สายตรงศาสนา 21

ผลงานกรมการศาสนา

โครงการปฏิบัติธรรม

การส่งเสร ิมคุณธรรมจริยธรรมประชาชนทุก กลุ่มเป้าหมายที่จะนำหลักธรรมของศาสนามาปรับใช้ในวิถีชีวิต ด้วยการเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของประชาชนในประเทศ ให้มีสำนึกในคุณธรรมที่เหมาะสมในการดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติปัญญา และมีความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมรับกับความเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างพอประมาณและมีเหตุผล จากเหตุการณ์ปัญหาต่าง ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ทำให้คนในสังคมต้องการได้รับ การพัฒนาทางด้านจิตใจ เพื่อให้สามารถอยู่ในสังคมอย่าง สงบสุข ทำให้ประชาชนต้องการเข้าอบรมการปฏิบัติธรรมมากขึ้น ซึ่งได้พิจารณาเห็นว่ากิจกรรมที่มีวิธีการและขั้นตอน ที ่จะให้พุทธศาสนิกชนได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ คือการปฏิบัติธรรม ในวิถีชีวิตเพื่อน้อมนำหลักธรรมคำสอนสู่การปฏิบัติของประชาชน เพื่อให้เกิดความสงบร่มเย็น ทางจิตใจและนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติได้ในวิถีชีวิต ของพุทธศาสนิกชนได้เป็นอย่างดี ในปีงบประมาณ ๒๕๕๑ ได้ดำเนินงานโครงการส่งเสริมการปฏิบัติธรรม คือ ๑. ดำเนินงานจัดทำโครงการเข้าวัดปฏิบัติธรรม สวดมนต์ นั่งสมาธิ เจริญจิตภาวนา ดำเนินชีวิตแบบพอเพียง เม ื ่อว ันที ่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๐-๑ มกราคม ๒๕๕๑ (ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๑) กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ประชาชนทั่วประเทศ ๒. ดำเนินการโครงการส่งเสริมการปฏิบัติธรรม (ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมข้าราชการและประชาชนทั่วไป :

นำหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาสู่การประพฤติปฏิบัติในวิถีชีวิตได้อย่างเหมาะสม) กลุ่มเป้าหมาย คือ ข ้าราชการและเจ ้าหน้าท ี ่ของร ัฐท ั ่วประเทศ จำนวน ๑๑,๒๕๐ คน โดยเฉพาะข้าราชการ เจ้าหน้าที่ อบจ. อบต. ในส่วนภูมิภาค ที่มีความใกล้ชิดกับประชาชน เพื่อพัฒนาบุคลากรของรัฐให้มีคุณธรรมจริยธรรม เอื้อต่อการทำงาน เกิดประโยชน์ต่อตนเองและต่อส่วนรวม ๓. พ ิมพ์หนังส ือ “คู่มือสวดมนต์ส่งเสริมครอบครัวอบอุ่น” แจกจ่ายสำหรับสนับสนุนผู ้เข้ารับ การอบรมปฏิบัติธรรมทุกกลุ่มเป้าหมายในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

ผลการดำเนินงาน สำนักงานว ัฒนธรรมจังหว ัด ๗๕ จ ังหว ัด ดำเนินงานโครงการ สรุปว่ามีข้าราชการและประชาชนทั่วไปสมัครขอเข้ารับการปฏิบัติธรรม ทุกจังหวัดเป็นจำนวนมาก ได้ให้ความสนใจโดยเฉพาะกลุ ่มเด็กและเยาวชนมีการอบรมการปฏิบัติธรรม ด้วยกระบวนการเข้าค่ายปฏิบัติธรรม สำหร ับกล ุ ่มข ้าราชการปฏ ิบ ัต ิธรรมในช ่วงว ันหย ุด และประชาชนทั ่วไปปฏิบัต ิธรรมในช่วงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาจัดกิจกรรมปฏิบัติธรรมตามหลักสูตร ของสถานปฏิบัติธรรมแต่ละแห่ง ตามความเหมาะสม อาทิ - การเจริญภาวนา นั่งสมาธิ เดินจงกรม - ทำวัตรสวดมนต์เช้า-เย็น - เจริญจิตภาวนา ตั้งสติ สมาธิ ปัญญา - ภาคกิจกรรม

สายตรงศาสนา 22

๑) ภาคปริยัติ ๑๐% บรรยายสอดแทรกธรรมะในเวลาที่เหมาะสม ๒) ภาคปฏิบัติ ๗๕% การเจริญสติ การเจริญ สมาธิ เดินจงกรม ๓) กิจกรรมอื ่น ๆ ๕% เช่น พิธีเปิด-ปิดโครงการ การปฐมนิเทศ ปัจฉิมนิเทศ พิธีมอบวุฒิบัตร

