Upload
-
View
1.824
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
ทฤษฎเีบื้องต้นของความน่าจะเป็น
สมบัตขิองความน่าจะเป็น
∪ ∩P(E E ) = P(E ) + P(E ) - P(E E )1 2 1 2 1 2
∪ ∪ = + + − ∩ − ∩ − ∩ + ∩ ∩P(A B C) P(A) P(B) P(C) P(A B) P(A B) P(B C) P(A B C)
สมบัติบางประการของความน่าจะเป็น
สามารถหาความน่าจะเป็นโดยใชส้มบัติบางประการของความน่าจะเป็นได้
ผลการเรยีนรู้ทีค่าดหวังรายคาบ
หยิบไพ่ 1 ใบจากสำารบัจงหาความน่าจะเป็นที่ได้ไพ่รูป A หรือ โพแดง
วิธีทำา
ดอกจิก , Aข้าวหลามตดั , A โพแดง , Aโพดำา } ดังน้ัน n(E1) = 4 ความน่าจะเป็นที่ได้ไพ่รูป A คือ 1
4P(E ) =
52
E2 แทนไพ่โพแดง
ความน่าจะเป็นทีไ่ด้ไพ่รูปโพแดง คือ
แทนไพ่รูป A ที ่เป็นไพ่โพแดง ม ี1 ใบ ดังน้ัน
1 2E E∩ ( )1 2n E E =1∩
ความน่าจะเป็นที่ได้ไพ่รูป A ที่เป็นไพ่โพแดง คือ ( )1 2
1P E E =
52∩
2
13P(E ) =
52
ไพ่หน่ึงสำารับมี 52 ใบ ดังน้ัน n(S) = 52
มี 13 ใบ ดังน้ัน n(E )=132
ต่อหน้าถัดไป
1n(E )
n(S)
∩1 2n(E E )
n(S)
1 2 1 2 1 2P(E E ) = P(E ) + P(E ) - P(E E )∪ ∩ จาก
4 13 1
52 52 52= + −
16 4
52 13= =
2
13P(E ) =
52
1
4P(E ) =
52( )1 2
1P E E =
52∩จากทีห่า
ใช้สมบัติของความน่าจะเป็นในการหา
( )1 2P E E∪
ตวัอย่าง จากการสำารวจใบลงทะเบยีนของนักเรียนช้ัน ม.6 ของโรงเรยีนแหง่หนึง่ จำานวน 100 คน พบว่า มีนกัเรยีน 60 คน เลือกเรียนคณติศาสตร ์25 คน เลือกเรยีนภาษาอังกฤษ 15 คน เลือกเรยีนภาษาเยอรมนั 15 คน เลือกเรยีนทั้งคณติศาสตร ์และภาษาองักฤษ 7 คนเลือกเรยีนทั้งคณติศาสตร ์ และภาษาเยอรมนั 8 คนเลือกเรยีนทั้งภาษาองักฤษ และภาษาเยอรมนั 3 คนเลือกเรยีนทั้ง 3 วิชา
ถ้าสุ่มใบลงทะเบียนขึน้มา 1 ใบ จงหาความน่าจะเป็นที่จะไดใ้บลงทะเบยีนของนักเรียนทีเ่ลือกเรยีนคณติศาสตร์หรอืภาษาองักฤษ หรอืภาษาเยอรมนั
จากโจทย์กำาหนดให้ E1 แทน นักเรียนเลือกเรียนวิชาคณิตศาสตร์E2 แทน นักเรียนเลือกเรียนวิชาภาษาอังกฤษE3 แทน นักเรียนเลือกเรียนวิชาภาษาเยอรมัน
จะได้
n )=60(E1 n(E )=252 n(E )=153n(E E )2 = 151∩ ∩n(E E )= 71 3 ∩n(E )= 82 E3
1n(E )= 32 3E E∩ ∩ต่อหน้าถัดไป
จากโจทย์ จะได้ n(S) = 100 , n(E1) = 60 , n(E2) = 25 , n(E3) = 15 ,
1 2 1 3 2 3 1 2 3n(E E ) = 15 , n(E E ) = 7 , n(E E ) = 8 , n( E E E ) = 3∩ ∩ ∩ ∩ ∩
1 2 3 1 2 3 1 2 1 3 2 3 1 2 3 P( E E E ) = P(E ) + P(E ) + P(E ) - P(E E ) - P(E E ) - P(E E ) + P( E E E )∴ ∪ ∪ ∩ ∩ ∩ ∩ ∩
n(S)
)n(E12n(E )
n(S)3n(E )
n(S)
∩1 2n(E E )
