol.2

ว่างแล้ว.. ไปไหน?เรืื่อง/ภาพ; wikalenda.com

ฟอ วอล เพนทิ้ง ครั้งที่ 2วันและเวลา : 26 มีนาคม – 25 กันยายน 2554

สถานที่ : ทางขึ้นชั้น 7 – ชั้น 9 หอศิลปวัฒนธรรมแห่ง

กรุงเทพมหานคร

หมวดหมู่ : งานแสดงศิลปะ

ด้วยแนวคิดแบบ Brave New World by Post-Graffiti

Blood ศิลปินทั้ง 16 คนพร้อมประสบการณ์เฉพาะที่ถูกหล่อหลอม

ภายในวัฒนธรรมความเป็นเมืองสมัยใหม่ ถ่ายทอด ความรู้สึกนึกคิด

และความสัมพันธ์กับสิ่งรอบตัวในเทคนิคและลีลาที่ถนัด ภาพเขียน

แต่ละส่วนแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้ง โกลาหลที่เกิดขึ้นเมื่ออยู่รวม

กัน เนื้อหาที่เป็นจินตนาการเฉพาะ ประสบการณ์ส่วนตัวที่เบาหวิว ไร้

เหตุผล หรือหนักแน่นกำาเนิดขึ้นอย่างกล้าหาญ พันธนาการแห่งสุนทรี

ยะถูกปลดปล่อย เพื่อการรับรู้จากสังคม เป็นอิสระจากการครอบงำาโดย

มาตรฐานใดมาตรฐานหนึ่ง และเป็นการสร้างต่อสุนทรียะของศิลปะ

บนผนังในที่สาธารณะให้ไปไกลขึ้น ขณะที่สร้างสรรค์งานแห่งตัวตน ก็

เรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยน จากความแตกต่างที่เคยเป็นความขัดแย้งสุดขั้ว

บังเกิดเป็นชุมชนใหม่ เป็นความสมดุลที่ดำารงอยู่ในความแตกต่างนั้นเอง

ไม่ใช่การหลอมรวมแต่เป็นการคงเนื้อหาที่สะท้อนปัจเจกและความเป็น

ทั้งหมดที่มีต่อกัน การสร้างสรรค์จึงไม่ใช่แค่งานของใครคนใดคนหนึ่ง

แต่เป็นทั้งกระบวนการที่นำาพาตัวตนของศิลปินทั้งหมดที่ต่างเปล่งเสียง

ออกมาจากผนังที่เคยเงียบเชียบไร้ชีวิตนั้นว่า

“มาดูฉันซิ ไม่สำาคัญว่าคุณมองฉันในด้านดีหรือไม่ แต่มาดูฉันซิ”

หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

โทร: 02-214-6630 - 8

อี-เมล: [email protected]

เว็บไซต์ : www.bacc.or.th

Page 35: NYA~ Journal Vol.2

งานเทศกาลหนังสือเด็กและเยาวชน

ครั้งที่9

วันและเวลา : 13-17 ก.ค. 2554

10.00 - 21.00 น.

สถานที่ : ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

หมวดหมู่ : งานนิทรรศการ

นิทรรศการและกิจกรรมจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “วรรณกรรม

ไทยอ่านสนุกไม่มีวันจบ” (Never Ending Thai Story)

เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนเรียนรู้เรื่องราว คติความเชื่อ สภาพวิถี

ชีวิต ความเป็นอยู่ แนวคิดในเรื่องคุณธรรมจริยธรรมของตัวละครต่างๆ

ที่แฝงอยู่ในตัวละครจากวรรณคดีไทยในเรื่องต่างๆ อันมีส่วนช่วยปลูก

ฝังนิสัยและคุณลักษณะที่ดีของเด็กไทยในอดีตจากรุ่นสู่รุ่นจวบจนถึง

ปัจจุบัน

รายละเอียดเพิ่มเติม :

ติดต่อ : +662-9549560-4

เว็บไซต์ : http://www.thailandbookfair.com/

Page 36: NYA~ Journal Vol.2

เข้าพรรษาปีนี้อยากจะงดอะไร?