โครงการเมืองไทย เมืองคนด ี การส่งเสริมให้บุคคล นักเรียน นักศึกษา หน่วยงาน และองค์กรต่าง ๆ ร่วมกันกระทำความดีที่จะเป็นแบบอย่างของท้องถิ่น ชุมชน ตำบล อำเภอ จังหวัด ต้องร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติตนให้เป็นประโยชน์แก่สังคมไทยในเรื่อง ดังกล่าว ทุกภาคส่วนของสังคมไทยต่างตระหนักและ เล็งเห็นความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และได้พิจารณาเห็นว่า การที่ชาติบ้านเมืองมีความปกติสุขอยู ่ได้ทุกวันนี ้ก็ด้วย เหตุว่า ในสังคมไทยเรานั้น ควรมีการส่งเสริมคนดีให้มีจำนวนมาก เพราะจะเป็นการรักษาชาติบ้านเมืองให้อยู่ได้อย่างเป็นสุข การที่จะส่งเสริมให้คนเป็นคนดีได้นั้น จำเป็นจะต้องมีการยกย่อง เชิดชู คนดีมีศีลธรรมที่มีอยู่ในชุมชน ท้องถิ่น ตำบล อำเภอ และจังหวัด ให้ทราบโดยทั่วกัน เพื่อนำไปเป็นแบบอย่างให้กับคนในสังคมนั้น ๆ ถึงแม้ว่าประเทศไทยมีเทคโนโลยีสูงล้ำหน้า หรือมีทรัพยากรธรรมชาติ มากมายแค่ไหน ถ้าขาดคนหรือทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ แล้วนั้น ก็คงจะประสบความสำเร็จและความสงบสุขได้ยาก สิ่งสำคัญที่สุดคือ การปฏิบัติตนอยู่ในศีลในธรรม มีคุณธรรม ในการดำเนินชีวิต รู้จักรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมือง จึงจะนำพาประเทศชาติให้เจริญอย่างมั่นคง

กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ได้ให้ความสำคัญ

ต่อการส่งเสริมให้คนทำความดี ส่งเสริมให้คนในสังคม

ทุกกลุ่มเป้าหมายได้นำหลักธรรมทางศาสนามาประยุกต์ใช้

ในวิถ ีช ีว ิต และเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมทุกกลุ ่ม

เป้าหมาย โดยมีโครงการเมืองไทยเมืองคนดีขึ้น เพื่อยกย่อง

คนทำความดีให้เป็นตัวอย่างแก่สังคมและเป็นการกระตุ้น

ให้มีคนทำความดีมากยิ ่งข ึ ้น โดยมีหน่วยงานองค์กร

ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งบุคคล นักเรียน นักศึกษา

ช่วยกันสำรวจสืบหาคนทำความดี และเล่าเรื ่องสู่กันฟัง

โดยผ่านทางเว็บไซต์ (Website) www.khondee.net

ผลการดำเนินงานปีงบประมาณ ๒๕๕๑ ผลสำเร็จของงาน (เชิงคุณภาพ)

๑. ได้ดำเนินการโครงการเมืองไทยเมืองคนดี

ด้วยการยกย่องเชิดชูคนดี ให้วัฒนธรรมจังหวัดร่วมกับ

อบต. อบจ. ชุมชน สถานศึกษา ดำเนินการคัดเลือกคนดี

ของจังหวัดทั่วประเทศ มีหลักเกณฑ์การคัดเลือกโดย

๑.๑ ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของศาสนา

ที่ตนนับถือ

๑.๒ ปฏิบ ัต ิตามคุณธรรม ๔ ประการ

ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

๑.๓. เป็นที่ยอมรับในท้องถิ่น ชุมชน ตำบล

อำเภอ และจังหวัด

๒. มอบเกียรติบัตรให้ผู ้ท ี ่ได้ร ับการพิจารณา

ให้เป็นคนดีของจังหวัด และเผยแพร่ ยกย่อง เกียรติคุณ

ของผู้ทำความดีให้สังคมรับทราบในวงกว้าง โดยผ่านเว็บไซต์

www.khondee.net

๓. ได ้ ดำ เน ิ นการบรรยายสรร เสร ิญคนด ี

ด้วยหลักธรรมคำสอนทางศาสนาทั่วประเทศ โดยนักเรียน

ในสถานศึกษาร่วมกับภาคคณะสงฆ์ทั่วประเทศ

- ส่วนกลาง จัดที่โรงเรียนส่งเสริมพระพุทธศาสนา

วัดประยุรวงศาวาส เขตธนบุรี กรุงเทพฯ

- ส่วนภูมิภาค ดำเน ินการโดยสำนักงาน

วัฒนธรรมจังหวัดร ่วมกับศูนย์ศ ึกษาพระพุทธศาสนา

วันอาทิตย์ทั่วประเทศ

สายตรงศาสนา 23

จากบทบาทภารกิจและหน้าที่ของกรมการศาสนา

กระทรวงวัฒนธรรม ส่งเสริมให้คนไทยทุกกลุ่มเป้าหมาย

ได้นำหลักธรรมทางศาสนาให้เกิดความรู้คู่คุณธรรม และ

เสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม เผยแพร่หลักธรรม สู่เยาวชน

และประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนที่กรมการศาสนา

ได้ให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก กรมการศาสนาจึงนำนโยบาย

มาสู่การปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง ด้วยการ

พัฒนากิจกรรม/งาน/โครงการในเชิงรุกที ่จะส่งเสริมให้

เยาวชนเป็นคนดี โดยได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ

อาทิ ภาคคณะสงฆ์ ภาครัฐ ภาคเอกชนอย่างหลากหลายโครงการ

ที่เน้นกลุ่มเด็กและเยาวชนโดยเฉพาะ ในปีงบประมาณ ๒๕๕๒

เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ ๒ ของเดือน

มกราคม จะจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ด้วยการยกย่อง

เชิดชูเด็กไทยที่มีคุณธรรม จะทำให้เกิดความภาคภูมิใจของ

คนในจังหวัดนั้น ๆ ที่จะได้เห็นเด็กหรือเยาวชนที่มีคุณธรรม

ได้รับการเชิดชูและยกย่องให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคมไทย

และยังเป็นแนวทางการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ

ที่ยั่งยืนสืบไป

วัตถุประสงค์ ๑. เพื ่อส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กและเยาวชน

