35
ทําดีแลวไดดี 1 มีคําสอนบทหนึ่งความวา บุคคลหวานพืชเชนใด ยอมไดผลเชนนั้น ผูทํากรรมดี ยอมไดผลดี ผูทํากรรมชั่ว ยอมไดผลชั่ว ซึ่งเปนจริงแกผูกระทําตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบัน แตบางครั้งก็มีปญหาคางคาใจ แกคนบางคนวาทําดีไดดีจริงหรือ ความรูสึกเชนนั้น อาจเกิดดวยเหตุ อยางอยางใดอยางหนึ่ง คือ . หวังมากไป หมายถึงทําความดีเพียงเล็กนอยแตตองการผลมาก หวังผลเกินกวาเหตุที่ทํา พอไมไดเทากับที่อยากจึงรูสึกวาทําดีไมไดดี ความผิดหวังก็เกิดขึ้น . ใจรอน ไมรูจักรอคอยผลแหงความดี อยากไดผลเร็วๆ เมื่อทําแลวยังไมไดผล จึงทึกทักเอาวาทําดี ไมเห็นไดดี ลืมคิดไปวาแมความชั่วก็เหมือนกัน ไมใชทําแลวผลชั่วก็จะพรั่งพรูออกมาทันทีทันควัน ถา เปนอยางนั้นใครจะกลาทําชั่ว เรื่องของผลกรรมจึงเปนเรื่องตองเกี่ยวพันกับเวลาดวย . ออนไปตามเขา คนที่ทําดีนั้น บางทีก็ฝงใจวาจะตองไดรับคําชมหรือการยกยองจากผูอื่นซึ่งเปน เรื่องเอาแนเอานอนไมได บางทีการทําดีนั้น ถาไปขัดกับอัธยาศัยหรือผลประโยชนผูอื่นเขา นอกจากจะ ไมไดรับการยกยองยังถูกตอตานอีกตางหาก เลยทําใหหมดกําลังใจ ทั้งที่สิ่งเหลานี้ไมใชผลของการทําดี แตเปนแคอุปสรรคของการทําดีเทานั้น จึงตองยืนหยัดใหได ไมออนไหวงาย . รูเทาไมถึงการณ คือทําดีแบบขาดกุศโลบาย คําวากุศโลบายหมายถึงความฉลาดรอบคอบ หยั่งรูถึง เหตุการณ บุคคล โอกาส ในการที่จะทําความดี ถาขาดกุศโลบายเสียแลว ก็มักจะเปนการทําดีที่ไมถูกกาล ไมถูกบุคคล ไมถูกเรื่องราว ผลสุดทายเลยเอาดีไมคอยได ถาทําดีแบบไมหวังมากไป ไมใจรอน และไมออนไหวไปตามกระแส การกระทํานั้นก็จะเปนไป เพื่อความสงบสุขแหงตน ความสงบสุขที่ไดรับนี่แหละเปนความดีของความดีที่ผูทําดีเทานั้นจะพึงไดรับ คนชอบเสี่ยง 2 ในวงการเสี่ยงโชคโดยเฉพาะการเลนหวยนั้น นอกจากผูเลนจะตองเสี่ยงตอการเสียทรัพยอยางทีทราบกันแลว สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นควบคูกับวงการนี้มานานก็คือการบอกใบใหหวย ซึ่งมีทั้งที่บอกเพราะมีคน ถาม และที่บอกโดยใชวิธีประกาศโฆษณาเลขเด็ดของตนเอง ผูสนใจจะตองเสียเงินเพื่อซื้อตัวเลขหรือสูตร ที่ใชคํานวณตัวเลขนั้นมากบางนอยบาง ถาพิจารณาตามเหตุและผลก็จะพบขอสงสัยมากมาย เชน ถาใครก็ตามที่รูไดวาในการออกสลาก ครั้งที่จะถึงนั้นจะออกเลขอะไร หรือมีสูตรที่คํานวณไดจริง เหตุใดจึงไมเก็บไวเปนความลับแลวซื้อเสีย เอง จะวาตนเองไมตองการเงินก็ไมใช เพราะยังเอาเลขเด็ดหรือสูตรคํานวณนั้นมาประกาศขายหารายไดอยู เห็น อยางไรก็ตาม เรื่องนี้ในที่สุดก็ยอมอยูที่ความสมัครใจของผูเลนเอง เพราะตอใหไมมีใครประกาศ 1 ปที๒๙ ฉบับทีวันพฤหัสบดีทีมกราคม ๒๕๕๓ 2 ปที๒๙ ฉบับทีวันพฤหัสบดีที๑๔ มกราคม ๒๕๕๓

ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

  • Upload
    others

  • View
    4

  • Download
    0

Embed Size (px)

Citation preview

Page 1: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

ทําดีแลวไดด ี1 มีคําสอนบทหนึ่งความวา บุคคลหวานพืชเชนใด ยอมไดผลเชนนั้น ผูทํากรรมดี ยอมไดผลดี ผูทํากรรมชั่ว ยอมไดผลช่ัว ซ่ึงเปนจริงแกผูกระทําตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบัน แตบางครั้งก็มีปญหาคางคาใจ แกคนบางคนวาทําดีไดดีจริงหรือ ความรูสึกเชนนั้น อาจเกิดดวยเหตุ ๔ อยางอยางใดอยางหนึ่ง คือ ๑. หวังมากไป หมายถึงทําความดีเพียงเล็กนอยแตตองการผลมาก หวังผลเกินกวาเหตุที่ทํา พอไมไดเทากับที่อยากจึงรูสึกวาทําดีไมไดดี ความผิดหวังก็เกิดขึ้น ๒. ใจรอน ไมรูจักรอคอยผลแหงความดี อยากไดผลเร็วๆ เมื่อทําแลวยังไมไดผล จึงทึกทักเอาวาทําดีไมเห็นไดดี ลืมคิดไปวาแมความชั่วก็เหมือนกัน ไมใชทําแลวผลชั่วก็จะพรั่งพรูออกมาทันทีทันควัน ถาเปนอยางนั้นใครจะกลาทําชั่ว เร่ืองของผลกรรมจึงเปนเรื่องตองเกี่ยวพันกับเวลาดวย ๓. ออนไปตามเขา คนที่ทําดีนั้น บางทีก็ฝงใจวาจะตองไดรับคําชมหรือการยกยองจากผูอ่ืนซึ่งเปนเร่ืองเอาแนเอานอนไมได บางทีการทําดีนั้น ถาไปขัดกับอัธยาศัยหรือผลประโยชนผูอ่ืนเขา นอกจากจะไมไดรับการยกยองยังถูกตอตานอีกตางหาก เลยทําใหหมดกําลังใจ ทั้งที่ส่ิงเหลานี้ไมใชผลของการทําดี แตเปนแคอุปสรรคของการทําดีเทานั้น จึงตองยืนหยัดใหได ไมออนไหวงาย ๔. รูเทาไมถึงการณ คือทําดีแบบขาดกุศโลบาย คําวากุศโลบายหมายถึงความฉลาดรอบคอบ หยั่งรูถึงเหตุการณ บุคคล โอกาส ในการที่จะทําความดี ถาขาดกุศโลบายเสียแลว ก็มักจะเปนการทําดีที่ไมถูกกาล ไมถูกบุคคล ไมถูกเรื่องราว ผลสุดทายเลยเอาดีไมคอยได

ถาทําดีแบบไมหวังมากไป ไมใจรอน และไมออนไหวไปตามกระแส การกระทํานั้นก็จะเปนไปเพื่อความสงบสุขแหงตน ความสงบสุขที่ไดรับนี่แหละเปนความดีของความดีที่ผูทําดีเทานั้นจะพึงไดรับ

คนชอบเสี่ยง 2 ในวงการเสี่ยงโชคโดยเฉพาะการเลนหวยนั้น นอกจากผูเลนจะตองเสี่ยงตอการเสียทรัพยอยางที่ทราบกันแลว ส่ิงหนึ่งที่เกิดขึ้นควบคูกับวงการนี้มานานก็คือการบอกใบใหหวย ซ่ึงมีทั้งที่บอกเพราะมีคนถาม และที่บอกโดยใชวิธีประกาศโฆษณาเลขเด็ดของตนเอง ผูสนใจจะตองเสียเงินเพื่อซ้ือตัวเลขหรือสูตรที่ใชคํานวณตัวเลขนั้นมากบางนอยบาง ถาพิจารณาตามเหตุและผลก็จะพบขอสงสัยมากมาย เชน ถาใครก็ตามที่รูไดวาในการออกสลากคร้ังที่จะถึงนั้นจะออกเลขอะไร หรือมีสูตรที่คํานวณไดจริง เหตุใดจึงไมเก็บไวเปนความลับแลวซ้ือเสียเอง จะวาตนเองไมตองการเงินก็ไมใช เพราะยังเอาเลขเด็ดหรือสูตรคํานวณนั้นมาประกาศขายหารายไดอยูเห็น ๆ อยางไรก็ตาม เร่ืองนี้ในที่สุดก็ยอมอยูที่ความสมัครใจของผูเลนเอง เพราะตอใหไมมีใครประกาศ

1 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๑ วันพฤหัสบดีที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๓ 2 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๒ วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๓

Page 2: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

2

ขาย ถาพอใจจะเลนเสียอยาง ก็ยังมีวิธีอ่ืนอีกมากมายที่จะหาตัวเลขมาเลน ไมวาจะเปนการขูดหาตามตนไม ไปจนถึงใชวิธีหลับฝนเอา เปนตน ความจริงไมวาในทางศาสนาหรือในทางวิชาการใด ๆ ก็เห็นตรงกันวา การจะไดทรัพยสมบัติและผลประโยชนตาง ๆ ถาจะใหถูกตอง แนนอน จะตองเกิดจากการลงมือทําใหเกิดผลในเรื่องนั้น ๆ ขึ้นมาจริง ๆ ไมใชเกิดจากการเสี่ยง แตถึงอยางไรถาอดไมไดจริง ๆ ก็ควรคํานึงในสองเรื่อง คือเสี่ยงเฉพาะ ที่ถูกกฎหมายและเสี่ยงแตนอยเทานั้น การเสี่ยงอยางนี้ ถึงพลาดพลั้งอยางไรก็ยังพอเอาตัวรอดได แตถาถึงขั้นมัวเมา เอาตัวเองกระโจนลงไปในความเสี่ยงนั้นทั้งหมดก็ถือวาผิดทาง เพราะชีวิตเปนเรื่องที่คอย ๆ สรางใหเกิดผลเปนจริงเปนจังไดโดยไมจําเปนตองเสี่ยงอะไรเลย

ความซื่อตรงตอหนาท่ี 3 การรับราชการนั้น นับเปนอาชีพที่มีความมั่นคงและมีเกียรติมีศักดิ์ศรีอาชีพหนึ่ง เพราะถือวาเปนงานถวายเจาฟาเจาแผนดิน งานราชการจึงมิใชงานที่ใครก็สามารถเขามาทําได หากแตตองผานการคัดเลือก การตรวจสอบ ใหมีคุณสมบัติครบถวนตามหลักเกณฑที่กําหนดไวอยางชัดเจนเสียกอน จึงจะมีโอกาสเขามาทํางานราชการได เมื่อเขารับราชการแลวคุณสมบัติประการหนึ่งที่จะตองมีก็คือ ความซื่อตรงตอหนาที่ ซ่ึงรัชกาลที่ ๖ ไดทรงพระราชนิพนธไวในหนังสือหลักราชการวา คือความตั้งใจทํากิจการงานซึ่งไดรับมอบใหเปนหนาที่ของตนนั้น โดยซื่อสัตยสุจริต ใชความอุตสาหะวิริยภาพเต็มสติกําลังของตน ดวยความมุงหมายใหกิจการนั้น ๆ บรรลุถึงซึ่งความสําเร็จโดยอาการอันงดงามที่สุดที่จะพึงมีหนทางจัดไปได จากความหมายดังกลาว สะทอนใหเห็นวาความซื่อตรงตอหนาที่นั้น ในทางปฏิบัติ ตองมีคุณธรรมอื่น ๆ เชน ความรักงาน ความอดทนในงาน ความมุงมั่นใหงานสําเร็จ และความรูความเขาใจในงานนั้น ๆ ควบคูกันไปดวย จึงจะบรรลุความสําเร็จอันงดงามที่สุดนั้นได หากความซื่อตรงตอหนาที่นั้น ปราศจากคุณธรรมเหลานี้หนุนหลังแลว ก็อาจทําใหผูปฏิบัติเกิดความไขวเขว เหนื่อยหนาย และหมดกําลังใจเมื่อประสบอุปสรรคจนนําไปสูความไมซ่ือตรงตอหนาที่ได คนเรานั้น เมื่อซ่ือตรงตอหนาที่ หนาที่นั้นก็จะสรางคนใหมีความมั่นคง มีเกียรติมีศักดิ์ศรี แตถาหากไมซ่ือตรงตอหนาที่แลว หนาที่นั้นจะมิเพียงไมสรางคนใหมั่นคงเทานั้น แตอาจจะทําลายเกียรติยศช่ือเสียงที่สะสมมานานใหหมดไปในพริบตาได ฉะนั้น ความซื่อตรงตอหนาที่ จึงเปนคุณสมบัติที่จําเปนอยางยิ่งของผูรับราชการ

3 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓ วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๓

Page 3: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

3

คนมีน้ําใจ 4 ในบรรดาสภาพคุณงามความดีที่มีการรณรงคใหคนปฏิบัตินั้น ความมีน้ําใจเปนเรื่องหนึ่งที่พูดกันมาก โดยเฉพาะในสังคมปจจุบันที่เต็มไปดวยการแขงขันกัน เพราะเมื่อยิ่งแขงขันก็ยิ่งมองเฉพาะประโยชนตน กลายเปนคนแลงน้ําใจไปโดยไมรูตัวก็มี อยางไรก็ตาม ความมีน้ําใจก็เปนเรื่องฝกได ประการแรก ตองเริ่มจากการไมเห็นแกตัว แมจะทําเพื่อประโยชนตนก็ตองไมตัดรอนประโยชนของสวนรวม ไมมักมากเกินพอดี ถึงจะไมใหใครก็ตองไมไปเบียดเบียนเอาจากใคร แมมีโอกาสจะฉกฉวยผลประโยชนไดแตถาไมถูกตองก็ละเวนเสีย การกระทําอยางนี้แมจะยังไมไดชวยเหลือใคร แตก็ถือวามีน้ําใจที่จะคิดถึงความถูกตองเปนธรรม ประการที่สองตองไมดูดาย คือไมเพิกเฉยตอปญหาที่พบเห็น โดยเฉพาะที่เปนเรื่องสาธารณะ เชน เมื่อเห็นเศษเหล็กเศษแกวตกอยูกลางทาง แทนที่จะเดินหลีกไปเฉย ๆ ก็เก็บไปทิ้งเสีย ไมปลอยใหเปนอันตรายแกผูอ่ืน หรือเห็นวามีคนเปดน้ําเปดไฟทิ้งไวก็ชวยปดเสีย ไมถือวาธุระไมใช ตอมาก็ขยับขึ้นไปอีก ถึงขั้นคิดที่จะเสียสละเพื่อสงเคราะหผูอ่ืนโดยไมหวังผลตอบแทนใด ๆ หวงัเพียงประโยชนสุขแกคนอื่นดวยน้ําใสใจจริงเทานั้น แมไมมีขาวของเงินทองที่จะเอื้อเฟอใคร แตก็ยังเต็มใจอุทิศเรี่ยวแรงและสติปญญาชวยเหลือคนอื่น ซ่ึงบางครั้งบางโอกาสก็ทําใหเห็นน้ําใจของคนไดมากกวาเร่ืองเงินทองเสียอีก เร่ืองน้ําใจเปนเรื่องงาย ๆ เหมือนไมสลักสําคัญ แตกลับมีผลมากทั้งในดานพัฒนาความดีใหเกิดเฉพาะตน ทั้งในดานพัฒนาสังคมใหนาอยู ถามีน้ําใจแกกัน อยาวาสังคมที่แขงขันชิงดีกันเลย ตอใหโลกกําลังจะลุกเปนไฟก็ดับเย็นสนิทไดดวยน้ําใจคน

คนประมาท 5 มีขอสังเกตวา เวลาเกิดอุบัติเหตุตามถนนหนทาง ไมวาจะเปนรถเล็กหรือรถใหญก็ตาม สาเหตุหนึ่งที่พูดกันมากก็คือความประมาทของคนขับ ผูเกี่ยวของทั้งหลายจึงไดหาทางปองกันอุบัติเหตุนั้นดวยวิธีการตาง ๆ เชน หามขับแซงในที่หามแซง หามใชโทรศัพทขณะขับรถ และหามเสพของมึนเมา เปนตน การหามในลักษณะนี้ แทจริงแลวก็มุงหามแกคนจํานวนหนึ่งที่เรียกวาคนประมาท นั่นเอง ความประมาทคืออะไร พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานใหคํานิยามวา การขาดความรอบคอบ ขาดความระมัดระวัง ซ่ึงในทางศาสนา เรียกวาการขาดสติ หรือขาดสํานึกผิดชอบชั่วดี อันเนื่องจากถูกโลภโกรธ หลง เปนตนที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ๆ ครอบงํา จึงแสดงอาการแหงความประมาทออกมา เชน ขับแซงในที่หามแซงเปนตนดังกลาวนั้น ความประมาทนี้ในทางศาสนาถือวาเปนเรื่องใหญ เปนศูนยรวมแหงความไมดีทั้งปวง ความไมดีนั้นไมวาจะเปนในสวนอดีตปจจุบันหรือที่จะมีในอนาคต ลวนมีพื้นฐาน

4 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๔ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๓ 5 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๕ วันพฤหัสบดีที่ ๔ กุมภาพันธ ๒๕๕๓

Page 4: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

4

มาจากความประมาทขาดสติทั้งสิ้น ความประมาทจึงเปนศัตรูของความดีทั้งหลาย และผลของความประมาทนั้นก็ลวนแตหายนะทั้งสิ้น นับแตหายนะเล็ก ๆ นอย ๆ จนถึงเสียชีวิตของตนและคนอื่น

เมื่อความประมาทเกิดจากการขาดสติ และการขาดสติเปนอาการอยางหนึ่งของโมหะคือความหลง วิธีปองกันความหายนะที่เกิดจากการประมาทที่ดีที่สุด จึงไมมีอะไรดีไปกวาการฝกสติและสรางปญญาใหรูเทาทันความประมาทที่เกิดขึ้นกับจิต หากทําไดอาการแหงความประมาททั้งหลาย โดยเฉพาะที่เปนเหตุใหสูญเสียทรัพยและชีวิตตามทองถนนยอมจะลดลงอยางแนนอน

