Upload
others
View
7
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
ความรูเร่ืองโรคหนอนพยาธิ
โรคหนอนพยาธิเปนโรคติดตอเร้ือรังซ่ึงปญหาสาธารณสุขท่ีสําคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะอยางยิ่งในกลุมเด็กนกัเรียนและเยาวชนในพ้ืนท่ีชนบทหางไกลและถ่ินทุรกันดาร ซ่ึงเปนปญหาตอสุขภาพในวัยท่ีกําลังเจริญเติบโตท้ังทางรางกายและสติปญญา สาเหตุสวนใหญเปนเพราะการกินอยูไมถูกสุขลักษณะ สุขาภิบาลส่ิงแวดลอมไมดี ไมถายอุจจาระลงในสวม ไมสวมรองเทาเม่ือเดินบนพืน้ดิน มือสกปรก กนิอาหารไมสะอาด ปรุงไมสุก กินเนื้อสัตวสุกๆ ดิบๆ สงผลใหมีการแพรกระจายของโรคพยาธิ หากเปนมากจนเร้ือรังมีโอกาสเปนมะเร็งและตายได อยางไรก็ด ีกระบวนการสุขศึกษาท่ีมีประสิทธิภาพ ใหประชาชนเกิดการเรียนรูเกี่ยวกับโรคหนอนพยาธิ มีทักษะท่ีจะปองกันไมใหเปนโรคหนอนพยาธิ มีการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพท่ีถูกตอง สงผลใหมีคุณภาพชีวิตท่ีดแีบบยั่งยืนอันเปนท่ีพึ่งของตนเองและของชุมชนไดอนาคต โรคหนอนพยาธิท่ียังคงเปนปญหาในการกอโรค และตรวจพบไดบอยๆ ท่ีควรรูจัก ตามกลุมชนิดของพยาธิ คือ 1. กลุมพยาธิตัวกลม ไดแก พยาธิปากขอ พยาธิสตรองจิลอยดิส พยาธิไสเดือน พยาธิแสมา และ พยาธิเข็มหมุด 2. กลุมพยาธิตัวแบน ไดแก พยาธิใบไมตับ พยาธิใบไมลําไส พยาธิตืดหมู และ พยาธิตืดวัว
วิธีการท่ีหนอนพยาธิเขาสูคน มี 3 ทาง ดังนี ้1. ทางการกินโดยปนเปอนกับอาหาร ผัก เชน พยาธิไสเดอืน พยาธิแสมา พยาธิใบไมตับ
พยาธิตืด 2. ทางผิวหนัง โดยการไชเทา เชน พยาธิปากขอ พยาธิสตรองจิลอยดิส พยาธิตัวจีด๊ 3. ทางหายใจหรือกินไขพยาธิเขาไปหรืออาจทางเพศสัมพนัธ ไดแก พยาธิเข็มหมุด
พยาธิปากขอ เช้ือกอโรค : พยาธิปากขอ (Hook worms)
พยาธิปากขอเปนพยาธิตัวกลมในลําไส มีลักษณะสีครีมปนเทา สวนหัวของพยาธิจะโคงงอขึ้นไป
ดานหลังเล็กนอย ทําใหเห็นมีลักษณะคลายตะขอ (hook) ซึ่งมีแหลงรังโรคอยูในคน ตัวเต็มวัยหรือตัวแกของพยาธิ
ปากขออาศัยอยูในลําไสเล็กของคน พบมากในทุกภาคของประเทศไทย แตการติดโรคสูงในภาคใต ตลอดจนพื้นที่
ทุรกันดาร และชาวเขา โดยเฉพาะในกลุมเด็กนักเรียน
ปจจัยท่ีทําใหติดโรคพยาธิปากขอ : คนที่ติดโรคพยาธิปากขอ โดยการเดินเทาเปลาไปตามพื้นดินที่ช้ืนแฉะ ซึ่งมีตัวออนระยะติดตอ
ของพยาธิปากขออาศัยอยู และจะไชเขาสูผิวหนังของคน ซึ่งในท่ีพื้นดินช้ืนแฉะนั้น จะมีปริมาณอาหารอุดมสมบูรณ ซึ่ง
มักเปนพวกซากเนาเปอยของพืชผัก จะทําใหตัวออนของพยาธิปากขอเจริญ และมีชีวิตอยูไดนาน จึงทําใหเกิดการติด
สูคนไดงาย
วัฏจักรชีวิตพยาธิปากขอ
พยาธิตัวออน เมื่อไชเขาผิวหนังแลวจะเขาไปตามกระแสเลือดสูปอด และเจริญเติบโตลอกคราบ
แลวคลานเขาสูหลอดลม เมื่อคนไอตัวออนพยาธิจะขึ้นมาที่หลอดคอ แลวถูกกลืนลงสูกระเพาะอาหาร ตัวออนพยาธิ
เมื่อเขาสูลําไสเล็กเจริญเติบโตเปนตัวเต็มวัย พยาธิตัวผูและตัวเมียเมื่อมีการผสมพันธุกันแลว ตัวเมียออกไขปน
ออกมาในอุจจาระ เมื่ออุจจาระตกลงสูพื้นดิน พยาธิจะออกจากไขไปเปนตัวออนระยะติดตออยูตามพื้นดิน
อาการแสดง : ผิวหนังบริเวณที่พยาธิตัวออนไชเขาไป จะมีอาการคันมาก พยาธิตัวออนขณะท่ีอยูในปอดจะทําให
ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ มีอาการไอ สวนพยาธิตัวเต็มวัยซึ่งอยูในลําไสเล็กจะเกาะและดูดเลือดจากผนังลําไส
ทําใหคนสูญเสียเลือด ออนเพลีย โลหิตจาง ในเด็กจะทําใหการเจริญเติบโตทั้งรางกายและสติปญญาไมดี
พัฒนาการเรียนรูของเด็กชากวาปกติ การตั้งใจเรียนและการเรียนรูต่ํา
การวินิจฉัย :
การตรวจอุจจาระหาไขพยาธิปากขอ โดยใชกลองจุลทรรศน ลักษณะของไขพยาธิปากขอ :
ไขพยาธิปากขอมีรูปรางกลมรี คลายรูปไข เปลือกบางใส
เมื่อตรวจพบในอุจจาระท่ีถายใหมๆ ภายในมีเซลลไขที่แบงตัว 4–6
เซลล
ลักษณะตัวออนระยะติดตอของพยาธิปากขอ :
การรักษา :
ใชยาอัลเบนดาโซล (Albendazole) ขนาดยา 400 มิลลิกรัม
รับประทาน 2 เม็ด หลังอาหารคร้ังเดียว สําหรับผูปวยที่อายุเกิน 2 ป ขอหามใช - หามใชยาในหญิงตั้งครรภ
- หามใชในเด็กอายุต่ํากวา 2 ป
การปองกันและควบคุมโรค :
ไมเดินเทาเปลาขณะออกนอกบานหรือบนพืน้ดนิ
(การสวมรองเทาหุมสนจะปองกนัโรคไดดี)
1.