เห็นคุณค่าของการมีคุณธรรม ด้วยพื้นฐานของคุณธรรม

จริยธรรมในสังคมไทย

๒. เพื ่อประกาศเกียรติคุณแก่เด็กและเยาวชน

ผู้ทำคุณงามความดี ให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการประพฤติตน

ในสังคมไทย

๓. เพื่อส่งเสริมให้สังคมไทยมีกิจกรรมส่งเสริม

เด็กและเยาวชนที่มีคุณธรรม ได้ยกย่องเชิดชู ได้เผยแพร่

ให้เป็นแบบอย่างของเด็กและเยาวชนของชาติ

เป้าหมาย เชิงปริมาณ : จำนวนเด็กและเยาวชนที่ได้รับ

การยกย่อง จำนวน ๕,๐๐๐ คน

เชิงคุณภาพ : เด ็กและเยาวชนมีค ุณธรรม

สามารถนำหลักธรรมไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เสริมสร้าง

การเป็นเด็กและเยาวชนที่มีคุณธรรม

ผลการดำเนินงาน ๑. อุดหนุนกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ปี ๒๕๕๑

และยกย่องเด็กดีมีคุณธรรม

- ส่วนกลาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา

กรุงเทพมหานคร ๓ เขต

- ส่วนภูมิภาค สำนักงานว ัฒนธรรม

จังหวัด ๗๕ จังหวัด ร่วมดำเนินการกับสำนักงานเขตพื้นที่

การศึกษาทั่วประเทศ

๒. ประชาสัมพันธ์เด็กที ่ได้พิจารณาเป็นเด็กดี

มีคุณธรรมที่ได้รับการพิจารณาให้สาธารณชนรับทราบ

๓. มอบเกียรติบัตร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่

เด็กและเยาวชน

โครงการยกย่องเชิดชูเด็กไทยมีคุณธรรม...

เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๑ จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ

สายตรงศาสนา 24

โครงการส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ ปีงบประมาณ ๒๕๕๑ เชิญชวนพุทธศาสนิกชนเข้าวัดปฏิบัติธรรม ดำเนินชีวิตแบบพอเพียง

๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๐ ในช่วงเทศกาลวันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ของ

ทุกปี หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างให้ความสำคัญ

กับการจัดงานบันเทิง งานรื่นเริง และมหรสพหลากหลาย

รูปแบบงาน/กิจกรรมที ่จ ัดส่วนใหญ่จะเน้นไปในเร ื ่อง

นันทนาการ งานรื่นเริง งานเลี้ยงสังสรรค์ เป็นวันสำคัญ

ที่ผู้คนพร้อมใจกันร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ เป็นช่วง

ระหว่างการสิ้นสุดของวันที่ ๓๑ ธันวาคม กับวันที่ ๑ มกราคม

ของปีถ ัดไป ซ ึ ่งส ่วนใหญ่จะจัดงานอย่างสนุกสนาน

บางแห่งเต็มไปด้วยอบายมุข มั ่วสุม กินเหล้า ฟังเพลง

ขาดสติ ซึ่งเป็นเรื่องส่งเสริมให้มีอบายมุขในคืนวันส่งท้ายปีเก่า

ต้อนรับปีใหม่ บ้างก็เกิดอุบัติเหตุ บ้างก็เกิดเรื่องทะเลาะ

เบาะแว้งกัน เกิดปัญหาตามมาตามข่าวในหนังสือพิมพ์

เป็นประจำทุก ๆ ปี ในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่

กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะ

ที ่เป็นหน่วยงานภาครัฐที ่ดำเนินงานด้านศาสนา และ

สนับสนุนส่งเสริมให้คนไทยนำหลักธรรมคำสอนทางศาสนา

ที่ตนนับถือมาประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน มุ่งเน้น

ให้เป็นคนดี มีคุณธรรมจริยธรรม อันเป็นรากฐานสำคัญ

ของความสงบสุข ความร่มเย็นของสังคมและประเทศชาติ

ได้ตระหนักว่า ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่

ระหว่างวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๐ ถึงวันที่ ๑ มกราคม

๒๕๕๑ นี ้ ควรมีการส ่งเสร ิมให ้คนไทยโดยเฉพาะ

พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่า

ต้อนรับปีใหม่ ในบรรยากาศที่เรียบง่าย สงบสุข ร่มเย็น

เป็นกุศล อนุรักษ์ประเพณีและวัฒนธรรมไทย ประหยัด

และปลอดจากอบายมุขทั ้งปวงโดยสิ ้นเชิง โดยใช้มิติ

ทางพระพุทธศาสนาเป็นกุศโลบายในการดำเนินงาน และ

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา กรมการศาสนาได้จัดทำโครงการ ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ ทั่วประเทศ

ผลการประเมิน พบว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นที ่

ตอบรับจากพุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะทางด้านครอบครัว

พบว่า กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ พ่อแม่ ลูกหลาน ปู่ย่า ตายาย