หลักราชการ ตอน ความรูเทาถึงการณ 6 งานราชการนั้น นอกจากจะตองอาศัยความรู ความจํา และความเขาใจในการปฏิบัติแลว บางครั้ง ผูปฏิบัติอาจประสบกับปญหาที่คาดไมถึง และยังไมเคยประสบพบเจอมากอน กรณีเชนนี้จะใชเพียงความรู ความจํา และความเขาใจเดิม ๆ ที่มีอยูนั้นหาเพียงพอไม แตตองอาศัยความรูเสริมอีกลักษณะหนึ่งเรียกวา ความรูเทาถึงการณ ความรูเทาถึงการณนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ ๖ ทรงแปลวา รูจักปฏิบัติการใหเหมาะสมดวยประการทั้งปวง คือรูจักเลือกวาจะปฏิบัติอยางไร จึงจะเหมาะแกเวลาและที่ใหสมเหตุสมผล จึงจะเปนประโยชนดีที่สุด ตามนัยนี้ ความรูเทาถึงการณ จึงเปนความรูที่ขาดไมไดสําหรับผูเปนหัวหนางาน ซ่ึงมีหนาที่ตองตัดสินใจแทนคนอื่น เพราะหากขาดคุณลักษณะขอนี้แลว แมจะสั่งการใหปฏิบัติงานปกติได แตเมื่อเจอสถานการณที่คาดไมถึง ก็อาจสั่งการไดไมสมเหตุสมผลแกเวลาและสถานที่ ยิ่งถาเปนเรื่องที่มีความเสี่ยงดวยแลว ความรูลักษณะที่วานี้ก็ยิ่งจําเปนมากเทาทวีคูณ ที่สําคัญก็คือ แมบางคนอาจจะไมไดเปนหัวหนาในที่ทํางาน แตเมื่อกลับไปบานก็เปนหัวหนาครอบครัว หรืออยางนอยทีสุ่ดแตละคนก็เปนหัวหนาตนเอง คือตองมีการวินิจฉัยส่ังการในเรื่องราวของตนเองอยูตลอด ทุกคนจึงตองเกี่ยวของกับการตัดสินใจในสถานการณบางอยางอยูเสมอ ถามีความรูเทาถึงการณตามที่กลาว ก็จะทําใหตัดสินใจไดอยางสมเหตุสมผล กอใหเกิดคุณประโยชนที่ดีที่สุดในการดําเนินชีวิตได ความรูเทาถึงการณนี้ มีขอจํากัดอยางหนึ่ง คือไมมีตํารับตําราหรือครูบาอาจารยสอนใหโดยตรง แตก็สามารถฝกฝนได โดยการพยายามจดจําแบบอยางของคนอื่น และประสบการณของตนที่ไดเคยปฏิบัติมาแลวในอดีต ดังนั้น ถาเห็นและฟงเรื่องใดแลว หมั่นคิดหมั่นจําไวเสมอ เมื่อส่ังสมไวมากเขา ก็จะทําใหเปนคนฉลาด รอบคอบ รูเทาถึงการณในเรื่องตาง ๆ ไดโดยไมยากนัก

แกกรรม 7

6 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๖ วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ กุมภาพันธ ๒๕๕๓ 7 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๗ วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ กุมภาพันธ ๒๕๕๓

Page 5: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

5

เมื่อพูดถึงการแกกรรม อาจทําใหนึกถึงพิธีกรรมแปลก ๆ เชนใหคนเขาไปนอนในโลงศพบาง พิธีบังสุกุลเปนบังสุกุลตายบาง เพื่อจะแกบาปกรรมไมใหสงผลรายแกตนหรือใหผลรายนั้นเบาบางที่สุด ซ่ึงจะใหผลจริงแคไหนก็ยากจะพิสูจน แมทําแลวจะรูสึกสบายใจบาง แตความสบายใจนั้น สวนใหญก็ไมไดอยูบนพื้นฐานของการมุงแกไขที่เหตุ เพื่อใหเกิดผลที่ดีอยางสมบูรณเทาใดนัก ตามหลักธรรม กรรม แปลวา การกระทํา แกกรรม ก็คือแกการกระทํา โดยเฉพาะการกระทําที่ผิดใหถูก การกระทําที่เปนบาปใหเปนบุญ การกระทําที่เสื่อมใหเจริญ เชน แกความเกียจครานใหเปนความขยัน แกความฟุมเฟอยใหเปนความประหยัด แกความคดโกงใหเปนความซื่อสัตย เปนตน ซ่ึงเปนการแกที่ตนเหตุ เมื่อตนเหตุดีแลว ผลคือวิบากยอมดีไปดวย ชีวิตก็เปนไปดวยความราบรื่น ที่ทุกขก็คลายทุกข ที่สุขแลวก็สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป การแกกรรมที่ตรงประเด็นจึงมิไดมีอะไรที่สลับซับซอนซอนเงื่อนแตอยางใด และการแกกรรมตามหลักธรรมนี้ นอกจากเปนการแกที่ถูกจุดแลว ยังเทากับฝกใหผูปฏิบัติรูจักพึ่งตัวเอง ทําใหเปนคนมีปญญา ตระหนักในเหตุและผลไมหลงเช่ือส่ิงใดอยางงมงาย และทําใหรูจักรับผิดชอบตัวเองอยางดีที่สุด ใครทํากรรมใดไวก็ตองรับผิดชอบกรรมนั้น เปนการดําเนินชีวิตบนเสนทางของความจริงที่เปนเหตุเปนผล ตรวจสอบได แกไขได ควบคุมชีวิตของตนเองไดตั้งแตตนจนจบ ไมใชเอาชีวิตไปฝากไวกับอะไรก็ไมรูที่แมตนเองก็ไมเขาใจ พิสูจนไมได การแกกรรมทุกอยางลวนเปนเจตนาที่ดี เพราะอยางนอยก็เปนจิตสํานึกในทางที่จะคิดแกไขของผูปฏิบัติ แตจะศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ถาหากวาผูมีศรัทธาตอการแกกรรมนั้น จะเลือกวิธีแกกรรมที่ตนเหตุจริง ๆ คือแกที่การกระทําของตนดวย สวนพิธีกรรมอื่นถาเห็นวามีประโยชนในแงใดแงหนึ่ง จะสมัครใจทํา ก็ไมถึงกับเปนขอหามแตอยางใด

อานุภาพของสมาธิ 8 มีคําพระบทหนึ่งความวา “ ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเจริญสมาธิเถิด เพราะผูมีจิตตั้งมั่นแลว ยอมรูชัดตามเปนจริงได” คํานี้แสดงวา สมาธิเปนกุญแจหลักในการใชเปนฐานแสวงหาความรูของบุคคล จึงนับวามีความสําคัญอยางมาก สมาธิ คือความตั้งมั่นแหงจิต ไมฟุงซานไปในเรื่องตาง ๆ อยางหาจุดหมายไมได ความตั้งมั่นแหงจิตนี้มี ๓ ระดับ คือตั้งมั่นเพียงชั่วขณะเรียกวาขณิกสมาธิ ตั้งมั่นแบบจวนจะแนวแนเรียกวาอุปจารสมาธิ และตั้งมั่นอยางแนวแนมั่นคงเรียกวาอัปปนาสมาธิ ในการดําเนินชีวิตประจําวัน ความตั้งมั่นแหงจิตเปนส่ิงจําเปนที่สุดโดยเฉพาะระหวางปฏิบัติภารกิจที่รับผิดชอบ เพราะจะชวยใหทํางานไดอยางประณีต ถูกตอง ประหยัดทั้งเวลาและแรงงาน นอกจากนั้น ยังเปนผลดีอีกหลายดาน เชน ทําใหความจําดีขึ้นอยางทันตาเห็น ทําใหหายจากโรคภัยไขเจ็บบางอยางได ทําใหเปนคนใจเย็นหนักแนน ไมหุนหันพลันแลนเมื่อ

8 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๘ วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ กุมภาพันธ ๒๕๕๓

Page 6: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

6

มีส่ิงมากระทบ ที่สําคัญก็คือ ถามีสมาธิหรือใจนิ่งแลว การใชสติปญญาแสวงหาเหตุผลและความจริงในเร่ืองตาง ๆ ก็จะทําไดงาย เขาหลักวาเมื่อจิตตั้งมั่นแลว ยอมรูชัดตามความเปนจริง สมาธิเปนเรื่องมีประโยชน และฝกไดไมยากนัก เบื้องตนสามารถใชกิจที่ทําคําที่พูดหรือเร่ืองที่ปฏิบัติอยูแลวนั่นแหละเปนแบบฝกหัดได ดวยการเอาจิตจดจอกับเรื่องนั้น ๆ ถาเผลอฟุงออกไปทางอื่น ก็มีสติรูทันแลวดึงกลับมาใหผูกแนนอยูกับเรื่องเฉพาะหนานั้นอีก ทําอยางนี้ทุกครั้งจนสามารถบังคับจิตใหนิ่งได ผลก็จะเกิดทันที แตหากสามารถฝกในวิธีและระดับสูงขึ้นไปอีก ก็จะทราบวาอานุภาพของสมาธินั้นยิ่งใหญนัก

โลกรอน 9 เมื่อพูดถึงโลก คนสวนมากก็มักนึกถึงโลกที่มีสัณฐานกลม ๆ หมุนรอบตัวเอง ๑ รอบใชเวลา ๑ วัน หมุนรอบดวงอาทิตย ๑ รอบใชเวลา ๑ ป ซ่ึงเปนสถานที่อยูอาศัยของมนุษยและสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ที่กําลังประสบปญหาอุณหภูมิสูงขึ้น นอยคนนักที่จะนึกถึงโลกอื่นซึ่งความจริงก็มีปญหาไมแพกัน คําวาโลก แปลวาสิ่งที่จะตองเสื่อมสลายไป ในทางธรรมแบงไว ๓ ประเภท คือ สังขารโลก โลกคือสังขาร ไดแกส่ิงที่เกิดจากการปรุงแตง เชนรางกายและจิตใจ สัตวโลก โลกคือหมูสัตว ไดแกมนุษยและสัตวทั้งหลาย และโอกาสโลก โลกคือแผนดินที่เราอาศัยอยู ที่วาโลกรอนนั้นมิใชเฉพาะโลกคือแผนดินที่อาศัยอยูนี้เทานั้น แตโลกคือสังขารและโลกคือหมูสัตว แมวาจะไมไดเกี่ยวกับปญหาทางดานอุณหภูมิอยางที่เกิดในปจจุบัน แตเมื่อตกอยูในภาวะที่จะตองเสื่อมสลายไมเที่ยงแท ก็กลายเปนเรื่องที่กระทบตอชีวิต ถาบริหารจัดการไมดี จะทําใหเกิดสภาวะที่เรียกวารอนยิ่งไปกวาเรื่องโลกรอนที่กําลังวิตกกันอยูนี้เสียอีก รวมความวาโลกทั้ง ๓ นี้ ทางศาสนาถือวาเปนปญหาที่ตองบริหารจัดการดวยกันทั้งสิ้น มิฉะนั้นก็จะกลายเปนโลกรอนขึ้นได

วิธีบริหารจัดการโลกนั้น หากเปนสังขารโลก ทานสอนใหรูเทาทันความเปนไปของมัน พยายามถอนความยึดมั่นถือมั่นเสียบาง จึงจะคลายทุกขคลายรอนได หากเปนสัตวโลก ทานสอนใหมีเมตตาธรรมมีความรักใครปรารถนาดีเปนเครื่องปองกันความเรารอนวุนวายในการอยูรวมกัน ในสวนของโอกาสโลก ที่กําลังมีอุณหภูมิสูงขึ้นทุกทีนั้น เมื่อสาเหตุหลักมาจากการกระทําของคน การบริหารจัดการ จึงขึ้นอยูกับทุกคนที่จะตองใหความรวมมือในมาตรการตาง ๆ เชน การใชพลังงานอยางประหยัด และหยุดการสรางมลพิษ เปนตน หากทําไดก็จะเปนการชะลอความเสื่อมสลายและความรอนของโลกไดอยางแนนอน

ตายเพราะปาก 10 มีเร่ืองเลาวา เตาตัวหนึ่งหากินบริเวณเดียวกับหงสจนสนิทสนมกัน วันหนึ่ง หงสชวนเตาไปเที่ยว

9 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๙ วันพฤหัสบดีที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๓ 10 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๑๐ วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๓

Page 7: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

7

ดูภูมิประเทศบนยอดเขาจิตรกูฏซ่ึงเปนสถานที่สวยงาม โดยใหเตาคาบไมตรงกลาง สวนตัวเองพรอมเพื่อนอีกตัวหนึ่งคาบที่ปลายไมสองขางแลวบินไปสูจุดหมาย ระหวางทางไดบินผานหมูบาน พวกเด็ก ๆ เห็นเขา จึงรองตะโกนใหมาดูหงสหามเตาบินไป เตาไมพอใจจึงคิดจะบอกเด็กวา ถึงหงสจะหามเราไปมนัก็ไมเกี่ยวอะไรกับพวกเจา พออาปากเพื่อจะพูดเทานั้น ก็รวงลงมากระแทกพื้นตาย เร่ืองนี้แมจะเปนเพียงนิทานชาดก แตก็สะทอนใหเห็นถึงความสําคัญของปากที่อาจเปนเงื่อนไขสําคัญแหงความเปนและความตายของชีวิตไดทีเดียว โดยเฉพาะในกรณีการพูดจาปราศรัยนั้น หากพูดโดยไมไตรตรองใหดีก็อาจสรางปญหาใหเกิดขึ้นได เชน ทําใหผูอ่ืนไมพอใจ หรือที่รายแรงกวานั้นก็อาจนําไปสูการทะเลาะวิวาททํารายกันได เพื่อปองกันปญหาที่สรางความเดือดรอน ทางศาสนาจึงแนะใหใครครวญกอนพูด เพื่อใหไดคําพูดที่ถูกกาลเทศะ คําพูดที่เปนสัตยเปนจริง คําพูดที่มีสาระ และเปนคําที่ไพเราะเสนาะโสตฟงแลวไมระคายหู เกิดประโยชนแกผูฟง รวมทั้งสรางความรักความสามัคคีตอกัน ทําใหบรรยากาศในการอยูรวมกันดีขึ้น ซ่ึงเปนสิ่งที่ทุกคนในสังคมปรารถนา เตาในนิทานชาดกนั้นถึงแกความตายเหตุเพราะอาปากพูดในเวลาและสถานที่ไมเหมาะสม ฉันใด คนที่ไมไตรตรองใหดีกอนพูด ก็มีโอกาสประสบกับความเดือดรอน ฉันนั้น ดังคําประพันธของสุนทรภูที่วา ถึงบางพูดพูดดีเปนศรีศักดิ ์ มีคนรักรสถอยอรอยจิต แมนพูดชัว่ตวัตายทําลายมิตร จะชอบผิดในมนุษยเพราะพดูจา

อธิษฐานธรรม 11 คนที่ประสบปญหาแลวตอสูไดก็ดี หรือทํากิจที่ยากลําบากไดสําเร็จก็ดี มักตองอาศัยเหตุปจจัย

หลายอยางสนับสนุน หนึ่งในนั้นก็คือการตั้งมั่นอยูในสิ่งที่ศาสนาเรียกวาอธิษฐานธรรม จึงทําใหเขาสามารถตอสูปญหาหรือทํากิจที่ทําไดยากนั้นอยางมีหลัก อธิษฐานธรรมนั้นมี ๔ อยาง คือ ๑. ปญญา รอบรูส่ิงที่ควรรู เมื่อปญหาหรือกิจเกิดขึ้น ผูมีปญญายอมตั้งสติไดมั่น ทําความเขาใจสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไดถองแท แลวดําเนินการแกโดยใชความรูเปนหลัก ผูเร่ิมตนไดอยางนี้กับทุกปญหา จึงมักจะพบทางออกของปญหานั้นหรืออยางนอยก็ผอนเรื่องที่หนักใหเปนเรื่องเบาไดทุกครั้ง

๒. สัจจะ ความจริงใจ ดวยขณะทีก่ําลังแกปญหาหรือทํากิจอยูนั้น มักจะมีปญหาอื่นเกิดซอนขึ้นดวยเสมอ เชน ความเหน็ดเหนื่อยหรือเบื่อหนาย เปนตน ถาไมมีความจริงใจก็ไปไมรอด

๓. จาคะ สละส่ิงที่เปนขาศึก เชน ความสนุก ความเพลิดเพลิน หรืออยากอยูสบายอยางเดียว ส่ิงเหลานี้เปนขาศึกที่คอยจูโจมเวลาทํางาน ตองตัดใจใหได ๔. อุปสมะ ทําใจใหสงบ เพราะถาทํางานไปใจก็ฟุงซานไป งานนั้นก็เอาดีไมได แตถาทําใจใหสงบไดทานเรียกวากัมมะนียัง แปลวา ใจที่เหมาะแกการทํางาน เมื่อจะทํางานจึงตองเตรียมพรอมดานจิตใจดวย

11 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๑๑ วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๓

Page 8: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

8

อธิษฐานธรรมนี้ หากมีและมั่นอยูในใจแลว ตอใหตองประสบปญหาหรืองานที่ยากลําบาก ก็จะทําไดอยางมีหลักและไมหนักเกินกําลัง ไมจําตองกลาวถึงงานที่เล็กกวาหรือเบากวา หลักธรรมดังกลาวจึงเปนเรื่องที่นักทํางานทั้งหลายควรมีไวในใจเสมอ

หลักราชการ ตอน ความซื่อตรงตอคนท่ัวไป 12 เปนที่ยอมรับกันทั่วไปวา ในวงราชการนั้น ขาราชการคนหนึ่ง ๆ ยอมดํารงตนอยูในหลายสถานะ เชน ขณะที่เปนผูบังคับบัญชา ก็เปนผูใตบังคับบัญชาดวย เปนเพื่อนรวมงาน หรือเปนเพื่อนรวมรุนรวมสถาบันกันอีกดวย ขาราชการที่ดี จึงตองสรางความเชื่อถือไววางใจแกบุคคลที่เกี่ยวของเหลานั้นดวยการประพฤติซ่ือตรงตอคนทั่วไป งานราชการจึงจะดําเนินไปไดดวยดี “ความซื่อตรงตอคนทั่วไป” นั้น รัชกาลที่ ๖ ทรงอธิบายไววา “เปนการรักษาตนใหเปนคนควรที่เขาทั้งหลายจะเชื่อถือได โดยรักษาวาจาสัตย พูดอะไรเปนนั่น ไมเหียนหันเปลี่ยนแปลงคําพูดไป เพื่อความสะดวกเฉพาะคราวหนึ่ง ๆ ไมคิดเอาเปรียบใครโดยอาการอันเขาจะแขงขันมิได ไมยกตนขมทาน ไมหาดีใสตัวหาชั่วใสเขา เมื่อผูใดมีไมตรีตอ ก็ตอบแทนดวยไมตรีสม่ําเสมอ ไมใชความรักใครไมตรีซ่ึงคนอ่ืนมีแกเรานั้น เพื่อเปนเครื่องประหารเขาเองหรือใคร ๆ ทั้งสิ้น” ตามนัยนี้แสดงวา ความซื่อตรงตอคนทั่วไปเปนสิ่งที่ผูปฏิบัติราชการจําเปนตองมี โดยเฉพาะตอบุคคล ๓ ประเภท คือ ผูบังคับบัญชาที่อยูเหนือตน เพื่อนรวมงานผูเสมอกับตน และผูใตบังคับบัญชาที่ต่ํากวาตน เพราะงานราชการ แมจะมีแบบแผนและขอกําหนดชัดเจนอยู แตก็ไมพนตองอาศัยความรวมมือจากผูอ่ืน และความรวมมือนั้น จะเปนไปไดอยางดีก็ตอเมื่อไดรับความเชื่อถือจากผูอ่ืนเสียกอน แตถาขาดความซื่อตรงตอผูอ่ืนเสียแลวก็ยากที่จะไดรับความเชื่อถือไววางใจ การรักษาวาจาสัตย ไมเอารัดเอาเปรียบคนอื่น ไมยกตนขมทาน ไมหาดีใสตัวหาชั่วใสเขา ตลอดจนการไมเอาความเมตตารักใครที่ตนไดรับไปเปนชองทางทําลายลางผูอ่ืน เปนตน เร่ืองเหลานี้เมื่อคิดใหลึกซึ้งไมใชเปนแคความดีความชั่วเฉพาะตนเทานั้น แตเปนเรื่องกระทบถึงงานราชการอยางแรง สมเด็จพระมหาธีรราชเจาจึงทรงกําหนดวาเปนหลักราชการขอหนึ่ง