n(S)
3E∩2n(E )
n(S)∩1 3n(E E )
n(S)
∩ ∩1 2 3n(E E E )
n(S)
60
100=
25
100+ 15
100+ 15
100− 7
100− 8
100− 3
100+
60 25 15 15 7 8 3
100
+ + − − − += 73
100=
แบบฝึกทักษะที่ 4
ทฤษฎเีบื้องต้นของความน่าจะเป็น
1. หยิบไพ ่1 ใบจากสำารบัจงหาความน่าจะเป็นที่ได้ไพ่รปู A หรอื โพแดง
1 2 1 2 1 2P(E E ) = P(E ) + P(E ) - P(E E )∪ ∩
4 13 1
52 52 52= + −
16
52=
ไพ่ A ม ี4 ใบ
ไพ่โพแดง ม ี13 ใบ
ไพ่รูป A ทีเปน็โพแดง ม ี
1 ใบ
ไพ่หนึง่สำารบัม ี52 ใบ ดงันั้น n(S) = 52
4
13=
ตวัอย่าง จากการสำารวจใบลงทะเบยีนของนักเรียนช้ัน ม.6 ของโรงเรยีนแหง่หนึง่ จำานวน 100 คน พบว่า มีนกัเรยีน 60 คน เลือกเรียนคณติศาสตร ์25 คน เลือกเรยีนภาษาอังกฤษ 15 คน เลือกเรยีนภาษาเยอรมนั 15 คน เลือกเรยีนทั้งคณติศาสตร ์และภาษาองักฤษ 7 คนเลือกเรยีนทั้งคณติศาสตร ์ และภาษาเยอรมนั 8 คนเลือกเรยีนทั้งภาษาองักฤษ และภาษาเยอรมนั 3 คนเลือกเรยีนทั้ง 3 วิชา
ถ้าสุ่มใบลงทะเบียนขึน้มา 1 ใบ จงหาความน่าจะเป็นที่จะไดใ้บลงทะเบยีนของนักเรียนทีเ่ลือกเรยีนคณติศาสตร์หรอืภาษาองักฤษ หรอืภาษาเยอรมนั
จากโจทย์กำาหนดให้ E1 แทน นักเรียนเลือกเรียนวิชาคณิตศาสตร์E2 แทน นักเรียนเลือกเรียนวิชาภาษาอังกฤษE3 แทน นักเรียนเลือกเรียนวิชาภาษาเยอรมัน
จะได้
n )=60(E1 n(E )=252 n(E )=153n(E E )2 = 151∩ ∩n(E E )= 71 3 ∩n(E )= 82 E3
1n(E )= 32 3E E∩ ∩ต่อหน้าถัดไป
จากโจทย์ จะได้ n(S) = 100 , n(E1) = 60 , n(E2) = 25 , n(E3) = 15 ,
1 2 1 3 2 3 1 2 3n(E E ) = 15 , n(E E ) = 7 , n(E E ) = 8 , n( E E E ) = 3∩ ∩ ∩ ∩ ∩
1 2 3 1 2 3 1 2 1 3 2 3 1 2 3 P( E E E ) = P(E ) + P(E ) + P(E ) - P(E E ) - P(E E ) - P(E E ) + P( E E E )∴ ∪ ∪ ∩ ∩ ∩ ∩ ∩
n(S)
)n(E12n(E )
n(S)3n(E )
n(S)
∩1 2n(E E )
n(S)
3E∩2n(E )
n(S)∩1 3n(E E )
n(S)
∩ ∩1 2 3n(E E E )
n(S)
60
100=
25
100+ 15
100+ 15
100− 7
100− 8
100− 3
100+
60 25 15 15 7 8 3
100
+ + − − − += 73
100=
3.1 P(A B)∪
P(A B) = P(A) + P(B) - P(A B)∪ ∩
=
20 15 6 29
60 60
+ −= =
3. กำาหนดให ้ P(A) = P(B) = และ P(A B) = แล้ว
1
3
1
4∩
10
1
จากสูตร
1
3
1
4
1
10
+ −
′B
จากสูตร
( )′ ′ ′∪ ∩P A B =P(A)+P(B)-P(A B)
10 3
30
−=7
30=
P(A B )′∩
′∩ ∩P(A B) =P(A)-P(A B)มาช่วยในการคำานวณจะสะดวก ดังน้ัน
= −
P(A B )=?′∩3.2 กำาหนดให้
1 1 1P(A)= P(B)= P(A B)=3 4 10
∩
ถา้คำานวณจากสูตรดังกล่าวทำาได้ลำาบาก จึงต้องใชค้วามรู้เรื่อง เซตท่ีวา่′∩ ∩A B =A-B=A-(A B)
1
10
1
3
