Upload
moukungz-cazino
View
86
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโลก โลกดาราศาสตร์ ดวงดาว และอวกาศ
นายอดิพงศ์ ท่วมจอก
สภาพภูมิอากาศ/ภูมิศาสตร์
เปลี่ยนแปลงมากมาย
ยุคนี้มีแมลงมาก
แมลงปอยักษ์ (ปีกกว้าง 2ฟุต)
ยุคไดโนเสาร์ครองโลก
ปลายยุคไดโนเสารเ์ริ่มสูญพันธุ ์
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมถือก าเนิด
ทฤษฎกีารเลื่อนไหลของทวีป (Continental Drift Theory)
เมื่อประมาณ 220 ล้านปีมาแล้วโลกของเรามีพื้นทวีปใหญ่เพียงทวีปเดียวเท่านั้น เรียกว่า
“แพงเจีย” (Pangaea) ซึ่งแปลว่า “All Land” หรือ “แผ่นดินทั้งหมด” แต่เมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ ก็
เร่ิมขยับเคล่ือนที่แยกออกจากกันไปเลย จนปรากฎเป็นทวีปต่าง ๆ ในปัจจุบัน
หลักฐานที่เป็นข้อมูลสนับสนุนทฤษฎี
1. หลักฐานสภาพรูปร่างของทวีป จากรูปร่างของทวีปต่าง ๆ ที่สวมเข้ากันได้อย่างพอเหมาะ
โดยเฉพาะทวีปอเมริกาเหนือและทวีปอเมริกาใต้กับทวีปแอฟริกา
2. หลักฐานสิ่งมีชีวิต จากการพบสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ชนิดเดียวกันที่อยู่ในแถบทวีปทั้ง 2 ที่อยู่
ด้านเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เป็นการแสดงว่าเดิมทวีป 2 ทวีปนี้เคยเชื่อมติดกันมาก่อน
3. หลักฐานการเคลื่อนที่ของเกาะกรีนแลนด์ ในสมัยนั้นนักธรณีวิทยาได้ศึกษาพบว่า เกาะ
กรีนแลนด์ก าลังเคลื่อนที่ อัลเฟรด เวเจเนอรจ์ึงได้อ้างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าสอดคล้องกับทฤษฎ ี
แผ่นเปลือกโลก
1. แผ่นแอฟริกัน : ครอบคลุมทวีป แอฟริกา เป็นแผ่นทวีป
2. แผ่นแอนตาร์คติก : ครอบคลุมทวีปแอนตาร์คติก เป็นแผ่นทวีป
3. แผ่นออสเตรเลียน : ครอบคลุม ออสเตรเลีย (เคยเชื่อมกับแผ่นอินเดียน เมื่อประมาณ 50-
55 ล้านปีก่อน) เป็นแผ่นทวีป 4. แผ่นยูเรเซียน : ครอบคลุมทวีปเอเชียและยุโรป เป็นแผ่นทวีป
5. แผ่นอเมริกาเหนือ : ครอบคลุมทวีปอเมริกาเหนือและทางตะวันออกเฉียงเหนือของไซบีเรีย
เป็นแผ่นทวีป
6. แผ่นอเมริกาใต้ : ครอบคลุมทวีปอเมริกาใต้ เป็นแผ่นทวีป
7. แผ่นแปซิฟิก : ครอบคลุมมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นแผ่นมหาสมุทร
1
2
3
4 5
6
7
สัณฐานของโลก
• โลกมีรูปทรงสัณฐานเกือบกลม โดยเส้น
ผ่านศูนย์กลางของทรงกลมจากขั้วโลกเหนือถึง
ขั้วโลกใต้ยาวประมาณ 12,714 กิโลเมตร และเส้นผ่านศูนย์กลางเส้นศูนย์สูตรยาวประมาณ
12,757 กิโลเมตร • จุดสูงสุดของโลกอยู่บริเวณเทือกเขาหิมาลัยที่ยอดเขาเอเวอเรสต ์
