28
-บทที ลักษณะ และ คุณสมบัติของผู นํ -กลาวนํ . ความเปนผู นํ เปนศิลปะของการจูงใจ หรือ ชักจูงพฤติกรรมใหผู ที ่อยู ภายใตความควบ คุมหรือผู ใตบังคับบัญชาใหความรวมมือใน การปฏิบัติดวยความเชื ่อฟงไววางใจเกิดความเชื ่อมั ่นและ ความจงรักภักดี ความสามารถของผู นํ าจะปรากฏใหเห็นได โดยไดรับความรวมมืออยางเต็มใจและเต็มไป ดวยความยินดีของผู เขามารวมงาน การเปนผู บังคับบัญชาตามตํ าแหนงอาจเปนผู นํ าที ่ใชไมไดแตการเปนผู นํ าที ่ดีนั ้น มักจะ เปนผู บังคับบัญชาที ่ดีเสมอ . เปนผู นํ าไดอยางไร ความเชื ่อแตดั ้งเดิมนั ้นคือ ผูนํ าเปนมาโดยกํ าเนิด ไมอาจสรางขึ้นมา ไดความเชื ่อในสมัยปจจุบันนี เชื่อแลววาเราสามารถสรางผูนํ าขึ ้นมาไดแตโดยขอเท็จจริงแลว ผู ที ่ได รับความยินยอมใหเปนผู นํ ามาจากหลายทางดวยกัน กลาวคือ .) โดยธรรมชาติ หรือลักษณะอันมาจากกํ าเนิดของตนเอง .) โดยความเห็นชอบของหมู คณะ .) โดยไดรับการแตงตั ้งจากผู มีอํ านาจ .) โดยการนํ าตนเองขึ ้นมาเปนผู นํ -การเปนผู นํ าโดยกํ าเนิด บุคคลประเภทนี ้เกิดมาเพื ่อเปนผู นํ าโดยแท ซึ ่งถือวาเปนอัจฉริยะบุคคลดัง เชน พระพุทธเจา พระองคทรงเปนพระบรมศาสดาเอกของโลก ทรงตรัสรูพระสัจจะธรรมดวยพระองคเอง และสัจจะ ธรรมของพระองคไดสถิตสถาพรมานานถึง ๒๕๓๓ ปแลว โดยไมมีการลาสมัย แมพระองคจะเคยมี ครูอาจารยมากอน แตครูอาจารยก็ไมสามารถ คนพบหลักแหงความหลุดพนจากอาสวะได พระองค สําเร็จสัมโพธิญาณดวยพระองคเอง พระพุทธเจาเปนผูนํ าอริยสัจ มาแสดงใหโลกเห็นความจริง พระองคเปนผูชี้ทางแหงการพนทุกข ใหสัตวโลก แตปจจุบันมวลมนุษยไมยอมเดินทางตามที ่พระองค ทรงชี้นํ าใหเดินโลกจึงมีแตความสับสนวุ นวาย พระองคทรงเปนยอดของผู นํ าอันไมมีใครเสมอเหมือน พระองคไดรับความเคารพกราบไหวบูชา จากมหาชนอยางขวางขวางดวยคํ ากลาวเปนภาษาบาลีวา อิธตถาคโต โลอุปปนโน แปลวา พระสัมมาสัมพุทธเจา บังเกิดขึ ้นแลวในโลก สมเด็จพระนเรศวรมหาราช อีกพระองคหนึ ่งไดทรงประกาศอิสระภาพที ่เมืองแครง เมื ่อวัน ที พฤษภาคม .. ๒๑๒๗ ดวยความกลาหาญอยางยอดเยี ่ยม หรือพอขุนรามคํ าแหงมหาราช

บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

  • Upload
    others

  • View
    5

  • Download
    0

Embed Size (px)

Citation preview

Page 1: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๑

บทท่ี ๑ลักษณะ และ คุณสมบัติของผูนํ า

๑-๑ กลาวนํ าก. ความเปนผูนํ า เปนศิลปะของการจูงใจ หรือ ชักจูงพฤติกรรมใหผูท่ีอยูภายใตความควบ

คุมหรือผูใตบังคับบัญชาใหความรวมมือใน การปฏิบัติดวยความเช่ือฟงไววางใจเกิดความเช่ือม่ันและความจงรักภักดี

ความสามารถของผูนํ าจะปรากฏใหเห็นได โดยไดรับความรวมมืออยางเต็มใจและเต็มไปดวยความยินดีของผูเขามารวมงาน

การเปนผูบังคับบัญชาตามตํ าแหนงอาจเปนผูนํ าท่ีใชไมไดแตการเปนผูนํ าท่ีดีน้ัน มักจะเปนผูบังคับบัญชาท่ีดีเสมอ

ข. เปนผูนํ าไดอยางไร ความเช่ือแตด้ังเดิมน้ันคือ ผูน ําเปนมาโดยกํ าเนิด ไมอาจสรางขึ้นมาไดความเช่ือในสมัยปจจุบันน้ี เชื่อแลววาเราสามารถสรางผูน ําข้ึนมาไดแตโดยขอเท็จจริงแลว ผูท่ีไดรับความยินยอมใหเปนผูนํ ามาจากหลายทางดวยกัน กลาวคือ

๑.) โดยธรรมชาติ หรือลักษณะอันมาจากกํ าเนิดของตนเอง๒.) โดยความเห็นชอบของหมูคณะ๓.) โดยไดรับการแตงต้ังจากผูมีอํ านาจ๔.) โดยการนํ าตนเองข้ึนมาเปนผูนํ า

๑-๒ การเปนผูนํ าโดยกํ าเนิดบุคคลประเภทน้ีเกิดมาเพ่ือเปนผูนํ าโดยแท ซ่ึงถือวาเปนอัจฉริยะบุคคลดัง เชน พระพุทธเจา

พระองคทรงเปนพระบรมศาสดาเอกของโลก ทรงตรัสรูพระสัจจะธรรมดวยพระองคเอง และสัจจะธรรมของพระองคไดสถิตสถาพรมานานถึง ๒๕๓๓ ปแลว โดยไมมีการลาสมัย แมพระองคจะเคยมีครูอาจารยมากอน แตครูอาจารยก็ไมสามารถ คนพบหลักแหงความหลุดพนจากอาสวะได พระองคสํ าเร็จสัมโพธิญาณดวยพระองคเอง พระพุทธเจาเปนผูนํ าอริยสัจ ๔ มาแสดงใหโลกเห็นความจริงพระองคเปนผูชี้ทางแหงการพนทุกข ใหสัตวโลก แตปจจุบันมวลมนุษยไมยอมเดินทางตามท่ีพระองคทรงชี้นํ าใหเดินโลกจึงมีแตความสับสนวุนวาย พระองคทรงเปนยอดของผูนํ าอันไมมีใครเสมอเหมือนพระองคไดรับความเคารพกราบไหวบูชา จากมหาชนอยางขวางขวางดวยคํ ากลาวเปนภาษาบาลีวาอิธตถาคโต โลอุปปนโน แปลวา พระสัมมาสัมพุทธเจา บังเกิดข้ึนแลวในโลก

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช อีกพระองคหน่ึงไดทรงประกาศอิสระภาพท่ีเมืองแครง เม่ือวันท่ี ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๑๒๗ ดวยความกลาหาญอยางยอดเย่ียม หรือพอขุนรามคํ าแหงมหาราช

Page 2: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๒

ไดทรงไสชางเพื่อปองกันพระราชธิดา และไดฟนขุนสามชนเจาเมืองฉอด จนทํ าใหสามารถรวบรวมอาณาจักรไทยเปนปกแผนไดต้ังแตบัดน้ัน พระมหาราชเหลานี้ลวนเปนผูนํ าโดยกํ าเนิดทั้งสิ้น

กอนกรุงศรีอยุธยาจะแตกเปนคร้ังท่ี๒สมเด็จพระเจาตากสินมหาราชไดทรงพิจารณาแลววากรุงศรีอยุธยาจะตองแตกอยางไมตองสงสัยพระองค จึงตีฝาวงลอมท่ีคายวัดพิชัย มุงไปยังฝงทะเลตะวันออก เพ่ือรวบรวมกํ าลังพลกูเอกราชใหกลับคืนมา พระองคทรงพิจารณาวาการรวบรวมกํ าลังเพ่ือกูเอกราชคร้ังน้ีจะตองกระทํ าดวยการยกพลข้ึนบกเพราะ ถาจะน ํากํ าลังทัพเดินมาทางบกฝายพมาท่ีรักษากรุงศรีอยุธยายอมรูตัว และทหารท่ีเดินทางเทายอมจะอิดโรยยากแกการขับไลพมาพระองคทรงพิจารณาแลววาหนทางเดียวท่ีจะกูเอกราชใหสํ าเร็จก็โดยวิธีจูโจม ซึ่งการยกพลขึ้นบกจะกระท ําดวยวิธีจูโจมไดงายในท่ีสุด พระองคก็ยกพลขึ้นบกขับไลพมาที่คายโพธิสามตนไดส ําเร็จ เมื่อวันท่ี ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๑๖โดยเริ่มโจมตีเวลา ๐๙๐๐ ภายในเวลา ๑๒๐๐ คายพมาก็แตกหมดจะเห็นไดวาพระเจาตากสินมหาราชทรงทอดพระเนตรเห็นการณไกล มีความกลาหาญเด็ดเด่ียวผูใตบังคับบัญชาก็มีความเช่ือม่ันศรัทธา และมีความจงรักภกัดีตอพระองค ธรรมชาติไดสรางพระองคมาใหเปนผูน ําโดยกํ าเนิดโดยแท

ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร สมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว ไดข้ึนครองราชยต้ังแตยังทรงพระเยาว ในขณะน้ันประเทศในเอเชียอาคเนยทุกประเทศ ไดเปนประเทศราชของชาติมหาอํ านาจ จนหมดส้ินเวนแตประเทศไทยท่ีพระองคสามารถรักษาเอกราชและอธิปไตยของไทยไวดวย พระปรีชาสามารถอันเลิศล้ํ า พระองคทรงเลิกทาสส ําเร็จดวยความนุมนวล ท้ังยังไดวางรากฐานการปกครองการสังคมของประเทศใหเจริญเย่ียงอารยประเทศท้ังหลายจริงอยูดวยความเปนพระราชโอรสของพระมหากษัตริย พระองคจะตองไดเปนพระมหากษัตริยสืบตอโดยแนนอนแตความเปนอัจฉริยะของพระองคไดทรงปรากฏใหเห็นวาพระองคเปนอัจฉจริยะบุคคลโดยกํ าเนิด

