68
“โลกแห่งการเดินทาง”

NYA~ Journal vol.10

Embed Size (px)

DESCRIPTION

school life magazine from flying cat club

Citation preview

Page 1: NYA~ Journal vol.10

“โลกแห่งการเดินทาง”

Page 2: NYA~ Journal vol.10
Page 3: NYA~ Journal vol.10
Page 4: NYA~ Journal vol.10
Page 5: NYA~ Journal vol.10

สวัสดีครับแฟนๆชาวเนียทุกท่านในฉบับนี้เรามี

ข่าวที่ไม่สู้ดีมาแจ้งนั่นคือวารสารเนียฉบับที่๑๐ที่ท่านกำาลัง

อ่านอยู่นี้จะเป็นฉบับสุดท้ายที่เราจะได้พบกันเนื่องจาก

ปัจจุบันทีมงานส่วนใหญ่ของวารสารเนียเป็นพี่ๆศิษย์เก่าที่

เรียนที่มหาวิทยาลัยชั้นปี๒แล้วซึ่งมีภาระทั้งด้านการเรียน

และกิจกรรมเพิ่มมากกว่าปีที่ผ่านมามากโดยเฉพาะพี่มะนาว

ผู้มีหน้าที่เนรมิตให้เนียน่าอ่านก็ยุ่งเสียเหลือเกินส่วนตัวพี่

โหลเองก็ยอมรับว่าเมื่อเวลาผ่านไปก็มีช่องทางเก็บข้อมูลเรื่อง

โรงเรียนมาเขียนน้อยลงจนแทบไม่เหลือแม้ว่าเราจะสนุกกับ

การทำาเนียอย่างไม่รู้เบื่อแต่อุปสรรคด้านเวลาที่เกิดขึ้นระหว่าง

การทำาหลายเล่มที่ผ่านมาโดยเฉพาะเล่มที่แล้วซึ่งวางแผงช้า

กว่าที่ควรหลายเดือนทำาให้เราตระหนักว่าจะไม่สามารถคง

คุณภาพและรักษาเวลาได้เท่าเดิมเราจึงหารือกันภายในหมู่

ทีมงานอย่างเข้มข้นจนได้ผลสรุปว่าเล่มที่๑๐ครบรอบ๑ปี

นี้จะเป็นจุดหมายปลายทางของเรา

จะว่าไปวารสารเนียมีอายุครบ๑ปีแล้วนะครับไว

มากเลย(ไม่นับเดือนที่เลทไปโดยไม่เจตนานะ)พี่โหลอยาก

บอกว่าระหว่างการเดินทางนี้เราพบกับสิ่งดีๆมากมายได้

ประสบการณ์และเพื่อนใหม่ๆมากมายนี่เป็นงานอดิเรกที่

วิเศษมากและพี่ก็เชื่ออย่างยิ่งว่าถึงเนียจะมาจุดสิ้นสุดการ

เดินทางแล้วแต่ขณะเดียวกันนี่จะเป็นประตูสู่ทางเดินไปยัง

โลกกว้างและประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยสัมผัส พี่เชื่อ

ว่าทุกชีวิตล้วนกำาลังเดินทางอยู่นะแล้วน้องๆล่ะครับ?รู้ตัว

หรือเปล่าว่าตัวเองกำาลังเดินทางอยู่หรือรู้หรือเปล่าว่ากำาลัง

เดินทางไปที่ไหนความฝัน?อนาคต?เป้าหมายของชีวิต?

ถ้ายังไม่รู้ก็ต้องรีบค้นหาซะนะไม่งั้นถ้าหลงทางล่ะแย่เลย

ส่วนน้องๆคนไหนที่กำาลังรู้สึกเหนื่อยรู้สึกว่าเป้าหมายมันไกล

เหลือเกินก็ต้องสู้ๆนะเส้นทางบางเส้นทางมันมีแค่ครั้งเดียว

ในชีวิตทุ่มสุดแรงเกิดสักครั้งจะได้หรือจะพลาดก็อยู่ที่ตัวเรา

จะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลังไงล่ะ

สำาหรับเนื้อหาในเนียสิบนี้ก็จะวนเวียนเกี่ยวกับการ

เดินทางๆนี่แหละครับไหนๆก็เล่มสุดท้ายแล้วพวกเราก็

จัดเต็มสุดๆยังไงก็ขอให้เพลิดเพลินกับเนื้อหาสาระที่พวกเรา

ตั้งใจคัดสรรมามอบแก่ทุกคนนะครับ

หวังว่าเราจะได้พบกันอีก

พี่โหลชลากรสถิวัสส์

บรรณาธิการ

EEditor’s Talk

Page 6: NYA~ Journal vol.10

แมวบินFly 2 Learnโรงเล่าKnowingลุยสวนMain Course

81214162026

Page 7: NYA~ Journal vol.10

หนังสือเดินทางM S อึนGet a taste ofภาษาพาไปEn Routeณ ปัจจุบันขณะ

525456575963

Page 8: NYA~ Journal vol.10

นี่เป็นการพบกับคอลัมน์แมวบินเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว

นะครับที่คอลัมน์นี้ใช้ชื่อว่าแมวบินซึ่งเป็นชื่อชุมนุมต้นกำาเนิด

วารสารเนียนี้ก็เพราะการส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมถือเป็น

พันธกิจอย่างหนึ่งของชุมนุมแมวบินหลายกิจกรรมที่เกิดขึ้นใน

ชุมนุมเราจัดขึ้นเพื่อปลูกฝังให้น้องๆสมาชิกคำานึงถึงผลกระทบ

จากการกระทำาของพวกเราคนตัวเล็กๆคนหนึ่งที่มีต่อสิ่งแวดล้อม

ถึงชุมนุมเราจะไม่ได้จัดกิจกรรมด้านนี้อย่างใหญ่โตถึงขั้นออกไป

ปลูกป่าชายเลนแต่เราก็เชื่อว่าการปลูกฝังเล็กๆนี้เป็นรากฐาน

ของการรักษาสิ่งแวดล้อมที่ยิ่งใหญ่ได้

ทุกวันนี้สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติรอบตัวเราประสบ

ปัญหามากมายอากาศมีมลพิษแสงแดดที่ร้อนแรงแผดเผา

มากกว่าเมื่อก่อนพลังงานขาดแคลนแหล่งต้นไม้น้อยลงที่ดิน

เสื่อมโทรมมากขึ้นสารพัดและด้วยบทเรียนที่เรารำ่าเรียนมา

ตั้งแต่เด็กหากจู่ๆอาจารย์ถามในห้องเรียนว่า“เราจะอนุรักษ์

สิ่งแวดล้อมได้อย่างไร”น้องๆก็คงยกมือตอบกันได้อย่างฉะฉาน

ประหยัดพลังงานลดการใช้รถยนต์ลดการทิ้งขยะช่วยกันปลูก

ต้นไม้ฯลฯและคำาตอบที่น้องๆมักตอบเป็นข้อท้ายๆเมื่อนึก

วิธีแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมทางตรงอื่นๆไม่ออกแล้วคือ“ปลูกฝัง

จิตสำานึก”

น้องๆคิดเหมือนพี่โหลไหมครับว่าการปลูกจิตสำานึก

เป็นวิธีพื้นฐานที่สุดในการแก้ปัญหาทุกเรื่องแต่เป็นวิธีที่ทำายาก

ที่สุดด้วยไม่ว่าจะเป็นวิธีเล็กๆน้อยๆข้างต้นง่ายๆแต่หาก

เราไม่คิดทำาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นยิ่งเป็นทางแก้ไขระดับชาติเช่น

การสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดการเพิ่มเส้นทางจักรยาน

ทั่วประเทศการเพิ่มงบและสวัสดิการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้การ

ออกมาตรการควบคุมคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจกจากภาค

อุตสาหกรรมฯลฯสิ่งที่เหล่านี้...ยากแต่ถ้าไม่คิดเริ่มก็จะไม่

เหลือความเป็นไปได้เลย

ง่ายแต่ไม่ทำาไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ยากแต่ไม่เริ่มต้นยิ่งไม่มีวันเป็นไปได้

STARTเริ่มที่ใจ

8

Page 9: NYA~ Journal vol.10

แมวบิน

เรื่อง-ชลากรสถิวัสส์@scjade

เราทุกคนล้วนถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่าโลกของเรามีเวลา

จำากัดอีก๕๐ปีข้างหน้านำ้ามันเชื้อเพลิงจะหมดไปอีกไม่ถึง

๑๐๐ปีข้างหน้านำ้าแข็งขั้วโลกจะละลายหมดอีก๕๐ปีข้างหน้า

สภาพอากาศของโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไม่มีวันกลับคืนหากไม่ได้รับ

การเยียวยาตั้งแต่ตอนนี้ปัญหาก็คือพี่โหลได้ยินเมื่อไม่นานมานี้

ว่าอีกภายใน๕๐ปีนำ้ามันเชื้อเพลิงจะหมดลงซึ่งเป็นสิ่งที่พี่ได้ยิน

มาตั้งแต่เด็กชวนให้สงสัยว่าข้อมูลนี้อาจเป็นแบบนี้มาตลอดโดย

ไม่มีการปรับปรุงแก้ไขตั้งแต่ก่อนพี่เกิดรึเปล่านะ?ถ้าเป็นอย่างนั้น

จริงเท่ากับตอนนี้เราไม่รู้เลยว่าณปัจจุบันนี้เราเหลือเวลาเท่าไร

แล้ว?

และด้วยเหตุที่เราถูกปลูกฝังด้วยข้อมูลเช่นนี้ถูกปลูก

ฝังด้วยคำาว่าประหยัดพลังงานหรือรักษาสิ่งแวดล้อม“เพื่อลูก

หลาน”หรือ“คนรุ่นต่อไป”ทำาให้เรารู้สึกว่าผลกระทบจะไม่ตก

อยู่ที่เราเรายังมีเวลาอีกตั้งหลายสิบปีมีเวลาครึ่งร้อยปีจะเริ่ม

ถนอมธรรมชาติเมื่อไหร่ก็ได้แต่รู้ไหมครับว่าตอนนี้แหละเรา

กำาลังอยู่ในช่วงที่ธรรมชาติเอาคืนมนุษย์แล้วเพราะเราไม่ใช่รุ่น

แรกที่ทำาร้ายโลกหากแต่มีการปล่อยมลภาวะมหาศาลมาตั้งแต่

ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อ๒๐๐กว่าปีก่อนอุตสาหกรรมและวิถี

การใช้ชีวิตที่ไม่สมบูรณ์นี้ได้สั่งสมความเสียหายไว้มากมากจนสิ่ง

แวดล้อมค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปจนถึงยุคของเราดังนั้นตัวเลข

ระยะเวลาต่างๆที่เรามีเหลือจึงยังช่วยเตือนได้ว่าเรายังไม่สายที่

จะเริ่มต้นแต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะรอจนถึงที่สุดต่อไปได้เรา

ต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เพราะนี่คือยุคที่ธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไป

อย่างรวดเร็วกว่าที่หลายคนเข้าใจ

ถ้าเราเคยเพิกเฉยถึงเวลาที่เราจะต้องใส่ใจกับมันแล้ว

ถ้าเราไม่เคยรู้ถึงการมีอยู่ของปัญหานี้ถึงเวลาที่เราจะต้อง

รับรู้และลงมือแก้ไข

การแก้ไขวิกฤติสภาวะโลกร้อนนั้นต้องเริ่มต้นจากการ

เปลี่ยนทัศนคติของเราจากเดิมเราอาจเคยคิดว่าเป็นหน้าที่ของ

ภาครัฐที่จะต้องควบคุมแหล่งปล่อยมลพิษขนาดใหญ่ต้องเปลี่ยนมา

คิดว่าการกระทำาของพวกเราทุกคนล้วนส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ

ได้และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมต่างๆในทางที่ดีก็มีส่วนช่วย

ฟื้นฟูโลกได้เช่นกันแม้จะเป็นการกระทำาเพียงเล็กน้อยก็ตามแต่จำา

ไว้เสมอว่าสิ่งเล็กๆน้อยๆหากรวมกันจากหลายๆคนมันก็กลาย

เป็นการเปลี่ยนแปลงได้เราอาจได้ยินอย่างนี้มาบ่อยแต่มันคือเรื่อง

จริงและหากมีใครเห็นการกระทำาของเราเขาก็อาจซึมซับและนำา

ไปปฏิบัติต่อก็ได้

การช่วยโลกไม่ได้ทำาให้วิถีการดำารงชีวิตของเรายากขึ้น

เลยเราไม่จำาเป็นต้องตั้งคำาถามว่าเราจะทำาอะไรที่ผิดแผกจากคน

อื่นทำาไมเพื่ออะไรเพราะคำาตอบนั้นชัดเจนอยู่แล้วคือทำาเพื่อตัวเรา

เองและเพื่อโลกใบนี้ที่เป็นบ้านของทุกสรรพชีวิตถ้าทุกวันนี้เรา

บ่นว่าร้อนเราก็ต้องทำาอะไรสักอย่างเพื่อให้อากาศร้อนน้อยลงถ้า

ทุกวันนี้เรากลัวนำ้าท่วมกลัวภัยธรรมชาติเราก็ต้องหาทางป้องกัน

และแก้ไขที่ต้นเหตุไปพร้อมกันถ้าทุกวันนี้เรารู้สึกว่ารอบตัวเรามี

แต่มลพิษเราก็ต้องเริ่มต้นลดมลพิษที่เกิดจากตัวเราเองก่อนอย่า

มัวแต่รอว่าจะมีหน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบเริ่มต้นที่ใจของเรา

เองเลยไม่ต้องรอใครเมื่อเรามีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงการกระ

ทำาก็จะตามมา

หยุดคิดว่าโลกร้อนต้องเปิดแอร์เพราะการเปิดแอร์มาก

ไปนั่นแหละที่ทำาให้โลกร้อนหันมาพึ่งพัดลมให้มากขึ้น

ไม่ต้องอายที่จะปฏิเสธถุงพลาสติกจากร้านค้าและพกของ

ถุงของตัวเองไปใส่

ล้างและลดขยะโดยการนำามาใช้ใหม่หรือขายแก่ร้านรับ

ซื้อของเก่า

ไม่ไกลก็เดินหรือขี่จักรยานไปก็ได้

ปลูกต้นไม้เพื่อฟื้นฟูปอดของโลก

และอีกสารพัดหนทางรอบตัวเรามีสื่อมากมายที่นำาเสนอ

วิธีช่วยโลกอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วขอแค่เรารับรู้และเริ่มทำา

การช่วยโลกไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่งแต่เป็นหน้าที่ของทุกคน!!

~

Page 10: NYA~ Journal vol.10

และเพราะมันมีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำา

เจ้าการเดินทางที่แหละจึงสร้างผลกระทบต่อโลกไว้มากมายอย่าง

คาดไม่ถึงท่ามกลางกิจกรรมต่างๆร้อยแปดพันประการของ

มนุษย์เฉพาะการเดินทางด้วยยวดยานพาหนะทั้งหลายก็สร้าง

ก๊าซเรือนกระจกไปแล้วกว่า14%ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ทั้งหมดบนโลกถึงกระนั้นเพราะการเดินทางเป็นสิ่งที่ใกล้ชิดกับ

วิถีชีวิตของพวกเรามากๆเราจึงสามารถมีส่วนร่วมในการแก้ไข

ปัญหาโลกร้อนได้ไม่ยากเลยเริ่มต้นที่รถที่บ้านของทุกคนนี่แหละ

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเราเล็กๆน้อยๆก็นำาไปสู่การ

ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่ยิ่งใหญ่ได้นะ

ใส่ใจดูแลลมยาง

ลองสังเกตรถที่บ้านดูว่ายางอ่อนนิ่มหรือไม่ถ้าปล่อย

ให้ยางนิ่มเกินกว่า25%ของระดับปกติจะทำาให้รถหน่วงและกิน

นำ้ามันมากขึ้นกว่าเดิม5-10%แถมยังลดอายุการใช้งานของยาง

อีกต่างหากบอกให้คุณพ่อเอารถไปเติมลมยางโดยด่วนเลย

ไปที่ใกล้ๆ

รู้จักวางแผนก่อนการเดินทางเสมอเพื่อให้ได้เส้นทางที่สั้น

ที่สุดและประหยัดเวลาที่สุดเวลาซื้อของหรือหาอะไรกินก็ควรไป

ร้านชำาหรือห้างที่ใกล้บ้านและควรเลือกซื้อสินค้าที่มีแหล่งผลิต

ใกล้เรามากที่สุดเพราะสินค้าจำานวนไม่น้อยต้องเดินทางนับร้อย

นับพันกิโลเมตรและสร้างก๊าซเรือนกระจกมากมายกว่าจะปรากฏ

ให้เราเห็นณจุดขาย

ขับเร็วเมื่อไหร่ปิดหน้าต่าง

การเปิดหน้าต่างเพื่อปิดแอร์อาจไม่ได้ช่วยประหยัดนำ้ามัน

เสมอไปถ้าเราขับรถเร็วอยู่แรงลมที่เข้าสู่ภายในรถจะกลาย

เป็นแรงต้านฉุดให้รถต้องออกแรงมากขึ้นและใช้พลังงานมากขึ้น

ฉะนั้นควรเลือกเปิดหน้าต่างตอนขับรถสบายๆในหมู่บ้านหรือเส้น

ทางที่ไม่ได้ขับเร็วมากและไม่มีอากาศเสียมากนะ

จะขับรถไม่ต้องวอร์มเครื่อง

คนจำานวนไม่น้อยติดนิสัยต้องติดเครื่องยนต์ค้างไว้ก่อน

สักพักค่อยขับเผลอๆชอบเบิ้ลเครื่องเล่นอีกต่างหากจะขับรถ

ไปไหนก็แค่สตาร์ทรถแล้วก็ขับไปด้วยความเร็วตำ่าในระยะแรกๆ

เท่านั้นก็เพียงพอแล้วครับ

ดับรถเป็นนิสัย

ถ้าการจอดรถชั่วคราวเช่นรอคนส่งคนเติมนำ้ามัน

แวะซื้อของหรืออะไรก็ตามแต่ซึ่งใช้เวลาเกินกว่า5นาทีดับรถ

เสียเถิดค่อยสตาร์ทใหม่จะใช้นำ้ามันน้อยปล่อยมลพิษน้อยกว่านะ

ครับ

ท�าให้รถเบาเข้าไว้

เปิดท้ายรถดูบ้างว่าเราเผลอทิ้งอะไรไม่จำาเป็นไว้บ้างไหม

ถ้ามีก็เอาออกไปเก็บในบ้านให้เรียบร้อยเสียยิ่งรถบรรทุกของ

เยอะก็ยิ่งสูบนำ้ามันของแต่งรถทั้งหลายก็ด้วยถ้าไม่จำาเป็นก็ไม่

ต้องติดมากนะ

ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์

เดี๋ยวนี้เรามีอุปกรณ์สื่อสารอยู่กับตัวทุกคนอยู่แล้วใช้

ติดต่อพูดคุยกันโดยที่ไม่ต้องเจอตัวเป็นๆกันบ้างก็ได้ประหยัดทั้ง

เวลาและค่าเดินทางแน่นอนช่วยบรรเทาโลกร้อนด้วย

ซื้อจักรยานมาใช้ซะ

ราคา1,000–2,000บาทของจักรยานธรรมดาคงไม่ใช่

สาเหตุที่ว่าทำาไมคนไทยไม่ค่อยขี่จักรยานแต่เพราะบ้านเมืองเรา

มันร้อนต่างหากแต่เชื่อเถอะครับว่าต่อให้มีรถขับเราก็ไม่ค่อยมี

อารมณ์นั่งรถตอนแดดร้อนๆหรอกก็ต้องรอเย็นๆค่อยออกจาก

บ้านอยู่ดีมีจักรยานไว้ใช้ล่ะคุ้มกว่าเยอะลงทุนครั้งเดียวไม่ต้อง

จ่ายอะไรอีกเลยขณะที่รถยนต์มีทั้งค่านำ้ามันค่าเสื่อมค่าซ่อม

นู่นซ่อมนี่ดอกเบี้ยเงินผ่อนสารพัดแถมการขี่จักรยานยังช่วยให้

เราได้ออกจากหน้าจอมาพบกับโลกหลายๆด้านที่เราไม่เคยสังเกต

และทำาให้เราได้ออกกำาลังกายบ้างจากปกติที่ไม่ค่อยได้ทำาอะไร

นอกจากเรียนกับเรียน

ตราบใดที่มนุษย์ไม่หยุดอยู่กับที่ พวกเราล้วนต้อง “เดินทาง” อยู่เสมอ

โลกแห่งการเดินทางแมวบิน

เรื่อง-ชลากรสถิวัสส์@scjade

Page 11: NYA~ Journal vol.10

ลดการนั่งเครื่องบิน

ทุก1วินาทีบนท้องฟ้าเครื่องบินสูญนำ้ามันไปถึง4ลิตร

ลองคิดดูสิว่าเราบินแต่ละครั้งใช้เวลานานแค่ไหนดังนั้นหาก

คิดจะไปเยี่ยมญาติหรือเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงปิดเทอมลองมอง

ตัวเลือกอื่นอย่างรถทัวร์บ้างจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ใช้เวลา8

ชั่วโมงถ้ารู้สึกว่านานก็ให้เลือกเที่ยวที่ออกเดินทางตอนกลางคืน

ตื่นมาอีกทีก็ถึงตอนเช้าพอดีไม่นานอย่างที่คิดหรอกประหยัด

เงินได้เป็นพันๆเลยนะแต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้เลือกบินตอนกลาง

วันเพราะไอเสียจากเครื่องบินจะมีผลกระทบรุนแรงกว่าในเวลา

กลางคืน(จริงๆรถไฟก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีมากอีกอย่างหนึ่งแต่

สำาหรับเมืองไทยก็....แนะนำาว่าเฉพาะตอนที่ไม่รี้บไม่รีบเลยก็ละกัน

ครับ)

เห็นไหมว่าแค่จะช่วยโลกนอกจากการนั่งรถโดยสาร

แทนรถส่วนตัวที่โรงเรียนสอนมาตลอดแล้วเรายังมีวิธีลดก๊าซเรือน

กระจกจากการเดินทางอีกมากมายโดยไม่ต้องเสียเงินหรือลำาบาก

อะไรเลยน้องๆหนูๆที่ยังไม่ถึงวัยขับรถเองก็ช่วยเตือนคุณ

พ่อคุณแม่ได้นะครับสู้ๆ!เพื่อโลกของเรา!!