เหตุแหงความเจริญ 13 สภาพสังคมปจจุบัน มีส่ิงบงบอกถึงความเจริญมากมาย เชน ถนนหนทาง ส่ิงปลูกสราง การ

ส่ือสารและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เปนตน ส่ิงเหลานี้หากบริหารจัดการใหดี ก็จะเปนคุณตอการดําเนินชีวิต แตหากบริหารจัดการไมดี ก็จะเปนสาเหตุใหเกิดปญหาทั้งแกตนเองและสังคมได การบริหารจัดการเพื่อรองรับความเจริญเหลานี้ ไมมีอะไรดีไปกวาการพัฒนาตนเองใหมีคุณภาพ ซ่ึงทานแนะนําไว ๔ ประการ คือ

12 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๑๒ วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๓ 13 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๑๓ วันพฤหัสบดีที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๓

Page 9: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

9

๑. สมาคมกับสัตบุรุษ ไดแกคบกับทานที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบ มีความอายชั่วกลัวบาป มีความรูความพากเพียรและมีสติปญญา ไมคบแคเพราะเขามียศ มีเงิน หรือหวังแตผลประโยชนเฉพาะหนา ๒. ฟงคําแนะนําสั่งสอนโดยเคารพ คือใหความสําคัญตอคําสอนของบุคคลเชนนั้น เปดใจกวาง ไมดูเบาวาเปนแคเร่ืองพื้น ๆ หรือดวนตัดรอนเพราะไมสบอารมณ

๓. รูจักคิด ใชสติและวิจารณญาณในเรื่องตาง ๆ อยางรอบคอบถี่ถวน แยกแยะผิดถูกชั่วดีไดชัดเจน จนเรื่องราวและขอมูลเหลานั้นประจักษแกใจดวยเหตุและผล ไมใชแคฟงเขามา หรือตัดสินดวยอารมณ ๔. ประพฤติธรรมสมควรแกธรรม คือลงมือปฏิบัติตามเหตุตามผลนั้นโดยยึดเอาความถูกตองเปนเกณฑ และเปนการปฏิบัติอยางแนวแน มั่นคง ตอเนื่อง

ความเจริญใด ๆ ที่มีผลนําไปสูการปฏิเสธคนดี ทิ้งคําสอนที่เปนธรรม ถูกครอบงําทางความคิด และปฏิบัติผิดไปจากเหตุผล ความเจริญนั้น ๆ ยอมมาพรอมกับอันตราย เพราะยิ่งเจริญมากขึ้นจะยิ่งมีความสุขนอยลง เต็มไปดวยความวุนวาย มักมาก และขัดแยงไมมีส้ินสุด เมื่อปฏิเสธความเจริญของโลกไมไดก็ควรสรางความเจริญของตนใหทัดเทียมกันไปดวย จึงจะเจริญจริงและเปนสุขจริง

อดเปรี้ยวไวกินหวาน 14 คําวา อดเปรี้ยวไวกินหวาน เปนสํานวน คือเปนถอยคําที่มีความหมายไมตรงตามตัวหนังสือหรือมีความหมายอื่นแฝงอยู ซ่ึงในภาษาไทยมีอยูหลายคํา อดเปรี้ยวไวกินหวานนี้ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ใหคํานิยามวา อดใจไวกอนเพราะหวังสิ่งที่ดีกวาขางหนา หมายถึง รูจักรอคอยเพื่อผลที่ดีกวานั่นเอง

การอดทนและรอคอยนี้เปนวิธีการหนึ่งแหงการเขาถึงความสําเร็จ ดังมีเร่ืองเลาวา ชายสองคนหาขวดขายดวยกัน ทั้งสองทําสัญญากันวา ถายังไมมีเงินถึง ๘๐ ช่ัง จะไมยอมกินเปดกินไกเปนอันขาด วันหนึ่งระหวางที่คนแรกหาขวดขายก็ไปพบกับวงการพนันเขา จึงตัดสินใจเลนพนัน ปรากฏวาชนะ จึงซื้อเปดซื้อไกกินอยางเอร็ดอรอยแลวเอามาฝากเพื่อนดวย คนที่สองพอทราบเรื่องแทนที่จะดีใจกลับโกรธที่เพื่อนไมรักษาสัจจะ ไมยอมกินเปดไกนั้นและตัดสินใจเลิกคบกัน แลวตั้งใจรักษาสัจจะใหมั่นกวาเดิม ทํามาหากินดวยความพากเพียรจนกระทั่งรํ่ารวย ในที่สุดไดรับบรรดาศักดิ์เปนถึงพระยา ในขณะที่คนแรกนั้นหากินไปเลนการพนันไป สุดทายหมดตัว สังขารก็ทรุดโทรมขายขวดตอไมไหวตองกลายเปนขอทาน กระเซอะกระเซิงมาจนถึงบานของพระยาที่เคยขายขวดมาดวยกัน ทานพระยาจําไดก็จูงมือเพือ่นเกาขึน้ไปบนบาน พาไปดูไมคานที่ตัวเองเคยหาบขวดขายจนตั้งตัวได และนํามาปดทองตั้งบูชาไวในตู เพื่อสอนใหเพื่อนตระหนักในคุณคาแหงการรอคอยเพื่อส่ิงที่ดีกวา ดังที่ตัวไดทําสําเร็จมาแลว

14 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๑๔ วันพฤหัสบดีที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๓

Page 10: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

10

อดเปรี้ยวไวกินหวานนี้ ที่วาเปนเครื่องมือใหเขาถึงความสําเร็จเพราะเปนการฝกผูปฏิบัติใหรูจักอดทน ขยันหมั่นเพียร ยึดมั่นในสัจจะ และดําเนินชีวิตดวยปญญา ซ่ึงตรงกันขามกับประเภทใจเร็วดวนได หรือชิงสุกกอนหามที่แมจะดูวาสมประโยชนในเบื้องตนและไดเสพสุขแบบทันใจ แตก็ไมยั่งยืนถาวรและมักจะตามมาดวยความทุกขความผิดหวังในที่สุด

การบริหารความขัดแยง 15 คนเรานั้น ถามีความเห็นตอปญหาตาง ๆ ไมเหมือนกัน ก็อาจนําไปสูความขัดแยงกันได เพราะตางคนก็มุงจะผลักดันวิธีการของตนเพื่อไปสูเปาประสงคที่เห็นวาถูกตอง เมื่อความขัดแยงเกิดขึ้นจึงตองชวยกันบริหารจัดการความขัดแยงนั้นใหสงบระงับเสีย ดวยการปรับตัวในสามเรื่อง แรกสุดก็คือการยึดถือผลประโยชนรวมกัน หมายถึงหาจุดที่เปนประโยชนรวมกันใหได เพราะมนุษยยอมมีความสัมพันธกันดวยผลประโยชนไมอยางใดก็อยางหนึ่ง เชน มีชาตินี่แหละเปนผลประโยชนรวมกัน ถาชาติลมสลายทางดานความมั่นคงบาง ดานเศรษฐกิจบาง ก็จะไมมีใครอยูเย็นเปนสุขอยางที่เคยเปน เมื่อมีจุดที่เปนผลประโยชนรวมกันอยางนี้ก็เปนหนาที่ที่ตองชวยกันรักษาประโยชนนั้นไวใหไดกอน ตอมาก็ถึงขั้นของความเสียสละ คือสละผลประโยชนสวนตนบาง ความคิดเห็นสวนตนบาง และความรูสึกสวนตนบาง เพราะผลประโยชน ทิฐิ และอารมณ ลวนเปนอาหารโอชะที่หลอเล้ียงความขัดแยงใหงอกงาม การยอมสละเรื่องเหลานี้บาง จึงไมใชเสียทั้งหมด แตเปนการเสียบางอยางเพื่อใหไดบางอยาง สุดทายก็คือตองยึดระเบียบวินัยไวใหได เคารพกฎกติกาของสังคมทั้งที่เปนกฎหมายบานเมืองและศีลธรรมทางศาสนา ระเบียบวินัยนี้ จะเปนตัวควบคุมระดับของความขัดแยง และเปดโอกาสใหการบริหารจัดการความขัดแยงดําเนินไปได เพราะหากละเมิดกฎตามใจชอบก็ตองเสียเวลาไปแกไขผลรายที่เกิดจากการละเมิดนั้นรํ่าไป โอกาสที่จะแกความขัดแยงเดิมก็ไมมี แถมเพิ่มความขัดแยงใหมเขามาอีก ความขัดแยงที่เกิดจากความเห็นตางก็ดี จากผลประโยชนก็ดี จากอารมณก็ดี เกิดไดทุกที่ ทั้งระหวางเพื่อนกับเพื่อน ผูบังคับบัญชากับผูใตบังคับบัญชา หรือเกิดไดแมระหวางพอกับลูกซึ่งเปนสายเลือดเดียวกันดวยซํ้า ไมจําตองกลาวถึงสังคมคนหมูมาก แตถาเกิดแลวแกไขได เร่ืองก็จบ ถาแกไขไมไดจะไมเปนผลดีกับฝายไหนเลย คือไมมีใครไดชัยชนะอยางแทจริง พึงดูครอบครัว สังคมหรือประเทศชาติอ่ืนที่เคยตกเปนเหยื่อความขัดแยงมาแลวเถิด

15 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๑๕ วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๓

Page 11: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

11

หลักราชการ ตอน ความรูจักนิสัยคน 16 การปฏิบัติราชการใหเปนไปดวยความราบรื่น เปนที่ยอมรับของเพื่อนรวมงาน นั้น ตามหลักราชการนอกจากผูปฏิบัติจะตองมีความสามารถ มีความเพียร มีไหวพริบ มีความรูเทาถึงการณ เปนตนแลว ความรูจักนิสัยคน ก็เปนอีกขอหนึ่งที่ชวยใหบรรลุผลดังกลาวได ความรูจักนิสัยคน นั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ทรงอธิบายถึงวิธีปฏิบัติวา “ถาเปนผูนอย เปนหนาที่จะตองศึกษาและสังเกตใหรูนิสัยของผูใหญ เมื่อทราบแลวก็วางความประพฤติและทางการงานของตนเองใหตองตามอัธยาศัยของผูใหญนั้นได ถาเปนผูใหญ การรูจักนิสัยคนก็ยิ่งเปนการจําเปนยิ่งขึ้น เพราะคนไมใชฝูงแพะฝูงแกะซึ่งจะตอนไปได หรือเอาไมไลตี บางคนก็ชอบขู บางคนก็ชอบปลอบ จะใชแตขูอยางเดียวหรือยออยางเดียวหาไดไม” ตามนัยนี้แสดงวา ความรูจักนิสัยคน เปนทั้งส่ิงที่จะตองศึกษาเรียนรูและเปนทั้งสิ่งที่จะตองปฏิบัติใหเกิดผล ในการเรียนรูนิสัยคนนั้นแมจะเปนเรื่องยากที่จะหาขอยุติ เพราะคนมีจํานวนมาก แตละคนก็นิสัยไมเหมือนกัน แตวิธีหนึ่งที่นักปราชญทานแนะนําไวก็คือการสังเกต โดยเฉพาะสังเกตสิ่งที่เขาชอบกับสิ่งที่เขาชวน ก็จะเปนหนทางหนึ่งใหเราเรียนรูนิสัยคนอื่นได ความรูจักนิสัยคน แมจะเปนเรื่องดี แตในการนําไปใชจะตองคํานึงถึงความถูกตองเปนที่ตั้ง ไมใชเรียนรูนิสัยเพื่อจะโอนออนผอนตามไปเรื่อย หรือเพื่อแสวงหาผลประโยชนอันมิชอบ เพราะหากกระทําเชนนั้นก็มิใชความรูจักนิสัยคนที่ทรงพระประสงคในหลักราชการอยางแนนอน

เวรยอมระงับดวยการไมจองเวร 17 มีเร่ืองเลาในชาดกวา คร้ังหนึ่งพวกนกมาประชุมกันเพื่อคัดเลือกหัวหนา ฝูงนกเสนอใหนกเคา

ขึ้นเปนหัวหนา แตมีกาตัวหนึ่งคานวา นกเคาไมเหมาะที่จะเปนผูนําเพราะมีหนาตานากลัว ทําใหนกเคาโกรธจัดที่ถูกกาวารายเชนนั้น จึงบินไลจิกกาออกไปนอกที่ประชุม สุดทายพวกนกจึงไดเลือกหงสทองขึ้นเปนหัวหนา สวนกากับนกเคาก็กลายเปนศัตรูตอกันขามภพขามชาติมาจนถึงปจจุบัน

ความพยาบาทจองเวรกันนั้น ไมวาจะเกิดขึ้นกับสัตวหรือคนก็ตาม ลวนแตเปนไปเพื่อหายนะทั้งสิ้น อุบายวิธีที่จะระงับยับยั้งเวรนั้นนับวาสําคัญยิ่ง ทางศาสนาทานสอนวิธีการหยุดการจองเวร โดยการใหอภัย ใหอโหสิกรรมตอกัน วิธีอ่ืนนอกจากนี้ถึงจะมี แตก็ใหผลไดไมเด็ดขาดเทากับการ ใหอภัยหรือใหอโหสิกรรมตอกัน ในทางปฏิบัติ การใหอภัย หรือใหอโหสิกรรมก็นับวาทําไดยากพอสมควร สวนหนึง่ก็เพราะมีโทสะมานะทิฐิในใจของแตละคนมาขวางกั้นไว และอีกสวนหนึ่งก็เพราะขาดความอดทนอดกลั้น ขาดความรักความบริสุทธิ์ใจตอกัน จึงทําใหเวรนั้นยังคงดําเนินตอไป ยิ่งถาเปนเรื่องของคนหมูมากมีเวรตอกันดวยแลว ความยากลําบากในการปฏิบัติ รวมถึงความเดือดรอนแกตนเอง และผูไมเกี่ยวของก็มาก

16 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๑๖ วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๓ 17 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๑๗ วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๓

Page 12: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

12

เทาทวีคูณตามไปดวย การระงับเวรดวยการไมจองเวรแตเพียงขอเดียวอาจไมไดผลในกรณีของคนหมูมาก จึงจําตองใชอุบายวิธีอยางอื่นควบคูไปดวย เชน การหันหนาเขาหากัน เลือกมองแตแงดีของกันและกัน เปนตน เวรนั้นจึงจะมีโอกาสสงบระงับได

กากับนกเคาที่ทะเลาะกันอยู จนถึงปจจุบันนี้ไมวาจะทะเลาะเพราะเหตุที่เลือกหัวหนา หรือเหตุอ่ืนใดก็ตาม ถึงแมจะยังเปนศัตรูตอกันอยูก็สรางความเสียหายเพียงแคบ ๆ แตถามนุษยทะเลาะกัน จองเวรตอกันแลว หายนะที่จะเกิดขึ้นยอมจะรุนแรงกวาสัตวสุดที่จะประมาณได ดังนั้นทางหนึ่งที่จะปองกันหายนะทั้งหลายไดก็คือการใหอภัย ใหอโหสิกรรม ไมจองเวรตอกันนั่นเอง

ยอดนักรบ 18 ในสมัยโบราณที่วิทยาการตาง ๆ ยังไมเจริญแพรหลายเหมือนเชนปจจุบัน คนไทยในยุคนั้นมีวิธีการเรียนรูส่ิงตาง ๆ จากการสังเกตที่พฤติกรรมและสภาพแวดลอมเปนสําคัญ ดังเชน ถาจะดูชางวามีพละกําลังมากเพียงใดก็มักจะสังเกตในหนาหนาว เพราะหนาหนาวเปนเวลาที่ชางตกมัน เปลี่ยนพฤติกรรมเปนดุรายอาละวาด เจาของชางจะดูไดวาชางตัวไหนมีกําลังมากนอยเพียงใด ถาจะดูความสวยงามของหญิงสาว โบราณทานก็ใหดูในหนารอน เพราะหนารอนหญิงสาวมักแตงตัวดวยเส้ือผานอยช้ิน ทําใหเห็นรูปรางผิวพรรณที่สวยงาม ถึงกับมีคําพังเพยวา “ดูชางใหดูหนาหนาว ดูสาวใหดูหนารอน” การดูพละกําลังของชางและความสวยงามของหญิงสาวตามวิธีที่วานี้ ปจจุบันอาจจะไมคอยไดใชแลวเพราะมีวิธีดูที่ทันสมัยกวา แตหลักการที่ใหดูพฤติกรรมและส่ิงแวดลอมเปนเกณฑนี้ยังใชไดอยู เชน ถาตองการดูวาคนเชนใดเปนยอดนักรบ ทานใหสังเกตสิ่งที่ผูนั้นมุงเอาชนะ ถาเขามุงมั่นที่จะเอาชนะตนเอง เขาก็เปนยอดนักรบ ดังคําพระที่วา “บุคคลใดเอาชนะหมูมนุษยตั้งหนึ่งลานคนในสงครามได ยังไมช่ือวาเปนยอดแหงผูชนะ สวนบุคคลใดเอาชนะตนเองไดเพียงคนเดียว บุคคลนั้นแลชื่อวาเปนยอดแหงผูชนะ”

ในหลายภารกิจ การเอาชนะผูอ่ืนหรือส่ิงอื่นก็เปนเรื่องที่ตองทํา แตความสําเร็จจะเกิดไมไดเลยถาเอาชนะตัวเองไมไดกอน เชนเอาชนะความทอแทเบื่อหนายไมได เอาชนะความใจรอนฉุนเฉียวไมได ในขั้นละเอียดไปกวานั้น ความโลภที่คอยแทรกทุกขณะเมื่อมีโอกาสก็ดี ความหลงผิดเขาใจผิดดวยทฤษฎีสวนตัวที่ฝงแนนก็ดี เปนอุปสรรคตอการบรรลุความดีทุกระดับ เปนคูตอสูที่เอาชนะยาก ผูเปลื้องตัวเปนอิสระจากสิ่งเหลานี้ไดทานจึงเรียกวาเปนยอดนักรบ

