Upload
tciap-eng
View
383
Download
0
Embed Size (px)
DESCRIPTION
พัฒนาภาษาอังกฤษของบุคลากรอย่างไรให้ได้ผล
Citation preview
พัฒนาภาษาอังกฤษของบุคลากรอย่างไรให้ได้ผล ? ���เสนอโดย
ศูนย์ประสานงานด้านวิชาการ TCIAP
คนไทยเราไม่ได้ด้อยกลัวใคร...แต่เป็นเพราะภาษาอังกฤษไม่ใช้ภาษาราชการของเรา แต่เมื่อในอนาคตภาษาอังกฤษกําลังจะเป็นภาษาราชการของอาเซียนที่ใช้ติดต่อสือสารเรา
จึงต้องเรียนรู้เพื่อเจรจากับต่างชาติ
หลายบริษัทมีโยบายในการพัฒนาทักษะด้านภาษาให้กับบุคลากร โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ การจัดมีหลายรูปแบบมีทั้งเชิญอาจารย์มาสอนในบริษัทหลังเลิกงาน การรวมกลุ่มกันไปเรียนข้างนอก หรือในระดับผู้บริหารก็มีการเรียนแบบตัวต่อตัว ปัจจุบันนี้หลายบริษัทก้าวหน้าไปกว่านั้นคือ มีซอฟแวร์สําหรับการเรียนรู้ด้วยตัวเอง (Self Learning) ได้ผลบ้าง (บางคน) ไม่ได้ผลบ้าง (คนส่วนใหญ่)
ผู้บริหารหลายๆคนก็เริ่มสนใจประเด็นการเรียนภาษาขึ้นมาเพราะมีความรู้สึกว่าบริษัทได้จ่ายเงินในเรื่องนี้ปีหนึ่งๆก็ไม่น้อย แต่ปัญหาด้านภาษาของบุคลากรก็ยังไม่หมดไป เพราะอะไร พอเจาะลึกลงไป หลายองค์กรจะพบปัญหาที่ไม่แตกต่างกันคือ คนเรียนกลุ่มเดิม ห้าปีที่แล้วกับปัจจุบันก็คนเรียนกลุ่มเดิม ในแต่ละปีก็จะเปลี่ยนแค่เพียงสถาบันสอนภาษา เปลี่ยนตัวอาจารย์ และเปลี่ยนตําราเรียน พอลงไปดูถึงเนื้อหา ก็ไม่แตกต่างกัน มักจะสอนกันตามหนังสือ จนผู้เรียนท่องจําได้แล้วว่าถ้าไปช๊อบปิ้งจะพูดว่าอะไรบ้าง ถ้าไปไปรษณีย์จะพูดว่าอะไรบ้าง รับโทรศัพท์จะพูดอะไรบ้าง
แต่พอไปเจอสถานการณ์จริงในการทํางานไม่ว่าจะเป็นการประชุมกับชาวต่างชาติ การรับแขกเยี่ยมชมกิจการที่เป็นต่างชาติ โทรศัพท์ต่างประเทศที่โอเปอเรเตอร์โอนเข้ามากะทันหัน ภาษาที่เรียนมาหลายๆปีก็ยังใช้งานไม่ได้เสียที
ปัญหาด้านภาษาเป็นปัญหาประจําตําแหน่งของลูกจ้างคนไทยที่จบการศึกษาจากนอก (เมือง) หรือจบการศึกษาจาก(บ้าน)นอก
หลายองค์กรก็พยายามแล้วพยายามอีกที่จะเข็นให้บุคลากรที่มีคุณภาพมีฝีมือในการทํางานได้พัฒนาทักษะด้านภาษา แต่จนแล้วจนอีก(เพราะจ่ายเงินค่าเรียนภาษาไปเยอะ) ก็ยังไม่ดีขึ้นสักที จนทําให้บางบริษัทโดยเฉพาะบริษัทใหม่ๆ ที่เป็นบริษัทข้ามชาติ