ตัวเลขเหล่านี้คือความสัมพันธ์ที่น่าสนใจระหว่างการเดิน

ทางกับโลกร้อน

0.125ลิตรคือปริมาณนำ้ามันที่เราประหยัดได้หากดับรถ5นาที

20%คือปริมาณนำ้ามันที่ถูกเผาผลาญมากขึ้นเมื่อขับรถเร็วกว่า

121กม./ชั่วโมง

23คืออันดับของประเทศไทยจาก217ประเทศเรียงตามลำาดับ

การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มากที่สุด

36ลิตรคือปริมาณนำ้ามันที่เราประหยัดได้หากงดขับรถ1วัน

ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้0.01ตัน

40%คือปริมาณนำ้ามันที่ถูกเผาผลาญมากขึ้นเมื่อขับรถอย่าง

กระแทกกระทั้นและเบรกกะทันหัน

1,900ลิตรคือปริมาณนำ้ามันที่รถยนต์ใช้ในแต่ละปีโดยเฉลี่ย

9,352คันคือจำานวนรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียน

เพิ่มในประเทศไทยต่อวัน

20,000ตันคือปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เราลดได้หาก

จอดรถหนึ่งล้านคันไว้เฉยๆเพียงวันเดียว

60,000ตันคือปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นที่

กรุงเทพต่อวัน

100,000ตันคือปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดได้หากคน

ล้านคนช่วยกันขี่จักรยานแทนใช้รถยนต์สัปดาห์ละ8กม.

17,000,000คือจำานวนเที่ยวที่ชาวกรุงเทพเดินทางต่อวัน

17,300,480ตันคือปริมาณก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ต่อปีที่เกิด

จากกิจกรรมการขนส่งเฉพาะในกรุงเทพมหานคร

30,000,000ลิตรคือปริมาณเชื้อเพลิงปิโตรเลียมที่ชาว

กรุงเทพมหานครใช้ต่อวัน

4,835,400,000ตันคือปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้น

จากภาคคมนาคมในปี2009

13,159,278,309ลิตรคือปริมาณเชื้อเพลิงปิโตรเลียมที่ทั่วโลกใช้

ต่อวัน

28,999,400,000ตันคือปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่ม

ขึ้นทั่วโลกในปี2009

ข้อมูลจาก:ดับโลกร้อนด้วยมือเรา(กองบรรณาธิการมติ

ชน),คู่มือใช้ชีวิตในยุคโลกร้อน(เดวิดเดอรอธส์ไชลด์),โลก

ร้อนปรากฏการณ์ธรรมชาติเข้าขั้นวิกฤติ?(อภิชาสืบสามัคคี)

,กางร่มให้โลกเพราะโลกร้อน(วัฒน์ระวี),TheGreenGuide

เพราะว่าโลกร้อนมันจี๊ด!(อริสาพิสิฐโสธรานนท์),http://

news.mthai.com/general-news/116056.html,http://

www.iea.org/co2highlights/co2highlights.pdf

~

11

Page 12: NYA~ Journal vol.10

FFly to learn

เรื่อง-วรกานต์วินิจชัยมงคล@worrakann

“ย้ายที่ชั่วพริบตาชีวิตนี้เราจะได้วาร์ปสักครั้งไหมเนี่ยยยย”

Page 13: NYA~ Journal vol.10

สวัสดีค่ะไม่ได้พบกันตั้งนานเนอะทันทีที่พี่โหลกำาหนด

ธีมของเนียฉบับนี้ให้เป็นเรื่อง“การเดินทาง”บอกตรงๆว่าตอน

แรกพี่กานต์ก็แอบจนปัญญานิดๆเพราะมันเป็นเรื่องใกล้ตัวและ

กว้างมากกกจนไม่รู้จะหยิบประเด็นไหนมาเขียนดีว่าแล้วก็ลอง

เอาการเดินทางแบบหลุดโลกมาเขียนกันเลยดีกว่ามารู้จักการวาร์

ปกันเถอะค่ะ

ทุกคนคงเคยได้ยินคำานี้มาหลายครั้งอยู่คงจะรู้จักมัน

ว่าเป็นการย้ายวัตถุจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งที่ห่างไกลได้ในพริบตา

อย่างที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์วิทยาศาสตร์หลายเรื่องเช่นส

ตาร์เทร็กส์หรือในการ์ตูนและเกมก็มีสิ่งที่ใกล้เคียงการวาร์ปอยู่ไม่

น้อยเช่นเกมPortalประตูไปไหนก็ได้ของโดราเอม่อนหรือ

ผงฟลูในแฮร์รี่พ็อตเตอร์ก็ใช่พวกเราเห็นในจอก็คงได้แต่มองตา

ปริบๆและหวังว่าชีวิตจริงเราจะวาร์ปได้อย่างนั้นบ้างจะได้ไม่

ต้องตื่นแต่เช้าไปเรียนไม่ต้องทุกข์ทนกับการติดแหง็กอยู่บนรถใน

ระบบจราจรประเทศไทย

ไม่ได้มีแต่พวกเราเท่านั้นที่อยากจะวาร์ปไปไหนก็ได้เจ้า

สิ่งนี้ยังเป็นความฝันอันสูงสุดของนักวิทยาศาสตร์จำานวนมากโดย

เฉพาะนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์เพราะอะไรหรือคะ?คำาตอบก็

คือแม้ว่ามนุษย์จะศึกษาสิ่งต่างๆบนท้องฟ้ามานับพันปีแต่ที่

ที่ไกลสุดที่พวกเราเดินทางไปได้ด้วยตัวเองก็คือดวงจันทร์ที่ห่าง

จากโลกประมาณ400,000กิโลเมตรเท่านั้นหรือยานสำารวจ

อวกาศซึ่งเป็นตัวแทนของมนุษย์ที่ขนาดบินมาเกือบ35ปีก็เพิ่ง

ไปได้ไกลเพียง18,000ล้านกิโลเมตรซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับขนาด

ของเอกภพ34,000ล้านปีแสงหรือ321,657,965,770ล้านล้าน

กิโลเมตรการวาร์ปจึงเป็นเพียงความหวังเดียวที่นักวิทยาศาสตร์

หวังว่าจะได้เดินทางไปเยือนกาแล็กซี่ต่างๆที่ห่างไกลในชั่วชีวิต

ของตน

ทฤษฎีเกี่ยวกับการวาร์ปที่ผู้คนหยิบมาพูดคุยกันมีอยู่

มากมายในที่นี้พี่กานต์ขอหยิบมานำาเสนอ2อย่างที่พี่กานต์คิดว่า

มีการศึกษาอย่างจริงจังไปแล้วพอสมควรมีอะไรกันบ้างมาดูกัน

เลยค่ะ

เคลื่อนย้ายด้วยเครื่องย้ายมวลสาร อีกชื่อหนึ่งคือ“เครื่องแฟ็กซ์วัตถุ”หรือที่เราคุ้นกับ

ชื่อ“เทเลพอร์ท”นั่นเองที่ออสเตรเลียในปี2007มีการทดลอง

จนประสบความสำาเร็จไประดับหนึ่งแล้ววิธีของเขาก็คือเอาวัตถุ

ไปแช่แข็งในอุณหภูมิ-273องศาเซลเซียสณความเย็นระดับ

นี้อะตอมของวัตถุจะจัดเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบจากนั้นก็ยิง

ลำาแสงเลเซอร์2ลำาเข้าไปแสงเลเซอร์จะทำาให้อะตอมเหล่านั้น

แตกตัวเปลี่ยนจากมวลเป็นเป็นพลังงานจากนั้นก็ส่งไปทาง

สายใยแก้วนำาแสง(Opticfiber)ไปถึงที่หมายและใช้เครื่องแปลง

ให้อะตอมเรียงตัวกลับมาเป็นวัตถุเดิมอีกครั้ง

แต่เจ้าเครื่องนี้ก็ยังติดข้อจำากัดอยู่ดีเพราะยังคง

ทำาได้ความละเอียดระดับหนึ่งเท่านั้นคือใช้เคลื่อนย้ายวัตถุที่มี

โครงสร้างอะตอมง่ายๆได้แต่ถ้าเป็นสิ่งที่มีโครงสร้างซับซ้อนล่ะ

ก็ยังไม่สามารถทำาได้ยิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยเพราะ

ยังมีประเด็นที่ว่าสิ่งมีชีวิตนั้นจะอยู่ในสถานะ“ตาย”ตอนถูกสลาย

อะตอมหรือไม่แล้วจะกลับมาในสภาพเดิมพร้อมอุปนิสัยความ

ทรงจำาเดิมหรือไม่การวิจัยนี้จึงมีกฎห้ามทดลองกับสัตว์เด็ดขาด

เจ้าเครื่องเทเลพอร์ทนี้ก็ยังคงต้องถูกแก้ไขปัญหาทั้งหลายอยู่ใน

ห้องทดลองต่อไป

อ่านมาตั้งมากมายขนาดนี้น้องๆคงจะพอเดาคำาตอบ

ได้แล้วว่าเราจะได้วาร์ปไปไหนต่อไหนดั่งใจคิดได้หรือไม่คำาตอบก็

คือไม่ได้ค่ะอย่างน้อยๆก็ไม่ใช่ยุคปัจจุบันและอนาคตอันใกล้นี้

เพราะเรายังมีเทคโนโลยีที่ไม่เพียงพอและยังมีปริศนาของธรรมชาติ

อีกมากมายที่เรายังถอดรหัสไม่ได้ก็ต้องแอบหวังกันต่อไปว่า

เหล่าพี่ๆนักวิทยาศาสตร์เก่งๆจะช่วยพัฒนาระบบวาร์ปให้เป็น

ประโยชน์ต่อมนุษยชาติได้ในเร็ววันล่ะเน้อ

ที่มา:http://jusci.net/node/2461,http://www.vcharkarn.

com/vcafe/48294

~

13

Page 14: NYA~ Journal vol.10

รโรงเล่า

เรื่อง-กองบรรณาธิการ

ชูว้าบส์ส์สวัสดีครับเพื่อนๆพี่น้องชาวสวนนนท์ทุกคนผมได้มาลองเขียนเนียเป็นครั้งแรกก็ดัน

เป็นเล่มสุดท้ายซะแล้วไม่เป็นไรเข้าเรื่องของเรากันดีกว่าทุกคนเคยสงสัยบ้างไหมครับว่าเจ้ารถแท็กซี่ที่

เราเห็นเกลื่อนถนนทุกเมื่อเชื่อวันนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรบ้างผมเองก็เพิ่งรู้ว่าเจ้ารถสีเหลืองแปร๋นๆนี้มีประวัติ

ความเป็นมาลึกซึ้งมากเลยนะจึงอยากนำามาเผยแพร่ให้ชาวเนียทุกคนได้รู้จักกันครับ

เชื่อหรือไม่ว่าคำาว่าแท็กซี่ที่เราพูดๆกันมีส่วนของ

รากศัพท์ภาษาละตินที่แปลว่ารถม้า?

เริ่มสงสัยกันแล้วล่ะสิว่าทำาไมเขาถึงใช้รากศัพท์จาก

คำาว่ารถม้าไม่ใช่รถยนต์หรือรถอะไรที่สมัยใหม่หน่อยคำา

ตอบก็คือเพราะแท็กซี่มีมาแต่โบราณแล้วนะครับจะบอก

ให้ย้อนไปตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมันหรือ2,000กว่าปี

ก่อนนู่นแท็กซี่ที่ยังเป็นรถม้ามีเฟืองติดที่ล้อเกวียนขณะที่

ล้อเคลื่อนที่ระบบเฟืองก็หมุนตามไปด้วยและผลักเอาเม็ด

กลมๆจากกล่องเก็บสู่อีกกล่องหนึ่งเมื่อครบทุกระยะทาง

ระยะหนึ่งตามที่ตั้งไว้เมื่อถึงที่หมายผู้โดยสารก็จะจ่ายเงิน

ตามเม็ดกลมที่ไหลออกมายิ่งมีมากก็หมายความว่าเดินทาง

มาไกลและจะเสียค่าโดยสารมากเมื่อจ่ายเงินกันเรียบร้อย

คนขับก็จะเทเม็ดกลมใส่กล่องเก็บดังเดิมและรอรับผู้โดยสาร

คนต่อไป

แต่เมื่ออาณาจักรโรมันล่มสลายไปเทคโนโลยีการ

ใช้มาตรคิดเงินก็หายไปจากประวัติศาสตร์ไปด้วยแท็กซี่รถ

ม้าเลื่อนกลับมาปรากฏตัวในอีกครั้งเกือบ2,000ปีให้หลัง

ที่ลอนดอนและปารีสในต้นศตวรรษที่17เท่าที่มีการบันทึกเจ้าแรกสุดที่เริ่มธุรกิจบริการนี้ที่ลอนดอนคือ

บริษัทHackneyCarriageActในปี1635ตามมาด้วยที่ปารีสเป็นของนายนิโคลัสซอวเวจค.ศ.1640รถ

รับจ้างประเภทนี้คนสมัยนั้นเขาเรียกกันว่า“เฟียซ”(fiacres)ซึ่งมีที่มาจากโบสถ์คริสเซ็นต์เฟียซที่อู่

รถของนายนิโคลัสตั้งอยู่ด้านหน้าแท็กซี่ในยุคแรกเริ่มก็ยังคงใช้รถม้าเป็นเวลากว่า200ปีมีการพัฒนา

แท็กซี่รถม้าให้วิ่งได้เร็วขึ้นและปลอดภัยขึ้นตามเวลาจนกระทั่งถึงยุคของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่มีการ

ใช้รถยนต์เป็นรถรับจ้างและติดมิเตอร์คิดเงินสมัยใหม่ในปี1897รถยนต์คันนี้มีชื่อว่าวิคตอเรียเดมเลอ

ร์ออกแบบโดยนายก็อตไลบ์เดมเลอร์ชาวเยอรมันต่อมาก็มีการใช้ที่ปารีสในปี1899และปี1903ที่

ลอนดอน

แทก็ซี่นี้ ... มีที่มา

Page 15: NYA~ Journal vol.10

ต่อมาปี1907ถือเป็นปีที่สำาคัญอีกปีหนึ่งในประวัติศาสตร์ของรถแท็กซี่เมื่อแฮร์รีนาธานิเอลอัล

เลนนำาเข้ารถแท็กซี่จากประเทศฝรั่งเศสมาตั้งเป็นบริษัทชื่อNewYorkTaxicabไม่เพียงแต่เป็นปีที่ไม่การ

ใช้รถแท็กซี่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้นหากแต่ยังเป็นปีที่คำาว่า“แท็กซี่”ถือกำาเนิดขึ้นมาอีกด้วยจากเดิมที่

เคยเรียกรถประเภทนี้ด้วยภาษาท้องถิ่นที่แปลว่ารถม้ารับจ้างหรือเรียกตามยี่ห้อของรถม้าคำาว่าtaxiหรือ

ที่ฝรั่งเขาเรียกกันว่าtaxicabเกิดขึ้นจากไอเดียของนายแฮร์รีนั่นเองคำานี้เป็นคำาย่อของคำาว่าtaximeter

cabrioletหากถอดจากรากศัพท์ภาษาละตินกลางจะได้

taxiมาจากtaxa(การคิดเงิน)และmeterเป็นภาษา

กรีก(metron)ซึ่งแปลว่ามาตรวัดบวกกับคำาว่าcabrio-

letที่แปลว่ารถม้ารวมๆกันแปลว่ารถม้าที่ติดมาตรคิด

เงินนั่นแหละครับ

ไม่เพียงเท่านั้นนายแฮร์รียังเป็นคนแรกที่ใช้สีเหลือง

เป็นสีของรถแท็กซี่ด้วยหลังจากพบว่าเป็นสีที่สามารถ

สังเกตจากระยะไกลได้เด่นชัดที่สุดหลังจากนั้นสีเหลืองก็

กลายเป็นสีที่นิยมสำาหรับรถแท็กซี่ทั่วสหรัฐอเมริกาและ

แพร่หลายในอีกหลายประเทศทั่วโลก

ทีนี้เรามาดูประวัติความเป็นมาของแท็กซี่ในเมือง

ไทยกันบ้างครับผู้ที่นำาแท็กซี่มาใช้ในเมืองไทยเป็นครั้งแรก

คือพระยาเทพหัสดินณอยุธยา(ผาด)ท่านนำาเข้ามาใน

ช่วงปีพ.ศ.2468เป็นรถขนาดเล็กยี่ห้อออสตินติดป้าย“

รับจ้าง”ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของตัวรถส่วนคนขับ

ก็มักเป็นทหารอาสาหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งสมัยนั้น

แท็กซี่มีเพียงแค่14คันเท่านั้นวิ่งเฉพาะในเขตพระนคร

ผู้คนก็มักเรียกว่ารถไมล์(คำาว่าแท็กซี่เพิ่งใช้กันประมาณ๓๐กว่าปีที่ผ่านมา)เนื่องจากคิดค่าโดยสารเป็น

ไมล์ไมล์ละ15สตางค์ซึ่งถือว่าแพงมากและด้วยเหตุที่ค่าโดยสารแพงประกอบกับสมัยนั้นผู้คนยังชินกับ

รถรับจ้างอื่นๆเช่นรถสามล้อถีบรถลากซึ่งค่าโดยสารถูกกว่ากิจการรถไมล์จึงขาดทุนจนต้องเลิกไป

แท็กซี่ในเมืองไทยหายหน้าหายตาไปอีกนานกว่าจะกลับมาอีกครั้งก็หลังสงครามโลกครั้งที่สอง

พ.ศ.2490มีผู้นำารถยนต์ยี่ห้อเรโนลด์มาวิ่งรับจ้างโดยคิดค่าโดยสารกิโลเมตรละ2บาทเรโนลด์ได้รับความ

นิยมมากจนเริ่มมีรถรับจ้างแบบแท็กซี่ปรากฏในต่างจังหวัดและต้องมีการควบคุมจำานวนรถแท็กซี่จนถึง

ปัจจุบันเมื่อเวลาผ่านไปเรโนลด์ที่ใช้เป็นรถแท็กซี่อย่างแพร่หลายในสมัยนั้นกลายเป็นรถตกรุ่นหลาย

บริษัทก็เปลี่ยนมาใช้รถออสตินแวนสองประตูรถดัทสันบลูเบิร์ดรถเก๋งฮีโนตามลำาดับจนถึงปัจจุบันรถ

ที่นิยมมาใช้เป็นรถแท็กซี่มากที่สุดคือรถโตโยต้าลีโมที่ออกแบบมาเพื่อใช้ทำาแท็กซี่โดยเฉพาะสามารถใช้

พลังงานได้ทั้งก๊าซธรรมชาติและแก๊ซโซฮอลE20

นี่แหละครับคือความเป็นมาของรถแท็กซี่พวกเราคงไม่เคยนึกภาพว่าแท็กซี่ในสมัยก่อนหน้าตา

เป็นยังไงพอรู้ที่มาที่ไปก็คงตะลึงกันไม่น้อยเสียดายจังที่ได้พบกับผู้อ่านทุกคนแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเองแต่ถึง

จะครั้งเดียวก็ยินดีที่ได้พบทุกคนนะครับเจอกันที่โรงเรียนก็ทักกันได้น้าสวัสดีครับ><

~ที่มา;วิกิพีเดียภาษาไทยและภาษาอังกฤษ,http://www.oknation.net/blog/taxi/2007/05/08/en-

try-2ภาพจากอินเทอร์เน็ต

แทก็ซี่นี้ ... มีที่มา

15

Page 16: NYA~ Journal vol.10

ก้าวที่ไกลลลลลที่สุดของมนุษยชาติ

ภาพจุดซีดๆสีฟ้าเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นโลก

ของเราจากระยะ6พันล้านกิโลเมตร

ถ่ายโดยยานวอยเอเจอร์1ในปี1990

ภาพของวงแหวนดาวเสาร์ที่ถ่ายโดยยานวอย

เอเจอร์1แล้วย้อมสีแสดงให้เห็นชั้นย่อยๆของ

วงแหวนอีกนับพันวง

16

Page 17: NYA~ Journal vol.10

สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวเนียทุกคนเพื่อนๆเคยคิดกันบ้างไหมคะว่าอะไรคือ“

ความไกล”ที่ไกลที่สุดเท่าที่เรารู้จักหรือนึกภาพออกคงมีบ้างที่เรารู้สึกว่าระยะห่าง

ระหว่างตึกเรียนของเรามันไกล๊ไกลเหลือเกินตอนเราสุดจะเหนื่อยเรียนมาทั้งวันก็ยัง

ไม่เลิกเรียนเสียทีหรือวันศุกร์ฝนตกรถติดแต่เราก็ยังต้องไปเรียนพิเศษแถวเดอะมอลล์

แบบนี้วันนี้ก้อยขอเอาเรื่องสิ่งที่เดินทางไปไกลมากไกลกว่าความไกลใดๆที่เราเคย

รู้จักขอเชิญพบกับยานอวกาศนามว่าวอยเอเจอร์ค่ะ

ยานวอยเอเจอร์1และวอยเอเจอร์2เป็นยานสำารวจอวกาศไร้คนขับสัญชาติ

อเมริกันหรือพูดให้ถูกอีกอย่างคือสัญชาติดาวโลกและเป็นสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ที่

เดินทางไปไกลที่สุดในประวัติศาสตร์โปรเจคท์วอยเอเจอร์นี้เกิดขึ้นจากไอเดียของนาย

GaryFlandroนักวิทยาศาสตร์ของนาซ่าที่พบว่าการเรียงตัวของดาวเคราะห์ชั้นนอก

ทั้ง4ดวงซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่175ปีจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้นเป็นโอกาสดี

ที่จะสร้างยานไปสำารวจดาวเคราะห์ชั้นนอกเหล่านั้นเพราะจะได้รับผลพลอยได้จาก

ปรากฏการณ์คือมีแรงเหวี่ยงจากดาวแต่ละดวงช่วยผลักให้ยานเดินทางได้เร็วขึ้นใน

ระยะทางที่สั้นกว่าปกติ

และแล้วยานทั้งสองก็ถูกสร้างขึ้นและถูกส่งออกนอกโลกในปลายปีค.ศ.1977

พี่น้องวอยเอเจอร์ใช้เวลาร่วม2ปีกว่าจะเดินทางไปถึงดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นดาวเป้า

หมายดวงแรกจากภารกิจตั้งต้นสำารวจดาว2ดวง(อีกดวงหนึ่งคือดาวเสาร์)ยานทั้ง

สองลำาได้เปิดเผยอีกด้านหนึ่งอันน่าตื่นตะลึงของดาวพฤหัสบดีที่มนุษย์ไม่เคยเห็นไม่

ว่าจะเป็นวงแหวนของดาวพฤหัสบดีที่บางมากจนไม่เคยมีใครค้นพบมาก่อนขนาด

ใหญ่มโหฬารของพายุยักษ์TheGreatRedSpotและได้พบข้อมูลใหม่ๆของดาว

บริวารของดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์อันนำามาซึ่งโครงการสำารวจดาวบริวารเหล่านี้อีก

มากมายตามมาเมื่อสิ้นสุดสารกิจนี้พี่น้องวอยเอเจอร์ก็ยังไปได้ต่อเพราะถูกออกแบบ

มาให้ทำาอะไรได้มากกว่าภารกิจดั้งเดิมของมันทั้งสองได้ไปค้นพบดาวบริวารดวงใหม่

ๆของดาวยูเรนัสค้นพบพายุที่รุนแรงที่สุดในระบบสุริยะบนดาวเนปจูน(ความเร็ว

700กม./ชม.)