ร่วมเข้าวัดปฏิบัติธรรม สวดมนต์ไหว้พระในค่ำคืนของ

วันส่งท้ายปีเก่า เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม

ให้ครอบครัว พร้อมเป็นที่พึ่งทางจิตใจของพุทธศาสนิกชน

ทุกกลุ่มเป้าหมาย ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายของสังคม

อาทิ ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ปัญหาสังคม

จึงเป็นโอกาสที ่จะเริ ่มต้นวันใหม่ด้วยการพัฒนาจิตใจ

จากกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ

ในปีนี้ โดยจะเน้นเรื่องคุณธรรม ๔ ประการ และปรัชญา

เศรษฐกิจพอเพียงที ่สอดคล้องกับหลักศาสนา ปรับใช้

ในวิถีชีวิตของคนไทย เป็นคุณธรรมประจำชาติที่คนไทย

ทุกคนควรจะพยายามปลูกฝังและบำรุงให้เจริญงอกงาม

เพื ่อความเจริญของชีวิตและความมั่นคงร่มเย็นเป็นสุข

ของประเทศชาติ ให้พุทธศาสนิกชนได้ร่วมกิจกรรมทาง

พระพุทธศาสนาในช่วงปีใหม่ ซึ่งจะเป็นการเริ่มต้นชีวิตที่ดีงาม

ตามแนวทางพระพุทธศาสนา และเน้นความเรียบง่าย

ในการจัดงานปีใหม่ที่สามารถใช้เป็นแบบอย่างได้อีกมิติหนึ่ง

วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อสนับสนุนให้พุทธศาสนิกชนร่วมกิจกรรม

เข้าวัดปฏิบัติธรรมสวดมนต์ ภาวนา ทำสมาธิ ส่งเสริม

คุณธรรมจริยธรรมพาครอบครัวเข้าวัดในช่วงเทศกาลปีใหม่

๒. เพ ื ่อส ่งเสร ิมและเผยแพร่พ ิธ ีการต้อนร ับ

ศักราชใหม่ในรูปแบบที่เรียบง่าย โดยมุ่งเน้นการใช้มิติศาสนา

นำหลักธรรมทางศาสนาของพระพุทธศาสนามาเป็น

แนวทางในการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดความสงบสุข ร่มเย็น

เป็นกุศล ปลอดจากอบายมุขและสิ่งเร้าทั้งปวง

๓. เพื ่อส่งเสริมให้เครือข่ายส่งเสริมคุณธรรม

จริยธรรมในสังคมไทยได้เข้าร่วมกิจกรรมทางพระพุทธ-

ศาสนา

๔. เพื่อสร้างวัฒนธรรมประเพณีในมิติทางศาสนา

ในเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่

สายตรงศาสนา 25

โครงการส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ ปีงบประมาณ ๒๕๕๑ เชิญชวนพุทธศาสนิกชนเข้าวัดปฏิบัติธรรม ดำเนินชีวิตแบบพอเพียง

๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๐

การจัดกิจกรรม จัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนางานส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ โดยใช้มิติทางพระพุทธศาสนาเชิญชวนประชาชนเข้าวัดปฏิบัติธรรม ให้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต เพื่อสร้างบรรยากาศวิถีพุทธ โดยจัดพิธีสงฆ์ในช่วงเวลา ๒๒.๐๐ น. สวดมนต์พร้อมกันทั่วประเทศ ดังนี้ - เจริญจิตภาวนา - ไหว้พระสวดมนต์ - ฟังพระธรรมเทศนา - พิธีเจริญพระพุทธมนต์ - ลั่นฆ้องชัยต้อนรับปีใหม่ ๑ มกราคม ๒๕๕๑

สถานที่ ส่วนกลาง : ณ วัดราชาธิวาส และวัดในเขตกรุงเทพมหานคร

ส่วนภูมิภาค : ณ วัดทุกวัดที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยสำน ักงานว ัฒนธรรมจ ั งหว ัด เป ็นผู ้ ดำ เน ินการ ประสานงานให้วัดจัดกิจกรรมฯ

เป้าหมาย เชิงปริมาณ : พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ๗๕ จังหวัด และกรุงเทพมหานคร เชิงคุณภาพ : ประชาชนได้นำหลักธรรมทางศาสนามาประพฤติปฏิบัติให้เป็นวัฒนธรรมไทยที่ดีงาม ในมิติทางศาสนาในเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่

เครือข่ายที่เกี่ยวข้อง สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทุกจังหวัด องค์กรทางพระพุทธศาสนา อาทิ เปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทยฯ พุทธสมาคมแห่งประเทศไทยฯ ยุวพุทธิกสมาคมแห่ง ประเทศไทยฯ สภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติฯ เครือข่าย ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมฯ

ผลการดำเนินงาน

กิจกรรมที่จัด สถานที่ ระยะเวลา

๑. เชิญชวนให้พุทธศาสนิกชน

ร่วมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา

ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่

เน้นความพอเพียง

ความเรียบง่าย ปลอดจาก

อบายมุขและสิ่งเร้าทั้งปวง

เป็นแบบอย่างให้ประชาชน

พาครอบครัวเข้าวัด ได้ข้อคิด

มีสติก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ปีใหม่

๒๕๕๑

๒. เชิญชวนพุทธศาสนิกชน

เข้าวัดปฏิบัติธรรม สวดมนต์

นั่งสมาธิเจริญจิตภาวนา

น้อมนำคุณธรรม ๔ ประการ

และหลักเศรษฐกิจพอเพียง

มาประพฤติปฏิบัติ

๑. วัดทั่วประเทศ

๒. วัดในเขตกรุงเทพฯ จำนวน

๕๓ วัด

๓. กรมการศาสนาจัด

ณ วัดราชาธิวาส

เขตดุสิต

๔. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด

ทั่วประเทศจัด ณ วัดที่จังหวัด

กำหนด

เข้าวัดสวดมนต์

๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๐

ตั้งแต่เวลา ๒๒.๓๐ น.

ทำบุญตักบาตร

๑ มกราคม ๒๕๕๑

ตั้งแต่เวลา ๐๗.๐๐ น.