ถายอุจจาระในสวมที่ถูกสุขลักษณะทุกครั้ง 2. มีสุขอนามัยสวนบุคคลท่ีดี ลางมือกอนรับประทานอาหารและหลังจากถายอุจจาระ 3. รับประทานอาหารและด่ืมน้ําที่สุกและสะอาด 4. เผยแพรความรูแกประชาชนในชุมชน เกี่ยวกับการติดตอและอันตราย
จากโรคพยาธิปากขอ
5.
พยาธิสตรองจิลอยดิสหรือพยาธิเสนดาย
เช้ือกอโรค : พยาธิสตรองจิลอยดิส (Strongyloides stercoralis)
พบมากในเขตรอน ที่มีฝนตกชุกในแหลงเดียวกับท่ีมีการระบาดของพยาธิปากขอ เปนพยาธิตัว
กลมเพียงชนิดเดียวที่สามารถเจริญเปนพยาธิตัวเต็มวัยไดทั้งในรางกายและนอกรางกาย พยาธิตัวเต็มวัยฝงตัวอยู
ในเย่ือบุผนังลําไสเล็กเปนสวนใหญ โดยมีแหลงรังโรคอยูที่คน สุนัข แมว ลิง ชะนี เปนตน
ปจจัยท่ีทําใหติดพยาธิ : การเดินเทาเปลา ทําใหพยาธิตวัออนที่อยูในพื้นดินไชผิวหนังได และโดยการกินตัวออนระยะติดตอ ซึ่งปนเปอน
มากับอาหารและน้ําดื่มท่ีไมสะอาด
วัฏจักรชีวิตพยาธิสตรองจิลอยดิส หรือพยาธิเสนดาย
เมื่อตัวออนพยาธิไชเขาผิวหนังแลวเขาสูกระแสเลือดดําไปยังปอด ลอกคราบแลวคลานสู
หลอดลม เมื่อคนไอตัวออนพยาธิจะขึ้นมายังหลอดคอแลวถกูกลืนลงไปสูลําไสเล็ก เจริญเติบโตเปนตัวแก พยาธิตัว
ผูและตัวเมียผสมพันธุกัน ตัวเมยีออกไขและฟกเปนตัวออนในลาํไส แลวปนออกมากับอุจจาระ เมื่อถึงพื้นดนิพยาธิ
ตัวออนจะเจริญเปนระยะติดตอ พรอมท่ีจะไชเขาผิวหนังตอไป
ถาในพ้ืนดนิมีความช้ืนแฉะและสารอาหารท่ีเหมาะสม พยาธิตัวออนจะเจริญตอจนเปนตัวแกใน
พื้นดิน แลวผสมพันธุออกลูกเปนตัวออน ซึ่งการเจริญเติบโตในดินเปนแบบอิสระไมตองอาศัยอยูในตัวคนหรือสัตว
ผูปวยหลายรายท่ีมีตัวออนระยะติดตอไชผานผิวหนังบริเวณทวารหนักเขาไปในรางกายอีก ทําใหจํานวนพยาธิเพิม่ขึ้น
ทําใหพยาธิตดิเช้ืออยูในรางกายไดเปนเวลาหลายป
อาการแสดง :
คันตามงามนิ้วเทาหรือบริเวณทีต่ัวออนพยาธิไชเขาไป มีอาการปวดทอง ทองรวง
มีการทําลายเย่ือบุลําไส ซึ่งอาจทําใหเกดิลําไสอักเสบรุนแรง และการดดูซึมอาหารของลําไสไมดี จึงมีอาการขาด
สารอาหาร
การวนิิจฉัย :
ตรวจหาตัวออนในอุจจาระทางหองปฏิบัติการ
ลักษณะของตัวออนระยะติดตอของสตรองจิลอยดิส หรือพยาธิเสนดาย:
การรักษา :
ใชยาอัลเบนดาโซล (Albendazole) ขนาดยา 400 มิลลิกรัม
ใหรับประทานยา 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง เชา-เย็น ติดตอกนั 3 วัน พัก 1 สัปดาห จากนั้นใหยาขนาดเดียวกันซ้ําอีก
ครั้ง, จํานวนยาที่ตองรับประทานทั้งส้ิน 24 เม็ด
การปองกันและควบคุมโรค :
ไมเดินเทาเปลาบนพ้ืนดินที่ช้ืนแฉะ หรือเมื่อออกนอกบาน 1. ถายอุจจาระลงสวมที่ถูกสุขลักษณะ 2. ใหความรูเกี่ยวกับโรคพยาธิเสนดายหรือสตรองจิลอยดิส เพื่อปองกันการติดโรค 3. ผูปวยที่เปนโรคพยาธิตองรักษาใหหายขาด ดวยการรับประทานยาใหครบตามจํานวนที่
กําหนดไว
4.