ปัจจุบันวอยเอเจอร์1ได้นำาหน้าไปถึงพื้นที่ที่เรียกว่า“ชายขอบของระบบ

สุริยะ”แล้วที่ระยะห่าง120หน่วยดาราศาสตร์หรือ18,000ล้านกิโลเมตรจากโลก

โดยที่วอยเอเจอร์2ตามหลังอยู่หลายพันล้านกิโลเมตร18,000ล้านกิโลเมตรนี่ไกล

แค่ไหนนะ?ถ้าเทียบกับระยะทางที่เราเดินจากหน้าโรงเรียนไปห้าแยกปากเกร็ดทุก

วันวันละ1กิโลเมตรปีนึงเดินสัก200วันก็200กิโลเราก็ต้องเป็นนักเรียนที่นี่ ~

ก้าวที่ไกลลลลลที่สุดของมนุษยชาติ

ภาพของวงแหวนดาวเสาร์ที่ถ่ายโดยยานวอย

เอเจอร์1แล้วย้อมสีแสดงให้เห็นชั้นย่อยๆของ

วงแหวนอีกนับพันวง

(บน)จุดแดงใหญ่และจุดขาวบนบรรยากาศ

ดาวพฤหัสบดี(ล่าง)ภาพดาวเสาร์เหมือน

พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวและวงแหวน

17

Page 18: NYA~ Journal vol.10

สัก90ล้านปีถึงเดินได้เท่าที่วอยเอเจอร์ไปได้ตอนนี้น่ะค่ะโอย

ขนาดเปรียบเทียบกับของใกล้ตัวยังเกินจะจินตนาการได้เลยดัง

นั้นที่แห่งนี้จึงเป็นที่ที่มนุษย์แทบไม่รู้จักอย่าว่าแต่เดินทางไปถึง

เลยแม้แต่เพียงการตั้งข้อสันนิษฐานเราก็มีข้อมูลเพียงเล็กน้อย

เท่านั้นการเดินทางของวอยเอเจอร์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการทำาได้

เกินความคาดหมายเท่านั้นหากแต่ยังให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์แก่

วงการวิทยาศาสตร์นานัปการในขั้นนี้วอยเอเจอร์ต้องประสบกับ

รังสีคอสมิกในระดับที่มากอย่างไม่เคยพบมาก่อนและในอนาคต

อันใกล้ก็มีแนวโน้มจะพบสิ่งที่เหนือความคาดฝันอีกมากเพราะเมื่อ

พ้นขอบเขตสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ที่คอยปกป้องรังสีอวกาศ

ไม่ให้รุกลำ้ามาถึงดาวเคราะห์ภายในก็ไม่มีใครบอกได้ว่าภายนอก

ของบ้านเรานั้นจะมีอะไรเกิดขึ้น

พี่น้องวอยเอเจอร์แต่ละลำาหนัก775กิโลกรัมหรือเบา

กว่ารถอีโคคาร์คันเล็กๆสักหน่อยประกอบด้วยเสาที่ติดอุปกรณ์

สำารวจต่างๆ3ต้นจานส่งข้อมูลกลับมายังโลก(ส่งข้อมูลกลับ

ทุก3เดือนวอยเอเจอร์1ใช้เวลา23ชั่วโมงวอยเอเจอร์2ใช้

เวลา18.5ชั่วโมงกว่าข้อมูลจะมาถึง)และเครื่องยนต์กับระบบ

กำาเนิดพลังงานเครื่องมือที่ติดไปด้วยนี้มีอยู่11ชิ้นอาทิเครื่อง

ตรวจจับสนามแม่เหล็กเครื่องตรวจจับพลาสมากล้องอินฟราเรด

กล้องถ่ายภาพสีเป็นต้นแต่ในจำานวนนี้มีเพียง5ชิ้นเท่านั้นที่

ยังคงเปิดใช้งานอยู่ที่เหลือถูกปิดไปเพื่อถนอมพลังงานวอยเอ

เจอร์ขับเคลื่อนด้วยความเร็ว3.3หน่วยดาราศาสตร์ด้วยพลังงาน

นิวเคลียร์จากแร่พลูโตเนี่ยมที่ให้กำาลัง470วัตต์ในช่วงออกเดินทาง

ปัจจุบันเหลือประมาณ268วัตต์หรือ57%ของที่ผลิตได้ตอนแรก

นาซ่าคาดว่าวอยเอเจอร์จะส่งข้อมูลกลับมายังสถานีภาคพื้นได้

อย่างน้อยจนถึงปีค.ศ.2025หลังจากนั้นยานก็จะไม่มีกำาลังหันจาน

ส่งข้อมูลกลับมายังโลกอีกหลังจากนั้นล่องลอยต่อไปในอวกาศอัน

เคว้งคว้างและจะถึงเขตของดาวซิริอุสดาวฤกษ์ที่ใกล้ระบบสุริยะ

ที่สุด(4.3ปีแสง)ในอีก290,000ปีข้างหน้า

นี่คือเรื่องราวของการเดินทางที่ไกลที่สุดของมนุษยชาติ

ค่ะถึงแม้เราจะยังไม่สามารถไปได้ด้วยตัวเองแต่ก้อยว่านี่ก็น่าทึ่ง

มากแล้วคิดดูสิคะว่ายานทั้งสองนี้ถูกสร้างเทคโนโลยีเมื่อ35ปีที่

แล้วคอมพิวเตอร์สมัยนั้นช้ากว่ามือถือรุ่นถูกสุดสมัยนี้เสียอีกอีก

สิ่งหนึ่งที่ก้อยชอบวอยเอเจอร์เป็นการส่วนตัวคือเรื่องที่มันถูกเรียก

ว่าทูตของดาวโลกคือมันพกแผ่นเสียงทองคำาที่ชื่อว่า‘Voyager

GoldenRecord’ซึ่งบรรจุเสียงมนุษย์ภาษาต่างๆและเสียง

ธรรมชาติและมีภาพของระบบสุริยะบ้านของเราและภูมิทัศน์

ต่างๆบนโลกเผื่อว่าวันใดมีมนุษย์ต่างดาวที่ทรงสติปัญญามา

พบเข้าเขาก็จะได้รู้ว่ามีโลกของเราอยู่คิดแล้วก็น่าสนุกดีนะคะถ้า

เรามีเพื่อนหน้าตาแปลกๆจากดาวอื่นมาเยี่ยมเยียนมาพูดคุยแลก

เปลี่ยนเรื่องดีๆกันแต่ถ้าเป็นแบบเอเลี่ยนบุกโลกแบบในหนังล่ะ

ก็....ขออยู่เงียบๆสงบสุขอยู่ดาวเดียวแบบนี้ดีกว่าบรึ๋ยยยย

ที่มาข้อมูล:http://en.wikipedia.org/wiki/Voyager_pro-

gram,http://thaiastro.nectec.or.th/news/viewnews.

php?newsid=134,http://www.darasart.com/spacecraft/

voyager/main.html,http://voyager.jpl.nasa.gov/

~

18

Page 19: NYA~ Journal vol.10

การจากไปของจอร์จผู้เดียวดาย เมื่อวันที่24มิถุนายน2555ที่ผ่านมาโลกของเราเพิ่งสูญเสียหนึ่งชีวิตที่สำาคัญยิ่งไปผู้ที่เรา

สูญเสียไปนี้ไม่ใช่ผู้นำาประเทศนักการเมืองหรือศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แต่อย่างใดหากแต่เป็นเต่าแก่ๆตัว

หนึ่งที่ชื่อว่า“จอร์จผู้เดียวดาย”(LonesomeGeorge)ทำาไมการที่เต่าตายเพียงตัวเดียวถึงเป็นเรื่อง

สะเทือนโลกออกข่าวไปยังทุกประเทศ?วารสารเนียขอนำาเสนอเรื่องราวของจอร์จให้ผู้อ่านทุกท่าน

ได้รู้จักกันครับ

ก่อนอื่นขอเริ่มต้นจากชื่อของ“หมู่เกาะกาลาปากอส”ก่อนท่านผู้อ่านคุ้นๆชื่อนี้บ้างไหม

ครับ?หมู่เกาะกาลาปากอสเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเอกวาดอร์ทวีปอเมริกาใต้อยู่ห่างจากแผ่น

ดินใหญ่972กม.และได้รับการยกย่องว่าเป็นมรดกโลกด้านธรรมชาติโดยยูเนสโกที่แห่งนี้ขึ้นชื่อด้าน

ความหลากหลายทางชีววิทยามีสัตว์ที่หน้าตาไม่เหมือนกับพื้นที่ใดบนโลกอาศัยอยู่มากมายแม้แต่

ชาร์ลดาร์วินนักชีววิทยาคนสำาคัญของโลกก็สนใจหมู่เกาะนี้มากๆและศึกษาโดยละเอียด

หมู่เกาะกาลาปากอสประกอบด้วย14เกาะหนึ่งในนั้นคือเกาะพินทาที่เป็นบ้านเกิดของ

บรรดาเต่ายักษ์เกาะพินทา(Chelonoidisnigraabingdonii)และจอร์จก็เป็นหนึ่งในนั้นในปลายคริส

ศตวรรษที่19ซึ่งเป็นยุคล่าอาณานิคมที่เหล่าประเทศมหาอำานาจต่างแสวงหาแผ่นดินไว้ครอบครอง

เกาะพินทาก็ถูกบุกรุกแพะที่ผู้อพยพนำาไปด้วยก็แย่งทรัพยากรของเต่ายักษ์เกาะพินทาทำาให้พวกมันมี

จำานวนลดลงซำ้าร้ายในสมัยนั้นการคมนาคมยังไม่เจริญนักเครื่องบินก็ยังไม่มีการเดินทางไกลมีเพียง

เรือเท่านั้นซึ่งใช้เวลานานมากเต่ายักษ์หมู่เกาะกาลาปากอสจำานวนจึงถูกล่าไปเป็นเสบียงเพราะเต่า

พวกนี้เคลื่อนไหวช้าล่าง่ายเมื่อเก็บใต้ท้องเรือก็เพียงหงายท้องและผูกเชือกหลวมๆพวกมันก็หนีไป

ไหนไม่ได้แล้วอีกทั้งยังอดอาหารได้เป็นเดือนโดยไม่ตาย

มารู้ตัวอีกทีกว่าโลกจะสนใจว่าพืชและสัตว์ทั้งหลายหายไปไหนเยอะแยะปรากฏว่าไม่มีใคร

พบเห็นเต่ายักษ์เกาะพินทาอีกแล้วหลายสิบปีผ่านมาวันที่1ธันวาคม1971เต่ายักษ์เกาะพินทาตัวห

นึ่งถูกค้นพบมันถูกตั้งชื่อว่าจอร์จซึ่งคาดว่ามาจากชื่อของจอร์จโกเบลดาราชาวอเมริกันที่โด่งดังมาก

ในสมัยนั้นจอร์จถูกย้ายไปดูแลที่ศูนย์วิจัยชาร์ลดาร์วินที่เกาะซานตาครูซในช่วงนั้นโลกก็มีความหวัง

ว่าเต่ายักษ์เกาะพินทาจะกลับมาอีกครั้งนักสำารวจจำานวนมากไปที่เกาะพินทาเพื่อค้นหาว่ามีเต่าพันธุ์

เดียวกับจอร์จหลงเหลืออีกหรือไม่แต่ไม่เป็นผลไม่มีใครพบเจอเต่ายักษ์เกาะพินทาเพิ่มเลย

ตลอด40ปีที่ผ่านมาที่จอร์จอาศัยที่ศูนย์วิจัยศูนย์วิจัยพยายามอย่างยิ่งในการรักษาพันธุ์ของ

จอร์จไว้ถึงกับประกาศว่าจะมอบเงินให้10,000ดอลล่าร์แก่ผู้ที่หาคู่ให้จอร์จได้มีการนำาเต่ายักษ์

พันธุ์ใกล้เคียงมาจับคู่กับจอร์จอยู่หลายครั้งแต่ล้มเหลวทั้งหมดไข่ทุกฟองล้วนฝ่อไม่ฟักตัว

ทั้งชีวิตของจอร์จชื่อของมันถูกกล่าวขานในฐานะสิ่งมีชีวิตที่หายากที่สุดในโลกและในฐานะ

สัญลักษณ์ของสิ่งที่ได้รับผลกระทบจากความโลภและความไม่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมของมนุษย์บัดนี้เต่า

ยักษ์เกาะพินทาก็กลายเป็นอีกสายพันธุ์ที่ไม่หลงเหลือสมาชิกในโลกแล้วการสูญพันธุ์ไม่ใช่สิ่งที่ไกลตัว

เลยผู้คนอาจคิดว่าสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปล่าสุดคือนกโดโด้สมันแมมมอธเผลอๆบางคนอาจเข้าใจว่าไม่มี

อะไรสูญพันธ์เลยนับตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์เสียด้วยซำ้าแต่อันที่จริงแล้วในยุคนี้การสูญพันธุ์เป็นสิ่งที่เกิด

ขึ้นอย่างต่อเนื่องพืชและสัตว์สารพัดสายพันธุ์กำาลังสูญหายไปเพราะฝีมือมนุษย์ทั้งทางตรงคือการ

บุกรุกผืนป่าและทางอ้อมคือภาวะโลกร้อน

ในโอกาสนี้วารสารเนียขอน้อมรำาลึกถึงการจากไปของจอร์จเราหวังว่าเรื่องราวของจอร์จ

จะกระตุ้นให้ผู้คนทั้งโลกตระหนักถึงผลกระทบจากการกระทำาของฝีมือมนุษย์และเป็นสัตว์สายพันธุ์

สุดท้ายที่เราต้องสูญเสียไปเพราะนำ้ามือของพวกเราเอง

19

Page 20: NYA~ Journal vol.10

20

Page 21: NYA~ Journal vol.10
Page 22: NYA~ Journal vol.10

เรื่อง-วรกานต์วินิจชัยมงคล@worrakann

ภาพ-ชลากรสถิวัสส์@scjade

ตึกยาว สวัสดีค่ะน้องๆแฟนๆชาวเนียทุกคนอาจจะรู้สึก

แปลกๆที่เป็นพี่กานต์มาเขียนคอลัมน์ลุยสวนครั้งนี้ขอเล่าที่มา

ที่ไปสักนิดเพราะครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนี่แหละพี่โหลเขาเลยจัดให้

พิเศษหน่อยคืออยากให้น้องๆได้รู้จักอาคารสวนกุหลาบหรือตึก

ยาวซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของสวนใหญ่และเป็นสิ่งที่ชาวสวนกุหลาบ

ทุกคนควรรู้จักและพี่กานต์ก็โชคดีมากๆที่ได้ลงมาเยี่ยมญาติที่

กรุงเทพฯพอดีเลยได้ร่วมทริปกับเหล่าทีมงานวารสารเนียไปเก็บ

ข้อมูลที่สวนใหญ่กัน

เหล่าทีมงานเดินทางมาถึงย่านสะพานพุทธ–ปากคลอง

ตลาดเวลาประมาณบ่าย๒ครึ่งหลังจากที่ติดแหง็กอยู่ในรถเมล์

ร่วมชั่วโมงและอาบเหงื่อต่างนำ้ากันเป็นทิวแถวเราเดินเลียบถนน

ตรีเพชรและเข้าสู่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยแม้จะเป็นช่วง

ปิดเทอมแต่โรงเรียนก็ไม่เงียบเหงาเพราะยังคงมีเด็กนักเรียนมาทำา

กิจกรรมเช่นเดียวกับสวนนนท์ของเราเพียงไม่กี่ก้าวจากประตู

โรงเรียนเหลียวซ้ายไปก็พบระเบียงไม้ที่ยาวสุดลูกหูลูกตาของ

อาคารสวนกุหลาบแสงแดดยามบ่ายสาดส่องอาคารสีเหลืองไข่

นี้เป็นภาพที่สวยงามมากๆถือเป็นโชคดีของพวกเราเพราะตอน

ก่อนเดินทางอากาศดูครึ้มฟ้าครึ้มฝนถ้าท้องฟ้าไม่แจ่มใสช่วงที่เรา

ไปถึงคงเก็บภาพสวยๆมาไม่ได้แน่ๆ

อาคารสวนกุหลาบหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า“ตึกยาว”

เป็นอาคารเรียนแห่งแรกสุดของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย

การก่อสร้างอาคารสวนกุหลาบเกิดขึ้นจากการที่วัดราชบูรณะที่

ต้องการสร้างตึกแถวเพื่อปล่อยเช่าหารายได้เข้าวัดในขณะนั้น

โรงเรียนสวนกุหลาบกำาลังจะขยับขยายตัวออกนอกเขตพระราชวัง

Page 23: NYA~ Journal vol.10

พอดีกระทรวงธรรมการ(กระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบัน)จึงทูล

ขอพระราชทานที่ดินท้ายวัดราชบูรณะเพื่อก่อสร้างอาคารและเช่า

ในอัตราร้อยละ7.5ของเงินลงทุน

ตึกยาวเป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิกซึ่งเป็นที่

นิยมในสมัยรัชกาลที่๕เป็นอาคารสองชั้นที่ทอดยาวขนานกับ

ถนนตรีเพชรอยู่ตรงข้ามวังบูรพาภิรมย์ชั้นล่างเป็นแนวหน้าต่าง

โค้งส่วนผนังชั้นบนถอยร่นเข้าไปส่วนด้านภายในโรงเรียนเป็นแนว

ซุ้มโค้งและมีระเบียงทางเดินยาวตลอดตัวอาคารมุงหลังคาด้วย

กระเบื้องลอนสีเทาและมีหน้าจั่วเหนือช่องทางเข้าโรงเรียนเริ่ม

ก่อสร้างเมื่อวันที่8ตุลาคม2453และเปิดใช้วันที่25มิถุนายน

2454โดยเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดีเสนาบดีกระทรวง

ธรรมการในขณะนั้นใช้งบประมาณไปทั้งสิ้น30,110บาทใน

ระหว่างการก่อสร้างพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ทรงมาทอดพระเนตรความคืบหน้าด้วยพระองค์เองแม้จะประชวร