สิ่งควรคิด 19 ทุกวงจรชีวิต เร่ิมตนที่การเกิดและสิ้นสุดที่การตาย ระหวางที่มีชีวิตอยู แตละชีวิตก็ตองประสบกับเหตุการณตาง ๆ ที่สมหวังบาง ผิดหวังบาง สุขบางทุกขบาง คละเคลากันไป ความเปนไปของชีวิต

18 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๑๘ วันพฤหัสบดีที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๓ 19 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๑๙ วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๓

Page 13: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

13

เหลานี้ถาจะสรุปใหเปนหัวขอใหญ เพื่อเปนคตินําไปสูการดําเนินชีวิตที่ดีงาม ก็มีอยู ๔ เร่ืองที่ควรคิดไวเสมอ คือ ๑. ลวนรอความตาย ทุกคนรูวาตองตาย แตถารูแบบถูกจุด ความรูนั้นจะใหอะไรกับเราหลายอยาง เชน รูจักปลอยวาง รูจักพอ รูจักใหอภัย ซ่ึงจะทําใหความทุกขนอยลง ดังคําวา “นึกถึงความตายสบายนัก มันหักรักหักหลงในสงสาร” ๒. เปนไปตามกรรม กอนทําเราเปนไทคือมีสิทธิเลือกทําได แตหลังทําเราไมมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธผล เมื่อรูวาหนีกรรมไมพนจึงควรใชสิทธิ์นั้นอยางเต็มที่ดวยการเลือกทําแตส่ิงที่ดี ๆ เทานั้น ๓. ซํ้าเติมดวยโรค รางกายของทุกคนทานเปรียบเหมือนรังอันเปนที่อยูของโรค ตอนแข็งแรงเปนหนุมเปนสาวอาจยังไมรูสึก พออายุมากเรี่ยวแรงลดลงโรคก็ไดโอกาส ที่ไมเคยปวดก็ปวด ที่ไมเคยเหนื่อยก็เหนื่อย มีแตทรุดโทรมลงทุกทาง ยังไมนับโรคภัยรายแรงที่จูโจมเขามาตั้งแตกอนวัยอันควร จึงตองหมั่นรักษาสุขภาพ ออกกําลังกายและหลีกเวนสิ่งบั่นทอนสุขภาพเสีย ๔. เพิ่มโชคดวยบุญ ใหเวลาในชีวิตที่มีอยูเปนเวลาแหงการสรางความดีเทานั้น เพราะความดีหรือบุญนี้จะเปนมิตรแทเปนที่พึ่งใหแกชีวิตทั้งในปจจุบันและโลกเบื้องหนา แมเราจะมีเร่ืองอื่นตองทํามากมาย แตถามีเวลาคิดถึงหลักวาทุกคนก็ลวนรอความตาย เปนไปตามกรรม ซํ้าเติมดวยโรค แลวพยายามบริหารจัดการชีวิตนี้โดยการเพิ่มโชคดวยบุญ ก็เทากับวาสรางที่พึ่งใหกับตนได แตถาวันหนึ่ง ๆ ไมคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย จะเอาแตการงาน ช่ือเสียง และผลประโยชนที่อยากไดอยางเดียว ชีวิตก็เตลิดไปเรื่อย ไมรูวาจุดหมายของชีวิตคืออะไร อยูที่ไหน ทั้งที่คําตอบนั้น บางทีก็ซอนอยูในสิ่งควรคิดใกล ๆ ตัวแคนี้เอง

เหนือกวาชื่อ 20 ปจจุบัน มีผูใหความสําคัญกับการใชช่ือมากขึ้น เห็นไดจากการตั้งชื่อหรือเปลี่ยนชื่อที่ ส่ือความหมายในทางสิริมงคล และมีความไพเราะเสนาะหู แสดงวา คนเราลวนตองการสิ่งที่ดีในชีวิต เร่ิมตั้งแตช่ือที่ใชเรียกขานตัวเองเลยทีเดียว เร่ืองลักษณะนี้มีมานานแลวในสงัคมมนุษย คร้ังพุทธกาล มีครอบครัวหนึ่งตั้งชื่อลูกวา อหิงสกะ แปลวาผูไมเบียดเบียนใคร เพื่อใหลูกของตนเปนเด็กดีไมใจดําอํามหิต หลังจากนั้นก็ตั้งใจเลี้ยงดูลูกดวยความรักและสงเขาสถานศึกษาที่มีช่ือที่สุดในคร้ังกระโนน อหิงสกะก็เปนเด็กดี ใฝรูใฝเรียน รักสงบ มีความกตัญู เปนที่โปรดปรานของอาจารย จนพวกศิษยที่มีใจริษยาทนไมได หาทางยุใหอาจารยกําจัดใหพนไปจากสํานัก โดยการหลอกใหไปฆาคนใหครบหนึ่งพันคนแลวจึงจะบอกมนตวิเศษให อหิงสกะจึงเริ่มฆาคนตั้งแตบัดนั้น เมื่อฆาคนไดก็ตัดนิ้วมือมารอยเปนพวงหอยคอไวกันลืม จนคนทั้งหลายพากันขนานนามวา องคุลิมาล แปลวา มีนิ้วมือเปน

20 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๒๐ วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๓

Page 14: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

14

พวงมาลัย กระทั่งวันหนึ่งพระศาสดาเสด็จไปโปรด เขาจึงสํานึกในความผิดกลับตัวเสียใหม เลิกฆาเลิกเบียดเบียนคนอื่นอยางเด็ดขาด ขอบวชในพระพุทธศาสนา และไดบรรลุธรรมในที่สุด ในทัศนะทางศาสนา ส่ิงที่กอใหเกิดสิริมงคลจริง ๆ ก็คือการประพฤติปฏิบัติ สวนชื่อถึงจะเปนนิมิตหมายที่ดีอยางหนึ่ง แตก็ไมดีถึงขั้นไปฝนผลของการกระทําได เหมือนคนจน ถึงจะเปลี่ยนชื่อเปนรวย ไมวารวยธรรมดา รวยมาก หรือรวยไมเลิก แตถาเกียจครานหรือมั่วอบายมุข ก็ตองจนอยูวันยังค่ํา แตการกระทําในสิ่งที่ดีงาม จะเปนมงคล และเปนเสนหแกตัวเองไดจริง ไมวาเขาจะมีช่ือเสียงเรียงนามอยางไรก็ตาม

พุทธบูชา 21 วิสาขบูชา คือการบูชาในวันเพ็ญเดือน ๖ ซ่ึงเปนวันประสูติ ตรัสรู และปรินิพพาน ของพระพุทธเจา ตามปกติจะตรงกับขึ้น ๑๕ ค่ําเดือน ๖ แตในปนี้เปนวันขึ้น ๑๕ ค่ําเดือน ๗ ตรงกับวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ เพราะเปนปที่มีอธิกมาส

ในคัมภีรกลาววา ในวันประสูติ ตรัสรู และปรินิพพานนั้นไดเกิดอัศจรรยหลายอยาง แตที่นาสนใจเปนพิเศษก็คือพระพุทธดํารัสที่ตรัสออกมาในแตละเหตุการณ ในวันประสูติ พระองคไดตรัสอาสภิวาจาความวา เราเปนผูเลิศ เปนผูเจริญและเปนผูประเสริฐของโลก ชาตินี้เปนชาติสุดทายของเรา ตอแตนี้ไปจะไมมีการเกิดอีก ในวันตรัสรูไดทรงเปลงอุทานความวา เรานั้นตามหานายชาง คือตัณหาผูทําเรือนคืออัตภาพมาเนิ่นนาน เมื่อไมพบจึงตองเวียนวายตายเกิดนับไมถวน ทําใหตกอยูในกองทุกขรํ่าไป ดูกอนนายชาง เราพบทานแลว ทานจะทําเรือนตอไปอีกไมได จันทันเรือนของทานเราหักหมดแลว ยอดเรือนเราก็ร้ือทิ้งแลว จิตของเราถึงธรรมที่ปราศจากเครื่องปรุงแตงเพราะไดบรรลุธรรมที่สิ้นตัณหาแลว สวนในวันปรินิพพาน พระองคก็ไดตรัสปจฉิมโอวาทความวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้เราขอเตือนพวกทาน สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมสิ้นไปเปนธรรมดา ทานทั้งหลายจงยังประโยชนตนและประโยชนผูอ่ืนใหถึงพรอมดวยความไมประมาทเถิด พุทธดํารัสดังกลาว แมจะตรัสในบริบทที่แตกตางกัน แตก็สะทอนถึงพระปญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณ ที่ทรงมีตอชาวโลก ดังนั้น ในโอกาสที่วันวิสาขบูชาเวียนมาถึง พุทธศาสนิกชน จึงควรหาโอกาสกระทําพุทธบูชาโดยเฉพาะอยางยิ่งการปฏิบัติตามปจฉิมโอวาทนั้น หากทําไดในขอนี้ แมเพียงขอเดียว ก็จะเปนปฏิบัติบูชาที่มีคาสูงยิ่งกวาขออ่ืนใดทั้งมวล

เสมอตนเสมอปลาย 22

21 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๒๑ วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๓ 22 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๒๒ วันพฤหัสบดีที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๓

Page 15: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

15

ในพิธีเล้ียงฉลองงานมงคลสมรส มีอยูชวงหนึ่งที่พิธีกรบนเวที มักจะสอบถามคูบาวสาวถึงความประทับใจตอกัน และคําตอบที่มักไดยินอยูเสมอโดยเฉพาะจากปากเจาสาวก็คือประทับใจในความเสมอตนเสมอปลายของเจาบาว ทําใหเห็นไดวาความเสมอตนเสมอปลายนั้นเปนเรื่องสําคัญในการผูกมัดใจซึ่งกันและกัน ความเสมอตนเสมอปลาย คือการยึดถือความดีที่ปฏิบัติตอผูอ่ืนอยางตอเนื่อง โดยวิธีการตาง ๆ เชน ไปเยี่ยมเยียนอยางสม่ําเสมอ ไมวาตัวเองจะมีอํานาจวาสนาสูงขึ้นกวาเดิม หรือผูอ่ืนจะตกต่ําลงกวาเกาจนใหผลประโยชนอะไรไมไดอีกตอไป การปฏิบัติดังกลาวนี้เทากับรักษามาตรฐานความดีในตนเองไวได ไมเปนความดีที่เล่ือนไหลขึ้นลงไปตามกาลเวลาหรือสถานการณที่เปลี่ยนไป นอกจากนั้นในทางสังคม การแสดงความเสมอตนเสมอปลายตอบุคคลระดับตาง ๆ ยอมจะสงเสริมบรรยากาศความรัก ความสามัคคีในหมูคณะใหแนนแฟนยืนนาน และถาเสมอตนเสมอปลายไดตลอดไป ก็จะผูกใจกันใหแนบแนน เปนมิตรที่ดีตอกันไมรูลืม จากที่กลาวมาจะเห็นวา ความเสมอตนเสมอปลาย มิใชจะเปนขอพิสูจนเฉพาะในเรื่องความรักระหวางชายกับหญิงเทานั้น แตยังเปนสาเหตุสําคัญประการหนึ่งที่กอใหเกิดความสัมพันธที่ดีกับบุคคลในทุกระดับ จนอาจนําไปสูการไดรับการสงเสริมจากผูอ่ืนใหเจริญกาวหนาในชีวิตอีกดวย ฉะนั้น ความเสมอตนเสมอปลายจึงเปนหลักปฏิบัติที่ควรยึดถือเปนแนวทางในการดําเนินชีวิตโดยแท

หลักราชการ ตอน ความรูจักผอนผนั 23 ความรูจักผอนผัน เปนความรูที่สําคัญอยางหนึ่งในการปฏิบัติราชการ ถาผูปฏิบัติงานโดยเฉพาะผูเปนหัวหนามีความรูในหลักขอนี้ดีแลว ยอมสามารถจัดการงานอยางไดผล แตหากขาดความเขาใจ ในเรื่องดังกลาว นอกจากจะเปนสาเหตุหนึ่งที่ทําใหงานก็ไมไดผล คนก็มีปญหาแลว ยังอาจนําภยันตรายมาสูตนเองไดอีกดวย ในการปฏิบัติงานนั้น ระเบียบ กฎเกณฑหรือหลักการที่วางไวยอมเปนเรื่องสําคัญที่จะทําใหงานไดผล แตในบางสถานการณก็จําเปนตองใชการยืดหยุน มิฉะนั้นปญหาอื่นอาจเกิดขึ้นได ดังเชนที่ในหลวงรัชกาลที่ ๖ ทรงยกตัวอยางไวในหนังสือหลักราชการวา “ในตํารายุทธวิธีกําหนดวา ในเวลาที่ยกเขาโจมตีขาศึก ใหแนวรบขยายแถวระยะหางจากกันเทานั้น ๆ ก็ถาตางวา ที่มันไมมีพอจะขยาย หรือถาขยายแลวจะไมมีที่กําบังตัวทหาร จะไมผอนผันบางทหารมิถูกปนตายเปลาหมดหรือ” ตามนัยนี้แสดงวา การผอนผันเปนอุบายวิธีที่จําเปนสําหรับการขามพนจากปญหาและเขาถึงความสําเร็จในภารกิจ สวนความรูที่ตองนํามาใชคูกับการผอนผันนั้น เมื่อกลาวเฉพาะในทัศนะทางศาสนาแลว ก็ไดแก ความรูจักเหตุ รูจักผล รูจักตน รูจักประมาณ รูจักกาล รูจักชุมชน และรูจักบุคคล โดยมีเปาหมายเพื่อใหงานก็ไดผล คนก็เปนสุข

23 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๒๓ วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๓

Page 16: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

16

ความรูจักผอนผันนี้ แมวาจะเปนหลักราชการ แตก็ปรับใชในการดําเนินชีวิตได เพราะถารูจักผอนผันใหแกชีวิตตนเองหรือคนรอบขางบาง ยอมจะกอใหเกิดบรรยากาศที่อบอุน เปนฐานของความรักความสามัคคีได เพียงแตวากอนที่จะผอนผันอะไร จะตองยึดความรูและเปาหมายดังที่กลาวนั้นเปนหลักเอาไว การผอนผันจึงจะไมทําใหเละเทะ แตจะเปนไปเพื่อประโยชนอยางเดียวจริง ๆ

ทําดี เร่ิมท่ีตัวเอง 24 มีเร่ืองเลาวา ขาหลวงทานหนึ่ง ประสงคจะนิมนตพระไปเทศน เปนพระที่มีช่ือเสียงและมีคนนับถือมาก พอไปถึงก็พบวาพระทานกําลังนั่งสมาธิอยูบนกิ่งไมขนาดใหญ จึงทักทวงวาอยาขึ้นไปอยูบนนั้น มันอันตรายมาก แตพระกลับตอบสวนมาวา การอยูบนตําแหนงขาหลวงของทานนั่นแหละอันตรายกวา ขาหลวงไดฟงก็ทราบทันทีวาเปนคําเตือนสติ จึงถามวา ถาอยางนั้นจะทําอยางไร ก็ไดรับคําตอบวาอยาทําชั่ว ใหทําแตความดี เร่ืองเวนชั่วทําดีนี้เปนเรื่องเขาใจงายที่สุด ไดยินบอยที่สุด แตก็เปนเรื่องที่ทําใหครบถวนไดยากที่สุดเพราะมีขอบเขตกวางขวางมากอยางหนึ่ง เปนเรื่องที่รูสึกวาอึดอัดตองคอยระวังอยูตลอดเวลาอีกอยางหนึ่ง สําหรับในอยางหลังนั้น บางทีก็เกิดเพราะมองผิดมุม เชนในเรื่องไมทําชั่ว ถามองจากขางนอก ในมุมกฎหมายจะเห็นวามีขอหามที่คอยบังคับและลงโทษอยูเต็มไปหมด ปฏิบัติตามแทบไมไหว จะทําอะไรกฎหมายก็ดักไวทุกทาง เหมือนกับวามีกฎหมายคอยบีบอยูตลอดเวลา แตถามองจากขางในตัวเองออกไปจะเห็นวา ถาไมทําผิดเสียเองกฎหมายก็ไมทําใหอึดอัด ทํานองเดียวกับเมื่อนั่งรถไป ระหวางทางจะผานศาลกี่แหง ผานสถานีตํารวจกี่ที่ ผานคุกกี่หนก็รูสึกเฉย ๆ ไมคิดวาตองเดือดรอนอะไร เพราะมีฐานะเปนแคผูผานไปอยางเดียว ไมไดมีสวนเขาไปเกี่ยวพันกับที่เหลานั้น การเวนชั่วทําดีจึงตองเริ่มที่ใจ เร่ิมที่ตัวเองออกไปขางนอก จึงจะเบาสบาย ปลอดโปรง และไดผลดี เรียกวาไดบุญแบบทันตาเห็นไปพรอมกับการกระทํานั้นทีเดียว การเวนชั่วทําดีนี้ สําหรับขาราชการยอมสําคัญเปนสองเทา เพราะอยูทามกลางหนาที่ ความรับผิดชอบ และระเบียบขอบังคับอีกมากมาย แตละอยางถาทําผิดก็เปนโทษทั้งสิ้น แตถามองจากในตัวเองออกไปขางนอกก็ไมนาหนักใจ เพราะถาตั้งสติ ตั้งตนไวใหดีก็เอาตัวรอดได เหมือนอยางที่พระใหขอคิดไวกับทานขาหลวงนั่นแหละ

นมสดแกวเดียว 25 ในประเทศสหรัฐอเมริกามีคนไขหญิงรายหนึ่งปวยหนักดวยโรคหัวใจซึ่งแพทยในทองถ่ินไมสามารถรักษาได จึงสงไปใหแพทยผูเชี่ยวชาญพิเศษทําการรักษา แพทยผูนั้นอานประวัติแลวสะดุดใจกับ

24 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๒๔ วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๓ 25 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๒๕ วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๓