ดวยเหตุดังกลาว คนโบราณจึงมีความเชื่อมั่นวา ผูน ําจะตองเปนมาโดยกํ าเนิดแตในสมัยปจจุบันมีความเช่ือใหมวา ผูน ํานั้นสามารถสรางขึ้นมาได เร่ืองน้ีถาพิจารณาตามเหตุผลวามีความจริงเพียงใด ใครจะขอเปรียบเทียบกับการปนหุนซ่ึงจะตองประกอบดวยปจจัย ๒ ประการ คือวัตถุหรือดินท่ีจะนํ ามาปน และ ความสามารถของชางผูปนวัสดุหรือดินท่ีนํ ามาปนจะตองไมรวนแตกราวตองเกาะตัวกันแนน ชางตองมีความสามารถในการน้ัน น้ันถาขาดอยางใดอยางหน่ึงหุนปนก็ไมเปนหุนท่ีสวยงามสมความตองการฉันน้ันบุคคลท่ีจะรับการฝกเปนผูนํ า จะตองเปนบุคคลท่ีมีคุณลักษณะท่ีฝกไดและจะตองไดผูฝกหรือภาวะแวดลอมท่ีดีอีกดวยฉะน้ันท่ีวาปจจุบันสามารถสรางผูนํ าข้ึนได แตเราก็ไมอาจสรางคนทุกคนใหเปนผูนํ าไดพรอมๆกันจะสรางได.เฉพาะบุคคลท่ีมีคุณลักษณะท่ีมีคุณลักษณะท่ีดีเอ้ืออํ านวยใหสรางเทาน้ัน

Page 3: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๓

๑-๓ การเปนผูนํ าโดยความเห็นชอบของหมูคณะการท่ีบุคคลใดจะไดรับการยกยองจากกลุมหรือหมูคณะ ใหเปนผูนํ าหรือหัวหนาของกลุม

หรือหมูคณะบุคคลผูน้ีจะตองมีลักษณะท่ีดีเดนจนไดรับความเชื่อถือศรัทธาจากกลุมหรือหมูคณะนับต้ังแตกลุมหรือหมูคณะเล็กๆจนถึงประชาชนท้ังประเทศหมูคณะเล็กๆบางท่ีการเลือกหัวหนาเพ่ือเปนตัวแทนในการปฏิบัติภารกิจ เฉพาะอยางใดอยางหน่ึงหรือการเลือกผูนํ าในการตอสู กลุมหรือหมูคณะอาจเลือกหัวหนาข้ึนมาเพ่ือเปนผูนํ าในการตอสูเฉพาะเหตุการณ อาทิเชน การตอสูซ่ึงตองใชกํ าลังหรือการตอสูในการเรียกรองหรือการเลือกหัวหนาในการปฏิบัติตามคํ าสั่งตามระเบียบตามประเพณีฉะน้ันความเห็นชอบของหมูคณะในการเลือกหัวหนา หรือ ผูน ํา จึงข้ึนอยูกับความตองการของกลุมหรือหมูคณะเปนหลัก ในสมัยโบราณเม่ือมนุษยยังดํ ารงชีวิตอยู ยางพเนจร การเลือกหัวหนากลุมมักอาจจะมุงถึงความสามารถ และ ความกลาหาญในการตอสูในการทํ างานบางอยางการเลือกผูนํ ากลุมอาจมุงถึงความรูความสามารถหรือความจัดเจนเฉพาะกิจการน้ัน ๆ บางครั้งก็มุงถืออาวุโสเปนหลัก การเลือกหัวหนาหรือผูนํ าโดยความเห็นชอบของหมูคณะ หรือกลุมดังกลาว จึงมักจะเปนการเลือกเฉพาะภารกิจดังเชน การเลือกประธานกรรมการ การเลือกตัวแทนเฉพาะกิจหรือการเลือกหัวหนาซ่ึงจะตองควบคุมงานท่ีจะตองใชความรูเฉพาะเร่ือง หรือมีความเช่ียวชาญทางเทคนิคโดยเฉพาะ บุคคลท่ีมีความรูความชํ านาญอาจไดรับความเห็นชอบใหเปนผูนํ า แตเม่ือเปนผูนํ าแลวอาจประสบความลมเหลวเพราะไมมีประสิทธิภาพในการควบคุม ไมมีความสามารถที่จะทํ าใหผูรวมงานใหความรวมมือได ซ่ึงก็มักจะปรากฏบอย ๆ ความรูความชํ านาญทางวิชาการ หรือทางเทคนิคท่ีตนมีอยูจึงไมเกิดประโยชน และไมอาจสรางความกาวหนาใหแกหนวยตนได ท้ังน้ีเพราะขาดคุณลักษณะที่จะทํ าใหผูรวมงานศรัทธาเช่ือถือ สวนการแตงต้ังผูบังคับบัญชาของทางราชการสวนมากมิไดถือความเห็นชอบของหมูคณะ แตยึดถือระบบอาวุโสประกอบกับความสามารถ หรือ ความเหมาะสมในการดํ ารงตํ าแหนง แตก็มีราชการบางหนวยไดนํ าเอาความเห็นชอบของหมูคณะมาประกอบการพิจารณาดวย ดังเชน การแตงต้ังอธิการบดี คณบดีของมหาวิทยาลัย ซึ่งวิธีนี้มีทั้งผลดีและผลเสีย ผลดีก็ คือ ถาหมูคณะมีหลักเกณฑ มีความเปนธรรมในการพิจารณา ก็จะไดบุคคลท่ีมีความรูความสามารถและ ไดรับความเช่ือถือศรัทธามาเปนผูบริหาร สวนผลเสียก็คือ เปนการยากท่ีจะทํ าใหผูมีอาวุโสหรือชั้นเงินเดือนสูงกวาจะใหความเคารพศรัทธาเวนแตบุคคลน้ันจะเพียบพรอมไปดวยคุณลักษณะ ย่ิงหมูคณะขาดหลักเกณฑและขาดความเปนธรรม ก็ยิ่งจะเกิดผลเสียหายมากขึ้นวิธีแกขอบกพรองอาจจะทํ าไดโดยกํ าหนดขอบเขตของอาวุโสและคุณลักษณะข้ันตนไว ดังเชนอาจกํ าหนดวาผูท่ีจะไดรับเลือกจะตองเปนศาสตราจารยแลวและตองเคยทํ าหนาท่ีหัวหนาภาควิชามาแลว เปนการขจัดปญหาเร่ืองระบบอาวุโสไดบาง

เทาท่ีกลาวมาแลว คือการเปนผูนํ าโดยการเห็นชอบของหมูคณะในหนวยงานท่ีมีขอบเขตความรับผิดชอบจํ ากัด แตโดยขอเท็จจริง การเปนผูนํ าโดยความเห็นชอบของหมูคณะนับวามีความ

Page 4: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๔

สํ าคัญอยางย่ิง โดยเฉพาะเก่ียวกับประเทศชาติ ดังเชน การเลือกต้ังประธานาธิบดี ประเทศท่ีประธานาธิบดีเปนหัวหนารัฐบาลการเลือกบุคคลมาเปนประธานาธิบดีจะตองไดรับความเห็นชอบ จากประชาชนสวนใหญของประเทศ เพราะบุคคลผูน้ี จะตองรับผิดชอบชีวิตความเปนอยูความปลอดภัยของประเทศและประชาชนฉะน้ันจะตองเปนผูไดรับความไววางใจ และ เชื่อมั่นจากประชาชน เชนการเลือกต้ังประธานาธิบดี ของสหรัฐอเมริกาหรือระบบบริหารแบบรัฐสภาของอังกฤษพรรคการเมืองใดมีเสียงขางมากในสภา หัวหนาพรรคการเมืองน้ันตองเปนนายกรัฐมนตรี และ ในการเลือกบุคคลเปนหัวหนาพรรคการเมืองน้ัน อังกฤษไดกระทํ าโดยละเอียดรอบครอบมาก โดยพิจารณาคุณลักษณะอยางละเอียดถ่ีถวนมิไดยึดถือเอาฐานะทางการเงิน มาเปนเครื่องพิจารณาประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาก็ดี นายกรัฐมนตรีอังกฤษก็ดี จึงมิใชเพียงประชาชนในประเทศของเขาจะใหความนับถือเทาน้ัน แมประชาชนในประเทศอ่ืนๆ ท่ัวโลกก็ใหความนับถือไปดวย

ฉะนั้น การเปนผูนํ าโดยความเห็นชอบของหมูคณะ ถาไดดํ าเนินไปอยางมีหลักเกณฑ และ มีความเปนธรรมแลว จึงเปนผูน ําท่ีไดรับความเช่ือม่ันและศรัทธาอยางกวางขวาง แตก็อาจจะมีบางคร้ังไดเหมือนกันที่หมูคณะพิจารณาดีแลว คร้ันพอไปปฏิบัติหนาท่ีเขาจริง ๆกลับประสบกับความลมเหลวไปเสียก็ได

อยางไรก็ดี การเปนผูนํ าโดยความเห็นชอบของหมูคณะนาจะถูกตองและเหมาะสมท่ีสุดถาไดกํ าหนดหลักเกณฑเง่ือนไขรัดกุมและรอบครอบ และดวยความเปนธรรม แตก็เปนวิธียากพอใชและอาจมีปญหาเกิดข้ึนได ฉะนั้นหนวยงานสวนมากโดยเฉพาะในวงการขาราชการจึงไมนิยมปฏิบัติโดยวิธีน้ี

๑-๔ การเปนผูนํ าโดยไดรับการแตงตั้งจากผูมีอ ํานาจการไดเปนผูนํ าหรือหัวหนาโดยไดรับการแตงต้ัง จากผูมีอํ านาจหรือท่ีเรามักจะพูดกันวา สง

มาจากเบ้ืองบน มักมีเปนประจ ําโดยเฉพาะระบบราชการ โดยปกติการแตงต้ังจากผูมีอํ านาจจะตองมีหลักเกณฑ มีเหตุผลและมีความเปนธรรม แตก็มีบอยคร้ังท่ีแตงต้ัง โดยขาดหลักเกณฑ ขาดเหตุผลและขาดความเปนธรรมผูท่ีเปนผูนํ าโดยการแตงต้ังใหเปนหัวหนาระดับรองลงมากอนแลวก็คอย ๆเล่ือนฐานะโดยไดรับการแตงต้ังใหสูงข้ึนตามลํ าดับ จนในท่ีสุดก็เปนผูนํ าระดับสูงในวงราชการสวนมากบุคคลท่ีจะไดรับการแตงต้ังใหเปนผูนํ าระดับสูง ก็จะไดรับการแตงต้ังจากผูนอยมากอนและไดผานการทํ างานมาเปนเวลานาน มีอาวุโสสูง บางคนก็เล่ือนตํ าแหนงเร็วเปนพิเศษ ทั้งนี้มักจะขึ้นอยูกับความรูความสามารถและศิลปในการปฏิบัติงาน มีคํ าพังเพยกลาววา ถาอยากไดดีเร็วตอง “ทํ างานใหนายชอบ ประพฤติตนใหนายรัก” ผูบังคับบัญชาก็จะชอบคนทํ างานท่ีดีประพฤติตนดี ผูบังคับบัญชาบางคนมีเจตนาดีแตขาดความรูขาดความสนใจกวางขวาง จึงไมสามารถประเมินผลงานของผูใตบังคับบัญชาไดถูกตอง มักประเมินผลเพียงเทาที่เห็น หรือเพียงไดยินคํ าบอกเลา จึงเปนเหตุ