LET’s SPEAK OUT LOUDMEGAPHONEพื้นที่สำ�หรับทุกความคิดที่อยากพูดดังๆแต่ใจไม่กล้าพอ

� สสส.�บอกให้เรา�“งดเหล้า�เข้าพรรษา“�วงบุดด้าเบลสก็เคยบอกเราว่าพวกเขาอยากจะ�“งดเศร้า�เข้าพรรษา”�MEGA-PHONE�ฉบับวันเข้าพรรษานี้จึงอยากรู้เหลือเกิน�ว่าเข้าพรรษานี้�เพื่อนๆ�พี่ๆ�น้องๆ�อยากจะ�“งด“�อะไรกันบ้าง� สำ�หรับพี่นาวเอง�ก็คงจะเป็น�อยากจะ�“งดเกา�เข้าพรรษา“�เพราะว่า�ช่วงนี้พี่รู้สึกคันหู�ไม่รู้เป็นอะไร๊~�(ฮา)�เหลือเกิน�

อยากจะงดเศร้า เพื่อเข้าพรรษา กราบเรียนหลวงตา ช่วยบอกผมทีอยากจะลืมเรื่องราว .. จะทำ ไงดี?

งดเศร้าเข้าพรรษา-บุดดาเบลส

MPE HGOAN E

MEGAPHONEเรืื่อง/ภาพ; ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ @Nicht_R

“งดรักเขา�เข้าพรรษา”�ให้เวลากับตัวเองซักวันนึง

Natthapong Chang-In

“เลิกกับเขา�เข้าพรรษา”����อะไรนะ�ให้ใช้งดเหรอ?����เออ�สับสน�555

PingPing S. Phakhawat

Page 37: NYA~ Journal Vol.2

“งดเดา�เข้าพรรษา”�ไปอ่านหนังสือสอบกันได้แล้วCoffeelucky Wolf

“งดสวมเขา�เข้าพรรษา”�ค่ะ�ไม่อยากโดนสวมเขา

Arocha�Sakulthaweesuk

“งดเหงา�เข้าพรรษา”�Teetat�Manitpisalkul

“งด(เสียงให้)เบา�เข้าพรรษา”�

Teppei�North�Ketiwong

“งด...(เซ็นเซอร์)...�เข้าพรรษา”�

Atapon�Aya�Krajangjai

Page 38: NYA~ Journal Vol.2

PHOTOHUNTเกมจับผิดภาพฝึกพัฒนาสมองทั้งซีกซ้ายและซีกขวาฉบับนี้ เป็นภาพของวันถ่ายรูปพาโนรามาของ

นักเรียนระดับชั้นม.๖ รุ่นที่ ๒๙ เพื่อที่จะทำาหนังสือรุ่น ก่อนที่จะจบการศึกษาในปีที่ผ่านมา วัน

นี้นับเป็นวันสำาคัญที่สุดอีกวันของชีวิตวัยมัธยมของนักเรียนคนหนึ่งเลยทีเดียว ภาพบนคือภาพจริง

และภาพล่างนั้นมีจุดที่ผิดเพี้ยนและแตกต่างไปจากต้นฉบับอยู่ ๑๐ จุด ลองหาดูนะครับ !!

ได้คำาตอบแล้ว ส่งคำาสอบที่ถูกต้อง จะพิมพ์ เขียน หรือวงรูปมาให้เห็นเลยก็ได้ ส่งมาทางเฟซบุ๊คเพจ ชุมนุมแมวบิน

โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี (/flyingcatclub) ๕ คนแรกที่ตอบได้ถูกต้องครบถ้วน รับของสมนาคุณจาก

ชุมนุมแมวบิน

Page 39: NYA~ Journal Vol.2
Page 40: NYA~ Journal Vol.2