สายตรงศาสนา 26

อโรคยา ปรมาลาภา

มะรุม พืชมหัศจรรย์

สรรพคุณ ฝัก - ปรุงเป็นอาหารรับประทานแก้ไข้หัวลม

เปลือกต้น - มีรสร ้อน ร ับประทานเป็นยาขับลม

ในลำไส้ ทำให้ผายหรือเรอ คุมธาตุอ่อน ๆ

(ตัดต้นลมดีมาก)

ราก - มีรสเผ็ด หวานขม แก้บวม บำรุงไฟธาตุ

มีคุณเสมอกับกุ่มบก

- แก้พิษฝี แก้ปวด แก้อักเสบ

แพทย์ตามชนบท ใช้เปลือกมะรุมสด ๆ

ตำบุบพอแตก ๆ อมไว้ข้างแก้ม แล้วรับประทานสุรา

จะไม่รู้สึกเมาเลย

จากประสบการณ์ เนื ้อในเมล็ดมะรุม

ใช ้แก ้ไอได ้ด ี ใบสดมีฤทธ ิ ์ เป ็นยาระบายอ่อน ๆ

มีแคลเซียม วิตามินซี แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ

สูงมาก การร ับประทานเน ื ้อในเมล็ดและใบสด

เป็นประจำสามารถเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายได้

ข้อควรระวัง - ในคนที่เป็นโรคเลือด G6PD ไม่ควร

รับประทาน

“มะรุม” ม ีช ื ่อทางว ิทยาศาสตร ์ว ่า

Moringa oleifera Lamk. วงศ์ Moringaceae เป็นพืช

กำเนิดแถบใต้เชิงเขาหิมาลัย เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง

ที ่ถูกปลูกไว้ในบริเวณบ้านไทยมาแต่โบราณ กินได้

มะรุม เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณในหลายด้าน เช่น ราก จะมีรสเผ็ด

หวาน ขม แก้อาการบวม บำรุง ไฟธาตุ

เปลือก จะมีรสร้อน ช่วยขับลม

ใบ ช่วยแก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ

ดอก ช่วยบำรุงร่างกาย ขับปัสสาวะ ขับน้ำตา

ฝัก รสหวาน แก้ไข้หรือลดไข้ เป็นต้น

ส่วนที่ใช้ เปลือกต้น ราก ฝัก ใบ เนื้อในเมล็ด

หลายส่วน ทั้งยอด ดอก และฝักเขียว แต่ใคร ๆ ก็นิยม

กินฝักมากกว่าส่วนอื ่น ๆ ต้นมะรุมพบได้ทุกภาค

ในประเทศไทย ทางอีสานเรียก “ผักอีฮุมหรือผักอีฮึม”