พยาธิไสเดือน เช้ือกอโรค : พยาธิไสเดือน (Ascaris lumbricoides)
เปนพยาธิตัวกลมในลําไสที่มีขนาดใหญที่สุด พยาธิตัวเต็มวัยอาศัยอยูในลําไสเล็กของคน รูปรางทรงกระบอก
ยาว ตัวและหางเรียวเล็ก มีแหลงรังโรคอยูในคน พบมากในเขตรอนและอบอุน ที่มีความช้ืนสูง หรือในแหลงชุมชน
แออัด โดยเฉพาะในพืน้ทีถ่ิ่นทุรกนัดาร และกลุมชาวเขา
ปจจัยท่ีทําใหติดพยาธิไสเดือน :
จากการกนิผักสดที่ไมไดลางใหสะอาด หรือดื่มน้ําที่มีการปนเปอนของไขพยาธไิสเดือนระยะตดิตอเขาไป หรือใน
เด็กเลก็ๆ อาจติดโดยการเลนดนิรอบๆ บาน ที่มีการปนเปอนของไขพยาธิไสเดือนระยะติดตอ ซึ่งการติดตอโรค
พยาธิไสเดือนพบไดทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในเด็กจะติดโรคนีม้ากกวาผูใหญ เนื่องจากอนามัยสวนบุคคลท่ีไม
ถูกตอง เชน การไมลางมือใหสะอาดกอนรับประทานอาหารและหลังเขาหองสวม รวมถึงภูมิคุมกันตอโรคที่ต่ํา
กวาในผูใหญ
วัฏจักรชีวิตพยาธิไสเดือน
ตัวเต็มวัยหรือตัวแกอาศัยอยูในลําไสเล็ก ตัวเมียและตัวผูผสมพันธกันแลวตัวเมียออกไขปน
ออกมากับอุจจาระ เมื่อคนกินไขพยาธิโดยปนเปอนไปกับอาหารและนํ้าดื่ม ไขพยาธิลงสูกระเพาะอาหาร ตัวออนฟก
ออกจากไขแลวไชผานผนังลําไสไปยังตับ แลวไปตามกระแสเลือดสูปอด แลวเดินทางมายังหลอดลม เมื่อคนไอตัว
ออนพยาธิจะขึ้นมายังหลอดคอแลวถูกกลืนลงสูกระเพาะอาหารไปเจริญเติบโตเปนพยาธิตัวแกอยูในลําไสเล็ก
อาการแสดง :
• ทําใหหงุดหงิด ออนเพลีย ปวดทอง คล่ืนไส ในเด็กพยาธิอาจออกมาพรอมกับอาเจียนทางปาก
บางครั้งอาจออกมาทางจมูกดวย พยาธิตัวแกในลําไสจะแยงอาหาร ทําใหเกิดภาวะทุพ
โภชนาการ ถาตัวแกเขาไปในทอลําไส หรือทอตับออน อาจทําใหปวดทองอยางรุนแรง
• อาการอ่ืนๆ เชน อาการไอ ในระหวางท่ีพยาธิเคลื่อนที่ไปที่ปอด
การวินิจฉัย :
โดยการตรวจอุจจาระหาไขพยาธิไสเดือน โดยใชกลองจุลทรรศน
ลักษณะของไขพยาธิไสเดือน ท่ีตรวจพบในอุจจาระมี 3 ชนิด
1. ไขท่ีผสมพันธุแลว (Fertilized egg) เปนไขที่พบทั่วไปในอุจจาระ รูปรางเปนรูปไข
คอนขางกลม เปลือกไขช้ันนอกหนา ขรุขระ มีสี
น้ําตาลทอง เปลือกไขช้ันกลางเรียบหนาและไมมีสี
เปลือกไขช้ันในสุดบางเรียบ ภายในไขเปนเซลลไข
(Yolk cell)
2. ไขท่ีไมไดผสมพันธุ (Unfertilized egg) รูปรางยาวกวาไขที่ผสมพันธแลว รูปรางไมคงท่ี มี
เปลือกเพียง 2 ช้ัน เปลือกช้ันนอกบางและขรุขระ
มีสีเหลืองทอง เปลือกช้ันในบาง ภายในไขมี
แกรนูลลที่เปนสารเลซิธิน (Lecithin granules)
ขนาดใหญ-เล็กปนกัน
ไขท่ีเปลือกช้ันนอกหลุด (Decorticated egg) เปนไขชนิดที่ผสมพันธุแลว และที่ยังไมไดผสม
พันธุ ที่สูญเสียเปลือกช้ันนอกที่ขรุขระไป ทําให
เห็นเปลือกไขหนาเรียบใส ไมมีสี มีขอบหนา
มองเห็น 2 ช้ันชัดเจน
3.