• จุดลึกสุดของพื้นมหาสมุทรอยู่ที่ร่องลึกมาเรียนา
ต าแหน่งที่ลึกที่สุดในมหาสมุทร คือ
ต าแหน่งลึกชา เลน เจอร์ (Challenger
Deep) ในร่องลึกมาเรียน่า (Mariana
Trench) โดยต าแหน่งนี้อยู่ลึกต่ ากว่า
ระดับน้ าทะเล 10,924 เมตร (35,840
ฟุต)
ถ้ า เ อ า เทื อ ก เ อ เ ว อ เ รสต์ (Mount
Everest) ซึ่งเป็นเทือกเขาที่สูงที่สุดในโลก
ไปวางไว้ในบริเวณนั้นก็จะถูกน้ าท่วมสูง
หลายกิโลเมตรเลยทีเดียว ค าว่าต าแหน่งลึก
ชาเลนเจอร์นั้นได้มาจากชื่อเรือส ารวจชาเลน
เจอร์ 2 ของสหราชอาณาจักร (British
survey ship Challenger II) ซึ่งส ารวจ
พบจุดลึกนี้ในปี 1951
1
2
3
โครงสร้างของโลก
เปลือกโลก (Crust) เปลือกโลกประกอบด้วย 2 ชั้นย่อย
1. ชั้นหินไซอัล ประกอบด้วยธาตุซิลิคอนและอะลูมินัมเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งพบทั่วไปบริเวณเปลือกโลกส่วนที่เป็นทวีป
2. ชั้นไซมา ประกอบด้วยธาตุซิลิคอนและแมกนีเซียมเป็นส่วนประกอบหลัก พบทั่วไปบริเวณเปลือกโลกที่เป็นพื้นสมุทรตอนล่างของเปลือกโลกส่วนที่เป็นทวีปและบริเวณรอยแตกของเปลือกโลกที่เป็นภูเขาไฟ
เปลือกโลกชั้นใน (ชั้นแมนเทิล) ธรณีภาค
หินหนืดละลาย(แมกม่า)
แก่นโลก (Core)
1. แก่นโลกชั้นนอก (Out core)
ประกอบด้วยหินเหลวพวกเหล็กมีความ
หนาแน่นสูง
2. แก่นโลกชั้นใน (Inner core)
ประกอบด้วยเหล็กและนิกเกิล ใน
สภาพที่ร้อนจัด อยู่ในสถานะของแข็ง
เนื่องจากมีความหนาแน่นสูง
ทบทวนความรู้โครงสร้างของโลก
1. ชั้นใดของโลกทีม่ีหนิหนดืเปน็สว่นประกอบ ? ก. เปลือกโลกชั้นล่าง แมนเทิล ข. แมนเทิล แก่นโลกชั้นบน ค. แมนเทิล แก่นโลกชั้นล่าง ง. แก่นโลกเท่านั้น
2. หินไซอลัเปน็หนิทีป่ระกอบดว้ยธาตใุดและอยูใ่นชัน้ใดในโลกของเรา?
ธาตุซิลิกาและอะลูมนิา อยู่ใน เปลือกโลกส่วนบน
ธาตุซิลิกาและอะลูมนิา อยู่ใน เปลือกโลกส่วนล่าง
ธาตุซิลิกาและแมกนีเซีย อยู่ใน เปลือกโลกส่วนบน
ธาตุซิลิกาและแมกนีเซีย อยู่ใน เปลือกโลกส่วนล่าง
3. ชั้นที่ประกอบดว้ยธาตเุหลก็และนิเกลิถูกอดัตัวกนัแนน่จนกลายเปน็ของแขง็คอืชัน้ใด ? ก. เปลือกโลก ข. แมนเทิล ค. แก่นโลก ง. เมนทอล
4. ส่วนทีเ่ปน็ทวปีต่าง ๆ จะอยู่ชัน้ใด ? ก. เปลือกโลก ข. แมนเทิล ค. แก่นโลกชั้นใน ง. แก่นโลกชั้นนอก
5. ข้อใดกลา่วผดิเกีย่วกบัชัน้แมนเทลิ ? ก. มีหินอัคนีบางชนิด ข. ประกอบด้วยธาตุ เหล็ก ซิลิกอน และอะลูมิเนียม
ค. มีอุณหภูมิและความดันสูง ง. เป็นของแข็ง เคลื่อนที่ไม่ได้
6. เวเนเจอรไ์ดก้ลา่วถึงโลกในสมัยกอ่นวา่เปน็ "แพงกอีา" ข้อใดไมเ่กีย่วขอ้งกบัทฤษฎีของเขา ? ก. รูปร่างของทวีปต่าง ๆ สวมเข้ากันได้อย่างพอเหมาะ