Page 5: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๕

ใหการแตงต้ังผิดพลาดเสมอเปนเหตุใหคนดีเกิดความทอแทเบ่ือหนาย ขอท่ีนาสังเกตอีกประการหน่ึงก็คือ คนท่ีมีโอกาสไดทํ างานที่ส ําคัญหรืองานท่ีปรากฏมักไดรับการยกยอง และไดรับการพิจารณากอนคนอ่ืนๆ โดยเหตุน้ีในวงราชการจึงมีขาราชการพยายามหาโอกาสทํ างานประเภทนี ้ สวนประเภทท่ีเรียกวา ปดทองหลังพระจึงไมคอยมีใครอยากทํ าแมในการศึกษางานประเภทน้ี ก็ไมคอยมีใครอยากศึกษา เพราะตองท ํางานประเภทปดทองหลังพระ มักจะปรากฏวาการแตงต้ังจากผูมีอํ านาจเหนือมีการผิดพลาดบอยคร้ังในปจจับันจึงนํ าเอาวิธีท่ีไดรับความเห็นชอบจากหมูคณะมาประกอบการพิจารณาดวย ตามกรมและกระทรวงจึงมีการตั้ง อ.ก.พ. กรม หรือ อ.ก.พ. กระทรวง ก็คืออธบิดี ปลัดกระทรวง ซึ่งเปนผูมีอ ํานาจเหนืออยูน้ันเอง ฉะน้ันผลท่ีไดรับก็คือเปนการแตงต้ังจากผูมีอํ านาจเหนืออยูน้ันเอง ทางหนวยราชการทหารเราก็คงคลายคลึงกับขาราชการพลเรือน

บางหนวยงานก็จัดเปนรูปสภาท้ัง อ.ก.พ. ก็ดี ทั้งสภาก็ด ี ไมสามารถจะชวยอะไรไดมากนักและระบบราชการคงจะตองดํ าเนินตามวิธีน้ีตอไป ฉะนั้นคุณลักษณะและคุณธรรมของผูมีอํ านาจเหนือจึงนับวาสํ าคัญอยางหน่ึง ถาผูมีอํ านาจเหนือจะหาขอมูลอยางละเอียดถ่ีถวนความผิดพลาดอาจมีนอยในยุคเราน้ีเปนยุควิชาการ บางทีผูมีอํ านาจเหนือจะเพ็งเล็งในแงของวิชาการ คือดีกรีของผูท่ีจะเล่ือนตํ าแหนงเปนหลักความจริงวิชาการก็นับวาสํ าคัญอยู แตก็มิไดหมายความวาผูมีปริญญาเอกจะรอบรูกวาผูที่ไมมีปริญญาคงไมมีใครกลาที่จะใหผูนอยใหคะแนนลับแกผูบังคับบัญชาของตน ผูใตบังคับบัญชา มักจะรูถึงประสิทธิภาพของผูบังคับบัญชาของตนชัดเจนกวา

๑-๕ การเปนผูนํ าโดยการนํ าตนเองข้ึนมาเปนผูนํ าในกรณีน้ี หากจะพิจารณากันโดยผิวเผินแลวดูเสมือนวาจะคลาย ๆ กับขอ ๒ . คือการเปน

ผูน ําโดยกํ าเนิด ซึ่งการเปนผูนํ าโดยกํ าเนิด บางกรณีก็จะตองนํ าตนเองข้ึนมาเปนผูนํ าเหมือนกับอาทิเชน สมเด็จพระเจาตากสินมหาราช แตเม่ือไดนํ าตนเองขึ้นมาแลวจะไดรับความศรัทธาเพียงไรผูที่นํ าตนเองข้ึนมาเปนผูนํ าถาขาดคุณสมบัติท่ีดีก็จะไมไดรับความเช่ือถือศรัทธา บางคร้ังก็ประสบความลมเหลวหรือกอใหเกิดความพินาศยอยยับแกสวนรวมจนถึงประเทศชาติ สวนการเปนผูนํ าโดยกํ าเนิดนั้นจะไมมีทางประสบความลมเหลวเลย

การนํ าตนเองข้ึนมาเปนผูนํ า มีโอกาสท่ีจะเปนไดโดยก. การน ําตนเองขึ้นมาเปนผูนํ าดวยใชก ําลังโอกาสท่ีจะนํ าตนเองข้ึนมาเปนผูนํ าโดยการใชกํ าลังนั้นมักจะเกิดขึ้น เม่ือเกิดความยุงยากใน

ประเทศโดยเฉพาะอยางย่ิงความยุงยากทางการเมือง อันเกิดจากผูนํ าประเทศออนแอหรือเกิดความปนปวนทางเศรษฐกิจ ความยุงยากทางสังคมอันเกิดจากความไมพอใจของมวลชน ซึ่งอาจจะไมพอใจในตัวผูนํ าคนเดิม หรือไมพอใจในระบบบริหาร หรือกรณีอ่ืน อาจมีบุคคลท่ีมีพลังอํ านาจฉวยโอกาสท่ีเกิดความยุงยากอยูน้ันลมลางอํ านาจผูนํ าเดิม แลวสถาปนาตนเองข้ึนมาเปนผูนํ า หรือหมูคณะ

Page 6: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๖

อาจยกยองใหเปนผูนํ าก็ได ในกรณีการใชกํ าลังเพ่ือสถาปนาตนเองข้ึนมาเปนผูนํ า จะไมเกิดขึ้นแกประเทศท่ีมีรากฐานทางการเมือง สังคมและการเศรษฐกิจท่ีม่ันคงประชาชนมีการศึกษาดี ประเทศใดมีการปฏิวัติรัฐประหารบอย ๆเปนการแสดงวา ระบบการเมือง ระบบสังคมของประเทศยังไมมีรากฐานท่ีม่ันคง แตถาผูนํ าท่ีนํ าตนเองข้ึนมาเปนผูนํ าเปนผูรอบรู มีไหวพริบ มองการณไกลก็จะสามารถวางรากฐานทางการเมืองและสังคมใหมั่นคงและจะท ําใหการลมลางอํ านาจหมดไปได ดังเชน นายพลฟรังโก หรือ ตีโต เม่ือไดนํ าตนเองข้ึนมาเปนผูนํ าก็ไดสรางรากฐานทางการเมืองและสังคม ตลอดจนทางเศรษฐกิจใหแกประเทศชาติ แต ประเทศท่ีเจริญแลวเทาน้ัน จะไมพบผูน ําประเภทท่ีนํ าตนเองขึ้นมาเปนผูนํ าโดยใชกํ าลังเลย

ข. การน ําตนเองขึ้นมาเปนผูนํ าดวยความเจนจัดของตนเองผูท่ีมีความรอบรูและชํ านาญในสาขาใดสาขาหน่ึง หรือ หลายสาขา ยอมจะไดรับความเช่ือ

ถือ ยกยอง เชน นายแพทยท่ีเช่ียวชาญเฉพาะโรคหรือศัลยแพทยท่ีเชียวชาญ มักจะไดรับการแตงต้ังใหเปนหัวหนาหนวยงาน เชนหัวหนาศัลยแพทย หรือเปนผูอํ านวยการโรงพยาบาล ทํ านองเดียวกันกับผูท่ีมีความเช่ียวชาญในสาขาอ่ืน ๆ เชน ทางไฟฟา อาจไดรับการแตงต้ังใหเปนผูอํ านวยการองคการไฟฟาหรือผูเช่ียวชาญทางการคลัง ทางธนาคารอาจไดรับการแตงต้ังใหเปนผูอํ านวยการ ผูวาการหรืออาจไดรับการแตงต้ังใหเปนรัฐมนตรีวาการกระทรวงท่ีจะตองใชผูเชี่ยวชาญทางการคลังก็ได แตขาดคุณสมบัติบางประการของผูนํ า เชนหลักการปกครอง ขาดความเขาใจทางจิตวิทยา แมไดรับการยกยองใหเปนหัวหนาหนวยงานน้ันก็อาจไมไดรับความรวมมือจากผูใตบังคับบัญชาก็ได ซึ่งมักจะมีคํ ากลาววา นักวิชาการมักไมมีความสามารถในการบริหาร คํ ากลาวนี้ไมเปนจริงเสมอไป ถาหากนักวิชาการไดศิลปของการเปนผูนํ าสนใจในหลักจิตวิทยา และมีความรูในหลักการปกครอง ยอมจะเปนนักบริหารท่ีดีไดเชนเดียวกัน ถาหัวหนาฝายบริหารไมมีความรู แมจะเชี่ยวชาญในการบริหารสักเพียงใด ก็อาจเกิดความผิดพลาดไดงาย ถาผูอยูใตบังคับบัญชาขาดความรอบรูไมสุจริต โดยเฉพาะงานท่ีตองใชความรูทางเทคนิค ผูน ําจะตองมีความรูทางเทคนิคของงานในสาขานั้น ๆดวย

ค. การน ําตนเองขึ้นมาเปนผูนํ าดวยไดรับการฝกฝน อบรม และไดรับการศึกษามาอยางดี

ในขอนี้พิจารณาเผิน ๆ จะมีลักษณะคลายขอ ๒ ) ขางบนแตโดยขอเท็จจริงในขอ ๒) มุง-ถึงความชํ านาญ ความเจนจัดในสาขาใดสาขาหน่ึง หรือหลายสาขาทางวิชาการ ทางเทคนิค แตในขอนี้มิไดมุงถึงความช ํานาญหรือความเจนจัดเฉพาะ แตมุงถึงการฝกอบรมฝกฝนตนเองมาจนเปนท่ีเคารพเลื่อมใสศรัทธา ซึ่งการจะนํ าตนเองข้ึนมาเปนผูนํ าก็ดวยไดรับความเห็นชอบจากหมูคณะหรือไดรับการแตงต้ังจากผูมีอํ านาจเหนือน่ันเอง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะพื้นฐานของตนที่ไดรับการฝกฝนอบรมมาดีน่ันเอง เชน พระ-ราชาคณะท่ีไดรับการแตงต้ังเปนอธิการวัดหรือเปนเจาคณะ หรือแมทัพที่กลาหาญ ซ่ือสัตยสุจริตมีความชํ านาญ ดังเชน พระยาพิชัยดาบหัก เปนผูมีความสามารถใน