การรักษา : ใชยาอัลเบนดาโซล (Albendazole) ขนาดยา 400 มิลลิกรัม
ใหรับประทานยา 2 เม็ด หลังอาหารคร้ังเดียว สําหรับผูปวยที่อายุเกิน 2 ป ขอหามใช - หามใชยาในหญิงตั้งครรภ
- หามใชในเด็กอายุต่ํากวา 2 ป
การปองกันและควบคุมโรค :
1. ลางมือใหสะอาดกอนรับประทานอาหารและหลังเขาหองสวม
2. รับประทานอาหารและด่ืมน้ําที่สะอาด โดยเฉพาะผักสดตองลางน้ําทําความสะอาดกอนนําไป
รับประทาน
3. ถายอุจจาระลงสวมที่ถูกสุขลกัษณะ
4. ปรับปรุงระบบสุขาภิบาลและการสาธารณูปโภค เชน แหลงน้ําท้ิง ขยะมูลฝอย เปนตน
5. อุจจาระสดท่ีนํามาทําปุยตองผานขั้นตอนที่สามารถฆาตัวออนในไขพยาธ ิ
กอนนํามาใช เชน ตากแหงในแสงแดดนานกวา 25 วัน
พยาธิแสมา เช้ือกอโรค : พยาธิแสมา (Trichuris trichiura)
เปนพยาธิแสมาตัวเต็มวัยมีลําตัวแบงเปน 2 สวนชัดเจน สวนหนาเรียวเล็กยาวคลายปลายแส
สวนทายมีขนาดใหญกวามีลักษณะคลายดามแส พบในเขตรอนและอบอุน ปจจุบันพบไดทุกภาคของประเทศไทย แต
พบการติดโรคสูงในภาคใต และถิ่นทุรกันดารหรือกลุมชาวเขา มีแหลงโรคอยูในคน พยาธิตัวเต็มวัยอาศัยอยูบริเวณ
ลําไสใหญตอนปลาย
ปจจัยท่ีทําใหติดพยาธิแสมา :
จากการรับประทานอาหารและดื่มน้ําที่มีการปนเปอนของไขพยาธิแสมาระยะติดตอ โดยเฉพาะ
ผักสดที่ไมไดลางน้ําทําความสะอาดกอนนํามารับประทาน
วัฏจักรชีวิตพยาธิแสมา
เมื่อคนกนิไขพยาธิแสมา ลงสูกระเพาะอาหาร พยาธิตัวออนจะออกจากไขเจรญิเติบโต เปนพยาธิตัวเต็มวัยฝง
หัวอยูในลําไสใหญสวนตน พยาธิตัวผูและตัวเมียผสมพันธุกัน ตัวเมียจะออกไขปนออกมากับอุจจาระ เมื่อ
อุจจาระท่ีมีไขพยาธิลงสูพื้นดนิ กลายเปนตัวออนระยะติดตอเจริญอยูในไขและปนเปอนเขามาในอาหารและน้ําดื่ม
ได
อาการแสดง :
ถามีพยาธิจํานวนนอยมักไมมีอาการหรืออาจมีอาการปวดทอง ถามีพยาธิเปนจํานวนมาก ทําให
เกิดอาการทองรวงอยางเรื้อรัง ปวดเบงและมีเลือดออกมาในอุจจาระ ผูใหญน้ําหนักลดลง เด็กไมเจริญเติบโตหรือมี
อาการของลําไสกลืนกัน ในบางกรณีเปนรุนแรงมาก จะมีลําไสสวนปลายปลิ้นออกมา ดังแสดงในภาพขางลางนี้
การวินิจฉัย :
โดยการตรวจอุจจาระหาไขพยาธิโดยใชกลองจุลทรรศน
ลักษณะไขพยาธิแสมา :
ไขของพยาธิแสมามีรูปรางคลายถังเบียร
มีจุกหรือปล๊ักอยูที่ขั้วไขทั้ง 2 ปลาย เปลือกม ี2 ช้ัน
ช้ันนอกเรียบหนา สีน้ําตาลหรือน้ําตาลปนดํา
การรักษา :
ใชยาอัลเบนดาโซล (Albendazole) ขนาดยา 400 มิลลิกรัม
ใหรับประทานยา 2 เม็ด หลังอาหารคร้ังเดียว สําหรับผูปวยที่อายุเกิน 2 ป
ขอหามใช - หามใชยาในหญิงตั้งครรภ
- หามใชในเด็กอายุต่ํากวา 2 ป
การปองกันและควบคุมโรค :
1. ลางมือใหสะอาดกอนรับประทานอาหาร
2. รับประทานอาหารและด่ืมน้ําที่สะอาด โดยเฉพาะผักสดตองลางน้ําทําความสะอาดกอน
นํามารับประทาน
3. ถายอุจจาระลงสวมที่ถูกสุขลกัษณะ
4. ปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค เชน แหลงน้ําทิ้ง ขยะมูลฝอย
5. ถาใชอุจจาระสดทําปุย ตองผานขั้นตอนการฆาตวัออนในไขพยาธิเสียกอน
พยาธิเข็มหมุด
เช้ือกอโรค : พยาธิเข็มหมุด (Enterobius vermicularis)
พยาธิเข็มหมุดตัวเต็มวัยหรือตัวแกมีรูปรางคลายกระสวยเรียวยาวคอนขางใส เมื่อมองดวยตา
เปลาคลายเสนดายส้ันๆ สวนหัวตอนปลายมีการแผย่ืนของสวนผิวหนังที่ตายแลว (cuticle) ออกมาทางดานหนาและ
ดานหลัง มีลักษณะเปนครีบบางๆ คลายใบมีดดานละ 1 ครีบ ทําใหมองดูคลายหัวเข็มหมุด ตัวเต็มวัยอาศัยอยู
บริเวณกระพุงลําไสใหญสวนตน จนถึงลําไสใหญสวนปลาย (rectum) สวนมากจะพบวาอัตราการเปนโรคในเด็กสูง
กวาผูใหญ