Page 17: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

17

ช่ือหมูบานของผูปวย จึงซักถามอยางละเอียด หลังจากนั้นก็ลงมือรักษาดวยการผาตัดหัวใจ ใชอุปกรณที่ทันสมัยที่ สุด ใหยาราคาแพงที่ สุด ทุกอยางทําดวยความตั้งใจเปนพิเศษ จนผูปวยหายเปนปกติ นอกจากนั้นยังเปนผูออกคาใชจายในการรักษาทั้งหมดแกคนไขรายนี้ดวย สาเหตุที่ทําเชนนั้น เปนเพราะเมื่อสามสิบกวาปกอน ขณะที่นายแพทยผูนี้ยังเปนเด็กและมีฐานะยากจนนั้น วันหนึ่ง เขาไมมีแมแตขาวจะกิน ทั้งหิวทั้งทรมาน และคนไขรายนี้เองไดใหนมสดแกเขาแกวหนึ่ง เร่ืองราวดังกลาว สะทอนใหเห็นวา การใหดวยจิตใจที่เต็มเปยมไปดวยความเอื้อเฟอเผ่ือแผมีความเมตตาจริงใจ ไมหวังผลตอบแทนนั้น แมส่ิงที่ใหจะมีราคาเพียงเล็กนอย แตผลที่เกิดกับจิตใจของผูรับนั้น ประมาณคามิได โดยเฉพาะการใหในยามที่คนอื่นตกทุกขไดยาก เชน ยามจน ยามเจ็บ และยามจาก มักจะอยูในความทรงจําของผูไดรับมากเปนพิเศษ และผลของการใหในหวงเวลาเชนนั้น ก็มักจะสนองตอบใหไดรับสิ่งที่ดีงามเกินความคาดหมายเสมอ ใครบางจะคิดวา ดวยนมสดเพียงแกวเดียวกับเวลาที่ลวงไปถึงสามสิบกวาป อานิสงสของการใหจะกลับมาตอบสนองไดอยางนาอัศจรรย แตถาวาโดยหลักธรรม ส่ิงเหลานี้ยอมเกิดขึ้นไดเสมอ เพราะการใหดวยความรักความเมตตาอยางบริสุทธิ์ใจจะอํานวยผลดีไมทางใดก็ทางหนึ่ง เปนการใหที่ไมมีวันสูญเปลา

ทานเองก็ลงมือพิสูจนความจริงในขอนี้ได

คุณคาของสติ 26 ชาเขียวมีกระแสนิยมบริโภคกันอยางแพรหลาย ผลจากการทดลองพบวา ชาเขียวมีสรรพคุณในทางปองกันหลายอยาง เชน ชวยยับยั้งสารกอมะเร็ง และรังสีที่ทําใหเกิดมะเร็งผิวหนัง มีฤทธิ์ตานการอักเสบ ตานการเกิดล่ิมเลือด ตานเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย มีแรธาตุอยางฟลูออไรดชวยปองกันฟนผุ และยงัปองกันโรคหัวใจไดอีกดวย จึงไมนาแปลกใจที่มีการนําใบชาเขียวมาผสมในอาหาร และเครื่องดื่มหลายอยาง แมแตเครื่องสําอางบางชนิดก็มีชาเขียวผสมอยู ในหลักคําสอนทางศาสนามีกุศลธรรมขอหนึ่ง ซ่ึงมีคุณสมบัติในทางปองกันไดหลายอยางคลายชาเขียว กระทั่งไดช่ือวาเปนธรรมมีอุปการะมาก กุศลธรรมดังกลาวคือสติ ไดแก ความระลึกรูอยูเสมอ สตินี้ทําหนาที่ที่สําคัญหลายอยาง เชน ๑. เปนเครื่องดึงดูดความดี คนมีสติสมบูรณจะมีความโนมเอียงไปในทางประกอบกุศลกรรม ชอบที่จะทําสิ่งมีประโยชน เปนคนที่สมัครใจทําความดีทั้งตอหนาและลับหลัง ๒. เปนเครื่องหามความชั่ว ถามีสติสมบูรณจะรูทันแมกระทั่งความคิดที่เกิดกับใจในแตละขณะ เมื่อรูทันและหามความคิดฝายชั่วเสียไดก็เทากับกําจัดพฤติกรรมที่ไมดีเสียตั้งแตตนทาง ๓. เปนเครื่องรักษาความปลอดภัย เพราะคอยกําจัดความสะเพรา มักงาย และความเผอเรอตาง ๆ ทําใหดําเนินชีวิตไดอยางถูกถวน ปลอดภัย ไมตองเดือดรอนเพราะความประมาทเปนเหตุ

26 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๒๖ วันพฤหัสบดีที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓

Page 18: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

18

ทั้งชาเขียวและสติ ตางก็มีคุณสมบัติในการทําใหสุขภาพดีขึ้น ตางกันแตชาเขียวเปนคุณตอสุขภาพกาย สวนสติเปนคุณตอสุขภาพจิต เมื่อรางกายไดรับการดูแลแลวถายังมองหาสิ่งที่จะชวยเสริมสรางสุขภาพจิต ก็ควรพิจารณาสตินี่แหละเปนอันดับแรก

เคร่ืองนําทางชวิีต 27 การที่กัปตันเรือจะสามารถพาเรือที่แลนอยูในทะเลกวางไปสูจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพได

เรือลํานั้นจะตองมีอุปกรณสําหรับนําเรือที่สําคัญอยางนอย ๓ อยาง คือ เข็มทิศ พังงา และเครื่องสั่งจักร หากอุปกรณ ๓ อยางนี้อยางใดอยางหนึ่งชํารุด กัปตันถึงจะมีความสามารถเพียงใดก็ยากนักที่จะนําเรือไปสูจุดหมายปลายทางที่ตองการได

หากเปรียบเทียบชีวิตประดุจเรือที่แลนอยูในทะเลแลว อุปกรณภายในที่สําคัญในการนําชีวิตไปสูจุดหมายคือความสุขสวัสดีนั้น มีอยางนอย ๓ ประการ คือ

๑. ความรู ความรูเปนแสงสวางของชีวิต สามารถใชเพื่อหลบหลีกภยันตรายตาง ๆ ในชีวิตได ทําใหรูจักเหตุผลของความเจริญและความเสื่อม แลวเลือกดําเนินชีวิตแตในหนทางที่ดี ถาไมมีความรูก็ยากที่จะเจริญได ดังคําวา “นกไมมีขน คนไมมีความรูขึ้นสูที่สูงไมได”

๒. ความประพฤติ การละชั่วประพฤติดีนั้น เปนเครื่องนําชีวิตไปสูความสําเร็จ และทําใหดํารงอยูในความสําเร็จนั้นไดยั่งยืน ถาคนเราเสียความประพฤติแลว ก็มักจะอยูรอนนอนทุกข และพาตัวหางไกลจากความสําเร็จยิ่งขึ้น แมจะมีความรูก็อาจเอาตัวไมรอด

๓. ความไมประมาท ขอนี้เปนตัวกระตุนใหบุคคลขยันหมั่นเพียร รูจักอดทนเพื่อชีวิตที่ดีกวา มีทั้งความจริงจังและความรอบคอบในการดําเนินชีวิต

กัปตันเรือเดินทะเลนั้น เปนตําแหนงที่มีอยูอยางจํากัด นอยคนนักที่จะไดเปนกัน แตกัปตันนําทางชีวิต บัดนี้ ทุกคนไดเปนกันแลว ลองตรวจสอบอุปกรณนําชีวิต คือ ความรู ความประพฤติ และความไมประมาท วายังอยูในสภาพสมบูรณหรือไม หากเห็นวาเกิดความชํารุดก็พึงปรับปรุงทันที ทั้งนี้เพื่อชวยใหการนําชีวิตอันมีคาของเรานี้ไปถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพนั่นเอง

ปลอยวางเสียบาง 28 มีเร่ืองเลาวา สมเด็จพระสังฆราชเจาพระองคหนึ่ง ไดรับแจกันลายครามอายุหลายรอยปและมีราคาแพงมากจากผูศรัทธา เวลาศิษยวัดทําความสะอาดพระตําหนัก พระองคจะคอยกวดขันใหระมัดระวังแจกันใบนั้นเปนพิเศษ จนวันหนึ่งก็ไดเร่ืองขึ้นมาจริง ๆ ขณะที่ศิษยทําความสะอาดอยูนั้นไดเผลอทํา

27 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๒๗ วันพฤหัสบดีที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ 28 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๒๘ วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๓

Page 19: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

19

แจกันตกแตกเสียงดังสนั่น พระองคประทับอยูตรงนั้นพอดี แตแทนที่จะโกรธหรือเสียใจกลับรับสั่งออกมาวา “เออ หมดภาระไปเสียที” มีคําที่พระพุทธเจาสอนบทหนึ่งวา “ส่ิงทั้งปวงไมควรยึดมั่นถือมั่น” การสอนเชนนั้น บางทานเขาใจไปวา ทําใหขาดความกระตือรือรน ตัดขาดการเสพสุขในเรื่องตาง ๆ และเลยไปถึงขั้นทําใหขาดความรับผิดชอบในภารกิจหนาที่ เปนตน คือมองเห็นวาการปลอยวางกับการปลอยทิ้งเปนเรื่องเดียวกัน แตความจริงการไมยึดมั่นในที่นี้เปนเรื่องที่เกิดเพราะรูเทาทันความจริงของสิ่งทั้งหลายวามีการเกิดขึ้นตามเหตุปจจัย แปรปรวนไปตามเหตุปจจัย และแตกดับไปตามเหตุปจจัย เมื่อตองการสิ่งใดก็ทําแคสรางเหตุปจจัยของสิ่งนั้นใหถูกตองดีงามที่สุด ซ่ึงจะวาไปแลวเปนความรับผิดชอบที่ตรงจุดมากกวาวิธีอ่ืนดวยซํ้า สวนการใชความยึดมั่นถือมั่นเพื่อสรางความรับผิดชอบนั้น แมจะไดผล แตก็เต็มไปดวยความบีบคั้น โดยเฉพาะเมื่อไมไดตามที่หวังหรือเมื่อไดแลวตองเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นเพื่อปองกันมิใหเกิดทกุข ทานจงึสอนวา ส่ิงทั้งปวงไมควรยึดมั่น ความหมายก็คือไมควรยึดมั่นดวยอํานาจกิเลส แตใหกระทําดวยกุศลฉันทะคือความรักดีใฝดีเปนที่ตั้ง ตามหลักที่วา “ตัณหาเปนสิ่งที่ตองละ ฉันทะเปนสิ่งที่ตองเจริญ”

ตามเรื่องขางตนแสดงวาสมเด็จพระสังฆราชเจาพระองคนั้น มิไดยึดมั่นถือมั่นแจกันลายครามดวยกิเลสตัณหา จะมีก็แตความรับผิดชอบที่จะตองดูแลแจกันนั้นใหดีที่สุดซึ่งเปนกุศลฉันทะเทานั้น ดังนั้น เมื่อแจกันราคาแพงมีอันเปนไปจึงมิไดเสียดายหรือยึดติด แตกลับทรงอุทานออกมาวา “เออ หมดภาระไปเสียที”

ลักษณะตองหามของคนไข 29

เมื่อถึงคราวเจ็บไขไดปวย สถานที่แหงแรกและบุคคลแรกที่คนคิดถึง ก็คือโรงพยาบาล และหมอ เปนที่นาสังเกตวา ในปจจุบันคนไขที่ไปโรงพยาบาลมีจํานวนมากขึ้น บางแหงจึงตองใชเวลาเขาคิวรอคอยเปนเวลารวมครึ่งวันจึงจะไดพบหมอ แมแตโรคเองก็ดูเหมือนจะพัฒนาขึ้นไปตามความเจริญของคนดวย จะเห็นไดวามีโรคแปลก ๆ ใหม ๆ เกิดขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งจํานวนคนไขและความซับซอนของโรค ทําใหปญหาในการรักษาพยาบาลยังคงอยูตลอดไป แมความเจริญทางการแพทยจะกาวหนาไปแคไหนก็ตาม แตทั้งนี้การปฏิบัติตัวของคนไขเองก็มีสวนเกี่ยวของอยางสําคัญดวย ในพระไตรปฎก เลมที่ ๒๒ ขอที่ ๑๒๓ พระพุทธเจาไดตรัสถึงคนไขที่พยาบาลยากไว ๕ ลักษณะคือ

๑. มกัทําสิ่งที่ไมเปนที่สบาย เชน ชอบฝนคําสั่งหมอและพยาบาล เปนตน ๒. ไมรูจักประมาณในสิ่งทีส่บาย เชน กนิหรือนอนเกนิประมาณ เปนตน ๓. ไมกินยาตามที่หมอหรือพยาบาลสั่ง ๔. ไมบอกอาการปวยตามความเปนจริงแกผูพยาบาล ๕. ไมอดทนตอทุกขเวทนาทีเ่กิดขึ้น

29 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๒๙ วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๓

Page 20: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

20

มีคําพระวา “พยาธิธัมโมมหิ พยาธิงอนะตีโต เราจะตองเจ็บไขแน ไมมีทางพนไปได” เมื่อเจ็บไขไดปวย หมอก็ดี พยาบาลก็ดี หรือแมแตหยูกยาเวชภัณฑตาง ๆ เปนเครื่องชวยไดสวนหนึ่งเทานั้น ตัวของเราตองชวยตัวเองดวย คือ ถาประสงคใหหายปวยโดยเร็ว ก็ตองหลีกเลี่ยงลักษณะที่ไมดีทั้ง ๕ ประการ ตามที่ปรากฏในพระไตรปฎกนั้นเสีย

ระวังความรูสกึ 30 ความรูสึกนึกคิดในใจคนเปนเรื่องสําคัญ เพราะการที่จะพูดและทําอะไรทุกครั้งยอมเริ่มมาจากความรูสึกนึกคิดกอน หากใครสามารถควบคุมจิตใจใหอยูในความดีไดก็เทากับวาควบคุมคําพูดและการกระทําใหดีตามไปดวย แตเนื่องจากจิตใจนี้เปนธรรมชาติที่ควบคุมไดยากที่สุด เร่ืองจึงกลายเปนวาบางครั้งแทนที่จะควบคุมความคิดได กลับถูกความคิดควบคุม แทนที่จะควบคุมความรูสึกไวไดกลับถูกความรูสึกควบคุม ทําใหตกอยูในสภาพชอบใจบาง ไมชอบใจบาง ความรูสึกชอบและไมชอบทั้งสองนี้ มีอิทธิพลตอพฤติกรรมของคนแบบตรงขามกัน กลาวคือ คนเราเมื่อชอบกันแลว ก็ทําใหพอใจ เห็นใจ และปรารถนาดีตอกัน เคารพใหเกียรติกัน ส่ิงดี ๆ เหลานี้ชวยทําใหผูมีความรูสึกนึกคิดในทางที่ชอบตอกันอยูรวมกันอยางสันติสุข แตกตางจากความรูสึกของบุคคลที่ไมชอบกัน ที่มักทําใหหมดความอาลัยไยดีตอกัน ทําใหเห็นแกตัว ไมมีความจริงใจตอกัน ตลอดจนไมใหเกียรติเคารพยําเกรงกัน ซ่ึงทําใหผูตกอยูในลักษณะเชนนั้นมีความเรารอนทุกขใจ ดังที่กลาวขางตนวา จิตใจเปนเรื่องที่ตองควบคุม ความชอบใจหรือความไมชอบใจแมจะเปนสภาวะที่ตองมี หามไมได หรือแมแตจะสงผลดีไดในบางแงมุม แตก็เปนเรื่องตองควบคุมใหชอบหรือไมชอบอยางมีเหตุผล อยางอิงหลักการและความถูกตองใหมากที่สุด เพราะถาปลอยไปตามอารมณหรือความรูสึกอยางเดียว ความชอบ-ไมชอบนี้จะเปนอาวุธทํารายผูอ่ืน และบางครั้งถึงขั้นหวนกลับมาทํารายตัวเองเลยก็มี

ทางสามัคคี 31 เร่ืองสามัคคี เปนเรื่องที่พูดกันมากในสังคม ทั้งพูดตรง ๆและพูดในชื่ออ่ืนๆ เชน ปรองดอง หรือสมานฉันท เปนตน บางครั้งก็พูดเพียงชื่อ แตบางครั้งก็พูดถึงแนวทางปฏิบัติไวดวย แสดงวาเปนเรื่องจําเปนในสังคมในฐานะชวยใหเกิดพลังดังคําวา สามัคคีคือพลัง ชวยทําใหเกิดสุขดังคําพระที่วา ความพรอมเพรียงของหมูคณะนําความสุขมาให ตามหลักธรรมทางศาสนา ความสามัคคีจะเกิดขึ้นได หากผูคนในสังคมปฏิบัติตอกัน ดวยเมตตากายกรรม กระทําดีตอกัน ไมเบียดเบียนหรือรังแกกัน เมตตาวจีกรรม พูดแตส่ิงที่ดีงาม ใหกําลังใจซึ่งกัน

30 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓๐ วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๓ 31 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓๑ วันพฤหัสบดีที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๓

Page 21: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

21

และกัน ไมพูดจาซ้ําเติม แตพูดแนะนําในสิ่งที่ดีมีประโยชน เมตตามโนกรรม มองกันในแงดี หวังและปรารถนาดีตอกัน ไมอิจฉาริษยา ไมพยาบาทเบียดเบียน รูจักการใหโอกาสและใหอภัยซ่ึงกันและกัน สาธารณโภคี รูจักแบงปนผลประโยชนดวยความยุติธรรม ไมเห็นแกตัว ไมฉวยโอกาสเฉพาะตัวและพวกพอง สีลสามัญญตา ปฏิบัติตามกฎระเบียบวินัย เคารพสิทธิของผูอ่ืน ไมถืออภิสิทธิ์ใดๆ และทิฏฐิสามัญญตา คิดเห็นในทางเดียวกัน ในสวนที่เห็นตางกันก็ปรับความตางนั้นใหอยูในกรอบที่รับกันได คือพยายามแสวงจุดรวม สงวนจุดตางในการอยูรวมกัน ทางสามัคคีตามแนวดังกลาวนี้ พระศาสดาทรงแสดงเพื่อประโยชนสุขแกชาวโลกนานแลว หากตางฝายมุงปฏิบัติอยางจริงจังและสุจริตใจ จะทําใหเกิดพลังดวย ทําใหเกิดความสุขดวย ทั้งพลัง และความสุขนี้ เปนปจจัยใหเกิดความมั่นคงแกสังคมทุกระดับ หรือจะพูดวาทางสามัคคีก็คือทางแหงความมั่นคงก็ไมผิด

แม 32 บทเพลง “ใครหนอ” ไดพรรณนาถึงพระคุณของพอแมไวจับใจตอนหนึ่งวา “จะเอาโลกมาทําปากกา แลวเอานภามาแทนกระดาษ เอาน้ําหมดมหาสมุทรแทนหมึกวาด ประกาศพระคุณไมพอ” แสดงใหเห็นวาพอแมนั้นเปนผูมีพระคุณตอลูกมากมายสุดจะพรรณนา เนื่องในโอกาสวันแมแหงชาติ จึงขอนําพระคุณของแมมากลาวถึงเพื่อใหลูกทั้งหลายไดระลึกไว ๔ ประการ คือ ๑. เปนยอดบุพพการี เพราะทานเปนผูทําอุปการคุณแกลูกกอนใครทั้งหมด เปนผูใหชีวิต ใหรางกาย ใหความรู ใหที่อยูอาศัย ใหน้ําใจอันบริสุทธิ์ ใหทุกสิ่งทุกอยางที่ชีวิตของแมจะใหได ๒. เปนปูชนียบุคคล คือเปนผูที่ลูกควรบูชากราบไหว ควรเคารพนับถือตลอดชีวิต เปนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ลูกไมควรลวงละเมิด ปูชนียบุคคลคือแมนี้ ยิ่งเคารพกราบไหวก็ยิ่งเกิดสิริมงคล คุมครองอันตรายไดอยางนาอัศจรรย ๓. เปนวีรชนผูยิ่งใหญ เพื่อปกปองลูกแมจะกลาหาญเสมอ เสียสละความสุขและกลาเผชิญความทุกขยากลําบากทุกอยางไมมีใครเทียบได ๔. เปนกําลังใจที่แทจริง ถาพนวิสัยที่ทําไดเอง แมจะเอาใจชวยเสมอ บางครั้งถึงกับเปนทุกขเปนรอนแทนยิ่งกวาตัวของลูกเองเสียอีก ความจริงใจเชนนี้ยากจะหาไดจากใครในโลก ถึงแมจะมีความดีเกินกวาจะเอาโลกมาทําปากกาหรือเอานภาทํากระดาษแลวจารึกพระคุณของทานไดหมดสิ้น แตการตอบแทนพระคุณของทานก็สรุปไดในขอบเขตงาย ๆ วา ทําดีตอทานเมื่อมีชีวิตและทําบุญอุทิศเมื่อทานวายชนม หัวขอส้ัน ๆ นี้นาจะเปนบทสํารวจตนสําหรับลูกทุกคนไดในโอกาสที่วันแมมาถึงอีกครั้งหนึ่ง