Page 7: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๗

เพลงดาบ กลาหาญ มีไหวพริบ จงรักภักดีจึงเปนที่ไววางพระราชหฤทัยของสมเด็จพระเจากรุงธนบุรี จนไดรับตํ าแหนงใหเปนแมทัพคนส ําคัญ แมวาพระยาพิชัยดาบหักจะไดรับแตงตั้งจากพระมหากษัตริย แตเพราะพระยาพิชัยดาบหักเปนผูท่ีไดรับการฝกฝนอบรมมาดี มีคุณสมบัติประจ ําตัว จึงเปนเหตุใหตนเองเปนที่ไววางพระราชหฤทัยของสมเก็จพระเจา-กรุงธนบุรี

๑-๖ บทบาททางจิตวิทยาความสํ าเร็จของผูนํ าอยูทีวา ผูรวมงานหรือผูใตบังคับบัญชามีความยินดีใหความรวมมือและ

ปฏิบัติตามคํ าส่ังดวยความเต็มใจและมีความต้ังใจท่ีจะปฏิบัติภารกิจท่ีไดรับมอบ หรือทํ างานตามคํ าส่ังตามหนาท่ีเพ่ือใหบรรลุผลดีท่ีสุด คนทุกคนตองการมีอิสระในความนึกคิดการทํ าการพูด การท่ีจะใหผูใดทํ าตามความประสงคของเราน้ัน จะตองใหเขาเห็นพองกับความคิดของเรา

ฉะนั้น ปญหาสํ าคัญจึงอยูท่ีผูนํ า ผูน ําจะตองหาทางจูงใจใหผูรวมงาน หรือผูใตบังคับบัญชาเกิดความเช่ือม่ัน เคารพเช่ือถือและศรัทธาในตัวผูนํ าเสียกอน

ปญหาตอไปน้ีก็คือผูรวมงาน หรือ ผูใตบังคับบัญชาอาจมีปญหาสวนตัวอาจเปนปญหาทางครอบครัวปญหาสุขภาพ ตลอดจนการดํ ารงชีวิตท่ียุงยาก ผูน ําจะตองเขาใจในปญหาเหลานี้และจะตองวิเคราะหใหไดถึงสาเหตุแหงปญหา บางกรณีอาจตองวิเคราะหจิตวิทยาระดับลึก ดังเชนลักษณะทางสมองหรืออาจเคยไดรับการผาตัด หรือมีความวิตกกังวลในบางกรณี ถาไมสามารถแกปญหาบุคคลบางคนไดแลวโดยเฉพาะอยางย่ิงการวิเคราะหดวยการมีสติสัมปชัญญะและปราศจากอุปทานคือความยึดม่ันถือม่ัน

๑-๗ ลักษณะของความเปนผูนํ ามนุษยทุกรูปทุกนามประกอบดวยลักษณะ ๕ ประการ ดังน้ี

ก. ทางสติปญญาข. ทางรางกายค. ทางอารมณง. ทางอุปนิสัยจ. ศีลธรรม

ลักษณะทั้ง ๕ ประการ ดังกลาวยอมแตกตางกัน นับต้ังแตพ้ืนฐานด้ังเดิม ภาวะแวดลอมการอบรมและการศึกษา ดังเคยปรากฏวาบางคนพิการมาแตกํ าเนิด บางคนเปนข้ีโรคออนแอ บางคนแข็งแรงบางคนสติปญญาดีมาแตกํ าเนินแตไดรับการอบรมในทางท่ีผิด มีปญหาทางครอบครัวขาดการศึกษาจึงใชสติปญญาในทางท่ีผิด บางคนถึงกับเปนภยัทางสงัคม บางคนสติปญญาไมคอยดีนักแตไดรับการอบรมท่ีดี อยูในภาวะแวดลอมดี อาจเปนคนดีท่ีมีประโยชนตอสังคมบุคคลช้ันนํ าหรือผูท่ี

Page 8: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๘

จะเปนหัวหนาคน จะตองมีลักษณะทั้ง ๕ ประการ ในลักษณะที่และถาเปนระดับสูงลักษณะทั้ง ๕ประการจะตองดีเลิศ

ก. ลักษณะทางสติปญญา สติปญญาถือวาเปนความสํ าคัญอยางสูงสุด สติปญญาน้ันฝกฝนไดก็จริงอยู แตข้ึนอยูกับพ้ืนฐานเดิมหรือธรรมชาติด้ังเดิมของบุคคล ๆ ดวย สิ่งส ําคัญก็ คือปญญาท่ีปราศจากสติควบคุมน้ันแมจะมีไหวพริบฉลาดปานใด ก็มีโอกาสผิดพลาดเกิดโทษได ฉะนั้นสติปญญาจึงหมายถึงปญญาท่ีมีสติควบคุมอยูตลอดเวลาดวย สติปญญาอันน้ีเองเปนเคร่ืองแสดงความเดน-ดอย ของผูนํ าลักษณะทางสติปญญา คือ

๑) สามัญสํ านึก ตามความหมายก็คือ ความรูสึกนึกคิดท่ีคนท่ัว ๆ ไปควรจะรูควรจะเขาใจ ควรจะสํ านึกได ถาพิจารณาใหถองแทแลวจะพบวาสามัญสํ านึกของบุคคลยอมแสดงถึง ระดับสติปญญาของบุคคลดวย สํ าหรับบุคคลช้ันนํ า สามัญส ํานึกมีความสํ าคัญอยางย่ิงทีเดียว การท่ีมีบางคนกลาววา สามัญส ํานึกน้ันยากท่ีบุคคลธรรมดาจะมีน้ัน นาจะหมายถึงสามัญสํ านึกในระดับสูง ซึ่งผูที่มีสติปญญาดีเลิศเทานั้นจะมีได

๒) ความคิดสมเหตุสมผล เหตุยอมนํ าไปสูผล และผลท่ีเกิดยอมมาจากเหตุ ผูใดคาดไดวาเหตุท่ีเกิดยอมนํ าไปสูผลอยางไร และผลเชนนี้เกิดจากอะไร ผูนั้นจะประสบผลส ําเร็จในกิจการทุกอยางไป ฉะน้ันการกํ าหนดแนวความคิดใหสมเหตุผลจึงจํ าเปนอยางย่ิงท่ีจะตองใชปญญาไตรตรองใหรอบคอบประกอบกับความรู ความรอบรู ผูมีความรูดวยกัน แตสติปญญาแตกตางกันความคิดสมเหตุสมผลก็ยอมแตกตางกัน ปญหาสํ าคัญอยูวาทํ าอยางไรจึงจะมีความคิดสมเหตุสมผลประการแรกสุด จิตตองบริสุทธิปราศจากอุปทาน (ความยึดม่ันถือม่ัน) สิ่งที่ท ําใหเกิดอุปทาน ก็คืออคติ ๔ น่ันเอง คือ ฉันทาคติ (ความลํ าเอียงเพราะความรัก) โมหาคติ (ลํ าเอียงเพราะความหลง) โทษคติ (ลํ าเอียงเพราะความโกรธ)ภยาคติ (ลํ าเอียงเพราะความเกรงกลัวภัย) นอกจากน้ันจิตท่ีปราศจากสติ (ความระลึกได)สัมปชัญญะ (ความรูสึกตัว) ยอมทํ าใหปญญาเศราหมอง ผูน ําท่ีพบกับความลมเหลวหรือตองผิดหวังก็เพราะไมสามารถมองเห็นเหตุผลแต ผูน ําท่ีมีความคิดสมเหตุสมผลยอมเปนหลักประกันในการตัดสินใจดํ าเนินการท้ังปวง

๓) การตัดสินใจ การตัดสินใจเปนงานตอจากดุลพินิจ คือการเลือกหนทางปฏิบัติท่ีไดวิเคราะหและเปรียบเทียบวาดีท่ีสุดแลวเพื่อตกลงในสั่งการหรือปฏิบัติการตัดสินใจท่ีดีจะตองประกอบดวย สามัญส ํานึกท่ีดี มีความคิดสมเหตุสมผล ผูน ําที่ดี ก็คือผูนํ าท่ีใชสติปญญาทบทวนขอตัดสินใจ โดไมมีการลังเล ชักชา

๔) การเห็นการณไกล หมายถึงการพยากรณถึงผลแหงการปฏิบัติในอนาคตอันยาว-นานถนนราชดํ าเนินเม่ือกอนดูใหญเกินไปเพราะนาน ๆ จะมีรถวิ่งมาสักคันสองคัน แตในปจจุบันจะเล็กไปเสียแลวการเห็นการณไกลอยางถูกตองจะมีไดก็เฉพาะผูมีสติปญญาดี แตบางกรณีจะมีไดเฉพาะผูมีสติปญญาอันเลิศเทานั้น

Page 9: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๙

๕) ความแนบเนียน อันความแนบเนียนน้ันยากท่ีเราจะใหคํ าจ ํากัดความ เปนความหมาย ท่ีกวางเพราะความแนบเนียนนอกจากจะเปนลักษณะทางสติปญญาแลว ยังเก่ียวของกับอุปนิสัยและอารมณอีกดวย ผูมีความแนบเนียนนอกจากจะมีสติปญญาแลว จะตองอารมณเยือกเย็น บางคร้ังตองใชความอดก้ันอดทนดังตัวอยาง

สมเด็จพระนเรศวรมหาราชตองการ จะพระราชทานอภัยโทษแกแมทัพนายกอง ท่ีตามเสด็จในโอกาสชนชางกับพระมหาอุปราชาไมทัน แตการใหอภัยโทษก็เปนการขัดตออาญาศึกขณะน้ันพระองคทรงมีความคิดจะพระราชทานอภัยโทษแตตองไมลบลางอาญาศึกขณะน้ันดวย เมื่อโทษอาญาศึกขณะน้ันจะตองประหารชีวิตแมทัพนายกอง พระองครับสั่งใหพนวันพระเสียกอน เปนการทอดเวลาออกไปความจริงไดทราบถึงสมเด็จพระวันรัต สมเด็จพระวันรัตไดทูลขอชีวิตแมทัพนายกองไว ซ่ึงพระองคทรงแสดงพระอาการอิดเอ้ือน และ กลาวถึงความผิดช้ันอุกฤษฏใหสมเด็จพระวันรัตนทราบ เม่ือสมเด็จพระวันรัตไดทูลขอบิณฑบาตร ชีวิตแมทัพนายกองเหลาน้ัน จึงยอมยกโทษใหแตตองใหไปตีเมืองทวาย และ ตะนาวศรีเปนการแกตัวพฤติกรรมตามท่ีกลาวมาน้ี เปนการแสดงความแนบเนียนของสมเด็จพระนเรศวรอยางเห็นไดชัด เพราะถาจะยกโทษใหแกแมทัพนายกองเหลานั้นเสียเลย จะทํ าใหอาญาศึกขณะน้ันขาดความศักด์ิสิทธิลงทํ าใหเสียความเฉียบขาดในภายหนา ผูนํ าคนใด ถึงจะมีสติปญญาสักเพียงใดก็ตาม แตถาขาดความแนบเนียนเสียแลวก็เสมือนหน่ึงปราศจากสติปญญาไปเทาน้ันเอง