ปจจัยท่ีทําใหติดพยาธิเข็มหมุด : พยาธิเข็มหมุดติดตอเขาสูคนโดยการกินไขระยะติดตอเขาไป โดยเฉพาะในเด็กเล็กๆ เมื่อเกิด
อาการคันรอบทวารหนักเด็กก็จะใชมือเกาบริเวณทวารหนักทําใหไขติดอยูในนิ้วมือและเล็บ และเมื่อเด็กเอามือเขา
ปากหรืออมนิ้วจึงไดรับไขพยาธิระยะติดตอเขาไป พยาธิเข็มหมุดนี้ติดกันงาย จากการใชเส้ือผารวมกัน ถึงแมวาเปน
แคเพียงคนเดียวก็ตองใหการรักษาทั้งครอบครัว พบบอยในสถานท่ีคนอยูรวมกันเปนกลุม เชน โรงเรียน สถานเลี้ยง
เด็กกําพรา เปนตน
วัฏจักรชีวิตพยาธิเข็มหมุด
พยาธิตัวเต็มวัย หรือตัวแกอยูในลําไสใหญและทวารหนัก ตัวผูและตัวเมียผสมพันธุกัน พยาธิตัว
เมียจะคลานออกมาวางไขที่ผิวหนังรอบทวารหนักในตอนกลางคืน แลวคลานกลับเขาไป ไขจะติดไปตามนิ้วมือและ
เล็บจากการเกาบริเวณทวารหนักในระหวางนอนหลับ อาจพบไขติดอยูตามเส้ือผาหรือผาปูที่นอน แลวติดมาสูมือคน
เมื่อไขถูกกินเขาไปจะเจริญเติบโตเปนพยาธิตัวแกในลําไสใหญ
อาการแสดง :
มีอาการคันกนบริเวณใกลทวารหนัก ทําใหเด็กนอนไมหลับ บางคนเกาจนผิวหนังบริเวณกนเปน
แผล หงุดหงิด เบ่ืออาหาร
การวนิิจฉัย : ใชเทปใสแตะที่ทวารหนัก เมื่อตื่นนอนตอนเชา แลวนําไปแปะลงบนแผนกระจกสไลด ตรวจดูดวย
กลองจุลทรรศนจึงจะพบไขพยาธิ
ลักษณะของไขพยาธิเข็มหมุด :
ดานหนึ่งโคง อีกดานหนึ่งเรียบ ดูคลายตัวอักษรตัว “D” เปลือกไขเรียบใสไมมีสีและหนา ภายใน
มีตัวออน และเปนไขพยาธิระยะติดตอ
การรักษา :
ใชยาอัลเบนดาโซล (Albendazole) ขนาดยา 400 มิลลิกรัม
ใหรับประทานยา 2 เม็ด หลังอาหารคร้ังเดียวในผูปวยอายุเกิน 2 ป
การปองกันและควบคุมโรคพยาธิเข็มหมุด :
1. ลางมือใหสะอาดหลังเขาสวมและกอนรับประทานอาหารทุกครัง้
2. ตัดเล็บใหสัน้อยูเสมอ
3. สวมเส้ือผาที่สะอาดและใชผาปูนอน ที่นอน หมอน ผาหม นําออกผ่ึงแดดอยูเสมอ
4. ทําความสะอาดภายในบานทุกวัน
พยาธิใบไมตับ เช้ือกอโรค : พยาธิใบไมตับ (Opisthorchis viverrini)
พยาธิตัวเต็มวัยรูปรางคลายใบไมแบนยาว สวนทายปานกวาสวนหนา ขณะมีชีวิตมีสีเนื้อบางใส พบอยูในทางเดินน้ําดี และทอน้ําดีของตับในคน พบไดทุกภาคของประเทศแตพบสูงที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน) และภาคเหนือ
ปจจัยท่ีทําใหเกิดโรค :
คนติดโรคจากการกินปลาน้ําจืดชนิดมีเกล็ดขาว ตระกูลปลาตะเพียนและท่ีคลายกัน เชน ปลาแมสะแดง ปลาขาวนา เปนตน ที่มีถุงซีสตตัวออนระยะติดตอของพยาธิ (Metacercaria) อยูในเนื้อปลา โดยไมปรุงใหสุกเสียกอน เชน กอยปลา ลาบปลาดิบ สมปลา ปลาราดิบหรือหมักไมถึง 6 เดือน
เปนตน
วัฏจักรชีวิตพยาธิใบไมตับ
คนกนิตัวออนเมตาเซอรคาเรียของพยาธิที่อยูในเนื้อปลา เมื่อลงสูกระเพาะอาหาร ตัวออนจะออกจากซีสต เคลื่อนตัวเขาสูทอน้ําดี ไปเจริญเปนตัวพยาธิตัวเต็มวัยในทอน้ําดีที่อยูในตับ พยาธิชนิดนี้มีอวัยวะเพศผูและเพศเมียอยูในตัวเดียวกัน เมื่อพยาธิออกไข ไขจะปนออกมากับน้ําดี ลงสูลําไสเล็กและปนออกมากับอุจจาระ ไขเมื่อลงสูแหลงน้ําจะถูกกินโดยบิไทเนียหรือหอยไซ ซึ่งเปนพาหะกึ่งกลางตัวที่หนึ่ง ตัวออนของพยาธิจะเจริญเปนระยะเซอรคาเรียในหอย แลวออกจากหอยวายน้ําไปหาปลา ซึ่งเปนพาหะกึ่งกลางของพยาธิตัวที่สอง จากนั้นไชเขาปลาผานทางใตเกล็ดไปอยูในเนื้อปลา เจริญตอไปเปนตัวออนระยะติดตอเมตาเซอรคาเรีย
อาการแสดง :
- เบ่ืออาหาร ทองอืด ทองเฟอ อาหารไมยอย ปวดทอง - พยาธิตัวเต็มวัยจะระคายเคืองผนังทอน้ําดี ทําใหทอน้ําดีอักเสบ และเกิดการอุดตันของทอ
น้ําดี จึงทําใหเกิดอาการดีซาน คือ ตัวเหลือง ตาเหลือง มีอาการไข และเจ็บใตชายโครงขวาบริเวณตับ