อยู่ก็ตามก่อนเสด็จสวรรคตในปี2453เดียวกันนั้น

เชื่อหรือไม่คะว่าแต่เดิมทีตึกยาวไม่ได้หันหน้าเข้าตัว

โรงเรียนอย่างทุกวันนี้เดิมทีตึกยาวหันออกไปทางถนนตรีเพชร

จนกระทั่งพ.ศ.2475มีการขยายถนนตรีเพชรเพื่อสร้างพระบรม

รานุสาวรีย์สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและสะพาน

ปฐมบรมราชานุสรณ์(สะพานพุทธ)รั้วด้านนอกของโรงเรียนถึง

ถูกขยับเข้าไปเกือบชิดตัวอาคารมีการโบกปูนอุดทางเข้าอาคาร

และตัดบันไดขึ้นอาคารออกแล้วเปลี่ยนด้านที่หันเข้าสนาม

ฟุตบอลของโรงเรียนเป็นด้านหน้าของอาคารแทนและสร้างบันได

ขึ้นอาคารเพิ่มเติม

หลังจากนั้นตึกยาวก็ได้รับการปรับปรุงและบูรณะอีก

หลายครั้งแต่ครั้งที่น่าสนใจที่สุดเห็นจะเป็นการฟื้นฟูตัวอาคาร

ฝั่งที่ติดกับโรงเรียนเพาะช่างที่เสียหายจากการทิ้งระเบิดในช่วง

สงครามโลกครั้งที่2(บูรณะปี2488)และมีการเปลี่ยนแปลง

ครั้งใหญ่อีกครั้งในปี2542มีพิธีรับขวัญอาคารสวนกุหลาบเพื่อ

เฉลิมฉลองในโอกาสที่การบูรณะอาคารเสร็จสมบูรณ์และเปลี่ยน

ห้องชั้นล่างทุกห้องกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ถาวร14ห้องเรียกว่า

“พิพิธภัณฑ์การศึกษาแห่งชาติ”ใช้จัดแสดงนิทรรศการประวัติ

ความเป็นมาและเกียรติยศอันน่าภาคภูมิใจของโรงเรียนอย่าง

ละเอียดมีตั้งแต่ราชหัตถเลขาฝีพระหัตถ์สิ่งของพระราชทาน

จากล้นเกล้าฯรัชกาลที่5ประวัติของโรงเรียนตั้งแต่สมัยยังอยู่

ในเขตพระราชวังทำาเนียบผู้บริหารตั้งแต่คนแรกสุดสื่อการสอน

ตั้งแต่ยุคแรกหอเกียรติยศของศิษย์เก่าที่สร้างชื่อเสียงแก่โรงเรียน

นิทรรศการกิจกรรมชาวสวนกุหลาบจนถึงผลงานต่างๆของ

นักเรียนในยุคปัจจุบันส่วนชั้นบนปัจจุบันใช้เป็นห้องเรียนโครงการ

พิเศษ

23

Page 24: NYA~ Journal vol.10

น้องๆคนใดที่อยากจะเข้าไปชมความงามของตึกยาว

แห่งโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยล่ะก็สามารถเดินทางจากย่าน

โรงเรียนเราได้ด้วยรถเมล์สาย166ไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้ว

ต่อสาย8จากฝั่งโรงพยาบาลราชวิถีลงปลายทางที่สะพานพุทธ

จากนั้นก็เดินผ่านปากคลองตลาดแหล่งขายดอกไม้อีกเล็กน้อยก็

จะเห็นรั้วของสวนใหญ่แล้วละค่ะหรือถ้าไปจากที่อื่นๆหากพบ

รถที่ไปสะพานพุทธปากคลองตลาดหรือดิโอลด์สยามก็ลอง

ถามกระเป๋ารถเมล์ได้เหมือนกันพิพิธภัณฑ์ในตึกยาวเขาทำาไว้

ดีมากๆมีทั้งนิทรรศการและสิ่งของน่าสนใจมากมายเปิดให้

ชมได้ฟรีในเวลาราชการหากไปเป็นกลุ่มก็ควรติดต่อล่วงหน้าที่

เบอร์0-2225-5605-8ต่อ105ค่ะหรือจะไปในวันที่มีงาน

พิเศษๆอย่างวันฉลองครบรอบการเปิดตึกยาววันสถาปนา

โรงเรียนวันสมานมิตรก็เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมเหมือนกันแถม

ยังมีน้องๆชุมนุมยูเนสโกมาบรรยายอย่างใกล้ชิดได้ทั้งความรู้

ความประทับใจมากเป็นพิเศษอีกด้วยนะ

ถ้าน้องๆอยากไปถ่ายภาพสวยๆของตึกยาวควรไป

ช่วงบ่ายเพราะตึกยาวหันหน้าไปทางตะวันตกจะเห็นแสงแดด

ส่องลอดซุ้มโค้งเป็นเงาทอดตามระเบียงยาวสวยมากๆค่ะที่นี่เปี่ยมไปด้วย

ประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่มากมายเป็นความภาคภูมิใจของเด็กสวนใหญ่และ

ชาวสวนกุหลาบทุกคนควรรู้จักในขณะที่น้องๆผู้อ่านเป็นนักเรียนอยู่นี้พี่

กานต์ขอแนะนำามากๆเลยว่าตึกยาวและโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยเป็นที่ที่

เด็กสวนกุหลาบจะต้องไปให้ได้อย่างน้อยสักครั้งในชีวิตเรามีเลือดสวนกุหลาบ

ในตัวก็ควรหาโอกาสไปชมด้วยตาของตัวเองว่าที่นั่นเขายิ่งใหญ่เพียงใด

ทั้งหมดนี้คือคอลัมน์ลุยสวนของเราไม่มีวัตถุประสงค์อื่นใดเลย

นอกจากอยากให้น้องๆได้รู้จักโรงเรียนของพวกเรามากขึ้นหลายที่ภายใน

โรงเรียนเราไม่เคยสังเกตว่าสำาคัญอย่างไรแต่ที่จริงแล้วทุกที่ล้วนมีความเป็น

มามีความภาคภูมิใจแฝงอยู่ทั้งสิ้นจดจำาไว้และอย่าลืมบอกต่อแก่รุ่นน้องเพื่อ

สืบทอดความภาคภูมิใจในความเป็นสวนกุหลาบนนทบุรีและความเป็นลูกสวน

กุหลาบนี้ให้คงอยู่ตลอดไปนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านตลอดมา

~

24

Page 25: NYA~ Journal vol.10

ข้อมูลเชิงกายภาพ อาคารสวนกุหลาบ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยที่ตั้ง:หันหน้าไปทางทิศตะวันตกด้านหน้าติดสนามฟุตบอลโรงเรียนด้านซ้ายติดประตูโรงเรียนฝั่งปากคลอง

ตลาดด้านขวาติดรั้วโรงเรียนฝั่งโรงเรียนเพาะช่างด้านหลังติดรั้วโรงเรียนฝั่งถนนตรีเพชร

ความยาว:198.35เมตร

ความลึก:11.35เมตร

เนื้อที่:1ไร่1งาน60ตารางวา

จำานวนห้อง:37ห้องชั้นบน19ห้องชั้นล่าง18ห้องเป็นห้องใหญ่15x9เมตร1ห้องสลับกับห้องเล็ก

7x9เมตร2ห้องตลอดความยาวของอาคารมีประตู164บานมีหน้าต่าง166บานมีบันได12แห่งมีช่อง

ลูกกรงไม้54แห่ง

เกียรติยศ:อาคารเรียนที่ยาวที่สุดในประเทศไทย,อาคารอนุรักษ์ดีเด่นประจำาปี2543(โดยสมาคม

สถาปนิกสยาม),โบราณสถาน(ขึ้นทะเบียนโดยกรมศิลปากร1กุมภาพันธ์2530)

รู้รอบสวนนนท์ •ก่อนเป็นอาคาร๙โรงเรียนเราเคยมีอาคารทศวรรษ(อัมพา

แสนทวีสุข)ซึ่งสร้างในโอกาสโรงเรียนมีอายุครบ๑๐ปีเป็นอาคารชั้นเดียว

สำาหรับชุมนุมหลักต่างๆซึ่งไม่นับรวมในอันดับการสร้างอาคาร๑–๙ทุบ

ทิ้งเพื่อสร้างอาคาร๙แทนในปี๒๕๔๙

•ก่อนมีท่านผู้อำานวยการอัมพาแสนทวีสุขมาเป็นผู้อำานวยการ

โรงเรียนของเรามีท่านผู้อำานวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยควบ

ตำาแหน่งอาจารย์ใหญ่คอยดูแลโรงเรียนเราอยู่๒ท่านคือท่านผู้อำานวยการก

มลธิโสภาและท่านผู้อำานายการประยูรธีรพงษ์

•พื้นที่“ทั้งหมด”ของสนามฟุตบอลในปัจจุบันเคยเป็นบึงขนาด

ใหญ่ในสมัยของท่านผู้อำานวยการอัมพาแสนทวีสุขมีการปรับพื้นที่ครั้ง

แรกให้เป็นโคกพ้นนำ้าแต่ก็ประสบปัญหากลายเป็นโคลนเลอะเทอะทุกครั้ง

เมื่อฝนตกต่อมาท่านผู้อำานวยการสมหมายวัฒนคีรีได้จัดงาน“สนาม

เขียวมะลิขาว”โดยระดมให้นักเรียนและศิษย์เก่านำาดินและพันธุ์หญ้ามา

ช่วยกันปรับปรุงสนามจนใช้งานได้ดี

25

Page 26: NYA~ Journal vol.10
Page 27: NYA~ Journal vol.10
Page 28: NYA~ Journal vol.10

28

Page 29: NYA~ Journal vol.10

MMain Course

A LONG WAY

Page 30: NYA~ Journal vol.10

เปิดต�ำนำน NYA ~ ยามสายของวันที่๓๑พฤษภาคม๒๕๕๔ท้องฟ้าปกคลุมด้วยเมฆจึง

ไม่มีแดดส่องอากาศเย็นสบายภายในห้องคณะกรรมการนักเรียนที่เปิดประตู

และหน้าต่างกว้างรับลมธรรมชาติมีอดีตกรรมการนักเรียน๒คนที่นั่งเล่นอยู่

ที่มาโรงเรียนก็เพราะได้รับเชิญให้บรรยายขั้นตอนการก่อตั้งชุมนุมในช่วงเช้าเมื่อ

เสร็จสิ้นภารกิจแล้วทั้งสองก็มาอยู่ที่ห้องที่เคยเป็นแหล่งปักหลักพักพิงของพวก

เขาในปีการศึกษาที่ผ่านมา

พี่โหลหยิบวารสารเล่มหนึ่งที่ซื้อมาเป็นที่ระลึกเพราะมีบทความ

สัมภาษณ์ประธานนักเรียนของเขาขึ้นมาและเริ่มเปิดอ่านกับพี่มะนาววารสาร

เล่มมีชื่อว่า“ไร้ราว”ฉบับที่๑ของชุมนุมสำานักพิมพ์อ่านไปชมไปวิจารณ์ไป

เรื่อยตามประสาคนขี้บ่นเมื่อพลิกถึงหน้าสุดท้ายและปิดเล่มลงทั้งสองก็เกิด

นึกอยากจะลองทำาวารสารกับเขาบ้างไม่ได้มีวัตถุประสงค์อื่นใดนอกจากจะตอบสนองความอยาก

ของตนเองแต่ไหนๆแล้วก็ใช้เป็นช่องทางประชาสัมพันธ์กิจกรรมของชุมนุมแมวบินที่ทั้งสองเป็น

ผู้ก่อตั้งด้วยเสียเลย

ว่าแล้วพี่มะนาวก็หยิบปากกาสีจากแถวนั้นและเปิดสมุดคู่ใจของพี่โหลที่เขียนทุกอย่างใน

ชีวิตเอาไว้ทั้งคู่นั่งถกกันว่าวารสารของทั้งสองจะมีเนื้อหาอะไรบ้างพลางเปิดหาไอเดียจากไร้ราว

และวารสารของโรงเรียนที่กระจายอยู่รอบๆหลังจากที่ได้หัวข้อหลักๆแล้วก็ถึงสิ่งที่สำาคัญที่สุด

นั่นคือชื่อของวารสารนั่นเอง

“เอาอะไรดี?.......แมวบินสาส์น?”พี่โหลเสนอ

“ไอ้บ้าคิดได้ไงครำ่าครึไม่เอา”พี่มะนาวสวนกลับและเสนอว่า

“เอางี้ดีไหมชื่อเนี้ยเป็นไงออกเสียงเหมือนเสียงแมวแบบภาษาญี่ปุ่นเวลามีคนถามว่า

อ่านอะไรเราก็ตอบว่าอ่านเนี่ยกวนดี”

เมื่อพี่โหลเห็นควรตามนั้นชื่อของวารสารเนียก็ถูกเขียนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ลง

ในสมุดว่าNya~ในวันเดียวกันหลังจากพี่ปิ๊กประธานนักเรียนในขณะนั้นเลิกเรียนและกลับ

มาที่ห้องคณะกรรมการนักเรียนพี่มะนาวและพี่โหลก็จับมาสัมภาษณ์เพื่อลงคอลัมน์หลักทันที

วารสารเนียฉบับแรกซึ่งมีชื่อว่า“ปฐมฤกษ์”ออกวางแผงในวันที่๑๙มิถุนายน

๒๕๕๓มีหน้าปกเป็นรูปพี่ปิ๊กในหัวมาสค็อตแมวสีเหลืองของชุมนุมแมวบินเล่มแรกนี้เกิดขึ้น

จากการทำางานของทีมงานเพียง๔คนเท่านั้นได้แก่พี่โหลพี่มะนาวพี่กานต์(วรกานต์)และ

พี่กานต์พันจันทร์แต่ละคนก็ควบหลายหน้าที่แม้แต่บรรณาธิการก็ต้องพิสูจน์อักษรเอง

ถ่ายภาพประกอบเองแต่งอาร์ตเวิร์คเองสังเกตได้ว่าในเล่มแรกๆเนื้อหาคอลัมน์ส่วนใหญ่จะ

ถอดแบบมาจากวารสารไร้ราวและค่อยๆมีคอลัมน์เพิ่มขึ้นในเวลาต่อมา

อาจจะไม่มีใครเคยสังเกตที่พี่โหลใช้คำาลงท้ายในบทบรรณาธิการของเล่มแรกว่า

“แล้วพบกันในโอกาสหน้า”แทนที่จะใช้“แล้วพบกันในฉบับหน้า”ก็เพราะเดิมทีพี่โหลและพี่

มะนาวตั้งใจทำาวารสารเนียออกมาเพียงเล่มเดียวเท่านั้นไม่ได้ตั้งใจจะทำาอย่างต่อเนื่องและ

ไม่ได้วางแผนไว้ว่าจะทำาเล่มต่อไปอย่างไรเลยในตอนนั้นจึงไม่สามารถบอกได้ว่าเล่มต่อไปจะ

Page 31: NYA~ Journal vol.10

ออกเมื่อไหร่แม้แต่ว่าจะมีเล่มต่อไปไหมก็ไม่รู้แต่เมื่อเนียเล่มแรกที่ออกวาง

แผงทางแฟนเพจที่ตั้งขึ้นโดยเฉพาะและอาศัยการบอกต่อจากเฟซบุ๊คและทวิต

เตอร์ของผู้ริเริ่มทั้งสองต่อมาก็พิมพ์จากปริ๊นท์เตอร์ที่บ้านเป็นฉบับรูปเล่มวาง

ที่ห้องสมุดของโรงเรียนด้วยผลปรากฏว่าวารสารเนียได้รับผลตอบรับที่ดีกว่าที่

คาดหวังไว้ประกอบกับทั้งสองยังคงติดใจที่ได้ทำาวารสารซึ่งเป็นความชอบความ

ใฝ่ฝันมานานวารสารเนียฉบับที่๒จึงเกิดตามมาพร้อมกับชื่อ“ปาฏิหาริย์”ซึ่ง

หมายถึงไม่ได้ตั้งใจจะทำาแต่บังเอิญได้ผลตอบรับดีก็เลยเกิดเล่มนี้ขึ้นมา

วารสารเนียออกวางแผนประมาณเดือนละ๑ครั้งจำานวนคอลัมน์และ

จำานวนสมาชิกทีมงานของวารสารเนียก็เริ่มเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆตามลำาดับจาก

เดิมที่ติดต่อตามงานผ่านทางแชทบ็อกซ์ของเฟซบุ๊คก็เริ่มไม่เพียงพอเพราะมีราย

ละเอียดมากขึ้นและดูข้อความย้อนหลังได้ไม่มากนักก็ตั้งกรุ๊ปสำาหรับทีมงาน

วารสารเนียซึ่งถาวรกว่าอันที่จริงช่วงกำาลังทำาเนียเล่มที่๔ได้มีการพูดคุยใน

หมู่ทีมงานและวางแผนว่าจะเชิญใครมาให้สัมภาษณ์

ในคอลัมน์เมนคอร์สจนถึงสิ้นปี๒๕๕๕แต่มาถึง

ช่วงก่อนที่เล่ม๖จะออกทีมงานได้มีการหารือกัน

อีกครั้งและตัดสินใจยุติสายการผลิตวารสารเนียเมื่อ

เล่มที่๑๐เสร็จสมบูรณ์

ตลอดเส้นทางการเดินทางของวารสารเนีย

เต็มไปด้วยมิตรภาพใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายเพราะ

เนียไม่ได้จำากัดว่าจะต้องเป็นสมาชิกของชุมนุม

แมวบินเท่านั้นถึงจะมาเป็นทีมงานได้หากแต่เปิด

โอกาสให้ทุกคนที่สนใจถ่ายทอดสิ่งดีๆแก่ผู้อื่นมา

ลงผลงานได้อย่างเสรีทำาให้รุ่นพี่และรุ่นน้องได้รู้จัก

กันจากการทำาวารสารเดียวกันแม้แต่คนที่ไม่ได้

อยู่โรงเรียนเราก็ได้รู้จักเพื่อนใหม่ชุมนุมแมวบินซึ่ง

เป็นชุมนุมเล็กๆก็ได้สานสัมพันธ์กับชุมนุมอื่นๆที่

ไปเยี่ยมเยียนและขอสัมภาษณ์แม้แต่น้องๆผู้อ่าน

ก็รู้สึกคุ้นเคยกับพี่ๆที่ปรากฏหน้าตาในวารสารเนีย

แม้ว่าจะเคยแต่เดินสวนกันและไม่เคยพูดคุยกันมา

ก่อน

จนถึงตอนนี้แม้วารสารเนียเล่มที่๑๐

ของเราที่ท่านอ่านอยู่นี้จะมาถึงปลายทางแล้วแต่

ความภาคภูมิใจที่ได้เผยแพร่สิ่งดีๆแก่ทุกคนนี้จะ

อยู่กับพวกเราทีมงานวารสารเนียและชุมนุมแมว

บินตลอดไป

Page 32: NYA~ Journal vol.10

กว่ำจะเป็น NYA ~ กว่าจะกลายมาเป็นวารสารเนียที่เสร็จสมบูรณ์แต่ละฉบับพร้อมวางแผงให้น้องๆอ่านทั้ง

ในรูปแบบออนไลน์ที่สามารถอ่านบนอินเทอร์เน็ตและแบบรูปเล่มที่มีให้อ่านที่ห้องสมุดของโรงเรียน

เบื้องหลังนั้นมีขั้นตอนและความเป็นมาเป็นไปไม่น้อยเลย

แรกสุดพี่โหลผู้เป็นบรรณาธิการจะเขียนโครงร่างของเนียฉบับที่กำาลังจะทำาลงในสมุด

เขียนคร่าวๆว่าเนียฉบับนี้จะมีคอลัมน์อะไรบ้างปิดต้นฉบับเมื่อไหร่และจะวางแผงเมื่อไรหากมีไอ

เดียอะไรดีๆก็จะบันทึกลงในนี้ด้วย

จากนั้นพี่โหลก็จะโพสท์โครงร่างนี้ลงในกรุ๊ปของทีมงานวารสารเนียและให้เหล่าทีมงาน

ช่วยกันคิดว่าฉบับนี้จะใช้ธีมอะไรเมื่อกำาหนดธีมได้แล้วเราก็จะมีแนวทางว่าเนื้อหาของคอลัมน์ต่าง

ๆควรจะกล่าวถึงเรื่องอะไรเพื่อให้สอดคล้องไปในทางเดียวกันหลังจากที่ทราบรายละเอียดปลีกย่อย