ข. ลักษณะทางรางกาย คํ าโบราณไดกลาวไววา คนเราเกิดมามีอาการครบ ๓๒ ก็นับวามีบุญแลว คํ าวาอาการ๓๒

เทาน้ันทานหมายถึงรางกายไมพิการสรีระครบถวนบริบูรณ สํ าหรับบุคคลท่ีจะตองทํ างาน โดยเฉพาะงานท่ีตองตรากตรํ า เพียงแตรางกายสมบูรณครบ ๓๒ ก็ยังไมสามารถทํ างานท่ีตองใชความอดทนไดโดยเฉพาะอยางย่ิงไดแกบุคลท่ีเปนหัวหนาหนวยงาน หรือบุคคลช้ันนํ า ลักษณะทางรางกายจะเปนเคร่ืองสงเสริมใหเกิดประสิทธิภาพในการบริการในการควบคุมอยางสํ าคัญ กลาวคือ

๑) สุขภาพ สุขภาพเปนปจจัยส ําคัญในการดํ ารงชีวิต คนท่ีสามวันดีส่ีวันไข แมจะสติปญญาดีเลิศสักเพียงใดก็ตาม ก็จะทํ าใหหยอนประสิทธิภาพในการดํ าเนินงานทั้งปวง โดยเฉพาะบุคคลช้ันนํ านั้นถึงแมจะสามารถกํ าหนดนโยบายไดแตก็ไมสามารถตรวจสอบ และก ํากับดูแลได หรืออาจกระทํ าไดแตก็ไมสามารถทํ าโดยสม่ํ าเสมอ ฉะนั้นสุขภาพจึงมีความส ําคัญตอการเปนผูนํ าอยางย่ิง ฉะนั้น ผูน ําจะตองระวังสุขภาพของตนเองอยูตลอดเวลา

๒) พลังงาน พลังงานนั้นตางกับประสิทธิภาพในการท ํางาน ประสิทธิภาพในการทํ างานหมายถึงผลของงาน แตพลังงานในที่นี้หมายถึงการใชเวลาท ํางานไดนานโดยไมรูสึกเหน็ดเหน่ือยตัวอยาง เชน เสมียนพิมพดีดคนหนึ่งมีขีดความสามารถพิมพไดวันละ ๔ ชั่วโมง แตอีกคนหนึ่งสามารถพิมพไดวันละ ๖ ชั่วโมง โดยไมเหน่ือยเม่ือยลา เสมียนพิมพดีดคนหลังถือวามีพลัง

Page 10: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๑๐

สูง สวนจ ํานวนคํ าที่พิมพไดและ ความถูกตองเปนประสิทธิภาพในการทํ างาน เหมือนอยางสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระองคตองทํ าศึกตลอดรัชสมัยของพระองค โดยไมไดทรงเบ่ือหนายเลย นับวาพระองคเปนพระมหากษัตริยที่มีพลังสูง

พลังงานเปนสิ่งแสดงถึงสมรรถภาพของรางกาย ซึ่งสามารถทํ างานไดอยางตอเน่ืองโดยไมออนเพลียหรือเมือ่ยลา พลังงานเปนคุณลักษณะทางรางกายที่สํ าคัญอยางหน่ึงของผูนํ า หรือบุคคลชั้นนํ าเพราะจะตองใชความคิดไตรตรองอยางตอเนื่องตลอดเวลาฉะนั้นผูนํ าหรือบุคคลชั้นนํ าจํ าเปนตองมีพลังงานสูง

พลังงานม ี ๒ อยางคือ ก) พลังงานทางสรีระ ข) พลังงานทางจิตพลังงานทางจิตทํ าใหเกิดพลังงานทางสรีระได และ พลังงานทางสรีระอาจสงเสริม

ใหเกิดพลังงานทางจิตไดเหมือนกัน บุคคลช้ันนํ าหรือผูนํ าจึงตองมีพลังงานทางสรีระและพลังงานทางจิตพลังงานทางสรีระ หมายถึง พลังงานทางกาย สวนพลังงานทางจิตอาจมีปญหาวา คือ อะไร และเกิดข้ึนไดอยางไรพลังงานทางจิตนาจะหมายถึงขบวนการทางจิตท้ังปวงท่ีเปนแรงกระตุนใหเกิดความตั้งใจจะกระทํ าอยางใดอยางหน่ึง ขบวนการดังกลาวอาจรวมถึงจิตใตสํ านึกและความเก็บกดดวยและ จะเกิดขึ้นก็ตอเมื่อมีแรงจูงใจในจิตเกิดพลัง รายละเอียดในเร่ืองพลังงานจิตอาจคนควาไดในวิชาจิตวิทยา

๓) ความอดทน หมายถึง ทนตอความเหน่ือยยากตรากตรํ าและความล ําบากท้ังหลายท้ังปวงแตความอดทนท่ีมีขอบเขตจํ ากัดอยูเหมือนกัน ทั้งนี้เกี่ยวกับสภาพของรางกาย การใชความอดทนจนเกินขอบเขตก็อาจเปนอันตรายได ดังน้ันเพ่ือใหรางกายมีความอดทนตอความยากลํ าบาก ความเจ็บปวดก็ตองมี การฝกท้ังทางรางกายและจิตใจตลอดจนฝกควบคุมอารมณอยูเปนประจ ําผูท่ีขาดคุณลักษณะดังวาน้ีจะไมมีโอกาสไดพบความสํ าเร็จในชีวิตของเขาเลย ผูน ําหรือบุคคลชั้นนํ าจึงตองสามารถทนตอความยากลํ าบากทนตอการบีบค้ันทางอารมณได มิฉะนั้นก็ไมสามารถเปนผูนํ าคน หรือบุคคลช้ันนํ าได

๔) บุคลิกลักษณะอันนานิยม บางคร้ังเราจะไดยินวา คนน้ันคนน้ีมีเสนหนารักเสียจริงหรือไม ก็จะไดยินวาน่ีหรือเจานายของคุณ ดูทาทางไมเขาทาเลย คํ าวา “บุคลิกลักษณะนานิยม ”เปนความหมายกวาง ๆ แตแทที่จริงแลจะเปนที่พอใจของคนที่พบเห็น คนท่ีมีบุคลิกลักษณะนานิยม ไมไดหมายความวารูปรางสวยงามอยางดาราหรือถาเปนสตรีก็ไมสวยอยางนางงาม รูปรางหนาตาจะเปนอยางไรไมส ําคัญ แตเม่ือใครพบเห็นจะเกิดความนิยม เกิดความพึงพอใจ ถือวาบุคคลท่ีลักษณะนานิยมท้ังส้ินผูมีลักษณะนานิยมเปนผูไดเปรียบ ทํ าใหเปนท่ีพออกพอใจเสียต้ังแตแรกพบ ถาพิจารณาใหลึกซึ้งลักษณะนานิยมนั้น เปนการแสดงถึงอุปนิสัยและอารมณเพราะอุปนิสัย

Page 11: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๑๑

และอารมณจะสะทอนความรูสึกของจิตใจออกมาใหปรากฏคนท่ีมีเมตตาธรรม จะฉายแววใหเห็นไดทางแววตา คนหฤโหดก็จะสังเกตไดจากแววตาและทาทางการเคล่ือนไหวของรางกาย

ผูน ําท่ีมีลักษณะทาทางเปนท่ีประทับใจยอมเปนผูไดเปรียบ เพราะท ําใหผูพบเห็นเกิดความศรัทธาต้ังแตเร่ิมแรก ถึงอยางไรผูนํ าก็ไมไดหมายความวาตองมีลักษณะทาทางดีไปหมดแตจะตองมีลักษณะบางอยางท่ีทํ าใหคนยํ าเกรง

คนท่ีมีลักษณะหลุกหลิกถึงแมจะมีความรูสักเพียงใดมีสติปญญาเปนเลิศเมื่อไดรับการแตงต้ังใหเปนผูบังคับบัญชา มักจะไมไดรับความเลื่อมใสศรัทธา จากผูใตบังคับบัญชาเลย

ผูที่มีรูปรางไมสงางาม ก็ไมควรจะนอยอกนอยใจ แตถาไดปรับปรุงอารมณ อุปนิสัยใหดีเสียกอนแลวก็เปนส่ิงชดเชยลักษณะท่ีไมงามไดมากทีเดียว

อยางไรก็ดี ผูน ําหรือบุคคลช้ันนํ าทุกคนควรจะส ํารวจตนเองและเรียนรูถึงวิธีแกไขขอบกพรองของตน วิธีการดังกลาวจะรูไดก็ดวยการศึกษาคนควาเทาน้ัน ผูน ํา บุคคลช้ันนํ าจ ําเปนจะตองศึกษาคนควาในเร่ืองน้ีอยางละเอียดถ่ีถวน ทั้งนี้ ก็เพ่ือประโยชนในการแกไขพัฒนาบุคคลภายใตการปกครองบังคับบัญชาของตน เวนแตบุคคลท่ีผิดปกติอยางมาก ซึ่งจ ําเปนจะตองสงตัวไปใหจิตแพทยรักษา

ค. ลักษณะทางอารมณ อารมณเปนความรูสึกตอส่ิงท่ีมากระทบสัมผัสประสาทท้ัง ๕ คือตา หูจมูก ลิ้น กายใจ เปนตนเหตุใหเกิดอารมณ และอารมณก็เปนตนเหตุใหเกิดพฤติกรรม คือการแสดงออกถาการแสดงออกน้ันขาดการควบคุมการไตรตรอง อาจกอใหเกิดความเสียหายไดดวยปรากฏอยูเสมอ ๆในหนาหนังสือพิมพประจ ําวันหนา ๑ เหตุน้ีผูนํ าหรือบุคคลช้ันนํ าจะตองไตรตรองเพงคิดควบคุมการแสดงออกทางอารมณใหบังเกิดประโยชน และบังเกิดผลดีตอสังคม สวนรวมและในท่ีสุดถึงประเทศชาติดวยคุณลักษณะตอไปน้ี.-