ภาคเหนือเร ียก “มะค้อมก้อน” ชาวกะเหร ี ่ยง

แถบกาญจนบุรีเรียก “กาแน้งเดิง” ส่วนชานฉาน

แถบแม่ฮ่องสอนเรียก “ผักเนื้อไก่” เป็นต้น

ผู้เฒ่าผู้แก่นิยมกินมะรุมในช่วงต้นหนาว

เพราะเป็นฤดูกาลของฝักมะรุม หาได้ง่าย รสชาติอร่อย

เพราะสดเต็มที่ มีขายตามตลาดในช่วงฤดูกาล คนที่

ปลูกมะร ุมไว ้ในบ้านเท่าน ั ้นจ ึงจะมีโอกาสลิ ้มรส

ยอดมะรุม ใบอ่อน ช่อดอก และฝักอ่อน ช่อดอกนำไปดอง

เก็บไว้กินกับน้ำพริก ยอดมะรุม ใบอ่อน ช่อดอก และ

ฝักอ่อนนำมาลวกหรือต้มให้สุก จิ้มกับน้ำพริกปลาร้า

น้ำพริกแจ่วบอง กินแนมกับลาบ ก้อย แจ่วได้ทุกอย่าง

หรือจะใช้ยอดอ่อน ช่อดอกทำแกงส้มหรือแกงอ่อมก็ได้

ส่วนอื่น ๆ ของโลกจะใช้ใบมะรุมประกอบ

อาหารเช่นเดียวกับการใช้ผักขมฝรั่ง หรือปรุงเป็นซอสข้น

ราดข้าวหร ืออาหารแป้งอ ื ่น ๆ นอกจากนี ้ ใช ้ใบ

ตากแห้งป่นเก็บไว้ได้นานโรยอาหาร เช่นเดียวกับ

ที ่ภูมิปัญญาอีสานจังหวัดสกลนครใช้ใบมะรุมแห้ง

ปรุงเข้าเครื่อง “ผงนัว” กับสมุนไพรอื่นไว้แต่งรสอาหาร

มาแต่โบราณ ส่วนฝักอ่อนปรุงอาหารเหมือนถั่วแขก

สายตรงศาสนา 27

คุณค่าทางอาหารของมะรุม มะร ุมเป ็นพืชมหัศจรรย ์ ม ีค ุณค่าทางโภชนาการสูงสุด กล่าวถึงในคัมภีร์ใบเบิ้ลว่า เป็นพืช ที่รักษาทุกโรค ใบมะรุมมีโปรตีนสูงกว่านมสด ๒ เท่า การกินใบมะรุมตามชนบทของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศโลกที่ ๓ เป็นการเพิ่มโปรตีนคุณภาพสูงราคาถูก ให้กับอาหารพื้นบ้าน นอกจากนี้ มะรุมมีธาตุอาหารปริมาณสูงเป็นพิเศษที่ช่วยป้องกันโรค คือ วิตามินเอ บำรุงสายตามีมากกว่าแครอท ๓ เท่า วิตามินซี ช่วยป้องกันหวัด ๗ เท่าของส้ม แคลเซียม บำรุงกระดูกเกิน ๓ เท่าของนมสด โพแทสเซียม บำรุงสมองและระบบประสาท ๓ เท่าของกล้วย ใยอาหารและพลังงาน ไม่สูงมากเหมาะกับผู้ที่ควบคุมน้ำหนักอีกด้วย น้ำมันสกัดจากเมล็ดมะรุม มีองค์ประกอบ คล้ายน้ำมันมะกอกดีต่อสุขภาพอย่างยิ่ง จากอาหารมาเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ ปัจจุบันชาวญี่ปุ่นผลิตชาใบมะรุมออกจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ระบุว่าใช้แก้ไขปัญหาโรคปากนกกระจอก หอบ หืด อาการปวดหู และปวดศีรษะ ช่วยบำรุงสายตา ระบบทางเดินอาหาร และช่วยระบายกาก ประเทศอินเดีย หญิงตั้งครรภ์จะกินใบมะรุมเพื ่อเสริมธาตุเหล็ก แต่ที ่ประเทศฟิลิปปินส์ และ บอสวานา หญิงที่เลี้ยงลูกด้วยนมจะกินแกงจืดใบมะรุม (ภาษาฟิลิปปินส์ เรียก “มาลังเก”) เพื่อเพิ่มแคลเซียมให้กับน้ำนมแม่เหมือนกับคนไทย

ประโยชน์ของมะรุม ๑. ใช้รักษาโรคขาดอาหารในเด็กแรกเกิดถึง ๑๐ ขวบ และลดสถิติการเสียชีวิต พิการ และตาบอดได้เป็นอย่างดี ๒. ใช้ร ักษาผู ้ป่วยเป็นโรคเบาหวานให้อยู ่ ในภาวะควบคุมได้ ๓. รักษาโรคความดันโลหิตสูง ๔. ช่วยเพิ ่มและเสริมสร้างภูมิคุ ้มกันให้แก่ร่างกาย ทานผลิตผลจากมะรุมในระหว่างตั ้งครรภ์ เด็กที่เกิดมาจะไม่ติดเชื้อ HIV นอกจากนี้ถ้ารับประทานอย่างน้อยอาทิตย์ละ ๓ ครั้ง ยังช่วยให้คนทั่ว ๆ ไปสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง ๕. ช่วยรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ให้อยู่ในภาวะควบคุมได้ การรักษาโรคเอดส์ที ่ประสบผลสำเร็จ ในกลุ่มประเทศแอฟริกา ๖. ถ้ารับประทานสม่ำเสมอจะช่วยป้องกัน ไม่ให้เป็นโรคมะเร็ง แต่ถ้าหากเป็นก็จะช่วยให้การรักษาพยาบาลง่ายขึ้น ในบางกรณีสามารถหยุดการเจริญเติบโตของโรคร้ายได้ ถ้าใช้ควบคู่ไปกับยาแพทย์แผนปัจจุบัน หากผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งได้รับการรักษาด้วยรังสี การดื่มน้ำมะรุมจะช่วยให้การแพ้รังสี ฟื้นตัวเร็วขึ้น และมีร่างกายที่แข็งแรง ๗. ช ่วยร ักษาโรคไขข้ออ ักเสบ โรคเก ๊าท ์ โรคกระดูกอักเสบ โรคมะเร็งในกระดูก โรครูมาติซั่ม ๘. รักษาโรคตาเกือบทุกชนิด เช่น โรคตามืดตามัวเพราะขาดสารอาหารที่จำเป็น โรคตาต้อ เป็นต้น หากรับประทานสม่ำเสมอ จะทำให้ตามีสุขภาพที ่สมบูรณ์ ๙. รักษาโรคลำไส้อักเสบ โรคเกี่ยวกับท้อง ท้องเสีย ท้องผูก โรคพยาธิในลำไส้ ๑๐. รักษาปอดให้แข็งแรง รักษาโรคทางเดินของลมหายใจ และโรคปอดอักเสบ ๑๑. เป็นยาปฏิชีวนะ

เอกสารอ้างอิง : โดยอภินันทนาการจาก Rasayana Retreat สุขุมวิท ๓๙ (ซอยพร้อมพงษ์) กรุงเทพฯ โทร. ๐-๒๖๖๒-๔๘๐๓-๕ หรือ www.rasayanaretreat.com

สายตรงศาสนา 28

ปกิณกะสารธรรม

เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจไม่เคยรู้)

(ต่อจากฉบับที่แล้ว)

บทความ เกร็ดความรู้ เรื่องของในหลวง ประวัติ

ในหลวง รูป ในหลวง ที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ เป็นบทความ

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับในหลวงตั้งแต่ทรงพระเยาว์ พระอัจฉริยภาพ

ในหลวง งานของในหลวง ของทรงโปรดในหลวง ในหลวง

และเรื่องส่วนพระองค์...อ่านบทความ เกร็ดความรู้ เรื่องของ

ในหลวงที่คุณอาจไม่เคยรู้ต่อจากฉบับที่แล้ว

๓๔. ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๔๙๒ และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสที ่ว ังสระปทุม เมื ่อวันที ่ ๒๘ เมษายน ๒๔๙๓ โดยทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนคนทั ่วไป ข้อความ ในสมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ ๑๐ สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม ๑๐ บาท ๓๕. หลังอภิเษกสมรส ทรง “ฮันนีมูน” ที่หัวหิน ๓๖. ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๔๙๙ และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา ๑๕ วัน ๓๗. ระหว ่างทรงผนวช พระอุป ัชฌาย์และ พระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ๓๘. ของใช้ส่วนพระองค์นั ้นไม่จำเป็นต้องแพงหรือต้องแบรนด์เนม ดังนั ้น การถวายของให้ในหลวง จึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นของแพง อะไรที ่มาจากน้ำใจ จะทรงใช้ทั้งนั้น ๓๙. เครื ่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื ่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่าง ๆ ยกเว้น นาฬิกา ๔๐. พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ

๔๑. หลอดยาสีพระทนต์ ทรงใช้จนแบนราบเรียบ

คล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบร ิเวณคอหลอด

ยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผล

จากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีด และกดเป็น

รอยบุ๋ม

๔๒. วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่า

เสด็จสวรรคต มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้าแม่

ถ ึงต ีส ี ่ต ีห ้า พอแม่หล ับจ ึงเสด ็จฯ กลับ เม ื ่อถ ึงว ัง

ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์

แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที ่โรงพยาบาล เห็นแม่นอน

หลับตาอยู่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบที่อกแม่

ซบหน้าน ิ ่งอยู ่นาน ค ่อย ๆ เงยพระพักตร ์ข ึ ้นมา

น้ำพระเนตรไหลนอง

งานของในหลวง

๔๓. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึง

ปัจจุบันมีจำนวนกว่า ๓,๐๐๐ โครงการ

สายตรงศาสนา 29

๔๔. ทุกครั้งที่เสด็จฯ ไปยังสถานที่ต่าง ๆ จะทรงมี

สิ่งของประจำพระองค์อยู่ ๓ สิ่ง คือ แผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง

(ต ัดต ่อเอง ปะกาวเอง) กล ้องถ ่ายรูป และดินสอ

ที่มียางลบ

๔๕. ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่าง

แม้กระทั่งการโรเนียวกระดาษที่จะนำมาให้ข้าราชการ

ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายงาน

๔๖. เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯ เยี่ยม

โครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง

ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ข้าราชการและราษฎร

ที ่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื ่อทรงเห็นดังนั ้น

จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการ

และราษฎรทั้งกลางสายฝน

๔๗. ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้

ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯ ร่วมกับข้อมูล

จากต่างประเทศที่หามาเอง เพื ่อป้องกันภัยธรรมชาติ

ที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน

๔๘. โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้น

จากเงินส่วนพระองค์ จำนวน ๓๒,๘๖๖.๘๓ บาท ซึ่งได้

จากการขายหนังสือดนตรีพระเจนดุร ิยางค์ จากการ

ขายนมวัว ก็ค่อย ๆ เติบโตเป็นโครงการพัฒนามาจนเป็น

อย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้

๔๙. เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชม

โครงการฯ สวนจิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯ ลงมาอธิบาย

ด้วยพระองค์เอง เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด

๕๐. ม.ร.ว.ค ึกฤทธิ ์ ปราโมช กราบบังคมทูล

ถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า

“ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย

แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน

เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทย

ทั่วประเทศ”

๕๑. ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั ่งว ันที ่

พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก

๕ ชั ่วโมง (๒๐ กรกฎาคม ๒๕๔๙) ยังทรงรับสั ่งให้

ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้

เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ พระองค์จะได้มอนิเตอร์

เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน

ของทรงโปรด

๕๒. อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น

ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา

๕๓. ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังฉ่าย

๕๔. ทรงเสวยข้าวกล้องเป็นพระกระยาหารหลัก

๕๕. ไม ่เสวยปลานิล เพราะทรงเป ็นผู ้ เล ี ้ยง

ปลานิลคนแรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำใน

พระตำหนัก สวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์

ไปให้กรมประมง

๕๖. เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ

เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง

๕๗. ทีว ีช ่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั ่งเศส

ของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก

๕๘. ทรงฟัง จส.๑๐๐ และเคยโทรศัพท์ไปรายงาน

สถานการณ์ต่าง ๆ ใน กทม. ไปที่ จส.๑๐๐ ด้วย โดยใช้

พระนามแฝง

๕๙. หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม

ในหลวงจะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั ้งไทยและเทศ

ทุกฉบับ และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทมส์นิวสวีค

เอเชียวีค ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก

๖๐. ร ้านตัดเส ื ้อของในหลวง คือ ร ้านยูไลย

เจ้าของชื่อ ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อในหลวง

มาตั้งแต่ปี ๒๕๐๑ เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มีลูกชาย

สายตรงศาสนา 30

นายสมภพ ลาภประเสริฐ

มาถวายงานต่อ จนถึงตอนนี้

ก็เกือบ ๕๐ ปีแล้ว

๖๑. สุน ัขทรงเลี ้ยง

น อ ก จ า ก ค ุ ณ ท อ ง แ ด ง

ส ุวรรณชาด ส ุน ัขประจำ

ร ัชกาล ท ี ่ป ัจจ ุบ ันอยู ่ท ี ่

พระราชว ังไกลก ังวลแล ้ว

ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก ๓๓ ตัว

รู้หรือไม่?