32 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓๒ วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๓

Page 22: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

22

หลักราชการ ตอน ความมีหลักฐาน 33 ความมีหลักฐาน จัดเปนสิ่งหนึ่งที่สรางความภาคภูมิใจ และเปนเหตุใหไดรับความเชื่อถือจากบุคคลอื่น เพราะการกอรางสรางตัวจนเปนหลักเปนฐานไดนั้น ยอมแสดงถึงการมีความสุขุมรอบคอบ มีสติปญญาความสามารถและมีความรับผิดชอบไดในระดับหนึ่ง ความมีหลักฐานนั้น อาจตีความไดหลายอยาง แตเมื่อกลาวเฉพาะในสวนที่รัชกาลที่ ๖ ทรงแจกแจงไว มีอยูสามประการ คือ มีบานเปนหลักมั่นคง มีครอบครัวอันมั่นคง และการตั้งตนไวชอบ ทรงขยายความวา การมีบานเปนหลักมั่นคงนั้น หมายถึง มีที่อยูเปนที่เปนทาง สามารถไปพบไดเมื่อมีธุระ ไมใชคนพเนจรหมอนหมิ่น หรือเปล่ียนที่อยูไปเรื่อย ๆ จนเปนอุปสรรคตอการติดตอ สวนการมีครอบครัวอันมั่นคง ทรงหมายถึง มีคูชีวิตเปนตัวเปนตน ไมใชแตงงานดวยมุงหมายจะปอกลอกเอาทรัพยของคนอื่นแลวละท้ิงไปหาใหม ทรงเนนวา การมีคูชีวิตไมควรที่จะเห็นเปนของงาย ๆ หรือของสําหรับความพอใจช่ัวคร้ังคราว แตควรคิดหาผูที่ไวเนื้อเชื่อใจกันอยางแทจริง สําหรับการตั้งตนไวชอบนั้น ทรงหมายถึงการไมประพฤติเปนคนสํามะเลเทเมา สูบฝนกินเหลาหรือเปนนักเลงเลนการพนัน เปนตน ซ่ึงลวนเปนอบายมุขบอเกิดแหงความเสื่อมทั้งสิ้น จะเห็นวาความมีหลักฐานตามที่กลาว ไมไดหมายถึงวาตองรํ่ารวยเทานั้นเทานี้ แตหมายถึงมีที่อยูอันมั่นคงแนนอน มีครอบครัวที่อบอุน และมีความประพฤติเปนที่ไววางใจ ทั้งสามประการนี้ แมดูเผิน ๆ วาเปนเรื่องสวนตัว แตก็เปนที่ยอมรับวามีผลกระทบตอการปฏิบัติงานดวย จึงเปนหลักราชการขอหนึ่งที่ขาราชการทุกคนควรใหความสําคัญ

สําคัญท่ีกรรม 34 ถาเราสังเกตยวดยานพาหนะที่แลนไปมาบนทองถนน โดยเฉพาะรถยนตนั่งสวนบุคคล จะพบบอยครั้งวา รถบางคันมีสีอยางหนึ่งแตเขียนบอกไวที่ทายรถวาเปนสีอีกอยางหนึ่ง เชน รถสีแดงก็เขียนวารถคันนี้สีขาว หรือตัวรถสีขาวก็เขียนวารถคันนี้สีดํา เปนตน เมื่อสอบถามเจาของรถดู ก็ไดรับคําตอบ สวนมากจะบอกวาเปนการแกเคล็ด คือ รถที่ซ้ือมาแลวสีไมถูกกับดวงชะตาราศีของเจาของรถหรือไมถูกโฉลกกัน เชนดวงชะตาเจาของรถถูกกับสีดํา แตตัวรถเปนสีแดง เพื่อแกเคล็ดใหเปนมงคลแกรถและเจาของรถ จึงเขียนบอกไปวา รถคันนี้สีดํา เร่ืองดังกลาวเปนความเชื่อในเชิงโหราศาสตร หรือดวงชะตาชีวิต จะถูกผิดอยางไรก็ยากที่จะพิสูจนยืนยันได ขึ้นอยูกับความเชื่อของแตละบุคคล แตถาศึกษาหลักคําสอนในทางศาสนาโดยเฉพาะพระพุทธศาสนา จะเห็นวา สอนใหตระหนักในเรื่องกรรม และผลของกรรม กลาวคือ ทุกสิ่งทุกอยางมาจากการกระทําของคน ฉะนั้น จะขับรถสีอะไร จะออกรถวันไหน เวลาใดนั้น จึงไมสําคัญเทากับการทํา

33 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓๓ วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๓ 34 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓๔ วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๓

Page 23: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

23

ดี ทําสิ่งที่ถูกตอง และตั้งตนอยูในความไมประมาทหรือไม ถาทําดี พูดดี คิดดี ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ขับรถอยางผูมีสติแลว ก็ไมตองวิตกกังวลอะไร และไมจําเปนตองเขียนแกเคล็ดกันอีกตอไป เพราะความดีนั่นแหละจะเปนเครื่องคุมครองอยูในตัว ดังคําประพันธที่วา มีสติ ตริตรึก นึกเหตุผล รูตัวตน ไวเสมอ ไมเผลอไผล ผูขับรถ มีสติตลอด ก็ปลอดภัย มันมิใช เพราะหลวงตา มาชวยเจิม

ปมดอย 35 วิสัยของปุถุชนนั้น เมื่อไดพบเห็นสิ่งที่แตกตางจากตน ก็มักจะอดนึกคิดในทํานองเปรียบเทียบไมได การเปรียบเทียบนั้น วาไปแลวก็มิใชส่ิงที่เลวรายอะไร ถารูจักนําไปใชใหเปนประโยชน เชน หากรูสึกวาตนดอยกวาในเรื่องฐานะ ก็เพิ่มความพยายาม มีความขยันหมั่นเพียรและรูจักเก็บออม ดอยในเรื่องการศึกษา ก็หมั่นแสวงหาความรูใหมากกวาปจจุบัน เปนตน จนสามารถทําใหเสมอกับผูอ่ืนหรือเหนือกวาผูอ่ืนได แตคนเรามีหลายประเภท บางคนพอเปรียบเทียบขึ้นมาทีไร ก็เปนทุกขทุกทีเพราะรูสึกวามีปมดอย นักปราชญจึงแนะวิธีแกไว ดังนี้ ๑. พยายามปรับความคิดเขาหาหลักสันโดษ คือยินดีพอใจในสิ่งที่ตนมี เพราะปมดอยที่เกิดนั้น บางครั้งก็ไมไดดอยจริง เปนแตไปตั้งความคาดหวังไวมากเกิน คือเปนเรื่องของความคิดพาไปเทานั้นเอง ๒. ปรับความคิดเขาหาหลักบุญกุศล คือคิดวานั่นเปนผลของการทําความดีของเขา เราจะไดช่ืนชมยินดีในสิ่งที่เขามี และหันมาเพิ่มพูนความดีในสวนของตน ๓. มองใหเห็นความจริงของชีวิตวา ความสุขของคนนั้น นอกจากฐานะ ชาติตระกูล หรือยศศักดิ์ เปนตนแลว ที่สําคัญจิตใจตองสงบเย็นดวย แลวหันมาฝกฝนพัฒนาจิตของตนควบคูกันไป ๔. สรางคานิยมการยกยองกันที่คุณงามความดีจนรูสึกภูมิใจเมื่อยืนหยัดในสิ่งถูกตอง ไมอายแมจะยากจน และเปนสุขใจเมื่อไดทําประโยชน เมื่อเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ตองเกิดกําลังใจ มีความมานะพยายามจึงจะถูก แตถาเกิดความทอบาง ริษยาบาง นั่นคืออาการของปมดอย จะตองปรับความคิดเสียใหม วิธีแกปญหาทั้ง ๔ ขางตน เปนวิธีที่จะชวยแกปมดอยได

คุณคาของความลําบาก 36

35 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓๕ วันพฤหัสบดีที่ ๒ กันยายน ๒๕๕๓ 36 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓๖ วันพฤหัสบดีที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๓

Page 24: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

24

มนุษยทั้งหลายไมวาจะเปนชนชาติใดก็ตาม มักจะมีส่ิงที่เหมือนกันอยางหนึ่ง คืออยากสบาย ไมชอบความลําบาก ถาเลือกไดก็จะเลือกเอาความสบายไมเลือกความลําบากเด็ดขาด แตชีวิตจริงยากที่จะทําไดอยางนั้น ทุกอยางในโลกนี้มีหลายมุม ความยากลําบากก็เหมือนกัน หากพิจารณาใหดีก็จะเห็นวา มิใชจะมีแตทําใหคนเราทุกขยากอยางเดียวเทานั้น ในมุมกลับ ความลําบากก็ทําใหคนเราแกรงขึ้น ฉลาดขึ้น และทําใหคนเราคิดเปน เพราะความลําบากนี่แหละทําใหเราตองระดมสรรพกําลังที่มีอยูในตัวเพื่อ ดิ้นรนขวนขวายใหพนจากสภาพนั้น การตอสูกับความลําบากจึงเปนการหลอหลอมตัวเองใหแกรงขึ้น และฉลาดขึ้นไปพรอมกันในทุกขณะ ตรงกันขามกับคนที่เอาแตสุขสบายไมยอมดิ้นรน ไมยอมลําบากมากอน พอมีเหตุทําใหตองลําบากขึ้นมา บางทีถึงกับมืดแปดดาน ทําอะไรไมเปน จับอะไรไมถูก แมมีความคิดวาจะสูแตก็เหมือนสูในที่มืด มองไมเห็น จับไมถูก เพราะไมเคยเรียนรูมากอน มองในแงหนึ่ง ความสุขสบายนั้น จึงเปนของมีพิษถาตั้งอยูในความประมาท ดังนั้น นักปราชญจึงสอนวา อยาไปกลัวความลําบาก ใหถือวาความลําบากเปนครู เปนกําไรชีวิต และสนามฝกที่ทรงคุณคา เมื่อไมกลัวความลําบากแลว ในที่สุดความลําบากนั่นแหละจะกลัวเรา

ธรรมะฮวงจุย 37 มีขอสังเกตวา คนไทยจํานวนไมนอย เมื่อจะสรางบานหรือซ้ือบานเปนที่อยูอาศัย ส่ิงหนึ่งที่ใหความสําคัญ ก็คือ ภูมิทัศน ทิศทาง ที่ตั้ง ลักษณะอาคาร มีประตู หนาตาง หองนอน หองครัว และอื่น ๆ อีกหลายรายการวาถูกตองตามลักษณะฮวงจุยหรือไม ถาไมถูกตองก็จะไมสรางหรือไมซ้ือ และถาซื้อไปแลวก็มักจะรูสึกไมสบายใจตองหาทางแกเคล็ดกันมากมายในภายหลัง ยังมีฮวงจุยอีกประเภทหนึ่งที่สําคัญและจําเปนในการสรางบาน หรือซ้ือบาน แตมักจะถูกละเลยจากเจาของบานหรือคนที่อยูในบาน ฮวงจุยที่วานี้ก็คือธรรมะ หรือธรรมะฮวงจุย ซ่ึงไดแก การประพฤติปฏิบัติของคนที่อยูในบาน นั่นเอง โดยเฉพาะ ความขยันหมั่นเพียร ความไมประมาท ความสํารวมระวัง และความรูจักขมใจ ส่ิงเหลานี้ถามีอยูในใจของคนที่อยูในบานตลอดเวลาแลว แมบานหลังนั้นจะตั้งอยูในทําเลฮวงจุยที่ไมดีบาง ในทางธรรมะก็ถือวาสามารถแกเคล็ดใหกลับดีขึ้นมาได แตถาเจาของบานหรือคนอยูในบาน ตางพากันเกียจคราน ตั้งอยูในความประมาท ไมมีความสํารวมระวัง และขมจิตใจตนเองไมได ถึงบานจะมีฮวงจุยดีเพียงใด ก็ยากนักที่จะชวยใหครอบครัวมีความสุขในบานหลังนั้นได ธรรมะฮวงจุย เปนสิ่งที่คนสรางและควบคุมได แตขอใหมีความจริงใจ สรางมากก็เจริญมาก สรางนอยก็เจริญนอย ดังนั้น เมื่อจะสรางบานหรือซ้ือบานสักหลัง หากเปนไปไดก็ควรคํานึงถึงธรรมะฮวงจุยไวดวย ทั้งนี้เพื่อใหเกิดความสุขความเจริญที่ยั่งยืนถาวรในครอบครัวตลอดไปนั่นเอง

37 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓๗ วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๓

Page 25: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

25

ผิดทาง 38 มีเร่ืองเลาวา ชาวจีนคนหนึ่ง ตองการจะเดินทางจากจงหยวนไปยังรัฐฉู ซ่ึงอยูทางทิศใต แตเขากลับนั่งรถมามุงหนาไปทางทิศเหนือ ระหวางทางมีผูหวังดีบอกวา รัฐฉูอยูทางทิศใต เขากลับตอบวา ไมเปนไร มาของขาพเจา ฝเทาจัด ขาพเจามีเงินคาเดินทางเยอะ และคนขับรถมาของขาพเจามีความชํานาญมาก แลวไมยอมฟงคําทวงติงใด ๆ ไมมองความผิดพลาดของตนเอง ยังคงมุงหนาไปตามทิศทางที่ผิดตอไป ในที่สุด กลายเปนวามาของเขายิ่งวิ่งดีเทาไร เงินคาเดินทางของเขายิ่งมากเทาไร และคนขับรถมาของเขายิ่งชํานาญเทาไร เขาก็ยิ่งเดินทางหางรัฐฉูออกไปมากเทานั้น ทั้งนี้เพราะความคิดที่ผิดแท ๆ รัฐฉูในเรื่องนี้ ขอเปรียบกับความสุขของคน อันประกอบดวย ความมีสุขภาพที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไขเจ็บ ความสงบรมเย็นในชีวิตครอบครัว และความสําเร็จในอาชีพการงาน ตลอดถึงความมั่งมีศรีสุขในการดําเนินชีวิต ซ่ึงเปนยอดปรารถนาของคนทั้งหลาย แตความจริงในสังคมปจจุบัน กลับปรากฏวายังมีผูคนจํานวนไมนอยที่ดําเนินชีวิตสวนทางกับสิ่งที่ตนปรารถนานั้น เชน อยากมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ แตกลับสูบบุหร่ี ดื่มสุรา หรือเที่ยวเตรหามรุงหามค่ํา อยากมีความสงบราบรื่นในครอบครัว และความสําเร็จในชีวิต แตกลับไมซ่ือสัตยตอครอบครัว เกียจครานการทํางาน เลนการพนัน และติดพันมิตรช่ัว เปนตน ที่สําคัญ ถึงจะมีผูปรารถนาดีคอยแนะนําบอกทางที่ถูกใหก็ไมเชื่อฟง ในที่สุดก็ไมตางอะไรกับการเดินผิดทิศผิดทางของชาวจีนคนนั้น ดังนั้น การเคารพตอคําตักเตือนโดยเฉพาะจากบัณฑิตผูรูที่เตือนดวยความปรารถนาดี จึงเปนเรื่องสําคัญ เพราะชีวิตก็เหมือนการเดินทางในแงวาตองมีจุดหมายและลงมือปฏิบัติใหถึงจุดหมาย ถายังอยูในทาง ถึงลําบากยากเย็นหรือเนิ่นนานอยางไรก็ยังพอมีหวัง แตถาผิดทางเสียอยางเดียวก็คือลมเหลวเสียตั้งแตตน โปรดพิจารณาดูเถิด

ชีวิตกับดวงอาทิตย 39 เมื่อพูดถึงดวงอาทิตยแลว ทุกคนยอมรูจักดี ในฐานะสิ่งที่มีอุปการะในการดําเนินชีวิต ดวงอาทิตยนั้น จะขึ้นทางทิศตะวันออก พอสายหนอยก็ลอยสูงขึ้น และลอยขึ้นมาอยูเหนือศีรษะในตอนเที่ยง ตอนบายก็ลอยลงไปทางทิศตะวันตก ตอจากนั้นดวงอาทิตยก็จะลอยต่ําลงไปเรื่อย ๆ กระทั่งลับขอบฟาหายไป พรอมกับการสิ้นสุดของเวลากลางวัน สภาพดังกลาว หากเปรียบเทยีบกับชวีิตก็จะไดขอคิดที่สําคัญ ๒ ประการ คือ ๑. ชีวิตในแตละวัน เมื่อตื่นนอน ก็อาบน้ําแตงตัวไปทํางาน เลิกงานแลวก็กลับบาน พักผอนในเวลากลางคืน และตื่นนอนเพื่อเร่ิมชีวิตใหมอีกครั้งหนึ่ง หมุนเวียนอยู เชนนี้จนกวาจะหมดหนาที่

38 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓๘ วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๕๓ 39 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๓๙ วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓

Page 26: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

26

คลายกับดวงอาทิตยที่โคจรไปตั้งแตเชาจรดเย็น และระหวางที่โคจรไปนั้นก็ประสบลมฟาอากาศแปรปรวนอยูเสมอ ๆ ไมตางอะไรกับชีวิตคนที่ประสบปญหาในแตละวันอยูเนือง ๆ นั่นเอง ๒. ชีวิตในแตละชีวิต เมื่ออุบัติขึ้นมาแลว ก็จะตอง แปรปรวนในทามกลาง และแตกสลายในที่สุด สภาพดังกลาวไดปรากฏแกชีวิตอยูตลอดเวลา ไมเคยหยุดนิ่งเลยแมแตวินาทีเดียว แมแตดวงอาทิตยเองซ่ึงมีปกติโผลขึ้นในตอนเชา คลอยต่ําลงในชวงบาย และลวงลับดับไปจากขอบฟาในตอนค่ํา ก็หนีไมพนสภาวะที่แปรปรวนทามกลาง และจะตองแตกสลายไปในที่สุด เชนกัน ทั้งดวงอาทิตยและชีวิตจึงไมตางอะไรกัน ในแงที่มีการเกิดขึ้นเบื้องตน แปรปรวนในทามกลาง และแตกสลายในที่สุด เพียงแตวาจะชาหรือเร็วเทานั้น เหตุนั้น ในการดําเนินชีวิต ทานจึงสอนไมใหประมาท เพราะถาประมาทเมื่อใด ชีวิตที่ไมเที่ยงแทแนนอนอยูแลวก็จะจบลงดวยความสูญเปลา ซ่ึงเปนเร่ืองที่นาเสียดายที่สุด