๑) มองแงดี๒) ปรับตนเองใหเขากังส่ิงแวดลอม๓) มีความเยือกเย็น๔) บังคับตนเอง๕) เปนผูมีความกระตือรือรน๖) วางใหเหมาะสมในสังคม๗) จงฝกหัดเปนผูมีอารมณขัน๘) มีความเขาใจผูอ่ืน

ง. ลักษณะทางอุปนิสัย เมื่อพิจารณาโดยผิวเผินแลวจะเห็นวา อารมณกับอุปนิสัยมีลักษณะใกลเคียงกันมาก แตโดยขอเท็จจริงแลว อารมณเปนการแสดงออกจากการกระตุนจากสัมผัสทั้ง ๕ ท่ีมากระ-ทบจึงกอใหเกิดอารมณ สวนอุปนิสัยน้ันไมเก่ียวของกับสัมผัสท้ัง ๕ เลยแต

Page 12: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๑๒

เปนคุณลักษณะพ้ืนฐานของบุคคลซ่ึงอาจเปนมาโดยสันดานหรือไดรับการฝก-อบรม-ปลูกฝง หรืออิทธิพลอันเกิดจากส่ิงแวดลอมสันดานเดิมก็ดี การไดรับการฝกอบรมมาก็ดีและอิทธิพลจากส่ิงแวดลอมหลอหลอมมาก็ดี จะเกิดอุปนิสัยฝงลึกลงไปทีละนอย ๆจนในท่ีสุดก็เปนลักษณะประจํ าตัวของคนแตละคนไป การแกไขอุปนิสัยเปนส่ิงท่ีทํ าไดยากมาก ถาไมไดกระทํ ามาแตเยาววัย อุปนิสัยจึงเก่ียวของกับอารมณอยางใกลชิด จนบางทีแยกจากกันไมออก อุปนิสัยน้ีแหละจะเปนตัวการสํ าคัญท่ีทํ าใหการแสดงออกทางอารมณมีลักษณะอยางไร ผูท่ีมีอุปนิสัยไมดี ไมมีทางที่จะแสดงออกทางอารมณท่ีดีไดเลย แตก็มีอยูไมนอยเหมือนกันท่ีบุคคลจะอํ าพรางอุปนิสัยไมของตนไวดวยการแสดงออกใหเห็นวาดีได บุคคลจํ าพวกน้ีเปนบุคคลท่ีปราศจากความจริงใจเปนการแสดงออกดวยมายาบางคนดูอุปนิสัยยากมากเพราะเขาสามารถซอนอํ าพรางไวไดอยางแนบเนียนแตถาใชเวลาสังเกตสักหนอยก็จะทราบความจริงไดอุปนิสัยน้ีเปนเร่ืองท่ีจะตองศึกษาวิเคราะหกันอยางละเอียดถ่ีถวน เพราะอุปนิสัยเปนตัวนํ าพฤติกรรมท้ังปวง ผูน ํา หรือบุคคลช้ันนํ าจะเปนผูมีอุปนิสัยดีไดอยางไรศึกษาจากส่ิงตอไปน้ี

๑) ความจริงใจ ความจริงใจคือความไมหลอกหลวงน่ันเอง คือไมหลอกลวงผูอ่ืนและตนเองท่ีวาไมหลอกลวงตนเองน้ัน คือไมฝาฝนสัญญาท่ีตนใหไวกับตนเอง เชนตั้งใจไววาทุกวันพระจะไมดื่มสุราก็ตองไมดื่มจริง ๆ ในวันพระนั้น ๆ ผูน ําหรือบุคคลช้ันนํ าท่ีมีความจริงใจตอผูใตบังคับบัญชา นั้นเปนสิ่งส ําคัญย่ิงเพราะการขาดความจริงใจตอผูใตบังคับบัญชาแลวก็จะทํ าใหผูใตบังคับบัญชา ขาดความเส่ือมใสศรัทธา ผูที่ขาดความจริงใจมักเปนผูไมกลารับผิดชอบและไมเผชิญกับความจริง ซ่ึงสวนมากแลวบุคคลจํ าพวกน้ีมักจะเปนผูขาดความเช่ือม่ันในตนเอง ดังน้ันผูบังคับบัญชาที่ไมมีความจริงใจ มักจะไมไดรับความเช่ือม่ันและความเช่ือถือจากผูใตบังคับบัญชาเลยสาเหตุท่ีทํ าใหผูนํ าขาดความจริงใจมักจะเกิดการเห็นแกประโยชนสวนตน การเห็นแกพวกพองและการขาดความยุติธรรม

๒) ความจงรักภักด ี ความจงรักภักดีตางกับความซ่ือสัตยสุจริต หมายถึงไมคดไมโกงไมหาประโยชนสวนตัวโดยมิชอบ สวนความจงรักภักดีน้ัน ยังพรอมที่จะเสียสละชีวิตอุทิศเพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริยตอผูมีพระคุณ และตอหนวยหรือสถาบันท่ีตนรวมงานอยู ผูน ําท่ีดีจะตองมีความจงรักภกัดีตอชาติ,ศาสนา,พระมหากษัตริย ตลอดจนอบรมผูใตบังคับบัญชาใหมีความจงรักภักดีตามไปดวย

๓) ความสํ านึกในหนาท่ี ทุกคนท่ีเกิดมาตองประกอบอาชีพ ตองการทํ างานตามฐานานุรูป แมบานตองดูแลบานใหเรียบรอย ผูประกอบอาชีพ การทํ างาน ก็ตองถือวาเปนหนาท่ีของตน ๆและตองปฏิบัติตามกฎหมายของบานเมืองดวย กลาวส้ัน ๆ ทุกคนท่ีเกิดมาตองมีหนาท่ีท้ังส้ินโดยเฉพาะผูท ําหนาท่ีหัวหนาหนวยจะตองรับผิดชอบตองานของหนวยน้ันดวย คือ จะตองพยายามทุกวิถีทางท่ีจะใหงานท่ีตนรับผิดชอบบรรลุผลอยางไร จึงจะใหภารกิจทีตนรับผิดชอบอยูลุลวงไปดวย

Page 13: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๑๓

ความเรียบรอยถูกตองและทันเวลา ซ่ึงตองอาศัย ความริเร่ิม การตรวจสอบ ตลอดจนการกํ ากับดูแลโดยใกลชิด

ผูน ําจะตองระลึกอยูเสมอวา ตนอยูในฐานะอยางไร มีขอบเขตความรับผิดชอบเพียงใด ศึกษาหาความรู ต่ืนตัวอยูเสมอตองแสวงหาขอตกลงใจอยูตลอดเวลาดวยเหตุน้ี ผูน ํา จึงตองมีความสํ านึกในหนาท่ีจนเปนอุปนิสัย อุปนิสัยในการสํ านึกในหนาท่ีสามารถฝกได สรางขึ้นได ผูน ําท่ีดีจะตองมีความสํ านึกในหนาท่ีอยูตลอดเวลา

๔) ความเชื่อมั่นในตนเอง บางคนกลาววาความเช่ือม่ันในตนเองมิไดเปนอุปนิสัยด้ังเดิมของบุคคล เพราะคนเราจะเช่ือม่ันในตนเองไดจะตองมีปจจัยอ่ืนประกอบ เชน ความรู -ความรอบรูและภาวะแวดลอมอ่ืน ๆ ตลอดจนการไดรับการศึกษาอบรมมาแตเยาวัย ฉะนั้นความเชื่อมั่นตนเองจะเปนเรื่องของอารมณ แตโดยขอเท็จจริงแลว ความรู - ความรอบรูเปนเพียงสวนประกอบเทาน้ันบางคนมีความรูมาก แตไมคอยมีความเช่ือม่ันตนเอง แมการศึกษาจะชวยใหมีความเช่ือม่ันในตนเองก็ตามแตจะตองมีความเช่ือม่ันเปนพ้ืนฐานอยูบางแลว ความเช่ือม่ันในตนเองสามารถฝกและสรางขึ้นไดบุคคลท่ีขาดความเชื่อมั่นตนเองมักไมคอยกลารับผิดชอบงานอีกดวย คนจํ าพวกน้ีจะอยูภายใตอิทธิพลของผูบังคับบัญชาของตนฝายเดียว มีตัวอยางมากมาย การเปล่ียนแปลงแนวความคิด การแกไขขอตกลงใจที่ไมเหมาะสมหรือเมื่อมีสถานการณเกิดขึ้นใหมจะไมใชความเช่ือม่ันของตนเอง แตก็มีผูนํ าบางคนท่ีเช่ือม่ันตนเองมากเกินไป โดยไมยอมฟงเหตุผลของคนอ่ืน ๆ ถาพิจารณาดูใหดีแลว คนท่ีมีความเช่ือม่ันในตนเองน้ันจะตองมีความรอบคอบ มองเห็นการณไกล และมีความรอบรู การไมยอมฟงเสียงใครเลยและคิดวาความคิดของตนถูกเสมอ บุคคลประเภทนี้ไมใชผูมีความเชื่อมั่นในตนเองหรอก แตเปนคนด้ือร้ันมากกวาซ่ึงมิใชลักษณะของผูนํ าหรือบุคคลช้ันนํ า

๕) ความกลาหาญ ท่ีเรียกวา ความกลาหาญ น้ัน มิไดหมายความแตเพียงความกลาในการเผชิญตออันตราย อยางทหารในสนามรบเทาน้ัน แตความกลาหาญ หมายถึงความกลาท่ีจะเผชิญกับความจริง กลาท่ีจะเผชิญกับสถานการณท่ีเกิดข้ึนทุกประการไป ความกลาหาญถือเปนอุปนิสัยของบุคคลอยางหน่ึงดวย แตประการน้ันก็สามารถฝก - อบรมใหเปนคนกลาไดโดยจะตองเร่ิมฝกมาต้ังแตเยาววัยทหารถือวาการฝกความกลาเปนส่ิงสํ าคัญ ดังน้ันการฝกกํ าลังใจจึงเปนหลักสูตรสํ าคัญของทหาร