๖๒. ในหลวง เก ิด

จากคำที ่ชาวเหนือใช้เรียก

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ว่า “นายหลวง” ภายหลัง

จึงเปลี่ยนเป็น “ในหลวง”

๖๓. ทรงเชี่ยวชาญถึง ๖ ภาษา คือ ไทย ละติน

ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และสเปน

๖๔. อาช ีพของในหลวง เม ื ่อผู ้แทนพระองค์

ไปติดต่อเอกสารสำคัญใด ๆ ทรงโปรดให้กรอกในช่อง

อาชีพของพระองค์ว่า “ทำราชการ”

๖๕. ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผล

จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์

รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจก

เข้าพระเนตรข้างขวา ตอนนั้นมีอายุเพียง ๒๐ พรรษา และ

ทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์

บำรุงสุขประชาชนชาวไทยมาตลอดกว่า ๖๐ ปี

๖๖. ครั ้งหนึ ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือ

เกี่ยวกับในหลวงว่า แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้น

เป็นแซกโซโฟน ที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ ซึ่งได้มี

พระราชดำรัสว่า “อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะ

หนักมาก ยกไม่ไหวหรอก”

๖๗. ปีหนึ่ง ๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ ๑๒ แท่ง

ใช้เดือนละแท่ง จนกระทั่งกุด

๖๘. ห ัวใจทรงเต ้น

ไม่ปกติ ในหลวงเคยประชวร

หนักจนหัวใจเต ้นไม ่ปกติ

เนื่องจากติดเชื้อไมโครพลาสม่า

ข ึ ้น ขณะเย ี ่ยมราษฎร

ท ี ่อำเภอสะเม ิงต ิดต ่อก ัน

หลายปี

๖๙. รู ้ ห ร ื อ ไ ม ่ ว ่ า

ในหลวงเป ็นคนประดิษฐ ์

รู ป แบบฟอนต ์ ภ าษา ใน

คอมพ ิวเตอร ์ท ี ่ ใช ้ก ันอยู ่

ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์จิตรลดา

ฟอนต์ภูพิงค์

๗๐. ในนิทรรศการ

เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องใน

โอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค

มีประชาชนเข้าชมรวม ๖ ล้านคน

๗๑. ในหลวงเร ิ ่มพระราชทานปร ิญญาบัตร

ครั ้งแรกเมื ่อปี พ.ศ. ๒๔๙๓ จน ๒๙ ปี ต่อมาจึงมี

ผู้คำนวณว่าเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร ๔๙๐ ครั้ง

ประทับครั้งละ ๓ ชั่วโมง ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน

๔๘๐,๐๐๐ ครั ้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ ๓ ขีด

รวมน้ำหนักทั้งหมด ๑๔๑ ตัน

๗๒. ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง

๗๓. สีประจำพระองค์ คือ สีเหลือง

๗๔. นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพาร

เสมอว่า การนั่งรถคนละคันเป็นการสิ้นเปลือง จึงให้นั่ง

รวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถยาวเหยียด

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มีพระเกษมสำราญ

มีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ มีพระชนม์ยิ่งยืนนาน

เป็นมิ ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดกาลนานเทอญ.

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

แก้ไขข้อผิดพลาด คอลัมน์ “ปกิณะสารธรรม” ฉบับเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๑ เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ ข้อ ๓ พระนาม “ภูมิพล” ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๘ เปลี่ยนเป็น รัชกาลที่ ๗

ที่มา : บทความ “ใครมาซื้อที” โดย มนูญ มุกข์ประดิษฐ์ หนังสือ “ประทีป แห่งแผ่นดิน”

ภาพกิจกรรม

สายตรงศาสนา 31

ภาพกิจกรรม

กรมการศาสนาเป็นเจ้าภาพงานศพ นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในงานสวดพระอภิธรรมศพสมเด็จพระพุทธปาพจนบดี (ทองเจือ จินตากโร)

อดีตเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามและกรรมการมหาเถรสมาคม พร้อมด้วย นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา

นายปกรณ์ตันสกุลรองอธิบดีกรมการศาสนาและข้าราชการกรมการศาสนาเมื่อวันที่๒๑กรกฎาคม๒๕๕๑ณวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

เปิดโครงการส่งเสริมคุณธรรม นายสดแดงเอียดเป็นประธานในพิธีเปิด“โครงการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมเยาวชน : ค่ายคุณธรรมจริยธรรม”ระหว่างวันที่๒๕-๒๘กันยายน ๒๕๕๑ ซึ่งจัดโดย กรมการศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ณ วัดภุมรินทร์กุฎีทองตำบลสวนหลวงอำเภออัมพวาจังหวัดสมุทรสงคราม

ร่วมงานมอบรางวัลเพชรยอดมงกุฎ นายสด แดงเอียด อธิบดีกรมการศาสนา ร่วมงานมอบรางวัลการจัดแข่งขันความสามารถด้านพระพุทธศาสนาเพชรยอดมงกุฎตามโครงการของมูลนิธิร่มฉัตร เพื่อชิงทุนการศึกษาพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๘ กันยายน ๒๕๕๑ณโรงเรียนเทพศิรินทร์เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายกรุงเทพฯ

ศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารของกรมการศาสนา เปิดให้บริการแล้ว ติดต่อสอบถามเกี่ยวกับการรับบริการจากศูนย์บริการข้อมูลข่าวสาร ณ งานบริหารทั่วไป สำนักงานเลขานุการกรม กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม โทร. ๐-๒๔๒๒-๘๗๗๖-๙

ทางเว็บไซต์ www.dra.go.th บริการรับแจ้งข่าวสารการทุจริต สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินงาน กิจกรรมของกรมการศาสนา หรือร้องเรียนเจ้าหน้าที่ทุจริตและประพฤติมิชอบได้ที่ กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม

ทางเว็บไซต์ www.dra.go.th หมายเลขโทรศัพท์ ๐-๒๔๒๒-๘๗๙๐, ๐-๒๔๒๒-๘๗๗๙