แล้วทีมงานแต่ละคนก็สามารถลงมือทำาหน้าที่ของตนได้ทันที

นอกจากธีมของเล่มอีกสิ่งหนึ่งที่ทีม

งานต้องให้ความสำาคัญมากคือบุคคลที่จะเชิญมา

ให้สัมภาษณ์ในคอลัมน์เมนคอร์สซึ่งถือเป็นหัวใจ

หลักของเล่มทีมงานจะเลือกสรรนักเรียนที่มี

บทบาทสำาคัญในโรงเรียนโดยเฉพาะผู้นำาของ

ชุมนุมอิสระที่ประสบความสำาเร็จและมีผลงาน

เป็นที่ประจักษ์ดังที่เราเชิญมาได้แก่ประธาน

ของชุมนุมลูนาติกเซอร์เคิลชุมนุมคอมพิวเตอร์

กราฟิกและชุมนุมแฟลกวอร์โดยมีข้อคิดแฝง

ว่านักเรียนธรรมดาๆก็สามารถสร้างผลงาน

ที่ยิ่งใหญ่ได้บวกกับเจตจำานงของพี่โหลที่อยาก

ส่งเสริมให้งานกิจกรรมชุมนุมของโรงเรียนเรา

ก้าวหน้าเมื่อเลือกคนที่จะลงคอลัมน์เมนคอร์ส

ได้แล้วเราก็จะติดต่อเพื่อขอสัมภาษณ์และนัด

หมายวันเวลาสัมภาษณ์และถ่ายภาพประกอบ

เมื่อถึงวันปิดเท็กซ์ซึ่งเป็นชื่อที่พวก

เราเรียกวันที่เหล่าคอลัมนิสต์จะต้องส่งไฟล์งาน

ของตนที่มีแต่ตัวอักษรและ/หรือภาพประกอบ

ล้วนๆยังไม่มีการตกแต่งใดๆลงในdropbox

(โปรแกรมแชร์โฟลเดอร์ร่วมกันระหว่าง

คอมพิวเตอร์หลายเครื่อง)พี่โหลก็จะตรวจ

ต้นฉบับเบื้องต้นว่าต้นฉบับมีเนื้อหาถูกต้องกับที่

วางแผนไว้หรือไม่แล้วพี่แม็คฝ่ายพิสูจน์อักษร

ก็จะตรวจความถูกต้องทีละไฟล์ๆดูว่ามีคำาใดที่

สะกดผิดหรือเขียนด้วยสำานวนแปลกๆหรือไม่

32

Page 33: NYA~ Journal vol.10

บทความใดที่ผ่านการพิสูจน์อักษรและแก้ไขเรียบร้อยแล้วพี่มะนาวก็จะทำาหน้าที่

เป็นอาร์ตไดเร็คเตอร์นำาข้อความและภาพมาตกแต่งและเรียบเรียงเป็นไฟล์รูป

เล่มที่น่าอ่านภาพที่ใช้ภายในเล่มก็มาจากหลายช่องทางทั้งอินเทอร์เน็ตบ้าง

ภาพถ่ายฝีมือทีมงานบ้างภาพที่วาดในคอมพิวเตอร์หรือวาดด้วยมือแล้วสแกน

เข้าคอมพิวเตอร์บ้างในส่วนงานอาร์ตเวิร์คนี้ใช้เวลาไม่ได้น้อยไปกว่าช่วงเขียน

ต้นฉบับเลยบางครั้งอาจกินเวลามากกว่าเสียด้วยซำ้าเพราะการทำาไฟล์ตัว

หนังสือเปล่าๆให้กลายเป็นหนังสือสวยๆไม่ใช่เรื่องง่ายต้องอาศัยไอเดียและ

ความคิดสร้างสรรค์มากมายบางครั้งคิดแทบตายว่าจะจัดรูปเล่มยังไงดีก็คิดไม่

ออกต้องรอเวลาที่อยู่เฉยๆไอเดียก็ผุดขึ้นมาเอง

เมื่อจัดรูปเล่มเรียบร้อยพี่มะนาวก็จะส่งไฟล์pdfมาให้พี่โหลและทีม

งานได้ชมกันก่อนใครเมื่อพี่โหลตรวจเป็นครั้งสุดท้ายและไม่มีข้อผิดพลาดใด

ๆแล้วก็จะอนุมัติให้เผยแพร่ได้ที่นี้ล่ะก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยพี่กานต์ฝ่าย

ประชาสัมพันธ์คนสวยของเราก็จะประกาศเปิด

ตัวเนียฉบับใหม่อย่างเป็นทางการที่แฟนเพจของ

วารสารเนียส่วนพี่โหลก็จะประกาศทางแฟนเพจ

และทวิตเตอร์ของชุมนุมแมวบินตามมาติดๆ

ยังไม่จบเมื่อวางแผงแบบออนไลน์แล้ว

พี่โหลก็จะพิมพ์ฉบับรูปเล่มด้วยปริ๊นเตอร์ที่บ้านนี่

แหละแล้วนำาไปฝากวางที่ห้องสมุดโรงเรียนต่อมา

เมื่อสิ้นเสร็จภารกิจของฉบับปัจจุบันแล้วเหล่าทีม

งานก็จะมีเวลาพักหายใจหายคอไม่กี่วันโครงร่าง

ของวารสารเนียฉบับต่อไปก็จะปรากฏในกรุ๊ปของ

ทีมงานให้เริ่มเดินเครื่องทำางานอีกครั้งบางครั้ง

ฉบับปัจจุบันยังไม่เสร็จสมบูรณ์คนที่ไม่มีหน้าที่ก็

ต้องเริ่มลงมือทำาส่วนของฉบับต่อไปแล้ว

นี่แหละค่ะคือกระบวนการของวารสาร

เนียอ่านแบบนี้น้องๆอาจรู้สึกว่ามันซับซ้อนแต่

จริงๆแล้วมันไม่ยากอะไรเลยนะพวกเราอยาก

ฝากเบื้องหลังของเนียไว้ตรงนี้เผื่อน้องๆคนไหน

ใฝ่ฝันอยากจะทำาวารสารหรือนิตยสารของตนเอง

จะได้ดูไว้เป็นแบบอย่างส่วนน้องที่สนใจทำาเรื่อง

อื่นๆแต่ยังไม่เคยได้ลองทำาพวกเราขอแนะนำาว่า

ให้ลองดูสักครั้งจะง่ายหรือจะยากกว่าที่เห็นยังไง

เดี๋ยวก็ได้รู้กันได้เริ่มต้นสักนิดดีกว่ากลัวความล้ม

เหลวจนไม่ได้ทำาอะไรเลยนะคะ

และในหน้าต่อไปพี่ๆทีมงานNYA~มี

อะไรอยากจะส่งท้ายไปดูกันเลยค่ะ

33

Page 34: NYA~ Journal vol.10

34

Page 35: NYA~ Journal vol.10

ต้องบอกว่าตอนที่ตั้งโฟลเดอร์เก็บไฟล์งานของเนียเล่มนี้

ซึ่งเป็นเล่มสุดท้ายรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกจริงๆเป็น๑ปีที่

ผ่านไปเร็วมากๆการทำาวารสารนี้ถือเป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าคำาว่า

“งานอดิเรก”สำาหรับผมเนียเป็นเพียงวารสารเล็กๆแต่เปี่ยม

ด้วยความสุขและความภาคภูมิใจของเหล่าทีมงานทุกคนเรามี

แฟนๆผู้ติดตามมากกว่า๒๐๐คนถึงแม้จะน้อยมากเมื่อเทียบ

กับจำานวนเด็กทั้งโรงเรียนแต่แฟนเพจของเราก็ไม่เคยบังคับหรือ

ง้อให้ใครไปกดไลค์ก็อาศัยการบอกต่อกันไปเรื่อยๆเริ่มต้นจาก

ทีมงานของเรานี่แหละและเลขที่ปรากฏที่เพจของเราก็คงไม่ใช่

ทั้งหมดยังมีน้องๆที่คอยติดตามวารสารเนียฉบับรูปเล่มที่วาง

แผงที่ห้องสมุดอย่างเงียบๆมีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่เข้าห้องสมุดไป

ส่งเนียเล่มใหม่พี่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่ามีน้องๆมารุมอ่านบ่อยๆ

หลายครั้งผมก็เดินอยู่ในโรงเรียนอยู่ดีๆก็มีอาจารย์เข้ามาทักว่า

เนียเล่มล่าสุดมีเนื้อหาน่าสนใจมากทั้งที่ปกติผมและอาจารย์ท่าน

เหล่านั้นไม่ได้รู้จักกันสักเท่าไหร่ไม่ว่าจะนำามาเล่าให้เพื่อนๆและ

น้องๆทีมงานฟังกี่ครั้งทุกคนก็ดีใจที่สิ่งดีๆที่เขาตั้งใจมอบให้ไปถึง

มือน้องๆและอีกหลายคนมากอย่างที่เราคาดไม่ถึง

ทุกคอลัมน์ของเนียล้วนมีวัตถุประสงค์แฝงอยู่เช่นฮอ

ทนิวส์อัพเดทเป็นส่วนประชาสัมพันธ์ว่าชุมนุมแมวบินทำากิจกรรม

อะไรบ้างลุยสวนคือแนะนำาให้น้องๆรู้คุณค่าของสถานที่ต่างๆ

บรรณาธิการ, คอลัมนิสท์, สากกะเบือยันเรือรบ (JOINED NYA#01)

โหล - ชลากร สถิวัสส์

ในโรงเรียนของเราให้มากขึ้นแมวบินคือคอลัมน์ปลูกฝังจิตอนุรักษ์

สิ่งแวดล้อมแต่เหนือสิ่งอื่นใดเป้าหมายหลักของการทำาวารสาร

เนียที่ทีมงานทุกคนรู้ดีก็คือตอบสนองความอยากทำาของตัวเอง

เท่านั้นเองเนียเป็นสิ่งที่ให้ข้อคิดแก่ผมมากๆว่าหากเรานึกอยาก

จะทำาอะไรก็แค่ลงมือทำาบ้างอย่างภายนอกอาจจะดูยุ่งยากแต่

หากลองทำาจริงๆมันก็อาจจะง่ายกว่าที่คิดหรือหากเจอปัญหา

เราก็ยังมีประสบการณ์ที่เราเก็บเกี่ยวได้ระหว่างทำามาแก้ไขบาง

อย่างภายนอกดูยากภายในยากยิ่งกว่าแต่ถ้าหากเราไม่ลงมือทำา

แล้วเมื่อไหร่เราจะได้อยู่กับสิ่งที่เราใฝ่ฝันเนียจึงได้มอบความสุข

มากมายแก่ผมในฐานะสิ่งที่ผมอยากจะทำามานานผมอยากจะให้ผู้

อ่านทุกคนมีความสุขจากการได้อยู่กับสิ่งที่ตนเองชอบเช่นกัน

แม้ว่าเดือนต่อไปจะไม่มีวารสารเนียอีกแล้วแต่ความทรงจำาอัน

ลำ้าค่านี้จะอยู่กับพวกเราทุกคนตลอดไปและหวังว่าสาระต่างๆที่

พวกเราคัดสรรก็จะเป็นข้อคิดและประโยชน์สำาหรับน้องๆผู้อ่าน

ทุกคนตลอดไปเช่นกันหากมีโอกาสใดที่พวกเราได้มาทำาอะไรแนว

นี้อีกหวังว่าน้องๆที่น่ารักทุกคนจะยังคงต้อนรับพวกเราอย่างดี

เช่นนี้อีกนะครับ

ขอบคุณที่ติดตามผลงานตลอดมาขอบคุณจากใจครับ

ป.ล.ติดนิสัยพิมพ์ไม้ยมกเยอะมากขอโทษด้วยครับ

“บางอย่างภายนอกดูยาก ภายในยากยิ่งกว่า”

35

Page 36: NYA~ Journal vol.10

36

Page 37: NYA~ Journal vol.10

เนียเป็นนิตยสาร?วารสาร?อะไรซักอย่างเห็นมั้ย

ครับว่าตกลงมันเป็นอะไรเรายังตอบไม่ได้เลยเนียเกิดจากความ

ไม่พร้อมหลายๆอย่างเหมือนวัยรุ่นที่มีรักในวัยเรียนเหมือน

จุดเทียนกลางสายฝน(ช่างมันตูไม่สนตูกางร่มแล้วจุดเทียน)

ท่ามกลางความไม่พร้อมหลายอย่างเนียกำาเนิดขึ้นมาอย่างบกๆ

พร่องๆขาดๆเกินๆ

ความไม่พร้อมที่ว่านี่ก็ด้วยปัจจุัยหลายๆประการ

ประการแรกคือเมื่อเนื้อหาของเนียผูกอยู่กับโรงเรียนสวนกุหลาบ

วิทยาลัยนนทบุรีการสร้างสรรค์คอนเท้นต์ที่ต่างออกไปก็จะทำาได้

ยากแค่จะทำาคอลัมน์รีวิวร้านอาหารที่ไกลออกจากโรงเรียนไปก็ทำา

ไม่ได้แล้วไม่เจอทางตันวันนี้ก็ต้องตันวันหน้าอยู่ดี

ประการต่อมาคือการที่ทีมงานแต่ละคนเรียนอยู่ต่างที่

กันซึ่งแค่เปิดภาคเรียนก็ไม่ตรงกันแล้วทำาให้การทำางานประสาน

กันนั้นทำาได้ยากและก็เหตุผลด้านการเรียนและงานส่วนตัวที่มี

อีกจึงทำาให้ไม่มีเวลามาลงมือกับมันได้เต็มที่เนียจึงมีสภาพพิการ

คอลัมน์ขาดภาพประกอบไม่มีออกเลทเป็นเวลาเกือบครึ่งปีแต่

เราก็ประคองมันมาจนถึงจุดหนึ่งซึ่งเราคิดว่าพอแล้วดีกว่า

การหยุดหรือการเลิกอะไรซักอย่างนั้นไม่ได้เป็นเพียง

จุดสิ้นสุดเสมอไปบ่อยครั้งที่การเริ่มต้นครั้งใหม่ที่สวยงามต้องเริ่ม

จากการเลิกสิ่งเก่าๆก่อน

บรรณาธิการฝ่ายศิลป์, คอลัมนิสท์, ภาพประกอบ (JOINED NYA#01)

นาว - ณิชนันทน์ เหรียญสมบัติ

สำาหรับผมเนียคือการทดลองงานบรรณาธิการศิลป์ครั้ง

แรกที่ไม่ต้องส่งจดหมายไปขอใครที่ไหนฝึกแต่อันที่จริงมันก็ไม่ใช่

ตำาแหน่งที่ผมอยากทำาหรืออยากเป็นเพราะว่าไม่ได้เรียนมาทาง

ด้านศิลปะโดยตรงอยากทำางานที่ได้เขียนเยอะๆมากกว่า

การทำานิตยสาร?วารสาร?ตกลงมันคืออะไรวะ?ซัก

เล่มนี่จะว่ายากก็ยากจะว่าง่ายก็ง่ายเป็นงานที่ไม่เหนื่อยนั่ง

กระดิกเท้าหน้าคอมเฉยๆสิ่งที่ทำางานหนักคือสมองไอเดียเป็นสิ่ง

ที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆเมื่อสมองใช้เวลาคิดนานก็ลำาบากอวัยวะต่อ

ไปคือคอหลังและตูดตามมาที่สำาคัญยังต้องคอยหาวัตถุดิบส่ง

ส่วยให้สมองเรื่อยๆซึ่งนั่นก็ทำาให้เหนื่อยตาไปด้วยยายบ่นเลยตา

ไม่ได้หยุดพัก(อั้ยย่ะฮาจริงๆ)

สรุปว่าเลิกก่อนแล้วจะเริ่มอะไรใหม่ตอนไหนนั้นเดี๋ยว

ค่อยว่ากันแต่ถ้าถามว่าคิดไว้แล้วรึยังว่าจะทำาอะไรต่อแน่นอนว่า

คิดไว้แล้วเรารู้ความผิดพลาดจากการทำาเนียมาแล้วก็จะยิ่งทำาให้

มันสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

อยากทำาอะไรก็รีบทำาเลยถ้าคิดแล้วว่าทำาแล้วมันดีไม่

ได้ทำาให้ใครเดือดร้อนไม่ได้ทำาให้เราเดือดร้อนโลกนี้มีนักคิดเยอะ

มากคิดคิดคิดแต่คนลงมือทำานั้นน้อยเต็มทีคนจำานวนมากมา

เล่าให้ฟังว่าอยากทำาอย่างนั้นมีความฝันอย่างนี้ตอบได้สั้นๆแค่

คิดว่าดีก็ทำาไป

“คิดว่าดีก็ท�าไป”

37

Page 38: NYA~ Journal vol.10

38

Page 39: NYA~ Journal vol.10

ทุกวันนี้พี่กานต์ยังนึกขำาอยู่เลยทุกครั้งที่นึกถึงวันหนึ่งที่พี่

มะนาวทักเฟซมาขอร้องแกมบังคับให้ช่วยทำาวารสารที่โรงเรียนด้วย

เพราะตอนนั้นยังมีอยู่แค่3คนพี่กานต์เข้าเรียนที่สวนนนท์รุ่น

เดียวกับพี่มะนาวแต่ตอนม.ปลายต้องย้ายกลับภูมิลำาเนาที่ลำาปาง

เนื่องจากการโยกย้ายทางราชการของครอบครัวถึงจะไม่มีโอกาส

กลับไปเยี่ยมเยียนสวนนนท์ร่วม5ปีแล้วแต่ใจของพี่กานต์ยังคง

คิดถึงโรงเรียนแห่งนี้อยู่เสมอตอนที่พี่มะนาวชวนมาพี่กานต์ก็

ถามว่าวารสารนี้ทำาเกี่ยวกับอะไรบ้าง?ทำาเฉพาะเรื่องของชุมนุม

ของพี่มะนาวรึเปล่า?พี่มะนาวก็ตอบว่ามันเป็นวารสารให้เด็ก

สวนนนท์อ่านจะเขียนเรื่องที่ถ่ายทอดสิ่งดีๆของสวนกุหลาบให้

น้องๆก็ได้ได้คำาตอบอย่างนั้นแล้วสิ่งแรกที่พี่กานต์คิดก็คือถึง

แม้ตัวเราจะอยู่ไกลแต่นี่ก็คงเป็นช่องทางที่เราจะได้ทำาสิ่งดีๆให้

โรงเรียนของเราได้ถึงมันจะไม่มากมายแต่ก็ดีกว่าไม่ทำาอะไรว่า

งั้นแล้วพี่กานต์ถึงได้ตอบตกลงทำาวารสารเนียกับพี่มะนาว

เนียเป็นวารสารเอ๊ะหรือนิตยสารเอาเถอะเอาเป็นว่ามัน

เป็นอะไรซักอย่างที่ออกได้เลื่อนเลทมากเพราะคนทำาก็มีกันอยู่แค่

ประชาสัมพันธ์, คอลัมนิสท์ (JOINED NYA#01)

กานต์ - วรกานต์ วินิจชัยมงคล

นี้ครึ่งเล่มโหลเขียนอีกครึ่งเล่มแบ่งๆกันเขียนแล้วก็โยนทั้งหมด

ไปให้มะนาวแล้วมะนาวก็จะอยู่ในทวิตเตอร์ถามว่าทำางานมั้ยไม่

แต่พี่ต้องอยู่ในเฟซบุ๊คประชาสัมพันธ์ซึ่งก็จะมีคนมาถามว่าเนียออ

กรึยังเนียออกรึยังซึ่งพี่ก็ต้องขอโทษด้วยที่ต้องบอกว่าทุกครั้งที่

พิมพ์ว่าอีกไม่นานหรอกค่ะนั้นใจจริงก็ไม่มันใจว่าตกลงมันจะได้ออ

กมั้ยแหมงานประชาสัมพันธ์นี่ก็เครียดจัง

ที่เขียนคอลัมน์การศึกษานี้ไม่ใช่เพราะถือว่าตัวเองฉลาด

ลำ้าเลิศแต่อย่างใดเพียงแต่ว่าตอนอยู่ม.6พี่กานต์เป็นคนตื่นเต้น

เรื่องการเข้ามหาวิทยาลัยมากๆก็เลยศึกษาจนรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับ

มหาลัยจนเพื่อนๆขนานนามว่าครูแนะแนวประจำาห้องแล้วก็

กลายเป็นคนที่ติดตามข่าวการศึกษาเป็นนิสัยไปๆมาๆก็อยู่

ใกล้เรื่องเรียนๆแบบนี้นี่แหละยังไงก็หวังว่าสิ่งที่พี่กานต์เขียนจะ

เป็นประโยชน์สำาหรับน้องๆทุกคนขอขอบคุณทุกคนที่ติดตาม

ผลงานมาโดยตลอดและสุดท้ายของฝากไว้ว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน

เวลาใดเราก็สามารถทำาสิ่งดีๆให้โรงเรียนได้เสมอนะจ๊ะ

“เอาเป็นว่ามันเป็นอะไรซักอย่างที่ออกได้เลื่อนเลทมาก”

39

Page 40: NYA~ Journal vol.10

40

Page 41: NYA~ Journal vol.10

สวัสดีครับแม็คครับพิสูจน์อักษรควบกับเขียนคอลัมน์

HobbyHut

ทำาไมถึงมาเป็นพิสูจน์อักษรเหรอวันนึงที่รู้สึกว่างๆก็เห็น

เนียอยากได้กราฟิกดีไซน์กับพิสูจน์อักษรซึ่งไหนๆเราก็เรียนสาย

กราฟิกทั้งทีเป็นพิสูจน์อักษรแล้วกัน!

คือผมเป็นคนเรียนกราฟิกที่ไม่เก่งกราฟิกครับแต่ถ้า

ภาษาไทยล่ะก็เป็นวิชาเดียวที่ตั้งแต่อนุบาลหนึ่งจนจบมัธยมหกไม่

เคยได้เกรดอื่นนอกจากสี่เลยจริงๆผมเก่งภาษาไทยนะ

สุดท้ายวันว่างๆของผมก็จบลงด้วยการเป็นพิสูจน์อักษรให้กับ

วารสารเนีย

ส่วนคอลัมน์กระท่อมงานอดิเรกนั้นเกิดจากที่วันหนึ่ง

พี่โหลของเราเกิดอยากจะเพิ่มคอลัมน์ใหม่ๆเราเองมีงานอดิเรก

พิสูจน์อักษร (JOINED NYA#03)

แม็ค - นิรุช ศรีสุวัฒน์

เป็นการควงปากกาและได้เห็นงานอดิเรกแปลกๆมากมายในโลก

นี้ก็เลยคิดอยากจะทำาคอลัมน์ที่เกี่ยวกับงานอดิเรกขึ้นมาสุดท้าย

ก็กลายเป็นคอลัมน์นี้ซึ่งเป็นคอลัมน์ที่นักเขียนโคตรจะอู้เลยจะหา

คนสัมภาษณ์ก็ให้คนอื่นหาให้พิมพ์คำาถามซึ่งก็หน้าตาเหมือนๆกัน

แทบทุกเล่มแล้วรอคำาตอบจบ

โดยรวมก็สนุกดีครับได้ทำาอะไรที่ไม่เคยทำาเราเองเป็น

คนชอบอ่านหนังสือการเป็นพิสูจน์อักษรทำาให้เราต้องอ่านทุก

อย่างในเล่มแถมได้มีโอกาสมาเป็นคนเขียนเองด้วยตอนนี้ก็ยังไม่รู้

เหมือนกันว่าตัวเองชอบเขียนหรือชอบพิสูจน์อักษรไหมแต่ก็ได้

ประสบการณ์กลับไปไม่น้อยเหมือนกัน

นี่ขนาดอู้บ่อยนะเนี่ย

“เห็นอยากได้กราฟิกดีไซน์กับพิสูจน์อักษร... ไหนๆ เราเรียนกราฟิกดีไซน์มาทั้งที

เป็นพิสูจน์อักษรแล้วกัน!”