ข. การค้นพบว่าเกาะกรนีแลนด์มีการเคลื่อนที่ตลอดเวลา
ค. แผ่นเปลือกโลกสมัยก่อนเคยแตกออกเปน็แผ่นเล็ก ๆ จ านวนมาก
ง. แพงกีอาค่อย ๆ แยกตัวกลายเป็นทวีปในปัจจุบนั
ส่วนประกอบของเปลือกโลก
แร่ คือ ธาตุหรือสารประกอบอนินทรีย์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แร่ชนิดต่าง ๆ ที่พบบริเวณเปลือกโลกสามารถจ าแนก ตามการก าเนิดได้เป็น 2 ประเภท คือ แร่ปฐมภูมิ
ได้แก่ แร่ที่เกิดจากการเย็นตัวของสารหลอมเหลวภายในโลกคือ หินหนืด หรือลาวา
(พบในหินอัคนี)
Quartz Feldspar Mica
แร่ทุติยภูมิ
แร่ที่เกิดจากการผุพังสลายตัว หรือแปรสภาพจากแร่ปฐมภูมิ เช่น เมื่อแร่เฟลด์สปาร์และแร่
ไมกาผุพังสลายตัว ก็ได้เป็นแร่ดินเหนียว การผุพังสลายตัวของแร่ปฐมภูมิอื่น ๆ
1. กลุ่มแร่เคโอลิไนต์ (kaolinite) มีโครงสร้างชนิด 1 : 1 ประกอบด้วยชั้นของซิลิกาเรียงสลับกับ
ชั้นของอลูมินา
2. กลุ่มแร่อิลไลท์ (Illite) เป็นแร่ดินชนิด 2 : 1 ในหน่วยโครงสร้างจะมีชั้นซิลิกา 2 ชั้น ประกบ
ชั้นอลูมินาอยู่ และในแต่ละหน่วยมีไอออนของโพแทสเซียมแทรกอยู่ ท าให้ดินในกลุ่มนี้ไม่สามารถ
พองตัวในน้ าได้
3. กลุ่มแร่สเมคไตต์ (smectite) โครงสร้างเป็นชนิด 2 : 1 เหมือนกลุ่มอิลไลท์ แต่ในชั้น
โครงสร้างมีโมเลกุลของน้ าแทรกอยู่ และไอออนบวกส่วนใหญ่ที่พบจะเป็น แคลเซียม แมกนีเซียม
เหล็กและโซเดียม แร่กลุ่มนี้มีความสามารถในการพองตัวในน้ าได้ดี
4. กลุ่มแร่เวอร์มคิูไลต์ (vermiculite) มีโครงสร้างเหมือนกลุ่มสเมคไตต์ แต่มีค่าความสามารถ
ในการแลกเปล่ียนไอออนสูงกว่า เมื่อเผาแล้วอนุภาคมีลักษณะคล้ายตัวหนอน
5. กลุ่มแร่ปาลีกอร์ซไกต์ (palygorskite) มีโครงสร้างต่อเนื่องเป็นลูกโซ่
หิน
ชั้นหนิแข็งเปน็ส่วนประกอบหลักของโลก
หินแตล่ะประเภทมคีวามแตกตา่งกัน
วัสดุตน้ก าเนดิหิน
กระบวนการเกดิ
สภาพแวดลอ้ม/ระยะเวลาการเกดิ
หินอัคนีทีเ่ยน็ตัวใต้ผิวโลกในระดับลึก (หินอัคนีแทรกซอน)
หินอัคนี
เกิดขึ้นเมื่อวัตถุหลอมละลายภายในโลกเย็นลงและแข็งตัวจากสภาพที่เปน็หินหนืดจน
กลายเป็นหินแข็ง หินอัคนภีายใน
หินอัคนีภายในจะค่อย ๆ เย็นลงทีละน้อย จึงมีระยะเวลานานพอที่จะเกดิผลกึ
Granite Gabbro
อัคนีทีเ่ยน็ตัวทีผ่ิวโลก (หินอัคนีพุ )
หินอัคนภีายนอก
หินอัคนีที่เย็นตัวภายนอกที่ผิวโลกอุณหภูมิจะลดลงอย่างรวดเร็ว ทันทีทันใดเมื่อ
สัมผัสกับอากาศที่ผิวโลก แร่ประกอบหินในลาวาไม่สามารถเกิดเป็นผลึกได้ทัน จึงมัก