A B
P(A B )=?′ ′∩
P(A B) = 1 - P(A B)′∪ ∪29
160
= −
31
60=
3.3 กำาหนดให้
1 1 1P(A)= P(B)= P(A B)=3 4 10
∩
ใช้ความรูเ้รื่อง เซตที่ว่า ′ ′ ′∩ ∪A B =(A B)
จากสมบัติความน่าจะเป็นท่ีวา่
′P(A)=1-P(A)จาก
∪ 293.1 P(A B)=
60ดงันั้น
กำาหนดให ้ P(A) = P(B) = และ P(A B) = แล้ว1
3
1
21
5∩
4.1 P(A B )′ ′∪
P(A B) = 1 - P(A B)′∩ ∩
11
5= −
4
5=
′ ′ ′∪ ∩(A B)=(A B)
4.2 P(A B )′ ′∩
P(A B) = 1 - P(A B)′∪ ∪
191
30= −
11
30=
′ ′ ′∩ ∪A B =(A B)
P(A B) = P(A) + P(B) - P(A B)∪ ∩
1 1 1 19
3 2 5 30= + − =จากโจทย ์
∩1 1 1P(A)= ,P(B)= ,P(A B)=
3 2 5
4.3 P(A B)′ ∩
P(B - A) = P(A B) - P(A)∪
19 1
30 3= −
9 3
30 10= =
′ ′A∩B =B∩A =B - Aเนื่องจาก
∪B-A=(B A)-Aดงันั้น
U
B A∪B A∪(B A)-A
4.4 P(A B )′∩
P(A - B) = P(A B) - P(B)∪
19 1
30 2= −
4 2
30 15= =
4.5 P(A B)′ ∪
P(A B) = P(A ) + P(B) - P(A B)′ ′ ′∪ ∩
2 1 3
3 2 10= + −
26 13
30 15= =
′ 1P(A)=1-
3
4.6 P(A B )′∪
P(A B ) = P(A) + P(B ) - P(A B )′ ′ ′∪ ∩
1 1 2
3 2 15= + −
21
30=
′ 1P(B)=1-
2
5. ให้ A และ B เป็นเหตุการณท์ี่ไม่เกิดรว่มกัน และม ี P(A) = P(B) = จงหา
2
3
1
4
1. P(A B)∩
2. P(A B )′∩
0=
2= P(A) =
3
′∩A B = A -B
3. P(A B)′ ∩
4. P(A B )′ ′∪
1= P(B) =
4
P(A B) = 1 - P(A B)′∩ ∩
1 0 1= − =
′ ∩A B =B - A
6. กำาหนดให ้ A , B และ C ไม่เกิดรว่มกันทัง้หมด โดยที ่P(A) = P(B) = และ P(C) = จงหา
1
2
1
6
1
3
1. P(A B)∪
P(A B) = P(A) + P(B)∪1 1
2 3= +
3 2 5
6 6
+= =
2. P(A B C)∪ ∪
P(A B C) = P(A) + P(B) + P(C)∪ ∪1 1 1
2 3 6= + +
1=
และ B เป็นเหตุการณท์ี่ไม่เกิดรว่มกัน และมคีา่ P(A) = P(A B) = แลว้2
3
1
2∩1. P(B)
2. P(A B)∩
2 1
3 2= −
4 3 1
6 6
−= =
P(B) = P(A B) - P(A)∩
P(A B) = 0∩
8. โยนลูกเต๋า 2 ลูก 1 ครั้ง กำาหนดเหตุการณ์ดังน้ี A เป็นเหตุการณท์ี่ลูกเต๋าขึ้นแต้มรวมเป็น 7 และ B เป็นเหตุการณ์ที่ลูกเต๋าขึ้นแต้ม 4 อย่างน้อย 1 ลูก
n(s) = 36
n(A) = 6
n(B) = 11
A = { ( 1 , 6 ) , ( 2 , 5 ) , ( 3 , 4 ) , ( 4 , 3 ) , ( 5 , 2 ) , ( 6 , 1 ) }
B = { ( 4 , 1 ) , ( 4 , 2 ) , ( 4 , 3 ) , ( 4 , 4 ) , ( 4 , 5 ) , ( 4 , 6 ) ,( 1 , 4 ) , ( 2 , 4 ) , ( 3 , 4 ) , ( 5 , 4 ) , ( 6 , 4 ) }
1. P(A)6 1
36 6= = 2. P(B)
3. P(A B)∩
4. P(A B)∪
n(A)=
n(S)
n(B)=
n(S)11
36=A∩B = { (3,4) , (4,3) }
ดังนั้น n(A∩B) = 2
n(A B)=
n(S)
∩ 2 1
36 18= =
= P(A) + P(B) - P(A B)∩
6 11 2
36 36 36= + − 15
36=