คุณคาของความถอมตน 40 ในการสัมมนาครั้งหนึ่ง วิทยากรชูกําปนขึ้น แลวเชิญชวนใหทุกคนในหองหาทางทําใหมือของเขาแบออกมา คนแลวคนเลาลุกขึ้นมางัดแงะกําปนของเขา พยายามดึงนิ้วของเขาใหถางออก หรือไมก็บีบขอมือของเขา โดยหวังวาความเจ็บปวดจะทําใหเขาคลายกําปนออกมา แตไมไดผล ขณะนั้น มีชายคนหนึ่งเดินเขามาหาเขาดวยหนาตายิ้มแยมแลวพนมมือไหวเขา วิทยากรคนนั้นรีบยกมือไหวตอบทันที โดยลืมไปวาบัดนี้กําปนของเขาไดคลายออกแลว ในสวนของวิทยากรผูนั้น การคลายกําปนออก ถาไมนับเปนการลืมสติแลว ก็เปนเรื่องการตระหนักในความดีอันไดแกความเคารพที่คนอื่นมีให เพราะธรรมดาสาธุชนคนดีนั้นจะไมอาจนิ่งเฉยไดเมื่อผูอ่ืนแสดงความเคารพตน จะตองเคารพตอบเสมอ ในสวนของผูพนมมือไหวเขานั้น ถาไมนับเปนกุศโลบายที่หลักแหลม ก็ตองเปนเรื่องอุปนิสัยคือความออนนอมถอมตน จึงทําใหเขาพนมมือไหวบุคคลอื่นกอน แตไมวาเพราะเปนกุศโลบายหรือเพราะเกิดจากใจจริง ผลก็ยืนยันตรงกันวา การออนนอมถอมตนเปนเรื่องดีจริง เปนวิธีที่ดีจริง ดังคําพูดที่วา “ออนนอมถอมกาย จิตใจสุภาพ ซึมซาบใจคน ผูคนสรรเสริญ กระดางถือดี มิมีจําเริญ นารักเหลือเกิน ออนนอมถอมตน” ในทางตรงกันขาม กิริยาอาการที่แข็งกระดาง เขาลักษณะ “คอทั่ง สันหลังเหล็ก” จะทําใหกลายเปนคนนารังเกียจ นายไมอยากมอง ลูกนองไมอยากยุง เพื่อนฝูงก็เอือมระอา เปนเรื่องที่หาขอดีไดยากจริง ๆ สวนการออนนอมถอมตน เปนเรื่องที่มีแตได ดังคําประพันธที่วา ใหทานทานจกัให ตอบสนอง นบทานทานจกัปอง นอบไหว รักทานทานควรครอง ความรัก เรานา สามสิ่งนี้เวนไว แตผูทรชน

40 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๔๐ วันพฤหัสบดีที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๓

Page 27: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

27

ทุกขเพราะยึด 41 มีเร่ืองเลาวา ลิงตัวหนึ่งในประเทศอินเดีย ชอบแอบไปขโมยผลไมในสวนกินเปนประจํา ชาวสวนจึงคิดหาวิธีจับลิง โดยใชกลองไมซ่ึงมีฝาดานหนึ่งเจาะรูเล็ก ๆ ไวพอใหลิงสอดมือเขาไปได แลวนําถ่ัวซ่ึงเปนของโปรดของลิงมาใสไวเปนเหยื่อลอ วันหนึ่งเมื่อลิงมาที่สวนและเห็นถ่ัวอยูในกลองก็เอามือลวงเขาไปหยิบกําเอาถั่ว แตพอจะดึงมือออกมาก็ติดฝากลอง เพราะมือที่กําอยูนั้นใหญกวารูที่เจาะเอาไว ลิงพยายามดึงเทาไรก็ไมออก พอถูกชาวสวนไลจับก็ปนขึ้นตนไมไมได เพราะมีมือเปลาอยูขางเดียว สุดทายก็ถูกจับและฆาตาย

หากจะนําเรื่องนี้มาเปรียบเทียบกับคนเรา ก็จะพบวาหลายสิ่งหลายอยางที่เราอยากไดอยากมี หรือใฝฝนอยากจะเปนจนถึงกับยึดเอาไวอยางเหนียวแนนนั้น เปนสาเหตุสําคัญแหงความทุกขไดทั้งสิ้น แตถาคลายความยึดมั่นจากสิ่งที่อยากหรือส่ิงที่ไดลงเสียบาง ทุกขโศกก็จะลดนอยถอยลง วิธีปฏิบัติผูรูไดแนะนําไววา เมื่อไดส่ิงใดมาก็ใหบอกกับตนเองกอนวา ส่ิงนี้ไมทนไมทาน อยูกับเราไมไดนาน วนัหนึง่ถามันไมจากเราเราก็ตองจากมัน การพิจารณาอยางนี้อยูบอย ๆ จะชวยคลายความยึดมั่นถือมั่นลงได และเปนสิ่งควรปฏิบัติ เพราะชวยแกปญหาชีวิตได ไมวาจะความทุกขเฉพาะหนาหรือปญหาระยะยาว ลิงตามที่กลาว หากมันเฉลียวใจสักหนอย ก็เพียงแคคลายมือที่กําไวออกเทานั้น มันก็หนีรอดแลว แตเพราะตองการจะเอาถั่วใหไดไมยอมปลอยนั่นเอง สุดทายจึงจบชีวิต ขอนี้ฉันใด ความทุกขในชีวิตก็คลายคลึงกัน บางครั้งเพียงแตเราปลอยวางลงบางเทานั้น ก็สามารถออกจากปญหาไดอยางคิดไมถึง ดังคํากลาวที่วา “ถาปลอยก็วาง ถาวางก็เบา ถาเอาก็หนัก” ลองทําดูก็จะประจักษดวยตัวเอง

หลักราชการ ตอนความจงรักภักด ี42 ความจงรักภักดี เปนหลักราชการขอสุดทายในจํานวน ๑๐ ขอ ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ทรงพระราชนิพนธไว เมื่อป พ.ศ. ๒๔๕๗ เพื่อแนะนําใหขาราชการในยุคนั้นไดยึดเปนแนวในการปฏิบัติ เพื่อความเจริญกาวหนาในชีวิตตนและประเทศชาติ ความจงรักภักดีนั้น ในหลวงรัชกาลที่ ๖ ทรงแปลวา “ความยอมสละตนเพื่อประโยชนแหงทาน” และทรงขยายความสําหรับการปฏิบัติวา ถึงแมวาตนจะตองไดรับความเดือดรอนรําคาญใจ ตกระกําลําบากจนถึงกับตองสิ้นชีวิตลงในที่สุดก็ยอมไดทั้งสิ้น เพื่อใหเกิดประโยชนสูงสุดแกชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย ทรงเนนโดยเฉพาะเจาะจงลงไปอีกวา ความจงรักภักดีที่แทจริงนั้น ก็คือความรักชาติ เพราะราคาของแตละคนที่มีอยู ก็มีไดเพราะอาศัยเหตุที่ตนยังเปนสวนหนึ่งของชาติที่มีเอกราชและความมั่นคง โดยนัยที่ทรงพระราชทานไวนี้ ความรักชาติจึงเปนเรื่องใหญ เปนเรื่องที่ตองทําหนาที่อยางเสียสละ สามัคคี มีปญญารูคิด และดํารงตนอยูในความถูกตองดีงามอยางมั่นคงเหนียวแนน เพราะหัวขอเหลานี้เปน

41 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๔๑ วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๓ 42 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๔๒ วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๓

Page 28: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

28

วิธีแสดงความจงรักภักดีอยางเปนรูปธรรม ไมใชแคความรูสึกที่มีในใจ กับทั้งจะชวยแกปญหาที่เกิดขึ้นแลว และปองกันปญหาอื่นๆในอนาคตไดอยางดีอีกดวย

งานราชการนั้น ถึงผูปฏิบัติจะมีความสามารถ มีความเพียร มีไหวพริบ เปนตน ครบถวนแลว แตถาขาดซึ่งอุดมการณที่เปนเปาหมายสูงสุด การกระทํานั้นก็ยังไมสมบูรณแท ความจงรักภักดีตอชาติ ศาสนา พระมหากษัตริยนี่แหละ หากเกิดขึ้นในใจอยางแทจริง จะเปนอุดมการณที่สรางแรงขับเคลื่อนอยางไมมีวันหมด ชวยใหขาราชการผูนั้นทํางานอยางเต็มที่และมีความสุขไปตลอดชีวิตราชการของเขาเลยทีเดียว

ลักษณะคนดีและคนไมด ี43 คนดีกับคนไมดีนั้น ถาดูจากภาพลักษณภายนอก เชน รูปรางหนาตา การแตงเนื้อแตงตัว วุฒิการศึกษา ตลอดจนฐานะความเปนอยูแลว ก็อาจแยกไมออก เพราะคนดีบางคนอาจมีภาพลักษณภายนอกที่ดอยกวาคนไมดีก็ได ขณะที่คนไมดีถึงขั้นเปนภัยตอสังคม แตภาพลักษณภายนอกกลับ ดูดีกวาคนอื่นๆ ก็มี ภาพลักษณภายนอก จึงไมใชตัวช้ีวัดความดีหรือไมดีของคน ในพระไตรปฎก เลมที่ ๑๓ ขอที่ ๗๓ พระพุทธเจาไดตรัสลักษณะของคนดี และคนไมดีไวอีกแงมุมหนึ่ง ดังนี้ ๑. คนดี แมไมมีใครถามก็พูดถึงความดีของผูอ่ืนได สวนคนไมดี แมเขาจะถามก็ไมยอมพูดถึงความดีของผูอ่ืนเลย ๒. คนดี แมจะถูกใครถามก็ไมพูดถึงความเสียหายของคนอื่น สวนคนไมดี แมเขาไมถาม ก็ชอบพูดถึงแตเร่ืองเสียหายของชาวบาน ๓. คนดี แมไมมีใครถามก็พูดถึงความเสียหายของตนเองได สวนคนไมดี แมจะถูกถามอยางไรก็ไมยอมปริปากถึงความเสียหายของตนเลย ๔. คนดี แมใคร ๆ จะถามก็ไมพูดถึงความดีของตนงาย ๆ สวนคนไมดี ถึงไมมีใครถามเลยก็พูดถึงแตเร่ืองความดีของตนเอง พระพุทธพจนดังกลาว แสดงใหเห็นวาความดีหรือไมดีของคนนั้นอยูที่การประพฤติปฏิบัติตนไมใชแคภาพลักษณภายนอก แมภาพลักษณภายนอกจะเปนสิ่งที่จําเปนระดับหนึ่ง แตตองควบคูไปกับลักษณะคนดีที่มีอยูขางใน จึงจะดีครบดาน พระพุทธพจนนี้จึงเปนคําสอนที่ฟงงาย ๆ แตใหคุณคาสูง ถานํามาเปนบรรทัดฐานตรวจสอบตัวเองแลวปรับปรุงการประพฤติปฏิบัติตามแนวทางนี้ ทั้งชีวิตสวนตัวและสังคมก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมิใชนอยทีเดียว

43 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๔๓ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๓

Page 29: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

29

วิธีสรางรายเหลือ 44 เคยมีคําขวัญวา “งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข” ดังนี้ คําขวัญดังกลาว แสดงใหทราบชัดวา เงินมีความสําคัญในชีวิตของคนเรา ปญหาสําคัญเกี่ยวกับเรื่องเงินก็คือ มีรายรับ รายจาย แตไมคอยจะมรีายเหลือ วิธีแกปญหานี้มีทานผูรูเสนอแนะแนวทางปฏิบัติที่นาสนใจไว ๗ วิธี คือ ๑. ใหตัดสวนเกิน หมายความวา ใหตัดสิ่งที่ไมจําเปนตอชีวิตออก เชน เครื่องดองของเมาเปนตน ถาตัดสวนเกินออกไปไดก็จะทําใหมีเงินเหลือจากสวนนี้อยางแนนอน ๒. อยาเพลินใชจาย เมื่อมีรายได เชน ไดรับเบี้ยเล้ียง หรือเงินเดือนมาอยารีบใชจายดวยความอยาก แตใหถามตนเองกอนวา จําเปนหรือไม การไมรีบซื้อหรือดึงเวลาไวระยะหนึ่ง ภายหลังความอยากจะคอย ๆ ลดลงเอง ๓. ใหยินดีในสิ่งที่ตนได พอใจในสิ่งที่ตนมี ส่ิงของอะไรที่ตนมีอยู ถายังมีสภาพพอใชไดอยู ก็ใหใชส่ิงนั้นไปกอน อยาอับอายเพราะเห็นวาเปนของเกาหรือตกรุน ๔. ใหทําบัญชีรายรับ-รายจายทุกเดือน ใหทํารายการรับและรายจายแตละเดือนใหเปนระบบ เพื่อคอยเตือนสติวายังมีเหลืออยูเทาไหร จะไดไมเผลอตัว ๕. อยาลืมคําเตือนของพระ คําพระที่เตือนวา ความยากจนเปนทุกขในโลกก็ดี การกูหนี้เปนทุกขในโลกก็ดี เปนเรื่องที่สําคัญ เมื่อนับถือพระก็ตองหมั่นนึกถึงคําสอนของทานไวดวย ๖. ทุกขณะใหมีเงินติดกระเปาไมมาก ในแตละวันใหมีเงินติดตัวเทาที่จําเปน บวกกับเงินสํารองที่จําเปนตองใชถามีปญหาฉุกเฉินเฉพาะหนา การปฏิบัติเชนนี้เปนการฝกวินัยในการใชจายไดอีกทางหนึ่ง ๗. ใหเหลือฝากทุกเดือน หมายความวา ในแตละเดือนใหมีเงินเหลือเก็บหรือมีรายเหลือ ซ่ึงการที่จะมีรายเหลือนั้น เพียงเราปฏิบัติตามคําแนะนําทั้ง ๖ ขอขางตนอยางจริงจัง ก็เห็นผลไดแลว เงินนั้น ไดยากแตใชงาย ถามีวิธีขางตนเปนบัญญัติ ๗ ประการคอยกํากับไว ก็จะทําใหพอใช และทําใหมีรายเหลือไดไมยากนัก

ขอคิดจากไมบรรทัด 45 ไมบรรทัด เปนอุปกรณการเขียนชนิดหนึ่ง สําหรับทาบเปนแนวเพื่อขีดเสนใหตรง การเขียนหนังสือ ถามีเสนบรรทัดกําหนดไว ยอมจะทําใหสามารถเขียนไดตรง ตัวหนังสือเปนระเบียบเรียบรอย สวยงาม อานแลวสบายตาและเขาใจสิ่งที่เขียนนั้นไดถูกตอง เมื่อหันมาพิจารณาคนเราก็พบวา ส่ิงที่เปรียบเหมือนไมบรรทัด ก็คือ วินัย นั่นเอง วินัยนั้น เมื่อวาในแงมูลเหตุการเกิด มี ๒ ทาง คือ

44 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๔๔ วันพฤหัสบดีที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ 45 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๔๕ วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓

Page 30: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

30

๑. วินัยที่เกิดจากสาเหตุภายนอก หมายถึง ความเปนระเบียบเรียบรอย ที่เกิดจากการใชมาตรการใหแตละคนปฏิบัติตามกฎเกณฑ กติกา ขอบังคับ ขนบธรรมเนียม มารยาทตาง ๆ วินัยประเภทนี้ฝกขึ้นไดก็จริงอยู แตมักไมคงทนถาวร เพราะเกิดจากสภาพบังคับ ผูที่ไมพอใจบางคนจึงอาจละเลยหรือวางเฉยไมปฏิบัติตามไดเมื่อไมมีใครรูเห็น

๒. วินัยที่เกิดจากสาเหตุภายใน หมายถึง ความเปนระเบียบเรียบรอย ซ่ึงเกิดจากการที่จิตใจของแตละคนมองเห็นคุณประโยชนของกฎเกณฑกติกา เปนตนนั้น แลวยินดีปฏิบัติตามดวยความเต็มใจ มีความภาคภูมิใจที่ไดปฏิบัติ วินัยประเภทนี้ เมื่อเกิดขึ้นแลวสามารถตั้งอยูไดยั่งยืน แมไมมีใครรูเห็นก็สมัครใจที่จะปฏิบัติ ขึ้นชื่อวาวินัยถาพรอมใจกันปฏิบัติก็จะกอใหเกิดระเบียบ ขจัดความยุงยากวุนวายชวยใหอยูดวยกันอยางมีความสุข เปนเกียรติและศักดิ์ศรีแกผูปฏิบัติ เปนที่พึงประสงคของผูอ่ืน ดังนั้น การศึกษาและปฏิบัติตามวินัย โดยเฉพาะวินัยที่เกิดจากภายใน จึงเปนสิ่งที่ควรสรางใหเกิดมีขึ้นโดยแท

การพัฒนาที่ถกูตอง 46 คําวา พัฒนา หมายถึง การทําใหดีขึ้น เจริญขึ้น หรือมีความกาวหนายิ่ง ๆ ขึ้นไป แตการพัฒนานั้น ถามุงวัตถุเปนที่ตั้ง ก็จะเกิดความเจริญในลักษณะเทคโนโลยีกาวหนาแตปญญาถดถอย ผูคนมีความเห็นแกตัว แกงแยงชิงดีชิงเดนกันมากขึ้น ดังนั้น จึงจําเปนตองพัฒนาคุณภาพของคนใหเจริญควบคูกันไปดวย โดยอาศัยหลักดังนี้ ๑. พัฒนาใหเปนคนมีศีล คือพัฒนาคําพูดและการกระทําใหดีงาม ไมเบียดเบียนตนเองและผูอ่ืนใหเกิดความเดือดรอน ไมวาจะเปนทางดานรางกาย ทรัพยสิน และครอบครัว ละเวนการพูดโกหกหลอกลวง และละเวนการมุงทําลายสติอันเกิดจากการเสพสิ่งเสพติดทุกชนิด ๒. พัฒนาใหเปนคนมีสมาธิ คือพัฒนาใจใหหนักแนนมั่นคงไมฟุงซานหวั่นไหวไปตามอารมณที่กระทบ สามารถควบคุมใจตนเองได ทําใหชีวิตพบความสงบ ไมใชสงบแลวนิ่งเฉยไมทําอะไร แตเปนการสงบแลวทํา คือทําดวยจิตที่สงบไมฟุงซาน ๓. พัฒนาใหเปนคนมีปญญา คือพัฒนาจิตใหรูแจงเห็นจริง ขั้นตนก็ใหเห็นผิดชอบชั่วดีแลวกระทําในสิ่งที่ถูกตองได ในขั้นที่ละเอียดลึกซึ้ง ก็เห็นถึงสภาวะทั้งหลายวาเกิดขึ้น ตั้งอยู แลวดับไปตามเหตุปจจัยที่สรางมันขึ้นมา และเหตุปจจัยนั้นก็ไมคงทนเปลี่ยนแปลงผันแปรไปตลอดเวลา จนกระจางแกใจคลายความยึดมั่นที่เคยมีกระทั่งหมดทุกขโดยส้ินเชิงในที่สุด หลักการทั้งสามนี้ แมจะฟงเปนเรื่องหนักสมอง แตเชื่อเถิดวาเปนของจริง การพัฒนาใด ๆ ที่สวนทางกับหลักการนี้ เชน พัฒนาแลวทําใหคนมีความประพฤติเหลวใหล ฟุงซานมัวเมามุงจะเอาแตวัตถุไม