41

Page 42: NYA~ Journal vol.10

42

Page 43: NYA~ Journal vol.10

ความรู้สึก?คงต้องบอกก่อนว่าผมสะดุดเข้ามาในเนียนี่

ก่อนแหละครับ

ถ้าใครสังเกตคอลัมป์M-S-อึนที่ผมเขียนไว้(ครับไอ้คอ

ลัมป์หน้าเดียวที่เดี๋ยวสั้นเดี๋ยวยาวนั่นแหละครับ)เล่มแรกจะไม่มีนะ

ครับคือมันเริ่มต้นจากการได้อ่านเนียเล่มแรกนี่แหละตอนนั้นเขา

ประกาศหานักเขียนคอลัมป์อยู่ผมที่ตอนนั้นอยากหาประสบการณ์

หรือถ้าพูดแบบไม่อายปากก็เสี้ยนอยากหาเรื่องเขียนนั่นแหละก็

เลยลองไปคุยกับบก.ที่เป็นเพื่อนสมัยมัธยมซึ่งพอเสนอไอเดียเรื่อง

นี้ไปทางนั้นก็โอเคเลยให้ลงเนียฉบับที่2ทันที

ส่วนความรู้สึกก็ถ้าแบบสั้นๆก็-ดีนะถ้าแบบยาวๆก็-รู้สึก

สนุกที่ได้เจอประสบการณ์แปลกๆใหม่ๆเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ต้อง

คอลัมนิสท์ (JOINED NYA#02)

กาน - กานต์ พันธ์จันทร์

เขียนอะไรมีเดธไลน์เป็นช่วงๆและต้องเขียนคนที่คุยอะไรสักอย่าง

กันโดยมีมุมมองคนละแบบนี่อีกถ้าถามว่าเหนื่อยมั้ย...ก็มีแค่ล้าๆ

บ้างบางครั้งนะแต่ก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรกับมันเท่าไหร่

สุดท้ายก็ขอขอบคุณโหลนาวที่ให้โอกาสนักเขียนชุ่ยๆ

มาเขียนลงเนียขอบคุณแม๊กฝ่ายพิสูจน์อักษรที่คอยต้องมานั่ง

ถามว่าจงใจผิดรึเปล่าและขอบคุณผู้อ่านเนียทุกท่านที่ไม่รู้ว่ามีกี่คน

อ่านคอลัมป์ของผมฮ่าฮ่า

ปล.นี่เป็นเนียฉบับสุดท้ายแต่เรื่องราวของเอมกับอาร์มยังไม่จบ

นะครับแค่มันกำาลังดำาเนินต่อไปโดยที่คุณไม่รู้แค่นั้นเอง

“เรื่องราวของเอมกับอาร์มยังไม่จบ มันก�าลังด�าเนินต่อไป โดยที่คุณไม่รู้”

43

Page 44: NYA~ Journal vol.10

44

Page 45: NYA~ Journal vol.10

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านผมกษิดิษรุจาคมหรือแพทช่าง

ภาพประจำาNYAของเรานั่นเองก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าที่เห็น

ชุมนุมแมวบินตั้งขึ้นมาผมไม่เคยคิดเลยว่าแมวบินจะทำานิตยสาร

จนได้เห็นเล่มแรกออกมาก็ทึ่งในความพยายามของเพื่อนๆนั่นคือ

ไอนาวกะไอโหล(ตัวตั้งตัวตีของNYAนั่นเอง)ตอนนั้นผมยังอยู่ใน

ชุมนุมสำานักพิมพ์ของน้องๆม.5ตัวผมนั้นอยู่ม.6น้องก็เลยยกให้

เป็นที่ปรึกษาอาวุโสไปโดยปริยาย(555+)หลังจากผมจบม.6มา

ก็มาต่อในคณะนิเทศเอกถ่ายภาพเลยอยากฝึกงานในการถ่ายรูป

นิตยสารประจวบเหมาะกับนาวกะโหลทำาNYAมาได้4เล่มแล้ว

อยากได้ช่างภาพเพิ่มก็เลยได้มาช่วยถ่ายภาพลงNYAตั้งแต่เล่ม5

เป็นต้นมามาทำางานที่NYAถึงไม่มีเงินเดือนไม่มีค่าจ้างแต่ก็ได้รับ

ประสมการณ์การทำางานมากขึ้นซึ่งมันคุ้มที่สุดแล้วล่ะพอเราเห็น

ช่างภาพ (JOINED NYA#05)

แพท - กษิดิษ รุจาคม

ผลงานออกมาดีเห็นภาพที่เราถ่ายไปมาลงนิตยสารมันก็รู้สึกชื่นใจ

ว่าอย่างน้อยก็ทำาได้หละถึงแม้บางรูปบางอะไรจะพลาดไปขาดๆ

เกินๆไปบ้าง

ผมรู้สึกดีใจและสนุกกับการทำาNYAมากๆมันให้อะไร

หลายๆอย่างให้เราได้พบปะผู้คนมากขึ้นได้ไปทำางานในสถานที่

ที่ไม่เคยไปมาก่อนบลาๆๆเยอะมากอะนึกไม่ออกเท่าไหร่555ก็

อยากจะขอบคุณไอนาวโหลแม็คกานเพื่อนๆน้องแมวบินทุกคน

ที่ช่วยกันทำาให้NYAมาถึงเล่มสุดท้ายได้ถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยได้มี

บทบาทในการทำาNYAเท่าไหร่แต่ก็รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมทำางาน

กับทีมงานทุกคนขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่มาอ่านNYAถึงแม้มันจะ

เป็นแค่เรื่องภายในโรงเรียนสวนกุหลาบนนท์ขอบคุณทุกคนจริงๆ

ถ้ามีโอกาสคงได้พบกันอีก^^

“ไม่มีเงินเดือน ไม่มีค่าจ้าง ประสบการณ์คุ้มกว่า”

45

Page 46: NYA~ Journal vol.10

46

Page 47: NYA~ Journal vol.10

สวัสดีอีกครั้งค่ะเขียนบทความมานานพอสมควรแล้วแต่

ยังไม่ได้แนะนำาตัวแบบเต็มๆเลยชื่อปิยะนุชพริ้งพงษ์ชื่อเล่น

ชื่อแพรวค่ะที่จริงแล้วแพรวเป็นทีมงานคนเดียวที่ไม่ได้เรียนที่

สวนนนท์แต่ที่มาเขียนบทความในนี้ก็เพราะรู้จักกับพี่มะนาวและ

ไปเห็นพี่มะนาวอัพเฟซตอนที่เนียเล่ม๕ออกก็เลยอาสามาเขียน

คอลัมน์เกี่ยวกับภาษาไทยให้เพราะแพรวชอบเรื่องนี้อยู่แล้วและ

มั่นใจเรื่องการใช้ภาษาไทยอยู่พอสมควรแต่ถึงแพรวจะเป็นคน

เดียวที่ไม่ได้เรียนสวนนนท์แพรวกลับได้พบกับพี่ๆและเพื่อนๆ

ทีมงานที่น่ารักหลายคนบางคนกลายเป็นคนที่แพรวสนิทมากๆ

สิ่งที่แพรวได้จากการเป็นส่วนหนึ่งของวารสารเนียนี้จึงไม่ได้มีแค่

โอกาสที่ได้ทำาในสิ่งทีแพรวชอบเท่านั้นแต่ยังได้พบกับมิตรภาพ

ใหม่ๆและได้รู้ว่าโรงเรียนนี้มีอะไรพิเศษและน่าอยู่มากเลย

คนเราซักกี่คนจะมีโอกาสได้ทำาเรื่องที่ตัวเองตั้งใจจะเรียน

จบไปทำามันซะตั้งแต่ตอนยังเรียนอยู่คือแพรวอยากทำาหนังสือแต่

กว่าจะได้ไปฝึกงานทำาหนังสือก็นู่นปีสามแต่วันนึงเราก็เห็นคน

อายุเท่าเรากลุ่มนึงกำาลังตั้งหน้าตั้งตาทำาสิ่งที่ตัวเองยังไม่ได้เรียนวิธี

คอลัมนิสท์ (JOINED NYA#06)

แพรว - ปิยะนุช พริ้งพงษ์

ทำาด้วยซำ้าแถมทำาเสร็จออกมาแล้วตั้งห้าเล่มมีเส้นบางๆระหว่าง

บ้ากับน่ายกย่องถูกมั้ยคะแพรวก็เลยอาสา

นี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆที่แพรวจะได้คุยกับผู้

อ่านทุกคนในฐานะนักเขียนคอลัมน์ภาษาไทยแพรวอยากขอ

ให้ทุกคนตระหนักถึงความสำาคัญในการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง

เพราะทุกวันนี้เราพูดและเขียนอย่างผิดหลักภาษาโดยไม่รู้ตัวบ่อย

ครั้งบางครั้งก็ใช้ภาษาวิบัติโดยตั้งใจภาษาไทยเป็นสมบัติของ

ชาติเราเป็นส่วนหนึ่งที่หล่อหลอมตัวตนของเราในทุกวันนี้ถ้าเรา

ใช้ภาษาไทยอย่างผิดๆต่อไปเรื่อยๆก็ไม่ใช่การสื่อสารของเรา

เท่านั้นที่จะเกิดปัญหาหากแต่จะทำาให้รากเหง้าของเราผิดเพี้ยน

ไปด้วยแพรวอยากให้คนรุ่นหลังมีภาษาไทยที่สวยสมบูรณ์ไว้ใช้

และเชื่อว่าคนไทยอีกหลายคนก็อยากให้เป็นอย่างนั้นเช่นกันช่วย

กันอนุรักษ์ภาษาไทยที่สวยงามนี้ไว้เถอะนะคะเพื่อคนรุ่นต่อไป

และพวกเราทุกคนเองค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดค่ะ

“คนเราซักกี่คนจะมีโอกาสได้ท�าเรื่องที่ตัวเองตั้งใจจะเรียนจบไปท�าซะตั้งแต่ตอนเรียนอยู่”

47

Page 48: NYA~ Journal vol.10

48

Page 49: NYA~ Journal vol.10

NYA~จะไม่เป็นหนังสือที่สมบูรณ์หากขาดทีมงานคอ

ลัมนิสท์เหล่านี้

พี่ทัช-ธีธัชมานิตย์พิศาลกุลผู้แนะนำาน้องๆที่สนใจจะ

เป็นทันตแพทย์รวมถึงพาเราเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์,ตั้ว-พิวัสนันท

มานพผู้พาเราเปิดโลกแห่งการเรียนรู้ไปกับการไปแลกเปลี่ยนที่

เยอรมัน1ปีเต็ม,ปั้น-จารุวิมลนิตยาคอลัมนิสท์ไฟแรงควบ

ตำาแหน่งคณะกรรมการนักเรียนฝ่ายกิจกรรมผู้มีมุมมองไม่เหมือน

ใคร,อิม-รมย์รวินทองมาประธานชุมนุมแมวบินรุ่น2ที่ไม่ได้ทิ้ง

ชุมนุมไปไหนยังคอยสานต่อความตั้งใจของชุมนุมเราเรื่อยมา,วิล-

อัญชลีพรผ่องแผ้วคอลัมนิสท์ไซส์มินิที่มีแนวทางการเขียนเป็น

เอกลักษณ์และสดใสทำาให้หนังสือทั้งเล่มดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาและ

แม้เราจะได้ร่วมงานกันในเล่มสุดท้ายก็เถอะปุ้ย-ภาดรขจรฤทธิ์ก็

เป็นหนึ่งในคอลัมนิสท์และเด็กกิจกรรมที่มีอนาคตไกล

ทีมงานทุกท่านถึงแม้จะมาทำางานกับเราโดยหวังผล

และทีมงานทุกๆ คน

ตอบแทนแต่เราก็ไม่มีให้ฉะนั้นเราก็จะใช้

คำาพูดสวยหรูว่าเรามาทำางานโดยไม่หวังผล

“ขอขอบทุกแรงกาย แรงคิด และแรงใจ ที่ก่อให้เกิดเป็นเรา”

ตอบแทนกันต่อไปฮ่าๆๆล้อเล่นน่ะ

ทุกคนเป็นทีมงานที่สุดยอดมากถ้าเกิดในภายภาคหน้ามีโครงการ

อะไรแบบนี้อีกก็ยินดีและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราทั้งหมดจะได้ร่วม

งานกันอีกครั้งหนึ่ง

ขอบคุณประธานชุมนุมทั้งหลายเด็กๆที่มีกิจกรรมยาม

ว่างและงานอดิเรกที่ไม่เหมือใครที่ได้ผ่านเข้ามาให้สัมภาษณ์กับ

NYA~เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับน้องๆรุ่นใหม่ๆต่อไป

ขอขอบคุณชุมนุมสำานักพิมพ์และวารสารไร้ราวที่เป็น

แรงบันดาลใจให้เกิดNYA~ขึ้นมา

ขอบคุณอาจารย์และผู้ใหญ่หลายๆท่านที่ได้อ่านNYA~

ฉบับห้องสมุดแล้วชื่นชอบจึงมาให้กำาลังใจกันมากมาย

ขอขอบคุณทุกแรงบันดาลใจที่ผลักดันให้เกิดเป็นMain-

CourseของNYA~ทุกๆเล่ม

เหนือสิ่งอื่นใดNYA~จะไม่มีชีวิตยืดยาวมาถึงเล่ม10ซึ่ง

เป็นเล่มสุดท้ายนี้ได้หากขาดแรงสนับสนุนอันดีจากผู้อ่านทุกท่าน

ต้องขอขอบคุณอีกครั้งจากส่วนลึกก้นบึ้งของหัวใจขอบคุณจริงๆ

ครับไม่มีคำาไหนจะแทนความรู้สึกทั้งหมดที่มีได้มากเท่านี้อีกแล้ว

49

~

Page 50: NYA~ Journal vol.10
Page 51: NYA~ Journal vol.10
Page 52: NYA~ Journal vol.10

หหนังสือเดินทาง

เรื่อง/ภาพ-ณิชนันทน์เหรียญสมบัติ@lemonoiz

“เป็นอันตก(ไม่)ลง”

อาจจะดูเกินจริงไปหน่อยถ้าจะชมหนังสือซักเล่มว่า“วางไม่ลง”เพราะอันที่จริงไม่มีหนังสือเล่มใดในโลกเลยที่ผมอ่านได้จน

จบโดยไม่วางชีวิตผมไม่ได้ว่างขนาดนั้นนะไหนจะเรียนเที่ยวเล่นทวิตเตอร์ดำานำ้าดูปะการังฯลฯเอาเป็นว่าวันนี้เกิดมู๊ดอยากแนะนำา

หนังสือขึ้นมาและนี่เป็นหนังสือเล่มแรกในชีวิตที่อยากเขียนแนะนำาให้คนไปหามาอ่านกันอย่างเป็นทางการ

เขียนโดยนิคฮอร์นบี้(NickHornby)ซึ่งผู้แปลเรื่องนี้

ให้คำาจำากัดความว่าเป็น“พี่ใหญ่แห่งวงการนักเขียนกวนตีนขวาง

โลก”เจ้าของผลงานเดียวกับAboutaboy,HigheFidelity,

FeverPitchและอื่นๆอีกมากมาย

แม้จะมีชื่อเรื่องความกวนตีนพอสมควรแต่ผมก็ไม่เคย

อ่านงานหรือดูหนังที่สร้างจากหนังสือของเค้าและไอ้พล๊อตเรื่องนี้

ฟังดูเผินๆแล้วไม่ค่อยน่าสนใจคนอยากฆ่าตัวตายสี่คนขึ้นไปเจอ

กันบนดาดฟ้าคุยกันรักกันแล้วก็ตัดสินใจว่าวันนี้ฉันยังไม่ตายดี

กว่าดูธรรมดาๆมากเลยแต่มันไม่ธรรมดาเมื่อทั้งสี่คนที่ว่าเป็น

บุคคลเหล่านี้

คนแรกมัวรีนแม่บ้านวัยห้าสิบที่มีลูกพิการพิการในที่นี้

คือพิการแบบสุดๆขยับตัวไม่ได้ไม่คิดไม่พูดไม่ส่งเสียงเหมือนอยู่

กับซากศพเค้าเรียกโรคอะไรนะ?ในเรื่องไม่ได้บอกหรือไม่ก็อาจ

จะบอกแล้วแต่เผลออ่านข้ามไปเธอเข้าโบสถ์ทุกอาทิตย์สารภาพ

บาปกับพระเจ้าในเรื่องต่างๆที่เธอโกหกลูกซึ่งไม่สามารถได้ยินหรือ

ตอบอะไรกับเรื่องโกหกของเธอเลย

คนต่อมามาร์ตินพิธีกรรายการข่าวเช้าผู้มีชื่อเสียงมาก

แต่ดันทำาชื่อตัวเองเสียบ่อยครั้งจนสุดท้ายติดคุกเพราะคดีพราก

ผู้เยาว์พ้นโทษออกมาก็พบว่าเมียหอบลูกหนีโดนไล่ออกจากงาน

สังคมรุมประนาม

คนนี้ตัวจี๊ดเจสเด็กใจแตกลูกสาวรัฐมนตรีช่วยว่าการ

กระทรวงศึกษาพูดคำาหยาบและสบถปากหมาบ่อยกว่าการหายใจ

ผิดหวังจนอยากฆ่าตัวตายเพราะแฟนทิ้ง

คนสุดท้ายเจเจอดีตนักร้องหนุ่มชาวอเมริกันชื่อไม่ค่อย

ดังที่วงแตกแฟนทิ้งแต่เพื่อนๆในวงเดียวกันได้งานดีๆทำาทุกคนมี

เพียงเค้าที่ต้องระเห็จมาทำางานส่งพิซซ่า

ทั้งสี่คนตัดสินใจว่าชีวิตนี้มันท้อแท้สิ้นหวังเกินจะเยียวยา

แล้วและตัดสินใจจะจบมันลงด้วยการดิ่งลงไปกระแทกพื้นปัญหา

เดียวคือทั้งสี่คนดันเลือกโดดที่เดียวกันเวลาเดียวกันวันเดียวกัน

เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นบนดาดฟ้านั่น....