เพราะฉะนั้นกลุ่มคนที่เหลืออยู่ก็จะเป็นคนส่วนน้อยในสังคมหรือวิชาชีพนั้นๆ คนที่เก่งภาษาและจบการศึกษาจากเมืองนอกจริงๆมาก็เหลือน้อยเพราะส่วนใหญ่เป็นลูกคนรวย ทํางานสักปีสองปีพอมีประสบการณ์ที่บ้านก็เรียกกลับไปช่วยดูแลกิจการ ดังนั้น ถึงแม้การศึกษาจะเจริญก้าวหน้าเพียงใด
เรียนในเรื่องที่ใกล้ตัว อย่าเรียนมาก อย่าเรียนกว้าง ถ้าจะให้เรียนให้ได้ผลต้องเรียนภาษาที่เกี่ยวข้องกับงานที่ทํ เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่สนใจ จะทําให้ผู้เรียนไม่เบื่อ แต่ถ้าผมชอบดูฟุตบอล แต่พอเข้าห้องเรียนภาษาอังกฤษอาจารย์ให้พูดแต่เรื่องรับโทรศัพท์ การท่องเที่ยว ผมก็จะเบื่อ การเรียนเรื่องใกลตัวนอกจากจะทําให้ผู้เรียนเบื่อแล้ว แถมยังไม่มีโอกาสนําไปใช้งานอีก อย่างนี้ก็เปล่าประโยชน์
เลือกวิธีการเรียนที่เหมาะสม สมัยนี้มีรูปแบบการเรียนภาษาให้เลือกมากมาย เช่น การเรียนตัวต่อตัวคุณจะเลือกเรียนที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ เวลาไหนก็ได้ อาจารย์แบบนี้ก็มีเยอะ การเรียนทางอีเมล ทุกครั้งที่ส่งอีเมลที่ไม่ใช่ความลับ ก็สามารถส่งไปให้อาจารย์ช่วยดูให้ได้ว่าเขียนถูกต้องหรือไม่ แล้วอาจารย์ก็จะส่งกลับมาให้ เดี๋ยวนี้ใครไม่มีเวลาเพราะมัวแต่ติดอยู่ในรถที่ติดอยู่บนถนนอีกทีหนึ่งก็สามารถเรียนทางโทรศัพท์ได้ และเรียนได้ทุกวันทุกที่
ฝึกบ่อยๆ การเรียนภาษาคงไม่แตกต่างอะไรไปจากการเรียนขับจักรยาน ไวยากรณ์ ศัพท์ สํานวน ท่องจําได้เพียงไม่กี่นาที แต่จะเอาไปใช้อย่างไรนี่ซิเรื่องใหญ่ เหมือนกับเรารู้ว่าจักรยานเขาขับกันอย่างไร แต่เวลาขึ้นไปนั่งจริงๆ แล้ว มันจะไปอย่างไร นั่นคือเรื่องใหญ่ แต่ถ้าเราขับเป็นแล้ว ค่อยมีแก้ไขเพิ่มเติมเทคนิคการขับขี่ก็จะดีกว่า เพราะถ้าเราขับเป็นแล้ว เราอยากจะขับให้เก่งขึ้นไม่ใช่เรื่องยาก
ไม่บังคับให้เรียน แต่ถือเป็นผลงาน สิ่งที่ผมอยากให้แต่ละองค์กรเปลี่ยนคือ อย่าไปบังคับให้คนเรียน เพราะการบังคับเรียนเราจะได้เฉพาะเวลาเรียนหรือคะแนนสอบ แต่เราไม่ได้ใจผู้เรียน พอกลับถึงบ้านก็โยนหนังสือ จะเก็บมาอีกครั้งก็ตอนเรียน เวลาสอบก็ทําทุกวิถีทางเพื่อให้สอบผ่าน เพราะบางบริษัทกําหนดไว้ว่าถ้าสอบไม่ผ่านจะต้องจ่ายเงินเอง