46 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๔๖ วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓

Page 31: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

31

เอื้อตอความสงบแหงใจและผลประโยชนทางปญญา การพัฒนานั้นยอมมีความเสื่อมเปนจุดหมาย ดังที่เร่ิมมีตัวอยางใหเห็นบางแลวในปจจุบัน

งานสัมฤทธิ์ ชวิีตรื่นรมย 47 ความสําเร็จอันจะบังเกิดแกเราเองเปนสวนตัวก็ดี ประโยชนอันจะพึงไดแกประเทศชาติหรือองคกรอันเปนสวนรวมที่เรามีความรับผิดชอบอยูก็ดี ยอมอยูที่ผลการทํางาน การทํางานจึงเปนเรื่องสําคัญ แตปญหาอยางหนึ่งก็คือ มีคนจํานวนไมนอยไดงานที่ตัวไมชอบ แตก็จําเปนตองทํา จึงตกอยูในสภาพทําไปเปนทุกขไป ปญหาดังกลาว ผูรูไดเสนอแนะวิธีแกไขโดยปรับความคิดดังนี้ ๑. อยาคิดวาจะไดงานที่ถูกใจไปทุกงาน งานที่ไมถูกใจแตตั้งใจทําก็ใหผลดีแกตนได งานที่ถูกใจแตทําแบบเหลวใหลก็ทําลายตนเองได และงานก็เปนหนาที่ของชีวิต เปนสิ่งที่มนุษยทุกคนจําเปนตองทํา จึงควรมองใหเห็นตามจริงแลวปลุกความฮึกเหิมในการทํางานขึ้นมาใหได ๒. แบงชีวิตเปน ๓ สวน คือทํางานสวนหนึ่ง นอนหลับพักผอนสวนหนึ่ง และหาความบันเทิงอีกสวนหนึ่ง ทําใหครบทุกดานในสัดสวนที่เหมาะสม ๓. ทํางานทุกอยางใหเสร็จเรียบรอย แมผลที่ไดอาจไมสมบูรณเต็มรอยแตก็ดีกวาปลอยใหคางคาพัวพันเสียหายไปถึงงานอื่น

๔. รักษาสุขภาพจิตของตนเองและเพื่อนรวมงาน ใหความหวังดีตอกัน รูจักการยืดหยุน ผอนปรน และใหอภัยเมื่อเกิดความผิดพลาด

๕. พัฒนาตนเองอยูเสมอในทักษะที่เกี่ยวของและเปนประโยชนตอการทํางาน คนสวนหนึ่งคิดวา ถาจะทํางานก็ตองคร่ําเครงทุมเทไมตองไปหาความสุข หรือถาจะหาความสขุก็

ตองละจากงานที่หนักอึ้งเสียกอน คือตองเลือกเอาวาจะเอางานหรือจะเอาความสุข แตความจริงในเนื้องานนั่นแหละ ถาตั้งใจทําใหดีก็มีความสุขไปพรอมกันได ขอเสนอแนะขางตนเปนวิธีหนึ่งที่จะนําไปสูจุดนั้น จุดที่เรียกวางานก็สัมฤทธิ์ ชีวิตก็ร่ืนรมย

เทิดพระเกียรติดวยปฏิบตัิตนชวยพนวิกฤติ 48

พระราชจริยาวัตรสวนพระองคอยางหนึ่ง ของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวที่สรางความรูสึกประทับใจแกพสกนิกรชาวไทยอยางยิ่ง ก็คือการที่ทรงดําเนินชีวิตอยางประหยัด เรียบงาย ดังเชน ยาสีฟนที่ทรงใชก็ใชจนเกลี้ยงหลอด ดินสอที่ใชทรงงานนั้นก็ทรงใชจนแทบจะเหลาตอไปอีกไมไดแลว จึงทรงเปลี่ยนแทงใหม หรือฉลองพระบาทที่ทรงใชจนเกาชํารุดก็ใหชางนําไปซอมแลวนํากลับมาใชใหม เปนตน

47 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๔๗ วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ 48 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๔๘ วันพฤหัสบดีที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๓

Page 32: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

32

การประหยัดหรือการดําเนินชีวิตที่เรียบงายนั้น โดยปกติมักเขาใจกันวาเปนเรื่องของผูที่มีปญหาดานการครองชีพ จึงตองยอมเขมงวดตนเองในเรื่องคาใชจาย แตเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว ผูมิไดทรงอยูในฐานะแหงความลําบากหรือขัดสนใด ๆ เลย ก็กลับทรงปฏิบัติเชนนี้ตลอดพระชนมชีพ จึงเปนเครื่องเนนย้ําขอเท็จจริงใหหนักแนนลงไปอีกวา การครองชีวิตอยางประหยัด เรียบงาย เปนเรื่องเหมาะสมกับคนทุกระดับ เพราะทําใหชีวิตจิตใจดิ้นรนนอยลง สงบมากขึ้น ในแงสวนรวม หากทุกคนชวยกันปฏิบัติ ก็เทากับชวยกันฉุดสังคมใหหลุดพนจากบวงของบริโภคนิยมที่นับวันมีแตจะเนาเฟะ พรอมกับรักษาทรัพยากรของชาติไมใหถูกผลาญอยางสนุกมือเพียงเพื่อสนองความอยากอันไมมีสาระ ถาทรัพยากรสูญสิ้นและจิตใจของคนในสังคมตกเปนทาสของวัตถุเต็มรูปแบบ ถึงตอนนั้น ไมวาคนจนหรือคนรวยก็ยากจะมีชีวิตอยางเปนสุข การมีชีวิตอยางประหยัดและเรียบงายจึงเปนเรื่องที่สําคัญและจําเปนกับทุกคน ในวันเฉลิมพระชนมพรรษานี้ การเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวดวยการดําเนินชีวิตอยางประหยัด เรียบงาย ดังที่ทรงปฏิบัติเปนตัวอยาง จะเปนผลดีตอตนเองและสวนรวมอยางยิ่ง ทั้งจะเปนการประกาศถึงพระเกียรติคุณวา เพราะคนไทยมีในหลวงเปนตนแบบนี่แหละ จึงทําใหประเทศชาติพนจากวิกฤติไปสูการพัฒนาอยางยั่งยืนได

ปดทองหลงัพระ 49 มีสํานวนไทยอยูบทหนึ่งวา “ปดทองหลังพระ” ความหมายก็คือ ทําความดีแตไมไดรับการยกยอง เพราะไมมีใครเห็นคุณคา จากความหมายนี้ แสดงวา คนเราเมื่อทําความดีอยางใดอยางหนึ่ง ถามีคนยกยองชมเชย ก็จะเกิดความปติยินดี แตถาทําแลวไมมีใครยกยองชมเชยเลย บางรายก็อาจจะทอแท ไมอยากทําความดีนั้นอีกตอไป ขึ้นชื่อวาความดี ผูใดทําก็ตกเปนของผูนั้น ไมวาจะมีคนยกยองชมเชยหรือไมก็ตาม ถาหวังแตจะใหคนอื่นยกยองก็จะทําดีไดยากขึ้นทั้ง ๆ ที่ความดีก็อยูเฉพาะหนานั่นแหละ แตถูกปดกั้นดวยเงื่อนไขวาจะตองทําในที่เปดเผย ทําตอหนาคนนั้นคนนี้เพื่อใหเขาไดรูเห็นในการทําความดีนั้น ๆ จริงอยู แมการมุงใหคนอื่นยกยองชมเชยจะไมใชเร่ืองผิดทั้งหมด เพราะในสังคมนั้น มีหลายปญหาที่ไดรับการแกไขใหทุเลาเบาบางเพราะคนที่ไดทําความดีในลักษณะนี้ นอกจากนั้น เมื่อคนอื่นรับรูแลวก็เปนแรงจงูใจใหเขาไดรวมทําความดีไดมากยิ่งขึ้นดวย แตก็เปนเรื่องที่ตองทําใจใหหนักแนนวาถาทําแลวไมมีคนชื่นชมยินดี หรือทําแลวกลับถูกติเตียนวารายก็ไมควรทอแท แตมุงทําดีโดยไมมีเงื่อนไข ทําดวยจิตศรัทธา เหมือนตอนปดทองพระ ถาใจเปนบุญ ใจมีศรัทธา จะปดตรงไหนก็ไดบุญเหมือนกัน การปดทองพระ ถามัวแตปดเฉพาะขางหนาอยางเดียว พระนั้นยอมจะเปนพระที่สมบูรณไมได ก็เหมือนการทําความดี ถามุงทําแตเฉพาะตอนที่คนรูเห็น เขาจะไดยกยอง ก็จะหาโอกาสทําไดยาก และไมแนวาเขาจะตองยกยองเสมอไป ดังนั้น จึงควรทําดีดวยจิตที่ศรัทธาในความดีเปนที่ตั้ง จึงจะสุขใจอยางแทจริง

49 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๔๙ วันพฤหัสบดีที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๓

Page 33: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

33

ดูสองดาน 50 มีเร่ืองเลาวา ในงานฉลองมงคลสมรสงานหนึ่ง พอของเจาสาวไดใหโอวาทวิธีการครองชีวิต

สมรสใหยืนยาวและเปนสุข โดยพูดความตอนหนึ่งวา “เจาสาวที่คิดวายอดเยี่ยมที่สุดนี้ เมื่ออยูดวยกันระยะหนึ่ง ก็จะเริ่มเห็นขอบกพรองในตัวเธอ และเมื่อใดที่เร่ิมสังเกตเห็นขอบกพรองนั้น ขอใหเจาบาวจดจําไววา ถาเจาสาวไมไดมีขอบกพรองเหลานั้นมาตั้งแตเร่ิมแรก เขาก็คงไดสามีที่ดีกวาเจาบาวไปตั้งนานแลว” ผูคนรูสึกประหลาดใจกับโอวาทดังกลาว เพราะโดยปกติเขามักจะแนะนําดวยถอยคําที่ไพเราะเสนาะหู ฟงแลวเกิดกําลังใจ เชน ใหมีความจริงใจตอกัน ใหเอาใจกัน ใหเขาใจกัน และใหไวใจกัน เปนตน แตถาพิจารณาใหถ่ีถวนก็จะพบคุณคาในคําแนะนําของพอเจาสาวขางตน กลาวคือ คนเราทุกคนจะมีสองดานเสมอ ไดแกดานดีกับดานเสีย ในเวลาคบกันใหม ๆ นั้น ตางฝายมักจะแสดงแตดานดีตอกันและปกปดดานเสียไว แตเมื่อใชชีวิตรวมกันจริง ๆ แลว ก็มักจะปกปดดานเสียไวไมได การแนะนาํใหตระหนกัดานที่ไมดีใหทราบตั้งแตแรกนั้น จึงเปนเรื่องดี เพราะจะไดรูเทาทันความจริงในธรรมชาติของคน แลวหาทางแกไขในทางที่เหมาะที่ควร อันจะชวยใหการครองชีวิตนั้นเปนสุขอยางยั่งยืนได ทําไดอยางนี้ความบกพรองก็เปนแรงกระตุนใหเกิดความสมบูรณ เขาทํานองพลิกวิกฤตเปนโอกาส โอวาทขางตนไมไดจําเปนเฉพาะคูสมรสบาวสาวเทานั้น แตในการปฏิบัติงานและในสังคมทั่วไปก็จําเปนไมแพกัน เพราะโลกนี้ไมมีใครสมบูรณไปทุกอยาง และหลักคิดนี้จะชวยใหเรามีชีวิตที่สมบูรณขึ้นไดในทามกลางของสิ่งที่ไมสมบูรณนี้แหละ

รักวัวใหผูก รักลูกใหตี 51 มีสํานวนไทยบทหนึ่งวา “รักวัวใหผูก รักลูกใหตี” ความหมายก็คือ ถารักวัวก็ใหผูกลามไว

มิฉะนั้นวัวอาจจะถูกขโมยหรือหนีหายไปได สวนรักลูกใหตีก็หมายถึงใหอบรมสั่งสอนลูกและทําโทษเมื่อลูกผิดนั่นเอง โดยลูกในที่นี้ หมายถึงลูกที่อยูในวัยเด็ก พอแมจึงตองคอยวากลาวตักเตือน จะปลอยใหลูกทําการใด ๆ ตามใจชอบมิได ดังนั้น ถาจําเปนจริง ๆ แมการทําโทษโดยการเฆี่ยนตีเพื่อใหหลาบจําก็เปนสิ่งที่ใชได แตผูรูใหถือวาเปนทางเลือกสุดทาย โดยเมื่อจะลงมือเฆี่ยนตีนั้นทานแนะวิธีปฏิบัติไวดังนี้ ๑. อยาเฆี่ยนตีพรํ่าเพรื่อ เพราะเด็กที่โดนเฆี่ยนตีบอย ๆ มีแนวโนมที่จะเกเรและตอตานมากยิ่งขึ้น ดังนั้น พฤติกรรมบางอยางที่สามารถแกไขไดโดยไมตองลงไมลงมือ เชน การรองไหโวยวาย การปสสาวะรดที่นอน เปนตน ใหใชการตักเตือนก็เพียงพอ

50 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๕๐ วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๓ 51 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๕๑ วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๓

Page 34: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

34

๒. อยาเฆี่ยนตีโดยใชอารมณเปนที่ตั้ง เพราะจะทําใหลูกรูสึกหวาดกลัวและไมกลาเขาใกลพอแม ดังนั้น พอแมจึงตองระมัดระวังอยาใชกําลังกับลูกมากเกินไป และควรจะเฆี่ยนตีเมื่อลูกทําผิดซ้ําในเรื่องเดิมทั้ง ๆ ที่พอแมไดตักเตือนไปแลว จึงจะเปนการเฆี่ยนตีที่สมเหตุสมผล ๓. อยาเฆี่ยนตีลูกตอหนาคนอื่น เพราะจะทําใหลูกอับอายและเสียหนา วิธีจัดการเมื่อลูกทําตัวไมนารักขณะมีผูอ่ืนอยูดวย ใหพอแมใชวิธีเตือนดวยเสียงเขม ๆ กอน หากเขาไมยอมหยุดก็ใหพาออกไปจากที่นั้นแลวคอยลงโทษ

สํานวน “รักวัวใหผูก รักลูกใหตี” นี้ ในทางปฏิบัติหาใชจะตองใชกับลูกทุกคนก็หาไม เพราะเด็กบางคนที่มีดีอยูในตัว เพียงแตเราแนะนําเขาก็ปฏิบัติไดแลว อยางไรก็ตามสําหรับบางคนก็จําเปน ดังคําประพันธที่วา เมื่อรักววั กลัวทําไม ทานใหผูก ถารักลูก ก็อยาปลอย คอยวาขาน หากแมพอ พะนอลูก ไมถูกกาล ก็เหมือนหวาน พืชฉิบหาย ในสกุล

คําชม 52 คําสรรเสริญหรือคําชม แมทัศนะทางศาสนาจะมองวาเปนเพียงโลกธรรม คือ ส่ิงที่มีประจําโลก เกิดขึ้นแลวก็แปรปรวนเปลี่ยนแปลงไป ไมควรจะหวั่นไหวก็ตาม แตในทางจิตวิทยาถือวาคําสรรเสริญหรือคําชมเปนเรื่องที่สําคัญ เพราะสามารถสรางขวัญกําลังใจในการอยูรวมกันได พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒ ใหความหมายของคําสรรเสริญวา ยกยอง เชิดชู หรือเทิดทูน และใหความหมายคําชมวา สรรเสริญ ยกยอง เปนตน รวมความวา ทั้งคําสรรเสริญและคําชมตางก็มีความหมายตรงกัน ในทางปฏิบัติ ถารูจักชมคนอื่นใหเปนก็จะทําใหเกิดประโยชนทั้งสองฝาย กลาวคือ ฝายผูชม การที่คิดชมใครสักคนหนึ่ง แสดงวาในจิตใจไดซึมซับถึงสิ่งดี ๆ ของคนอื่นอยูกอนแลว การไดซึมซับถึงสิ่งดี ๆ นั่นแหละคือความสุขทางจิตใจ สําหรับผูถูกชม ก็จะสุขใจ และมีกําลังใจที่จะทําความดีนั้นยิ่ง ๆ ขึ้นไป อีกทั้งจะเกิดความรูสึกเปนมิตรตอผูชมอีกดวย ทําใหการอยูรวมกันก็ดี การปฏิบัติงานรวมกันก็ดีเปนไปดวยความราบรื่นยิ่งขึ้นอีก การชมหรือสรรเสริญกันจึงเปนเรื่องที่ดี ทางจิตแพทยถึงกับแนะนําใหชมคนใหไดวันละ ๑ คร้ัง โดยเลือกชมในสิ่งที่เขามีอยูจริง เชน ถาเขามีเสื้อผาที่สวยงามใหชมเสื้อผาของเขา ถาเขามีรูปรางที่ดีก็ชมในสวนที่เปนรูปราง หรือถาไมชมในสวนที่กลาวแลว ก็ใหชมสิ่งที่เปนคุณธรรมของเขา เชน ความขยัน ความมีน้ําใจ ความออนนอมถอมตนที่เขามีอยู เปนตน ซ่ึงเปนเรื่องหาไมยาก เพราะทุกคนก็ลวนมีแงดีอยูดวยกันทั้งสิ้น

52 ปที่ ๒๙ ฉบับที่ ๕๒ วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๓

Page 35: ทําดีแล วได ดี มีคําสอนบทหน ึ่งความว า บุคคลหว านพืชเช นใด ...ทําดีแล

35

คําชม แมจะเปนแคลมปาก แตถาออกจากใจจริง ถึงจะชมในเรื่องเล็ก ๆ นอย ๆ แตก็มีคุณคาตอผูรับฟงอยางยิ่ง และอาจนําประโยชนมหาศาลมาใหได ดังคําประพันธของสุนทรภูที่วา เขาทําชอบปลอบใหหวัใจชืน่ จึงเริงร่ืนรักแรงไมแหนงหน ี ปรารถนาสารพัดในปฐพ ี เอาไมตรีแลกไดดังใจปอง