ความกลาหาญ ถือเปนลักษณะสํ าคัญของผูนํ าหรือบุคคลช้ันนํ า ท้ังน้ีเพราะบุคคลระดับน้ีจะตองรับผิดชอบตอหนวยจะตองปกครองบังคับบัญชาคน ความผิดพลาดหรือขอบกพรองอาจเกิดข้ึนได ผูน ําจะตองไมหวาดวิตกตอภยันตรายในภาวะขับขัน ผูบังคับบัญชาบางคนเวลาจะลงโทษผูใตบังคับบัญชายังไมกลาตองคอยหาคนอ่ืนมาเปนเกราะกํ าบัง เชนอาศัยคณะกรรมการบางอาศัยผูบังคับ-บัญชาหนวยรองบาง ท่ีเปนเชนน้ีก็ เพราะหัวหนาหนวยผูน้ีมักมุงแตประโยชนสวนตัว

Page 14: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๑๔

ไมกลารับผิดชอบไมกลาเผชิญตอภยันตราย แตความกลาหาญก็ไมใชความมุทะลุหรือความบาบ่ินความกลาหาญท่ีแทจริงน้ันจะตองประกอบดวย ความสุขุมความเยือกเย็น มีการกลาวสืบตอกันมาวา“นโปเลียนวางแผนทํ าสงครามดูอยางเปนคนขลาดแตเวลารบจะรบอยางกลาหาญ” ท่ีพูดอยางน้ันพึงเขาใจวาในการวางแผนการรบนโปเลียน จะวางแผนปองกันอันตรายท่ีจะเกิดข้ึนอยางละเอียดรอบคอบคลายกับวา กลัวอันตรายเสียเหลือเกิน แตพอถึงคราวตองรบ นโปเลียนจะรบอยางไมกลัวตาย

ฉะนั้น ผูน ํา หัวหนาหนวยคนใด ถารูตัววา “ ขาดความกลาหาญ ” แลวจะตองฝกฝนตนเองใหเปนคนกลาข้ึนมาใหได มิฉะนั้น จะไมไดรับความนิยมเชื่อถือ และความไววางใจจากผูใตบังคับบัญชาของตนเองเลย

๖) ความเขมแข็ง ความเขมแข็งตางกับความอดทน คือความอดทนหมายถึงทนตอความเหน่ือยยาก ความลํ าบากตรากตรํ า สวนความเขมแข็งหมายถึงความไมยอทอตองานท่ียากลํ าบากหรืองานท่ีตองเสียงอันตราย นอกจากน้ันแลวจะทํ างานอยางจริงจัง เพื่อใหภารกิจนั้นสํ าเร็จลุลวงอยางดีที่สุด การทํ างานอยางเขมแข็งแนนอนจะตองมีความอดทน มีความส ํานึกในหนาที่สูง และอาจตองมีความกลาหาญในโอกาสท่ีตองเสียงอันตรายจะเห็นไดวา ลักษณะของความเขมแข็งนั้น จะตองรวมเอาลักษณะอ่ืน ๆ มาประกอบดวย อาจกลาวไดวา เมื่อรวมเอาความอดทนความสํ านึกในหนาท่ี และ ความกลาหาญเขาดวยกันแลวพฤติกรรมที่แสดงออกจากผลรวมของลักษณะทั้ง ๓ ประการ จะเปนความเขมแข็ง และนอกจากนั้น ความเขมแข็งที่จะทํ าใหเกิดประสิทธิภาพตองประกอบดวยความเยือกเย็น และความสุขุมรอบคอบ

๗) ความยุติธรรม คือความตรง ความตั้งอยูไมเอนเอียงไปทางหนึ่งทางใดอยางงายๆ ซึ่งในทางธรรมกลาววา คือ การปราศจากอคติ ๔ อันไดแก ฉันทาคติ ลํ าเอียงเพราะรักใครพอใจโมหาคต ิลํ าเอียงเพราะความหลงผิด โทษคติ - เพราะโกรธ ภายาคติ - เพราะความเกรงกลัวภัย ผูน ําคนใดปฏิบัติหนาท่ีดวย อคติ ๔ นี้แลว จะทํ าใหผูใตบังคับบัญชา เสื่อมใสศรัทธาและพากันเกลียดชังหรือผูบังคับบัญชาท่ีปราศจากความยุติธรรมมีโอกาสจะพบกับความพินาศยอยยับไดงาย งานสวนรวมตองประสบความเสียหาย การเห็นแกตัว เห็นแกญาติ ถือเปนฉันทาคติ ทํ าใหผูตั้งใจทํ างานเกิดความทอแท จะเห็นไดวา การปราศจากความยุติธรรมเปนสาเหตุของความหลาหลังไมเจริญกาวหนา สังคมปนปวนจนในท่ีสุดประเทศชาติก็ดอยพัฒนา เพราะความไมยุติธรรมของผูนํ าระดับสูงบางคร้ังผูบังคับบัญชาต้ังใจดํ ารงความยุติธรรม แตมีเหตุเกิดจากความผิดพลาดเพราะเช่ืองายรูเทาไมถึงการณหรือเห็นแกประโยชนสวนตัว ฉะนั้นจึงจ ําเปนท่ีผูนํ าตองระมัดระวังคํ าบอกกลาวคํ ารายงาน โดยเฉพาะบุคคลท่ีใกลชิด ตองศึกษาลักษณะอุปนิสัยของผูบังคับบัญชาใหถองแทความยุติธรรมน้ีเปนความละเอียดออน ถารูเทาไมถึงการณ อาจเสียความยุติธรรมโดยไมเจตนาไดงาย ฉะนั้น ผูน ํา

Page 15: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๑๕

หรือบุคคลช้ันนํ าจะตองระมัดระวังอยางมาก เพราะถาหากพลาดจากความยุติธรรมเสียแลว แมจะไมเจตนาก็ตามความเส่ือมศรัทธา ความไมไววางใจจะเกิดขึ้นทันที

๘) ความไมเห็นแกตัว ตามธรรมดาคนเราตองรักตัวเองดวยกันท้ังน้ัน แตเปนคนละความหมายกับการเห็นแกตัว คนเห็นแกตัวคือบุคคลมุงเห็นประโยชนสวนตัวโดยไมคํ านึงถึงศีลธรรมแมจะเบียดเบียนผูอ่ืนตลอดถึงผลประโยชนของสวนรวมจนถึงประเทศชาติก็ไมคํ านึงถึงบุคคลประเภทน้ีไมเคยรูจักกับคํ าวา “เสียสละ”มุงแตประโยชนสวนตัวเปนท่ีต้ัง บางคนฉลาดอาจพลางตัวเขาในสังคมไดแตอุปนิสัยแทจริงไมยอมเสียใหใครไดเปนดี แมพลางสังคมไดก็ไมนาน อุปนิสัยท่ีแทจริงยอมปรากฏออกมาจนได ถาบุคคลเชนน้ีเปนหัวหนาหนวย เปนผูบังคับบัญชา เขาจะมุงแตผลประโยชน ท้ังจะไมยอมรับผิดมุงรับแตชอบอยางเดียว บางคร้ังดูเหมือนจะเปนผูริเร่ิม แตเบ้ืองหลังความริเริ่มนั้นมุงชื่อเสียงมุงความกาวหนา ของตนเองมากกวาความเจริญของหนวย หัวหนาหนวยประเภทนี้ไมมีเจตนาจะสรางความเจริญใหแกหนวยอยางสุจริตใจ

สวนผูนํ าท่ีไมเห็นแกตัวน้ัน มุงประโยชนและความส ําเร็จของงานโดยสวนรวม ไมใชมุงท่ีตนเองเปนผูสรางประโยชนแกสวนรวมโดยแท ผูน ําประเภทนี้เปนผูเสียสละ เปนที่พึ่งได ไววางใจไดไมเห็นประโยชนสวนตัวและพวกฟอง เปนผูมุงมั่นที่จะรักษาผลประโยชนของสวนรวม และประเทศชาติ จึงมั่นใจไดวา ผูน ําดังกลาวสามารถดํ ารงความยุติธรรมไวได แมจะสิ้นชีวิตก็ไมยอมเปล่ียนแปลง

๙) ความสนใจผูอื่น คนเราจะอยูในโลกแตเพียงลํ าพังไมได มนุษยจ ําเปนตองพึงพาอาศัยกันและกันดวยเหตุน้ี มนุษยจึงอยูรวมกันในสังคม เม่ือตองอยูรวมกันดังน้ีแลวจึงมีความจํ าเปนท่ีจะตองสนใจท่ีอยูในสังคมดวยการเก่ียวของสัมพันธกัน มิฉะน้ันจะกลายเปนผูโดดเด่ียว แตก็มีบุคคลบางประเภทท่ีไมสนใจใคร ชอบอยูแตลํ าพัง เงียบขรึม หรือท่ีเรียกกันเปนภาษาฝร่ังวา SHUTIN หรือบุคคลประเภท “ เก็บตัว ” เปนคนใจแคบ ขาดเพ่ือน ขาดผูสนับสนุน โดยเฉพาะอยางย่ิงบุคคลระดับหัวหนาหนวยหรือบุคคลช้ันนํ า จํ าเปนจะตองสัมพันธกับคนจ ํานวนมากและที่ส ําคัญก็คือขาวสาร นอกจากน้ันจํ าเปนจะตองทราบถึงสถานภาพของผูใตบังคับบัญชา ผูบังคับบัญชาชั้นสูงจึงตองสนใจผูรวมงาน ความสนใจผูอ่ืนจึงเปรียบประดุจกุญแจท่ีไดรับความรวมมือในทุกทาง แตก็ตองระวังไวดวยวาอยาใหกลายเปนคนชอบยุงเร่ืองของคนอ่ืน หรือไปสอดรูสอดเห็นเร่ืองของคนอ่ืนๆเขา

ฉะน้ันความสนใจผูอ่ืนจะตองมีขอบเขตท่ีเหมาะสมท่ีจะกอใหเกิดประโยชน และที่สํ าคัญก็คือตองรักษาจรรยามารยาทดวย ขอบเขตของความพอดีหรือความเหมาะสมน้ันไมอาจกลาวใหชัดเจนได ท้ังน้ียอมแลวแตสถานภาพและสถานการณท่ีจะปฏิบัติพอเหมาะพอควร คนท่ีมีอุปนิสัยไมชอบเก่ียวของกับใคร หรือคนท่ีมีนิสัยไมชอบยุงเก่ียวกับเร่ืองคนอ่ืนจนเกินไป บุคคลท้ัง

Page 16: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๑๖

สองประเภทนี้เปนผูนํ าไมไดแมจะไดรับการแตงต้ังใหเปนหัวหนาหนวย ก็จะไมเกิดผลในการปฏิบัติภารกิจเลย