- ถาติดโรคพยาธิใบไมตับนานๆ จะเกิดอาการตับโต ทองมาน และบวมตามขา - มีโอกาสเปนมะเร็งทอน้ําดีของตับ และเสียชีวิตได
การวนิิจฉัย :
โดยการตรวจหาไขพยาธิใบไมตับในอุจจาระ โดยใชกลองจุลทรรศน
ลักษณะของไขพยาธิใบไมตับ :
รูปรางรี สีน้ําตาลปนเหลือง เมื่อหลุดออกปนมากับอุจจาระใหมๆ มีตัวออนเจริญเต็มท่ีอยูภายใน มีฝาปด มีไหลและติ่งอยูดานตรงขามฝา
ลักษณะของตัวออนของพยาธิใบไมตับ :
เซอรคาเรีย ในหอย
เมตาเซอรคาเรยี ในปลานํ้าจืด
พาหะก่ึงกลางของพยาธิใบไมตับ :
หอยบิไทเนีย หรือหอยไซไซ ปลานํ้าจืดเกล็ดขาว
การรักษา :
ใชยาปราซิควอนเทล (Praziquantel)
ขนาดยา 40 มิลลกิรัม ตอน้าํหนักตัว 1 กิโลกรัม
รับประทานครั้งเดียว หลังอาหารเย็นหรือกอนนอน
การปองกันและควบคุมโรค
1. รับประทานอาหารท่ีทําจากปลาน้ําจืดชนิดมีเกล็ด โดยปรุงใหสุกดีดวยความรอน 2. ถายอุจจาระในสวมที่ถูกสุขลักษณะ 3. ไมควรใหเศษอาหารดิบแกสุนัข และแมว ซึ่งเปนสัตวรังโรค 4. รบัการตรวจอุจจาระและทําการรักษาผูที่เปนโรคพยาธิใบไมตับทุกคนอยางนอย ปละครั้ง
พยาธิใบไมลําไส เช้ือกอโรค : พยาธิใบไมลําไส (Intestinal fluke)
ตัวเต็มวัยอาศัยอยูในลําไสเล็กหรือลําไสใหญ พยาธิใบไมลําไสมีหลายฃนิด โดยแบงตามขนาดของตัวเต็มวัย คือ
- พยาธิใบไมลําไสขนาดใหญ - พยาธิใบไมลําไสขนาดกลาง - พยาธิใบไมลําไสเล็ก
พยาธิใบไมลําไสที่มีความสําคัญและตรวจพบไดบอยๆ คือ 1. Fasciolopsis buski เปนพยาธิใบไมลําไสขนาดใหญ 2. Echinostoma spp. เปนพยาธิใบไมลําไสขนาดกลาง 3. Heterophyes spp. เปนพยาธิใบไมลําไสขนาดเลก็
ตัวเต็มวัย
ลักษณะไข
พยาธิใบไมลําไสขนาดใหญใหญ พยาธิใบไมลําไสขนาดกลาง พยาธิใบไมลําไสขนาดเล็ก
พยาธิใบไมลําไสขนาดใหญ : Fasciolopsis buski
ตัวเต็มวัยเกาะอยูที่ผนังลําไสเล็กสวนตน
และสวนกลาง ลักษณะลําตัวแบน เมื่อยังมีชีวิตอยูจะมีสีคลายเนื้อสด
พบในลําไสของคนและหนู
ปจจัยท่ีทําใหเกิดโรค :
กินตัวออนระยะติดตอเมตาเซอรคาเรีย (Metacercaria) ที่เกาะอยูทีผิ่วของพืชน้ํา เชน กระจับ แหว ผักบุง สายบัว
วัฏจักรชีวิต :
ไขออกมากับอุจจาระลงนํ้า
หอยนํ้าจืดกินตัวออนเซอรคาเรีย
ตัวออนระยะติดตอ (เมตาเซอรคาเรีย) เกาะอยุบนผิวหรือเปลือกของพืชนํ้า เชน กระจับ แหว
ตัวออนเซอรคาเรียวายอยูในนํ้า
คนกินพืชนํ้าที่มี ตัวออนระยะติดตอ
ตัวเต็มวัยอาศยัอยูในลําไสเล็กของคน
เมื่อคน หมู หรือสุนัข ที่เปนโฮสทจําเพาะกินตัวออนเมตาเซอรคาเรียของพยาธิเขาไป พยาธิจะไปเจริญเติบโตเปนตัวเต็มวัยอยูในลําไสเล็กสวนตน พยาธิออกไขปนมากับอุจจาระ เมื่อลงสูแหลงน้ําจืด ตัวออนออกจากไขไปเขาสูหอยน้ําจืดคลายหอยทาก แลวเจริญพันธุแบงตัวมากมาย แลวออกจากหอยไปเปนตัวออนระยะติดตอ เกาะติดอยูกับพืชน้ํา เชน กระจับ แหว เปนตน
อาการแสดง : พยาธิตัวเต็มวัย อาจทําใหเปนแผลที่ผนังลําไส อาการทองรวง สลับกับทองผูก อาเจียน เบ่ือ
อาหาร บางครั้งอาจพบตัวพยาธิในอาเจียนของผูปวย ถามีพยาธมิากอาจเกิดลําไสอุดตัน การวนิิจฉัย :
ตรวจหาไขพยาธิในอุจจาระ โดยใชกลองจุลทรรศน
ลักษณะของไข :
รูปยาวรี เปลือกสีเหลืองปนน้ําตาล ปลายขางหนึ่งมีฝาเล็กๆ เห็นไมชัดเจน
การรักษา :
ใชยาปราซิควอนเทลขนาดยา 15 มิลลิกรัม ตอน้ําหนกัตัว 1 กิโลกรัม รับประทานครั้งเดียวกอนนอน
การปองกันและควบคุมโรค : 1. ไมรับประทานพชืน้ํา เชน กระจับ แหว หรือผักสด ดิบๆ 2. ถายอุจจาระลงสวมที่ถูกสุขลกัษณะ 3. ใหการศกึษาเรื่องวงจรชีวิต และการติดตอของพยาธิชนิดนี้แกประชาชน 4. ใหยาฆาพยาธิแกผูที่เปนโรคเพือ่ตัดวงจร แพรโรค
พยาธิใบไมลําไสขนาดกลาง : Echinostoma spp.