Page 53: NYA~ Journal vol.10

”เป็นอันตกลง”ภาษาไทย เป็นของสำานักพิมพ์

MarsSpaceสำานักพิมพ์เล็กๆที่มีบู๊ธเล็กๆช่องเดียวในงานหนังสือ

แต่ผมชอบหนังสือในบู๊ธนี้มากหลายเล่มน่าสนใจ(แต่เผอิญไม่มี

ตัง)พนักงานขายก็น่ารักดีผมชอบเวลาผมยืนดูแล้วพี่เค้าบอกว่า

เปิดอ่านก่อนนะเปิดอ่านได้เลยคือไม่รู้สิบางทีผมก็เบื่อการที่คน

ขายหนังสือชอบชักสีหน้าใส่คนอยากเปิดอ่านจะเสียเงินทั้งทีขอ

ผมรู้ว่ามันสนุกมั้ยหน่อยไม่ได้รึไงนะบวกกับบู๊ธนี้เป็นบู๊ธเล็กๆคน

ไม่พลุกพล่านเลยมีเวลาเลือกหนังสือนานหน่อยอย่างบู๊ธabook

นั่นได้แค่เอื้อมมือไปเอานิ้วเกี่ยวหนังสือออกมาเท่านั้นเอง

หนังสือเรื่องนี้ใช้การเล่าเรื่องแบบตัวละครทั้งสี่ผลัดกัน

เล่าซึ่งมันฮามากพอเป็นมัวรีนซึ่งเป็นคนดีนับถือพระเจ้าได้ยิน

คำาหยาบแล้วจะอ้วกเป็นคนเล่าก็จะมีแต่คำาพูดสุภาพๆมีอาการ

ทนไม่ได้เวลาได้ยินเพื่อนอีกสามคนพ่นคำาหยาบกันรัวๆหรือถ้าเป็น

เจสเล่าช่วงนี้ก็จะสะใจคนอ่านมากคือเจ๊แกสบถไม่เว้นคำาเลยไอ้

ชาติหมาเอ๊ยแม่งทำาไมทำาตัวระยำาอย่างนี้วะฯลฯแปลกใหม่ดี

เหมือนกันคนๆนึงเขียนเป็นตัวละครสี่ตัวที่ต่างกันเกือบสิ้นเชิงได้

เนี่ยอัจฉริยะจริงๆ

ถ้ามองกันด้วยเรื่องภาษาและประเด็นมากมายในนั้นทั้ง

ยาเสพย์ติดร่วมเพศฆ่าตัวตายก็คงต้องบอกว่ายังไม่เหมาะกับเด็ก

แต่ผมรู้สึกว่าเด็กไทยซึ่งทุกวันนี้ก็ได้ฟังคำาด่าของอีนพนภาสลับกับ

อีมุนินทร์กรอกหูทุกสัปดาห์อยู่แล้วคำาหยาบในหนังสือเล่มนี้ก็เป็น

แค่นิทานก่อนนอนเท่านั้นเอง

วันก่อนผมเข้ากูเกิ้ลแล้วถามหาชื่อหนังสือเล่มนี้เลยได้

พบในimdbว่ามันกำาลังจะกลายเป็นหนังจอเงินในปี2013นี้เอา

เป็นว่าถ้าโลกไม่แตกปลายปีหรือไม่ฆ่าตัวตายกันไปซะก่อนเราก็คง

ได้ดูกัน

คุณหมอ“ผมอยู่ข้างหลังคุณ”เคยเขียนถึงหนังสือเล่มนี้

และการฆ่าตัวตายเอาไว้ในหนังสือFinedaySadturdayว่า“ใน

สังคมทุกวันนี้คนฆ่าตัวตายมักถูกตัดสินแบบเหมารวมว่าสิ้นคิดซึ่ง

ตัวละครในเรื่องนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้สิ้นคิดพวกเขาแค่

‘ไม่ทันคิด’...จริงอยู่ที่คนที่ฆ่าตัวตายส่วนหนึ่งมีอาการทางจิตขั้น

รุนแรงถึงขนาดต้องใช้ยาต้องบำาบัดรักษาแต่ก็มีอีกจำานวนมากที่

ตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบแค่ความคิดในชั่วขณะนั้นว่าปัญหาตรง

หน้านั้นไม่มีทางออก

การฆ่าตัวตายจึงเป็นเสียงเรียกร้องขอความช่วยเหลือ

คือถ้าถามว่าในวินาทีที่คุณยืนอยู่ขอบดาดฟ้าคุณอยากตายจริง

มั้ยเสียงหัวใจของหลายคนอาจจะร้องว่าไม่ฉันไม่ได้อยากตายได้

โปรดล่ะใครก็ได้ช่วยฉันทีช่วยทำาให้ฉันเป็นคนที่อยากมีชีวิตอยู่

ต่อไปที”

ถามว่าสุดท้ายแล้วอะไรจะทำาให้เราตัดสินใจโดดหรือไม่

โดดตึกอันนี้ตอบยากจะให้บอกว่าจงพยายามต่อไปเถอะมันก็โลก

สวยไปหน่อยวันนึงที่เราเจอปัญหาหนักๆกดทับทุกวันจนไม่เหลือ

หนทางให้ยกมันออกแล้วเราอาจจะตัดสินใจเอามันถ่วงตัวเราลงไป

จากดาดฟ้าตึกก็ได้

ถึงวันนั้นเราอาจต้องการเพื่อนดีๆซักคน

ถ้าเศร้าถ้าเหงาก็หาเพื่อนคุยครับถ้ามองหาคนรอบข้าง

แล้วไม่มีใครคุยด้วยกดfollow@lemonoizแล้วเมนชั่นมาคุย

กันได้ว่างทั้งวันเล่นทั้งวันคุยด้วยได้ทั้งวันรับรองว่าโรคซึมเศร้า

จะหายไปครับแต่โรคสติไม่สมประกอบอาจจะเข้ามาแทนฮ่าๆๆ

~

53

Page 54: NYA~ Journal vol.10

น้องเอมเด็กน่ารัก

อาร์ม

น้องอาร์มเด็กนรก

หืมมีไร?

น้องเอมเด็กน่ารัก

จริงรึเปล่าที่แกลาออกอ่ะ

น้องอาร์มเด็กนรก

อ้าว

รู้ได้ไงอ่ะ?

น้องเอมเด็กน่ารัก

อาจารย์ชลากรบอกตอนโฮมรูมหนะ

น้องอาร์มเด็กนรก

อ๋อ

ก็นั่นแหละ

น้องเอมเด็กน่ารัก

ไอ้บ้า!!

ทำาไมไม่ปรึกษากันก่อนล่ะ

คิดอะไรของแกอยู่

น้องอาร์มเด็กนรก

ก็ปรึกษาแล้ว

น้องเอมเด็กน่ารัก

ตอนไหน

น้องอาร์มเด็กนรก

ไม่นานมีนี้ไง

น้องเอมเด็กน่ารัก

ไอ้เรื่องความฝันนั่นป่ะ?

น้องอาร์มเด็กนรก

อื้ม

คือเมื่ออาทิตย์ก่อน

อาฉันที่ทำางานอยู่นิตยสารท่องเที่ยว

เขาชวนฉันไปทำางานน่ะ

น้องเอมเด็กน่ารัก

??

น้องอาร์มเด็กนรก

คือสำานักพิมพ์เขาขาดตากล้อง

อาเลยลองให้เราไปฝึกอยู่เดือนกว่า

ช่วงเสาร์-อาทิตย์

ทีนี้ทางสำานักพิมพ์เขาก็อยากจ้างไว้

แต่ว่า

น้องเอมเด็กน่ารัก

แต่?

น้องอาร์มเด็กนรก

คือตัวนิตยสารมันเป็นรายสัปดาห์ไง

ถ้ายังเรียนอยู่มันจะไม่มีเวลาทำางาน

เขาเลยให้เวลาเราตัดสินใจไปก่อน

น้องเอมเด็กน่ารัก

แล้วแกก็เลยเลือกลาออกเหรอ

น้องอาร์มเด็กนรก

อื้อ

การได้เป็นตากล้องมันเป็นความฝันของชั้นเลยนะ

การได้เก็บสิ่งที่เกินกว่าจะบรรยาย

ลงบนกระดาษแผ่นเล็กๆเนี่ย

น้องเอมเด็กน่ารัก

แล้วแกไม่คิดถึงคนที่รักแกเหรอ?

น้องอาร์มเด็กนรก

พ่อแม่ฉันโอเคแล้ว

น้องเอมเด็กน่ารัก

ไม่ใช่แค่พ่อแม่นะ

ช่างเถอะ

MM S อึน

เรื่อง-กานต์พันธ์จันทร์@kenoyama

ตอน ... ต่อไป

Page 55: NYA~ Journal vol.10

แล้วเจอกันนะ...ซักวันนึง

น้องอาร์มเด็กนรก

เดี๋ยวก่อนๆเมื้อกี้คือ?

น้องเอมเด็กน่ารัก

ไม่มีๆ

น้องอาร์มเด็กนรก

เกริ่นมาขนาดนั้น

มันจะไม่มีอะไรได้ไงล่ะ

==

อย่าบอกนะว่า...

แกชอบชั้นอ่ะ

แน่นๆแน้~

ก็เข้าใจนะว่าเสน่ห์แรง555

น้องเอมเด็กน่ารัก

.....

ถ้าบอกว่าชอบ

แกจะไม่ไปมั้ยล่ะ?

น้องอาร์มเด็กนรก

เฮ้ย

จริงจังป่ะเนี่ย?

น้องเอมเด็กน่ารัก

จริงจัง

น้องอาร์มเด็กนรก

อืมม

....

ขอโทษนะเอม

นี่คือเส้นทางที่เราเลือก

เส้นทางสู่ความฝันของเรา

น้องเอมเด็กน่ารัก

ว่าแล้ว..

น้องอาร์มเด็กนรก

??

น้องเอมเด็กน่ารัก

เวลาแกตัดสินใจอะไรไป

ใครก็เปลี่ยนใจแกไม่ได้จริงๆ

น้องอาร์มเด็กนรก

555

น้องเอมเด็กน่ารัก

ถ้านี่เป็นความฝันแกจริงๆ

ก็ทำาให้มันเต็มที่แล้วกัน

น้องอาร์มเด็กนรก

มันก็แน่อยู่แล้ว

อีกอย่างก็ไม่ได้หายไปไหนไกล

ยังติดต่อได้อยู่นะ

น้องเอมเด็กน่ารัก

อ...อ้าว

งั้นเหรอ=///=

น้องอาร์มเด็กนรก

5555

น้องเอมเด็กน่ารัก

หัวเราะไรเป็นห่วงไม่ได้เหรอ

น้องอาร์มเด็กนรก

ขอบใจนะสำาหรับกำาลังใจ

แกคอยช่วยฉันตลอดเลย

น้องเอมเด็กน่ารัก

แต่หลังจากนี้คงช่วยอะไรได้ไม่มากแล้วล่ะ

น้องอาร์มเด็กนรก

นั่นสิน้า

น้องเอมเด็กน่ารัก

แต่...

ถ้ามีเรื่องหรือเครียดอะไร

ก็ปรึกษาเราได้เสมอนะ^^

น้องอาร์มเด็กนรก

อื้ม

แกก็เหมือนกัน

55

Page 56: NYA~ Journal vol.10

GGet a taste of

เรื่อง/ภาพ-@Puipadorn

สถานที่ที่ผมจะพาไปกินคราวนี้มีบรรยากาศร่มรื่นสบายๆ

เหมาะสำาหรับการไปพักผ่อนในวันเสาร์-อาทิตย์เป็นตลาดนำ้าซะด้วย

น่าสนใจไหมล่ะครับที่นั่นก็คือ“ตลาดนำ้าคลองลัดมะยม”

ตลาดนำ้าแห่งนี้ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักครับตลาดนำ้าคลองลัด

มะยมตั้งอยู่แถวถนนกาญจนาภิเษกใกล้กับสมาคมชาวปักษ์ใต้เมื่อ

ใกล้ถึงตัวตลาดจะมีป้ายบอกทางเข้าไปยังตลาดครับสำาหรับชื่อของ

ตลาดนั้นได้มาจากคลองที่ตัดผ่านตลาดซึ่งคือคลองมะยมนั้นเอง

สำาหรับอาการกินนั้นต้องใช้คำาว่าเยอะมากครับมีตั้งแต่

ปลาเผาปูเผายันหอยนิวซีแลนด์และลาซานญ่ากันเลยทีเดียว(หรู

ไหมล่ะครับ)มีหลายร้านมากครับตัวตลาดเองก็มีหลายโซนและยังมี

เส้นทางสำารวจธรรมชาติด้วยครับร่มรื่นที่สุดเลยล่ะครับ

เริ่มที่หมูสะเต๊ะเป็นอย่างแรกเลยละกันบอกได้คำาเดียวล่ะ

ครับฟินที่สุดครับ(เกินหนึ่งคำาน่ะนาย)หมูนุ่มมากครับกัดปุ๊ปหลุด

มาตามฟันเลยครับส่วนตัวนำ้าจิ้ม[ก็]เข้มข้นกำาลังดีเลยล่ะครับรวม

กันแล้วฟินนาเล่ครับ

ต่อมาก็เป็นปลาเผาครับร้านปลาเผาจะตั้งอยู่ร้านแรก[นั้น]

เข้ามาถึงแล้วจะเห็นเป็นร้านแรกเลยครับที่ร้านมีปลาหลายชนิดให้

เลือกเลยครับปลาที่ถูกตกมาเป็นเหยื่อให้กับผมวันนี้ก็คือปลาช่อน

ครับขนาดพอกินได้4-6คนเลยทีเดียวทางร้านจะคิดราคาตาม

ขนาดตัวน่ะครับนำ้าจิ้มมีสองแบบเป็นแบบไม่มีแมงดากับมีแมงดา

แต่ไม่มีนำ้าจิ้มซีฟู้ดให้เนื้อปลาอร่อยนุ่มลิ้นมากครับแต่ว่าก้างเยอะ

ไปหน่อย(อนิจจาทาทายังกันไป)

จานสุดท้ายครับอาหารคู่ชาติเราครับ“ส้มตำา”แต่ผมไม่

เคยกินส้มตำาน่ะครับเลยต้องให้คุณแม่ช่วยวิจารณ์อาหารจานนี้ให้

(กราบขอบพระคุณมาณที่นี้)คุณแม่บอกว่า...“กลมกล่อมดีสาม

ผ่าน”ส้มตำาจานนี้ดูจัดจ้านน่ากินน่าจะถูกใจใครๆหลายคนนะครับ

สำาหรับภาพรวมผมให้ไปเลยครับ9/10บรรยากาศใน

ตลาดเงียบสงบคนขายก็เป็นกันเองอาหารอร่อยส่วนข้อเสีย

คือ“ร้อน”ครับ(ออกแนวร้อนแล้วพาลน่ะ)

ผมเองก็ต้องขอบคุณพี่โหลพี่นาวและพี่ๆคนอื่นที่ได้ให้

โอกาสมาgetatasteofในครั้งนี้นักเขียนมือใหม่ตาดำาๆอย่าง

ผมก็ขอบพระคุณมาณที่นี้ครับวันหน้าฟ้าใหม่เราคงได้เจอกันครับ

ส่วนตอนนี้ก็ต้องขอลาไปก่อนสวัสดีครับ

~

ตลาดน�้าคลองลัดมะยม

Page 57: NYA~ Journal vol.10

ภภาษาพาไป

เรื่อง-ปิยะนุชพริ้งพงษ์

สวัสดีค่ะครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เราจะ

ได้พบกันในคอลัมน์ภาษาพาไปนี้ก่อนอื่นใดแพรวขอ

เชิญท่านผู้อ่านลองอ่านเรื่องสั้นๆเรื่องหนึ่งเรื่องนี้

เป็นกระแสดังมากๆช่วงหนึ่งในเว็บพันทิพค่ะเรื่อง

มีอยู่ว่าเจ้าของกระทู้เขาแนะนำาอาชีพหนึ่งที่น่าทึ่ง

อย่างคาดไม่ถึงของนายเซบาสเตียนฟุงเค่ลวัย๗๗

ปีอดีตนายทหารหน่วยรบพิเศษระดับหัวหน้ากอง

ร้อยที่ผ่านสมรภูมิรบมาอย่างโชกโชนหลังจากที่เขา

ออกจากเส้นทางทหารด้วยวัยเพียง๓๒ปีเนื่องจากสูญ

เสียลูกน้องถึง๘นายภายในวันเดียววันหนึ่งเขาไป

พบกับประกาศรับสมัครงานตำาแหน่งพนักงานทำาความ

สะอาดของนาซ่าเขาคงจะไม่สนใจประกาศนั้นหาก

ไม่มีที่เขียนว่าคนที่จะมาทำางานตำาแหน่งนี้ให้นาซ่าจะ

ต้องเป็นคนถูพื้นที่แข็งแกร่งที่สุดว่องไวที่สุดสะอาด

ที่สุดและเปี่ยมด้วยสัญชาตญาณ

เลือดทหารกล้าที่ร้อนระอุอีกครั้งผลักดันให้

เซบาสเตียนสมัครตำาแหน่งนี้การสัมภาษณ์ก็เป็นไป

อย่างเข้มงวดทีเดียวที่สำาคัญคือไม่ได้จัดที่องค์การนา

ซ่าเสียด้วยหากแต่จัดค่ายทหารแห่งหนึ่งในรัฐโคโรลา

โดผู้สมัครจะต้องผ่านการทดสอบที่หนักหนาหลาย

อย่างอาทิต้องวิ่งระยะทาง๑กม.ให้ได้ภายใน๒

นาทีครึ่งลุกนั่ง๒๙ครั้งใน๓๐วินาทีว่ายนำ้า๒๕

ข้อความที่เปลี่ยนไป

เมตรภายใน๓๕วินาทีและจะต้องผ่านการทดสอบการทรมานเชลยที่ต้อง

ทดสอบกันอย่างเข้มข้นราวกับฝึกทหารเช่นนี้ก็เพราะองค์การนาซ่ามีข้อมูลที่

สำาคัญระดับชาติมากมายหากมีภัยอะไรก็อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของ

ชาติได้บุคลากรทุกคนจึงจะต้องมีความพร้อมในการปกป้องที่ทำาการของนา

ซ่าหากถูกบุกรุกจนกว่ากองกำาลังจะมาช่วยเหลือและสามารถป้องกันตัวเอง

ได้หากถูกลักพาตัวเพื่อรีดเอาข้อมูลลับไป

เซบาสเตียนผ่านการทดสอบทั้งหมดและได้เข้าทำางานนี้มากว่า๓๐ปี

ปัจจุบันเขาดำารงตำาแหน่งหัวหน้าชุดพนักงานทำาความสะอาดได้รับเงินเดือน

จากนาซ่าเดือนละ๗๘,๐๐๐ดอลล่าร์สหรัฐ!!(ประมาณสองล้านสี่แสนบาท)

พร้อมสวัสดิการอย่างครบถ้วนหรูหราอีกทั้งยังมีบริษัทยักษ์ใหญ่จากทั่วโลก

เช่นสตาร์บัคส์ไมโครซอฟท์เสนอค่าตัวมากกว่า๘แสนดอลล่าร์เพื่อให้เขา

ย้ายไปทำางานด้วยนอกจากงานประจำาที่นาซ่าแล้วเขายังได้รับเกียรติจาก

กองทัพสหรัฐเชิญไปเป็นอาจารย์พิเศษประจำาวิชายุทธวิธีการรบภาคพื้นดินใน

เขตหนาว,การลาดตระเวนระยะไกลและยังเป็นครูฝึกพิเศษให้แก่หน่วยรบ

พิเศษเรคอนอีกด้วย

Page 58: NYA~ Journal vol.10

ภายในกระทู้นี้ก็มีผู้เข้ามาให้ความเห็นอย่างตื่นเต้นและ

เผยแพร่ต่อกันมากมายท่านผู้อ่านเชื่อไหมคะว่าเรื่องที่กล่าวมา

ข้างบนนี้ไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อยหลังจากที่มีคนสังเกต

ว่ารูปนายทหารในกระทู้เคยปรากฏในเว็บไซต์ข่าวแห่งอื่นที่ไม่

เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยและนายทหารคนนั้นไม่ได้มีชื่อและสัญชาติ

เหมือนที่เจ้าของกระทู้เล่ามาและมีคนบอกว่าขนาดเงินเดือนของ

วิศวกรนาซ่ายังไม่ถึงครึ่งของเท่านี้เลยจนกระทั่งมีคนสังเกตชื่อ

Id.ของเจ้าของกระทู้นี้ว่าชอบแต่งเรื่องอำาชาวพันทิพอยู่บ่อยๆ

สื่อหนึ่งที่แพรวคิดว่ามีความเสี่ยงไม่น้อยเลยคือ

อินเทอร์เน็ตค่ะเพราะการสร้างข้อมูลเท็จบนอินเทอร์เน็ตสามารถ

ทำาได้ง่ายมากๆแม้แต่พวกเราคนธรรมดาก็สามารถทำาได้เคย

รึเปล่าคะที่เวลาสมัครเว็บเกมออนไลน์ก็กรอกข้อมูลมั่วๆหรือใช้

โปรแกรมสุ่มเลขบัตรประชาชนหรือพบคนที่สร้างแอคเคาทน์เฟ

ซบุ๊คอันใหม่แล้วใส่ประวัติส่วนตัวซะราวกับว่ามีตัวตนจริงๆเอา

รูปคนสวยๆมาตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ดึงดูดความสนใจแล้วทำาสแปม

โฆษณาขายของสร้างความรำาคาญแก่คนอื่นเดี๋ยวนี้เราใช้ชีวิตใน

โลกอินเทอร์เน็ตไม่น้อยไปกว่าโลกปกติที่เราอยู่เลยจึงมีสารต่างๆ

ผ่านหูผ่านตาเรามากไม่แพ้กันถ้าเราไม่กลั่นกรองหรือตรวจสอบ

ข้อเท็จจริงเสียก่อนสักวันหนึ่งเราอาจรับข้อมูลเท็จที่เป็นอันตราย

กับเราโดยไม่รู้ตัวก็ได้

อย่างเรื่องของนายเซบาสเตียนที่แพรวยกตัวอย่างมาด้าน

บนเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตเราพอเรารู้ว่าเป็นเรื่อง

แต่งเราก็ขำาๆหรือต่อให้ไม่รู้และเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงต่อไปชีวิต

เราก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแต่บางเรื่องที่สำาคัญมากหรือคอขาด

บาดตายมีผู้ไม่ประสงค์ดีทวีตรายงานสถานการณ์ที่เป็นเท็จหรือ

นำาคลิปวีดิโอที่เกิดขึ้นในปีก่อนของประเทศอื่นมาเผยแพร่สร้าง

ความตื่นตระหนกแก่ผู้ที่พบเห็นข้อความเหล่านั้นแม้จะโชคดีที่

เหตุการณ์นั้นผ่านพ้นไปโดยไม่เกิดอันตรายใดๆแต่ก็เป็นตัวอย่าง

ที่ทำาให้ผู้คนได้ฉุกคิดว่าความน่าเชื่อถือได้ของข่าวเป็นสิ่งที่สำาคัญ

มากข่าวที่เร็วที่สุดใช่ว่าจะถูกต้องที่สุดเสมอไป

แพรวจึงขอนำาเสนอวิธีตรวจสอบความน่าเชื่อถือสักเล็ก

น้อยเพื่อที่ท่านผู้อ่านจะได้นำาไปใช้กลั่นกรองก่อนเชื่อข้อมูลใดๆ

ที่พบเห็นในอินเทอร์เน็ตค่ะ

•สังเกตข้อมูลของผู้โพสท์ไม่ว่าจะเป็นยูสเซอร์เนม

สำานวนการพิมพ์จำานวนโพสท์ที่เคยโพสท์ไว้ในเว็บนั้นก็บ่งบอกได้

ว่าคนคนนั้นอยู่เว็บนั้นมานานแค่ไหนถ้ามีมากก็พอไว้ใจได้หน่อย

แต่ถ้ามีไม่ถึงสิบโพสท์ชนิดที่เห็นปุ๊บก็รู้ว่าเพิ่งสมัครใหม่ยิ่งถ้ามา

ถึงก็โพสท์เรื่องแปลกๆก็ควรสงสัยไว้ก่อนเลย

•ภาพประกอบสอดคล้องกับเนื้อหาภาพบุคคลภาพ

เหตุการณ์และสถานที่หรือวีดิโอที่ประกอบในเนื้อหาอาจเป็นเพียง

ภาพจากต่างประเทศที่คัดลอกมาจากอินเทอร์เน็ตและนำาไปแอบ

อ้างว่าเป็นภาพจากเนื้อหาจริงเช่นภาพผู้หญิงสวยในโฆษณา

เครื่องสำาอางคลิปวีดิโอเหตุการณ์ภัยธรรมชาติสังเกตได้ง่ายๆ

โดยดูที่ฉากหลังมีป้ายหรือคำาที่เป็นภาษาอื่นหรือไม่หรือค้นหา

ภาพจากอินเทอร์เน็ตด้วยkeywordที่เกี่ยวข้องก็อาจพบที่มาของ

ภาพที่แท้จริง

•มีการอ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลข้อมูลในอินเทอร์เน็ต