ปรากฏเป็นหินที่มีเนื้อแบบแก้วหรือที่เรียกว่าแก้วธรรมชาติ ผลของการเย็นตัวอย่าง
รวดเร็วจึงท าให้เกิดหินแบบไม่มีผลึก หรือผลึกเล็กมาก บางกรณีจะพบหินเนื้อละเอียด
ผสมกับเนื้อแก้ว
Andesite Pumice
หินตะกอน
สามารถจ าแนกตามกระบวนการเกิดได้ 3 ประเภท
เกิดจากชิ้นส่วนเดิมของหิน
เกิดจากกระบวนการทางเคมี
เกิดจากอินทรียสาร
เกิดจากหินเดิมถูกกัดเซาะ ชิ้นส่วนตะกอนถูกพัดพามาทับถมจนเกิดหินขึ้น
เป็นหินที่เกิดจากการแข็งตัวของแร่ท่ีตกตะกอนทางเคมีจากสารละลายใน
แหล่งน้ ารวมถึงพวกที่เกิดจากการระเหยของน้ า ท าให้สารละลายเข้มข้นมาก
เกิดจากการทับถมของซากพืชและซากสัตว์และมีการเชื่อมตัวจนแข็งเป็นหิน
หินแปร
หินแปรเป็นหินที่แปรสภาพมาจากหินเดิม โดยอิทธิพลของความร้อนและความกดดันภายในโลก
แรงดันของหินหนืดที่พุ่งตัวขึ้นสู่ผิวโลก การแปรสัมผัส
การแปรภูมิภาค
ความร้อนของหินหนืดและสารละลายท่ีผสมอยู่มีผลท าให้หินข้างเคียง
เปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะบริเวณที่สัมผัสและบริเวณใกล้เคียงกับบริเวณที่สัมผัส
หากกระบวนการดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นบริเวณกว้างครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 1,000
ตารางกิโลเมตร มีความลึกเกินกว่า 100 เมตร
ส่วนประกอบของดิน
ส่วนประกอบของดิน
ของแข็ง ก๊าซ ของเหลว
1.อนินทรียว์ัตถ ุ
แร่ หิน ที่ผุพัง ธาตุ : ออกซเิจน-ซิลิกอน
พืช : คาร์บอนไฮโดรเจน-ออกซเิจน-ไนโตรเจน-ฟอสฟอรัส
2. อินทรียว์ัตถ ุ
การสลายของสิ่งมีชีวิต(ฮิวมัส) สิ่งมีชีวิตในดิน
บริเวณป่า-ทุ่งหญ้า-ดินพรุ มีอินทรีวัตถุมาก
3. น้ าในดิน
น้ าอิสระ : น้ าที่แทรกอยู่ในช่องว่างของเนื้อดิน
น้ าซับ : น้ าที่อยู่บนผิวของอนุภาคดินและซมึซบัดินจนชุ่มชื้น
น้ าเยื่อ : น้ าที่เคลือบท่ีผิวอนุภาคดิน
ปัจจยัสร้างดินและการเปลี่ยนแปลงในดิน
ปัจจัยที่ร่วมกันในการสร้างดิน 5 ประการ ได้แก่
ภูมิอากาศ
สิ่งมีชีวิต
วัตถุต้นก าเนิดดิน
ภูมิประเทศ
และระยะเวลา
การเปลี่ยนแปลงในดิน
การเพิ่มเติม
การสูญเสีย
การแปรสภาพ
และการเคลื่อนย้าย
การจ าแนกดิน
ดินโซนัล เป็นดินที่จ าแนกตามเขตภูมิอากาศ และพืชพรรณ
ของโลก แบ่งออกเป็น 10 เขต
ดินอินทราโซนัล เป็นดินที่เกิดในเขตภูมิประเทศเฉพาะแห่ง
เช่น เกิดในแอ่ง ทะเลสาบ และในพรุน้ าขัง
ดินอะโซนัล เป็นดินที่เกิดขึ้นไม่จ ากัดเขต แต่เกิดขึ้นจาก
กระบวนการเฉพาะอย่าง เช่น ดินตะกอนน้ าพา ดินลมหอบ ดิน
ภูเขาไฟ เป็นต้น
หน้าตัดดิน
ป่า-สีคล้ า
พื้นที่เกษตร
เหล็กออกไซด์สะสม
ไม่มีการสะสมของอินทรยี์