ตัวเต็มวัยอาศัยอยูที่ผนังลําไสเล็กของสัตวปก
เชน เปด หาน และสัตวเลี้ยงลกูดวยนม เชน คน หน ูสุนัข แมว
ลักษณะลําตัวแบน สวนหัวเปนรูปเกือกมามหีนามที่แผงคอ
ปจจัยท่ีทําใหเกิดโรค :
กินหอยน้ําจืด เชนหอยโขง ที่มตีัวออนระยะติดตอ (เมตาเซอรคาเรีย) ของพยาธิชนิดนี้อยู โดยไมปรุงใหสุกเสียกอน
วัฏจักรชีวิต :
เมื่อคน หนู หรือสุนัขกินตัวออนระยะติดตอ (เมตาเซอรคาเรีย) ของพยาธิชนิดนี้ที่อยูในหอยน้ําจืด เชนหอยขม หอยโขง หอยลิมาเนีย เปนตัน พยาธิจะไปเจริญเติบโตเปนตัวเต็มวัยอยูในลําไสเล็กสวนตน พยาธิออกไขปนมากับอุจจาระ เมื่อลงสูแหลงน้ําจืด ตัวออนออกจากไขไปเขาสูหอยน้ําจืดชนิดเล็กคลายหอยทาก เจริญพันธแบงตัวมากมาย แลวออกจากหอยไปเปนตัวออนระยะติดตอ
ไขออกมากับอุจจาระลงนํ้า
หอยนํ้าจืดกินตัวออนเซอรคาเรีย
ตัวออนระยะติดตอ (เมตาเซอรคาเรีย) อยุในหอยน้ําจืด เชน หอยโขง
ตัวออนเซอรคาเรียวายอยูในนํ้า
คนกินหอยโขงดิบๆ ที่มีตัวออนระยะติดตอ
ตัวเต็มวัยอาศัยอยูในลําไสเล็กของคน
อาการแสดง : พยาธิตัวเต็มวัย มีโอกาสทําใหเปนแผลที่ผนังลาํไส อาการทองรวง สลับกับทองผูก อาเจียน
เบ่ืออาหาร บางครั้งอาจพบตัวพยาธิในอาเจียนของผูปวย ถามีพยาธิมากอาจทําใหเกิดลําไสอุดตัน การวนิิจฉัย :
ตรวจหาไขพยาธิในอุจจาระ โดยใชกลองจุลทรรศน
ลักษณะของไข :
รูปยาวรี เปลือกสีเหลืองปนน้ําตาล ปลายขางหนึ่งมีฝาเล็กๆ เห็นไมชัดเจน
การรักษา :
ใชยาปราซิควอนเทลขนาดยา 15 มิลลิกรัม ตอน้ําหนกัตัว 1 กิโลกรัม รับประทานครั้งเดียวกอนนอน
การปองกันและควบคุมโรค : 1. ไมรับประทานหอยน้ําจืด เชน หอยขม หอยโขง ที่ปรุงไมสุก หรอืดิบๆ 2. ถายอุจจาระลงสวมที่ถูกสุขลกัษณะ 3. ใหการศกึษาเรื่องวงจรชีวิต และการติดตอของพยาธิชนิดนีแ้กประชาชน 4. กําจัดหอยที่เปนโฮสทตัวกลาง 5. ใหยาฆาพยาธิแกผูที่เปนโรคนี้ เพื่อตัดวงจรแพรโรค
พยาธิใบไมลําไสขนาดเล็ก : Heterophyes spp.
ตัวเต็มวัยอาศัยอยูที่ผนังลําไสเล็กของสัตวปก เชน
เปด หาน และสัตวเลี้ยงลูกดวยนม เชน คน หน ู สุนัข แมว
ลักษณะลําตัวแบน สวนหัวเปนรูปเกือกมามหีนามที่แผงคอ
ปจจัยท่ีทําใหเกิดโรค :
กินปลาน้ําจืดที่มีตัวออนระยะติดตอ (เมตาเซอรคาเรีย) ของพยาธิชนิดนี้ โดยไมไดปรุงใหสุกเสียกอน
วัฏจักรชีวิต :
คน หนู หรือสุนัข กินตัวออนระยะติดตอ (เมตาเซอรคาเรีย) ของพยาธิที่อยูในปลาน้ําจืดเกล็ดขาวเขาไป พยาธิจะไปเจริญเติบโตเปนตัวเต็มวัย อยูในลําไสเล็กสวนตน พยาธิออกไขปนมากับอุจจาระ เมื่อลงสูแหลงน้ําจืด ตัวออนออกจากไขไปเขาสูหอยน้ําจืดแลวเจริญพันธุแบงตัวมากมาย แลวออกจากหอยไชเขาใตเกล็ดปลานํ้าจืดไปเปนตัวออนระยะติดตอ
ตัวเต็มวัยอาศัยอยูในลําไสเล็กของคน
หอยนํ้าจืดกินตัวออนเซอรคาเรีย
ตัวออนระยะติดตอ (เมตาเซอรคาเรีย) อยุในปลาน้ําจืดเกล็ดขาว
ตัวออนเซอรคาเรียวายอยูในนํ้า
ไขออกมากับอุจจาระลงนํ้า
คนกินปลานํ้าจืดเกล็ดขาวดิบๆ ที่มีตัวออนระยะติดตอ
อาการแสดง : พยาธิตัวเต็มวัย มีโอกาสทําใหเปนแผลที่ผนังลาํไส อาการทองรวง สลับกับทองผูก อาเจียน
เบ่ืออาหาร บางครั้งอาจพบตัวพยาธิในอาเจียนของผูปวย การวนิิจฉัย :
ตรวจหาไขพยาธิในอุจจาระ โดยใชกลองจุลทรรศน
ลักษณะของไข :
รูปยาวรี เปลือกสีเหลืองปนน้ําตาล ปลายขางหนึ่ง
มีฝาเล็กๆ เห็นไมชัดเจน ซึ่งมีลักษณะและขนาดคลายกับไขพยาธิใบไมตับ
การรักษา :
ใชยาปราซิควอนเทลขนาดยา 15 มิลลิกรัม ตอน้ําหนกัตัว 1 กิโลกรัม รับประทานครั้งเดียวกอนนอน
การปองกันและควบคุมโรค : 1. ไมรับประทานปลาน้ําจืดเกล็ดขาวที่ปรุงไมสุก หรือดิบๆ 2. ถายอุจจาระลงสวมที่ถูกสุขลกัษณะ 3. ใหการศกึษาเรื่องวงจรชีวิต และการติดตอของพยาธิชนิดนีแ้กประชาชน 4. ใหยาถายพยาธแิกผูที่เปนโรคนี ้
พยาธิตืดหมู เช้ือกอโรค : พยาธิตืดหม ู(Taenia solium)
เปนพยาธิตัวแบนที่พบไดในภาคกลาง ภาคเหนอื และในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบคนใน
กลุมท่ีชอบกนิอาหารที่ปรุงดวยเนื้อหมูดิบๆ สุกๆ เปนอาหาร
ปจจัยท่ีทําใหเกิดโรค :
เกิดจากการรับประทานเนื้อหม ูที่มีเม็ดสาค ูซึ่งเปนที่อยูของตัวออนพยาธิตัวตดืเขาไปโดยไมปรุงอาหารใหสุกกอน หรือปรุงสุกๆ ดิบๆ เชน ลาบ หมูดิบ พลาหมูดิบ หลู สา หรือรับประทานผักสดท่ีลางไมสะอาด และมีไขพยาธิอยู ทําใหติดโรคพยาธิตืดหมูได ตัวออนระยะติดตอ
(cysticercus cellulosae)
ื ็ ส ใ ื้
วัฏจักรชีวิตพยาธิตืดหมู
พยาธิตัวเต็มวัยหรือตัวแกอยูในลําไสเล็กของคน เมื่อปลองแกของพยาธิหลุดออกมากับอุจจาระลงสูพื้นดิน หมูกินไขพยาธิเขาไปในกระเพาะอาหาร ตวัออนออกจากไขเขาไปตามกระแสเลือด ไปฝงตัวเปนถุงซีสตเล็กๆ เปนตัวออนระยะติดตอ (cysticercus cellulosae) อยูตามอวัยวะตางๆ เมื่อคนกินเนื้อหมูปรุงไมสุกที่มีถุงซีสตลักษณะคลายเม็ดสาคูเขาไป พยาธิตัวออนจะไปเจริญเปนตัวแกในลําไส
ถาคนบังเอิญไปกินไขของพยาธิตืดหมู หรือไขออกจากปลองแกในลําไสของตนเอง ตัวออนจะออกจากไข เขาสูกระแสเลือดไปยังอวัยวะสวนตางๆ ของรางกาย เกิดเปนถุงซีสตเล็กๆ คลายกับที่เกิดในหมู ซึ่งจะกอใหเกิดอาการรายแรงมากกวาตัวแกในลําไสเล็ก
อาการแสดง :
คลื่นไส อาเจียน น้ําหนกัลด บางครั้งพยาธิรวมตัวกันเปนกอนอุดลําไส ถามีถุงซีสตอยูในอวัยวะสําคัญ เชน สมอง ตา จะเปนอันตรายมาก อาจเกิดอาการปวดศีรษะอยางรุนแรง ชัก หมดสติได
การตรวจวินิจฉัย :
โดยการตรวจหาไขพยาธิตืดหมดูวยกลองจุลทรรศน
ลักษณะไขของพยาธิตืดหมู :
มีรูปรางกลมภายในไขมีตัวออนอยูภายใน มีขอ (hooks) เปนรัศมีลอมรอบ
การรักษา :
ใชยาปราซิคคอนเทล (Praziquantel) ขนาดยา 10-20 มิลลิกรัม
ตอน้ําหนกัตัว 1 กิโลกรัม ใหรับประทานครั้งเดียว กอนนอน
การปองกันและควบคุมโรค :
โรคพยาธิตืดหม ู(Taeniasis solium) ปองกันไดโดย
1. รับประทานอาหารที่ปรุงดวยเน้ือหมูที่สุก หรือเนื้อหมูที่ผานการทําลายตัวออนระยะติดตอ (Cysticercus) แลว เชน การฉายรังสี หรือเก็บเนื้อหมูไวในตูเย็น –20๐ซ. นาน 12 ช่ัวโมง
2. ถายอุจจาระลงในสวมที่ถูกสุขลักษณะ 3. อนามัยสวนบุคคล ลางมือใหสะอาดกอนรับประทานอาหาร 4. เลี้ยงหมูในคอกท่ีสะอาดและถูกอนามัย 5. จัดการโรงฆาสัตวใหสะอาดถูกอนามัยโดยแยกเนื้อหมูที่ดีไมควรจะปนเปอนกับเศษเนื้อหมู
พยาธิตืดวัว เช้ือกอโรค : พยาธิตืดวัว (Taenia Saginata)
ตัวเต็มวัยมีรูปรางคลายแถบริบบ้ินยาวประมาณ 5-10 เมตร พบตัวเต็มวัยอาศัยอยูในลําไสเล็กของคน พบมากทางภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ปจจัยท่ีทําใหเกิดโรคพยาธิตืดวัว :
ติดตอโดยการรับประทานเนื้อวัว ที่มีตัวออนระยะติดตอหรือเมด็สาคู (cysticercus bovis) เขาไป โดยไมปรุงอาหารใหสุกกอนหรือปรุงสุกๆ ดบิๆ เชน ลาบ เนื้อดิบ หลู สา เปนตน หรือรับประทานผักสดท่ีลางไมสะอาด และมีไขพยาธิอยู ทําใหเกดิการติดโรคพยาธิตืดวัว
ตัวออนระยะติดตอ
(cysticercus bovis) หรือเม็ดสาคูในเน้ือวัว
วัฏจักรชีวิตพยาธิตืดวัว
คนรับประทานเนื้อวัวที่มีถุงซีสตตัวออนระยะติดตอหรือเม็ดสาค ู(cysticercus bovis) เมื่อไปถึงลําไสเล็ก ตัวออนออกจากซีสตเจริญเติบโตเปนตัวเต็มวัย พยาธิตืดวัวมีอวัยวะเพศผูและเพศเมียอยูในตัวเดยีวกัน จึงผสมพันธุในตัวเอง เมื่อปลองแกสุกจะหลุดปนออกมากับอุจจาระ ไขจะถูกกินโดยวัว ตัวออนฟกออกจากไขในลําไส แลวเขาสูในกระแสเลือดไปฝงตัวเปนถุงซีสต ที่มีตัวออนระยะตดิตออยูในกลามเนื้อของวัว
อาการแสดง :
คลื่นไส อาเจียน น้ําหนกัลด ปวดทอง
การวนิิจฉัย :
โดยการตรวจอุจจาระหาไขพยาธิตืดวัว โดยใชกลองจุลทรรศน
การรักษา :
ใชยาปราซิควอนเทลขนาดยา 10–20 มิลลกิรัม ตอน้ําหนกัตัว 1 กิโลกรมั
ใหรับประทานครั้งเดียวกอนนอน
การปองกันและควบคุมโรค :
1. การรับประทานอาหารท่ีปรุงดวยเนื้อวัว ควรทําใหสุกเสียกอน 2. ถายอุจจาระลงสวมที่ถูกสุขลักษณะ 3. ใหความรูเกี่ยวกับพยาธิตืดแกประชาชน 4. คนที่เปนโรคควรเขารับการรักษาทุกคน