ส่วนมากจะเป็นการคัดลอกและเผยแพร่ต่อๆกันมาไม่ว่าจะเป็น

ข่าวหรือบทความต่างๆท้ายเนื้อหาพึงมีลิ้งค์ที่ผู้โพสท์คัดลอก

ข้อมูลมาอ้างอิงด้วยถ้าไม่ใช่บทความที่ผู้โพสท์เขียนขึ้นเองและ

ไม่มีการอ้างอิงความน่าเชื่อถือก็หายไปเกินครึ่งเลยแต่ถ้ามีการ

อ้างอิงก็อย่าวางใจนะคะลองคลิกตามลิ้งค์นั้นอีกทีว่ามีเว็บไซต์ที่

ว่าจริงๆหรือไม่หรือเป็นแหล่งข่าวหรือองค์กรที่มีชื่อเสียงเชื่อ

ถือได้หรือไม่เช่นบทความข่าวควรมาจากเว็บไซต์หนังสือพิมพ์

ประกาศเตือนภัยแผ่นดินไหวควรมาจากเว็บไซต์องค์กรเฝ้าระวังภัย

ธรรมชาติของภาครัฐ

ข้างต้นนี้เป็นกลวิธีเล็กๆน้อยๆในการป้องกันตัวใน

การรับข้อมูลเช่นเดียวกันในการส่งต่อข้อมูลเราเองก็ต้องมี

จรรยาบรรณด้วยเลือกส่งต่อแต่ข้อมูลที่เป็นจริงและมีประโยชน์

ด้วยวิธีที่เหมาะสมเท่านั้นและแพรวขอเน้นยำ้าว่าต้องอ้างอิงที่มา

ของข้อมูลเสมอนะคะนี่ไม่ใช่เรื่องของความน่าเชื่อถือเท่านั้นแต่

ยังเป็นการให้เกียรติแก่เจ้าของข้อมูลซึ่งเป็นมารยาทที่สำาคัญ

ด้วยและขอแถมท้ายสำาหรับชาวทวิตเตอร์สักนิดว่าควรรีทวี

ตด้วยปุ่มRetweetเท่านั้นไม่ควรรีทวีตด้วยลักษณะRTแล้ว

พิมพ์ข้อความของตนเองเพิ่มไปเพราะจะทำาให้ไม่สามารถดูได้ว่า

ข้อความดั้งเดิมถูกทวีตตั้งแต่เมื่อไรสำาคัญมากนะคะเวลาเกิดภัย

พิบัติทุกคนย่อมอยากทราบข้อเท็จจริงในเวลาที่ถูกต้องระดับนาที

กันทั้งนั้น

http://topicstock.pantip.com/wakor/topicstock/2011/08/

X10962348/X10962348.html

~

58

Page 59: NYA~ Journal vol.10

EEn Route

เรื่อง/ภาพ-รมย์รวินทองมา@

เราออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิเที่ยวบินTG656

เวลา23.50น.ถึงเกาหลีประมาณ6โมงเช้าตามเวลาท้องถิ่นพอ

ลงเครื่องมาอย่างแรกที่นึกถึงเลยคือwi-fiเขาว่ากันว่าเกาหลีwi-fi

แรงและก็แรงจริงๆถึงปุ๊บเช็คอินปั๊บจากนั้นเราก็ออกเดินทางจาก

สนามบินอินชอนไปค่ายWorldJamboreeSiteบนเขาโซรักเขต

กังวอน

ค่ายย่อยของเราชื่อว่าค่ายย่อยGangwonตอนแรกที่ลง

มาจากรถตกใจมากๆเพราะเราวาดภาพค่ายในใจไว้ว่าไว้มันต้อง

ทรหดมากแต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือมีคนเกาหลีมาช่วยถือกระเป๋าให้

พาเรามาที่เต็นท์ที่เขาได้กางไว้ให้เราแล้วหนำาซำ้ายังเอาขนมมาให้

อีกโอ้พ่อคุณนำ้าใจงามจริงๆวันนี้ทั้งวันเราหมดไปกับการจัดของ

เข้าเต็นท์ให้เรียบร้อยยังไม่มีกิจกรรมอะไรอาหารนั้นแต่ละวันเขาก็

ให้เยอะมากแทบจะกินทิ้งกินขว้างอยู่อย่างราชาได้

เรื่องช๊อคสุดๆของวันแรกก็คือที่นี่เขาแก้ผ้าอาบนำ้ากัน

โอ้แม่เจ้าเขาแก้ผ้ากันจริงๆไอ้เราคนไทยจะให้แก้ผ้าก็กระไรอยู่

น้องๆผู้หญิงเขาก็กลัวว่าถ้าเราใส่ผ้าถุงอาบนำ้าคนเกาหลีเขาจะ

มองว่าเราเป็นตัวประหลาดหรือเปล่าสุดท้ายเราก็ยอมเป็นตัว

ประหลาดใส่ผ้าถุงอาบนำ้ากัน3คนคนเกาหลีเขาก็มองนะแต่อย่า

ได้แคร์

13th Korea National Jamboree International

Page 60: NYA~ Journal vol.10

3สิงหาคม-วันนี้เป็นวันที่เริ่มทำากิจกรรมครั้งแรกกลุ่มB

ได้ทำากิจกรรมClimbingUlsanเป็นกิจกรรมที่โหดที่สุดกิจกรรม

นี้ฝึกความอดทนการดูแลเพื่อนๆในกลุ่มความสามัคคีเหนื่อย

มากๆพอขึ้นไปถึงยอดก็เจอโบสถ์หลังจากไปสงบจิตสงบใจจาก

ความเหนื่อยเราก็เดินลงเรานั่งกินข้าวท่ามกลางสายนำ้าก่อนจะเริ่ม

ทำากิจกรรมช่วงบ่ายไปจับกุ้งจับปลากิจกรรมนี้บรรยากาศดีมาก

แดดไม่ร้อนแต่กว่าจะหากุ้งได้สักตัวนี่ยากมากๆเสร็จจากกิจกรรม

นี้เราก็ได้ทำากิจกรรมHwarangAwardคือการทำาวอกเกิลดูวิธีการ

ต้มไข่และปิ้งไก่ด้วยการห่อกระดาษฟอยล์เต้นตามเพลงและยิงธนู

แต่เพราะเวลาหมดก่อนทำากิจกรรมเสร็จจึงไม่ได้Awardตอนกลาง

คืนมีพิธีเปิดอลังการมากเขาเน้นด้านการแสดงมากกว่าไม่ค่อยเน้น

พิธีการเหมือนกับบ้านเรามีเพลงสนุกๆลุกขึ้นเต้นได้

4สิงหาคม-เป็นกิจกรรมEarthForestกิจกรรมในช่วง

เช้าคือChallengeValleyฐานผจญภัยกิจกรรมนี้ต่อแถวในการ

เล่นนานมากแต่เพราะเขาทำางานเป็นระบบกิจกรรมจึงดำาเนินไป

ได้ด้วยดีกิจกรรมในช่วงบ่ายคือกิจกรรมBikeFestivalมันก็ขี่

จักรยานธรรมดานั่นแหละแต่เขาห่วงเรื่องความปลอดภัยดีมากมี

คนคอยโบกเกือบทุกจุดเสร็จจากกิจกรรมนี้ก็เดินทางไปกิจกรรม

NewSportซึ่งอยู่หน้าค่ายเป็นกิจกรรมง่ายๆสบายๆเสร็จจาก

กิจกรรมก็เดินกลับเข้าค่ายย่อยอาบนำ้าในช่วงเย็นได้ข่าวว่ากลุ่มG

ต้องทำาการแสดงซับแคมป์เราจึงไปช่วยกลุ่มGทำาการแสดงและ

สำาเร็จลุล่วงด้วยดีคนเกาหลีดีอย่างหนึ่งนะคือเขาให้ความร่วมมือ

ทุกการแสดงสนุกเขาก็ลุกขึ้นเต้นชื่นชอบเขาตบก็มือทำาให้ผู้แสดง

ภาคภูมิใจ

5สิงหาคม-วันนี้ทางค่ายจัดให้เป็นDay-Offหรือวันหยุด

พักผ่อนพวกเราเดินไปค่ายAเพื่อพบปะเพื่อนและทำาการแลก

Badgeในช่วงกลางวันร่วมกิจกรรมFoodFestivalหรือก็คือการ

แลกเปลี่ยนอาหารกับค่ายย่อยข้างๆเราเอามาม่าต้มยำากุ้งกับมาม่า

แกงเขียวหวานแล้วก็มีขนมหวานเช่นกล้วยฉาบปั้นขลิบไปแลก

ของอื่นๆมาตอนเย็นก็มีกิจกรรมInternationalNightเราเป็นก

ลุ่มประสานงานไม่ได้แสดงแต่เป็นคนเปิดเพลงเถียงกับคนคุมเพลง

อยู่นานแต่การแสดงก็ออกมาอย่างเลิศหรูอลังการ

60

Page 61: NYA~ Journal vol.10

6สิงหาคม–วันนี้อากาศไม่ค่อยดีเท่าไรฝนตกแรงพอ

สมควรต้องใส่เสื้อกันฝนทำากิจกรรมกิจกรรมในวันนี้คือOurFor-

estและHwa-AmTempleTrekkingต่อมาเราก็ทำากิจกรรมปิ้ง

ไส้กรอกแต่ออกแนวไส้กรอกรมควันเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งมาก

ๆเราเลยกินมันดิบๆนั่นแหละต่อมาเราก็ทำากิจกรรมทำาบ้านนก

เลื่อยไม้ตอกตะปูมันส์มากรู้สึกเริ่มชอบงานช่างเพราะกิจกรรมนี้

แหละในช่วงบ่ายก็ทำากิจกรรมBodyPaintทำาหน้ากากทำาขนม

ต๊อกกินนำ้าชาทำาวอกเกิลร้อยกำาไลในตอนกลางคืนมีงานSuperJ

ชุดการแสดงของประเทศไทยก็ได้ขึ้นโชว์ถือเป็นความภาคภูมิใจอีก

ครั้ง

7สิงหาคม–วันนี้กิจกรรมวันสุดท้ายเราออกไปทำา

กิจกรรมOceanforestเป็นกิจกรรมนอกสถานที่ได้ไปเล่นนำ้าทะเล

แดดแรงเอาเรื่องเลยได้เล่นเซิร์ฟบอร์ดและดำานำ้าด้วยกิจกรรมช่วง

บ่ายคือเดินทางไปรอยต่อระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ได้ไปดู

พิพิธภัณฑ์และได้ส่องกล้องส่องทางไกลเห็นภูเขาที่แบ่งระหว่าง

เกาหลีเหนือเกาหลีใต้ตอนเย็นกลับมาเก็บเต็นท์และเข้าร่วมพิธีปิด

8สิงหาคม–เก็บของเตรียมตัวออกเดิน

ทางออกจากค่ายเดินทางไปเอเวอร์แลนด์เครื่อง

เล่นอลังการดีเหมือนคนจะต่อแถวเยอะแต่พอลอง

ต่อแล้วมันแป๊บเดียวจริงๆเขาจัดระเบียบดีเสร็จ

แล้วเราก็ไปต่อกันที่เมียงดงไม่ค่อยถ่ายรูปเพราะ

เน้นซื้อของแต่ขนาดซื้อของยังซื้อไม่ทันเลยเซ็งมาก

พะยะค่ะ

61

วันที่9สิงหาคม–วันนี้วันสุดท้ายแล้วที่

ต้องกลับยังไม่อยากกลับเลยเราก็ไปเที่ยวต่อที่ราช

วังเคียงบ๊อกแล้วเราก็ไปต่อกันที่ร้านขายโสมตึก

ซัมซุงซุปเปอร์มาร์เก็ตราคาแพงแล้วก็ไปสนามบิน

ระหว่างรอเช็คอินเราเจอวงNu’estด้วยละไม่มี

รูปมาเพราะตอนนั้นกำาลังช๊อคหยิบกล้องไม่ทัน

พลาดมากกกกกกก

Page 62: NYA~ Journal vol.10

สิ่งที่เราภาคภูมิใจที่สุดก็คือเราได้รู้จักความสุข

ของการได้ใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนๆความสุขความรัก

ถึงแม้จะมีความขัดแย้งแต่ทุกอย่างก็ลงตัวได้ด้วยดี

ประสบการณ์การไปที่นี้หาไม่ได้ในห้องเรียนจริงๆ

ถ้าเราไม่มาทำากิจกรรมเราก็ไม่รู้หรอกว่าในโลกกว้าง

ๆใบนี้มันมีอะไรมากกว่าที่เราคิด

~

62

Page 63: NYA~ Journal vol.10

ณณ ปัจจุบันขณะ

เรื่อง-ณิชนันทน์เหรียญสมบัติ@lemonoiz

“โลกไม่สิ้นก็ดิ้นต่อไป”

Page 64: NYA~ Journal vol.10

1.

ข่าวดีหรือข่าวร้ายก็ไม่ทราบได้ที่ทุกคนน่า

จะรู้กันแล้วก็คือปีที่แล้วโลกเราไม่แตกว่ะเฮ้ยไม่แตก

ซะงั้นอ่ะวันนั้นอุตส่าห์ยกเลิกนัดเพื่อนกลับไปอยู่บ้าน

กับพ่อแม่เลยนะไม่เชื่อหรอกแต่ก็เผื่อไว้แหมคนมัน

รอบคอบแต่สุดท้ายมันก็ไม่แตกเซ็งเลย

ช่วงโลกใกล้แตกคำาถามที่ฮิตมากคือถ้าพรุ่งนี้

โลกจะแตกคุณจะทำาอะไร

ผมตอบไม่ได้

คืออันที่จริงก็มีคิดไว้ในหัวทำาทุกอย่างที่อยาก

ทำาพูดทุกอย่างที่อยากพูดอยู่กับทุกคนที่อยากอยู่ด้วย

แต่พอถึงเวลานั้นจริงๆผมก็ไม่มั่นใจว่าจะทำาเรื่องพวก

นี้จริงๆมั้ยหรือมันจะมีอะไรควรทำาที่สำาคัญกว่า

เลยนึกถึงการ์ตูนเรื่อง“อิคิงามิสาส์นสั่งตาย“

ที่ถามเราว่าถ้าคุณจะต้องตายในอีก24ชั่วโมงคุณจะ

ทำาอะไรขนาดคนเดียวจะตายยังวุ่นวายถ้าพรุ่งนี้โลก

จะแตกจริงๆแล้วทุกคนทำาตามปนิธานวันโลกแตกกัน

ทั้งหมดโลกก็คงวุ่นวายยิ่งกว่าวันแตกซะอีก

แต่อย่างที่บอกสุดท้ายโลกก็ไม่สิ้น

เราก็ต้อง“ดิ้น“กันต่อไป

2.

มีคนกล่าวไว้ว่า“ชีวิตนั้นสั้นนัก”

ผมเถียงผมรู้สึกว่าชีวิตใครจะสั้นหรือยาวนั้นดู

จะเกี่ยวพันกับสภาพความเป็นอยู่ของเขามากกว่าผม

เคยมีโอกาสสัมภาษณ์ผู้พิการคนยากไร้เด็กกำาพร้าคน

ที่ชีวิตปรสบพบเจอกับเรื่องเศร้าๆมาก็มากหลายคน

รู้สึกอยากรีบๆตาย

เขารู้สึกว่า“ชีวิตนั้นยาวเกินไป”

ยาวเกินกว่าจะทนอยู่เห็นตัวเองค่อยๆกลาย

เป็นภาระของคนอื่นยาวเกินกว่าจะทนเห็นตัวเองค่อย

ๆถูกทิ้งเป็นเศษขยะยาวเกินกว่าจะทนรับตัวเองได้

ถามว่าเคยคิดฆ่าตัวตายมั้ย

“เคย“เขาตอบ

คอลัมน์“หนังสือเดินทาง“ฉบับนี้ผมแนะนำา

หนังสือไว้เล่มนึงคือ“Alongwaydown“

ทุกวันนี้คนฆ่าตัวตายมักถูกสังคมตัดสินว่าเป็น

คน“สิ้นคิด“แต่จริงๆไม่ใช่

พวกเขาแค่“ไม่ทันคิด“

ถ้าไม่นับคนที่มีอาการทางจิตซึมเศร้าถึงขึ้นต้อง

ทำาการบำาบัดรักษาคนคิดฆ่าตัวตายจำานวนมากตัดสิน

ใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบด้วยความคิดเพียงชั่วขณะนั้นว่า

ปัญหาตรงหน้านั้นไม่มีทางออก

ถ้าถามว่าอยากฆ่าตัวตายจริงมั้ย?

“ใจหนึ่งตอบว่าใช่แต่อีกใจก็ตะโกนว่าไม่ฉัน

ไม่ได้อยากตายใครก็ได้ช่วยทำาให้ฉันเป็นคนที่อยากจะ

มีชีวิตอยู่ต่อทีเถอะ“

แล้วทำาไมถึงตัดสินใจไม่ทำา?

“ถ้าเราตายเราเป็นภาระคนอื่นแน่ๆอยาก

น้อยก็คนเก็บศพแต่ถ้าเราอยู่ต่อมีวิธีมากมายที่จะ

ทำาให้เราอยู่ได้โดยไม่เป็นภาระใคร“

ชีวิตมันจะยาวซักแค่ไหนกันเชียว

ถ้าเราพร้อมที่จะ“ดิ้น“ต่อไป

3.

ละครดีไม่ได้วัดกันที่มันยาวแค่ไหน

ชีวิตก็เช่นกัน

มันอยู่ที่คุณจะ“ดิ้น”อย่างไร

4.

ผมพึ่งเคยเขียนบทความหน้าตาแบบนี้เป็นครั้ง

แรกเพราะไปอ่านเจอมาแล้วคิดว่ามันเท่ดีแค่นั้นนั่น

แหละ

64

Page 65: NYA~ Journal vol.10

ข้อดีของมันคือการแยกประเด็นของแต่ละเรื่อง

ออกจากกันได้แต่ทั้งบทความก็ยังมีความต่อเนื่องกัน

ส่วนใหญ่จะเป็นงานเขียนของพวกฝีมือระดับเทพๆ

อย่างนิ้วกลมเขาทำากันแต่เพราะผมกระแดะเลยแอ๊บ

ทำามั่ง

แล้วมันก็ดูเละเทะชิบหายเลยแฮะ

นิตยสารวารสารตกลงมันคืออะไรฟะเนียก็

เช่นกันผมเริ่มทำาจากความไม่รู้ไม่รู้ว่าโปรแกรมอิน

ดีไซน์คืออะไรใช้ยังไงทำาอะไรได้บ้างตลอดระยะ

เวลาสิบเล่มผมเปิดบทเรียนยูทูบดูประกอบตลอดแม้

กระทั่งในเล่มนี้ผมก็ยังต้องเปิดดูวิธีการรันเลขหน้า

อัตโนมัติ

เป็นหนังสือที่เกิดจากการ“ดิ้น“ของแท้

5.

เรื่องนี้ทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้ว

นิตยสารวารสารตกลงมันคืออะไรฟะเนียเล่ม

นี้คือเล่มสุดท้ายเพราะเราทนดันทุรังต่อไปไม่ไหวแล้ว

ความบ้าควรมาพร้อมกับความพร้อมที่จะทำาเรื่องบ้าๆ

ด้วยมิเช่นนั้นมันจะบ้าไปได้ไม่ตลอด

พวกเราจะได้เอาเวลาไปเก็บเกี่ยวระหว่างทาง

ของแต่ละคนคนละเส้นทางก็คนละเรื่องราวต่อยอด

ความฝันของแต่ละคนออกไป

ทีมงานที่อยากทำางานด้วยที่สุดในโลกไม่ได้อยู่

ที่ไหนไกลพวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว

วันนี้พวกเราคงต้องแยกทางกันไปไม่รู้ว่าจะมี

โอกาสได้กลับมาทำาอะไรพร้อมหน้ากันแบบนี้อีกหรือไม่

แต่แน่นอนตราบใดที่ชีวิตยังไม่สิ้น

พวกเราไม่หยุด“ดิ้น“แน่นอน

~

65

ลำอย่ำงเป็นทำงกำรอีกทีติดตำมผลงำนต่อได้ที่fair-weather.exteen.comหรือมำคุยเล่นกันที่ทวิตเตอร์

@lemonoizอินสตำแกรมก็ชื่อเดียวกันนะ

Page 66: NYA~ Journal vol.10

“still moving on”

to be continued

Page 67: NYA~ Journal vol.10
Page 68: NYA~ Journal vol.10