๑๐) ความสนใจกวางขวาง ความสนใจกวางขวางน้ี แตกตางกับความสนใจผูอ่ืนเพราะความสนใจผูอ่ืนหมายถึงสนใจตัวบุคคล สวนความสนใจกวางขวางน้ันหมายถึงสนใจในกิจการในเหตุการณตลอดจนวิชาการตาง ๆ อันควรแกการสนใจบุคคลบางคนมักจะหมกมุนอยูกับเฉพาะงานในหนาท่ีหรือในความรับผิดชอบเทาน้ัน กิจการอ่ืน ๆ ไมสนใจ บุคคลบางคนรูเฉพาะกิจการงานท่ีตนทํ าอยู ไมมีความสนใจเรื่องอื่นเลย กิจการอ่ืน ๆ ความสนใจกวางขวางนั้นก็คือ สนใจแสวงหาความรอบรูนั่นเอง ผูน ําท่ีขาดความรอบรูมีผลเสียหายหลายประการ อาทิเชน อาจถูกหลอกไดงายนอกจากน้ันอาจกอใหเกิดปมดอยและอาจทํ าใหถูกดูแคลน ทั้งจะทํ าใหผูใตบังคับบัญชาและผูรวมงานไมมีความเชื่อมั่นและไมไดรับความนับถือศรัทธา และบางโอกาสทํ าใหเกิดความลังเลใจในการตัดสินใจเพราะปราศจากความเช่ือมัน่ตนเอง โดยเฉพาะอยางย่ิงคนทุกคนจํ าเปนตองสนใจเหตุการณบานเมืองของตนเองเพราะการปราศจากความสนใจในเหตุการณบานเมือง เปนเหตุใหมีความเห็นคลอยตามคนอ่ืนไดงายจนกลายเปนความวุนวายท้ังประเทศ ย่ิงเปนบุคคลช้ันนํ าดวยแลว ตองสนใจและตองทราบขอเท็จจริงโดยทองแท

จ. ศีลธรรม สํ าหรับบุคคลระดับหัวหนาหรือบุคคลช้ันนํ าจ ําเปนอยางย่ิง ที่จะตองมีศีลธรรมประจ ําใจและศีลธรรมนั้นมิใชเพียงมีจรรยามารยาทที่ดีเทานั้น แตจะตองมีความสํ านึกท่ีดีอีกดวย ผูน ําท่ีดี จะตองมีดี “ ดี ” ๓ ประการ คือ

๑) ความรูดี๒) ความสารมรถดี๓) ความประพฤติดี๑) ความรู หมายถึง ความรูในการปฏิบัติงานตามตํ าแหนงหนาท่ี เชนเปนผูตรวจ

การณหนาก็ตองรูและรับผิดชอบในการปรับการยิงปนใหญ รักษาการติดตอส่ือสารกับศูนยอํ านวยการยิงไวตลอดเวลาสงขาวสารตาง ๆถึง ฝอ.๒ ตามระยะเวลาที่นัดหมาย

๒) ความสามารถ หมายถึง นอกจากจะมีความรูแลว ก็ตองนํ าเอาความรูน้ันไปประยุกตเพ่ือใหเกิดประโยชนหรือพัฒนาความรูใหมากย่ิงข้ึนไปอีก และที่ส ําคัญตองมีสติปญญาเพราะมิฉะนั้นก็จะนํ าความรูที่มีไปใชในทางที่ไมชอบ ซึ่งมีผลรายยิ่งกวาคนที่ไมมีความรูเสียอีก

๓) ความประพฤต ิ คนจะประพฤติดีน้ัน ก็คือ จะตองมีความสุจริตท้ังทางกายวาจาและใจนั่นเอง ฉะน้ันบุคคลช้ันนํ า หรือผูนํ าไมเพยีงแตจะตองมีความดี ความสามารถ มีสติปญญาดี แลวจะเปนผูสุจริต จะตองประพฤติปฏิบัติอบรมใหเปนคนสุจริต และจะตองทํ าตนใหเปนตัวอยางท่ีดีอีกดวย

Page 17: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๑๗

หลักธรรมส ําคัญท่ีจะชวยใหการปฏิบัติงานปราศจากความผิดพลาด และไมเกิดความประมาทซ่ึงบุคคลช้ันนํ าหรือผูนํ าจะตองยึดถือตลอดเวลาคือ

ก)! สติสัมปชัญญะข)! หิริโอตตัปปะค)! ปราศจากอคติ ๔ง)! มีพรหมวิหารธรรม ๔จ)! ยึดม่ันในฆารวาสธรรม ๔ก) สติสัมปชัญญะ หมายถึง ความรูสึกตัวอยูเสมอ ในการทํ า การคิด

การพูด จะตองระลึกไดวา เราทํ าอะไร คิดอะไร พูดอะไรและขณะท ํา - คิด - พูด ตองรูวา เรากํ าลังทํ าอะไรอยู คิดวาจะทํ าอะไรเรากํ าลังพูดอะไร สติสัมปชัญญะจะเปนผูกํ ากับประคับประคองมิใหเกิดความผิดพลาดมิใหเกิดขอบกพรองและความเสียหายในทุก ๆกรณี สติสัมปชัญญะชวยใหเกิดความรอบคอบมีความคิดสุขุมและจะทํ าใหเกิดความคิดไมผิดพลาด

ข) หิริโอตตัปปะ ผูน ําท่ีดีจะตองมีหิริโอตตัปปะประจํ าใจ คือ หิริ หมายถึง ความละอายหรือความเกลียดตอการกระทํ าชั่ว , สวน โอตตัปปะ หมายถึง ความเกรงกลัวตอการกระทํ าชั่ว หากจะเปรียบหิริโอตตัปปะประดุจเหล็ก ๒ ทอน คือ ทอนหน่ึงท่ีมีส่ิงปฏิกูลเปอนเปรอะเราจะไมแตะตองเพราะสกปรกเปรียบไดดัง หิริ อีกทอนหนึ่งเผาไฟจนรอนจัด เราไมกลาจับ เพราะกลัวอันตราย อันเปรียบไดกับ โอตตัปปะ

ผูน ําหรือหัวหนาหนวยท่ีขาดหิริโอตตัปปะ มักจะท ําความเสียหายและความเล่ือมเสียมาสูหนวยและประเทศชาติมามากตอมากแลว บางรายตนตองเสียเกียรติเสียช่ือเสียงไดรับความอัปยศความดีท่ีเคยมีใครพูดถึง จึงอยาลืมวาแมทํ าความดีไวสักเพียงใดก็ตาม ถาทํ าชั่วเพียงคร้ังเดียวมันจะลบลางความดีไดหมดส้ิน บุคคลช้ันนํ า หรือผูนํ าพึงวังวรในเรื่องนี้ใหจงดี

ค) อคติ ๔ อคติหมายถึง ความลํ าเอียง ความไมยุติธรรมซึ่งเกิดจาก(๑) ฉันทาคติ ลํ าเอียงเพราะรักใครชอบพอ หรือ เพราะเปนญาติ

มิตร ญาติของมิตรสหาย(๒) ภายาคติ ลํ าเอียงเพราะความกลัวภัย ซึ่งมิไดหมายถึงกลัว

อันตรายเทาน้ัน ถึงกลัวถูกยายกลัวไมไดเล่ือนตํ าแหนง ฯลฯ อีกดวย(๓) โทษาคต ิ ลํ าเอียงเพราะความโกรธแคน อาฆาต(๔) โมหาคต ิ ลํ าเอียงเพราะความหลงผิด สํ าคัญผิด ขาดการ

พินิจพิจารณาความยากของผูนํ า คือ การดํ ารงความยุติธรรม ผูน ําคนใดถาปราศจาก

อคติ ๔ ผูน ําคนน้ันจะเปนผูนํ าท่ีดีเย่ียมคนหน่ึง

Page 18: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๑๘

ง) พรหมวิหารธรรม ๔ พรหมวิหารธรรม เปนธรรมของผูใหญ เปนธรรมที่จะสรางความเคารพนับถือ ใหเกิดข้ึนมีดังน้ี

(๑) เมตตา ตองการใหเขามีความสุข(๒) กรุณา ปรารถนาใหเขาพนทุกข(๓) มุทิตา ยินดีท่ีเขามีความสุข ประสบความสํ าเร็จ(๔) อุเบกขา วางเฉยเมื่อไมสามารถชวยเขาใหพนทุกขได หรือ

วางเฉยเสียเมื่อตนเองไมประสบความส ําเร็จ ควบคุมอารมณใหสงบเม่ือมีเหตุการณไมดี หรือมีภัยเกิดข้ึน ยึดอุเบกขาเปนหลักขจัดความโกรธและความพยาบาทไดอีกดวย

บางคนกลาววา พรหมวิหาร เปนหลักธรรมที่ท ําใหเสียความเด็ดขาด และทํ าใหเกิดออนแอความจริงแลว พรหมวิหาร ๔ เปนหลักธรรมที่ท ําใหเกิดความเขมแข็งเสียดวยซ้ํ าไปทั้งนี้เพราะผูน ําที่มีพรหมวิหาร ๔ ยอมไดรับความศรัทธา และความเช่ือม่ันจากผูใตบังคับบัญชาและกลุมชนยอมทํ าใหไดรับความรวมมืออยางเต็มใจในการปฏิบัติภารกิจ การลงโทษผูประพฤติผิดกฎหมาย ผูผิดระเบียบวินัย ไมใชขาดพรหมวิหาร ตรงขามผูบังคับบัญชายังสามารถใชพรหมวิหาร ในการวิเคราะหวา ผูใตบังคับบัญชาทํ าผิดดวยเจตนาอยางไร การลงโทษในการตํ าหนิท่ีไมเปนธรรมเปนการท ําใหเกิดความชิงชังเสียมากกวา ฉะนั้นผูน ําที่มีพรหมวิหาร ๔ แลว จะไมเกิดใหผิดพลาดในเร่ืองน้ี

จ) ฆารวาสธรรม ๔ ผูน ําจะตองยึดม่ันในฆารวาสธรรม ๔ อันไดแก(๑) สัจจะ คือ ความจริงใจ ไมหลอกลวง(๒) ทมะ คือ ความขมใจ ความอดกล้ัน ไมหว่ันไหวตาม

อารมณที่สัมผัส(๓) ขันต ิ คือ ความอดทนตอความยากลํ าบาก(๔) จาคะ คือ การเสียสละ เม่ือถึงคราวจะตองให ก็เสียสละ

(ฉ) สังคหวัตถุ ๔ สังคหวัถุ เปนหลักธรรมในการยึดเหน่ียวใจผูอ่ืน ซึ่ง ผูนํ า หรือบุคคลช้ันนํ าจะตองใหผูใตบังคับบัญชาผูรวมงานท่ีมีน้ํ าใจไมตรีตอเรา สังคหวัตถุ เปนหลักธรรมที่ทํ าใหผูอ่ืนนิยมรักใครน่ันเอง ประกอบดวย

(๑) ทาน คือ การใหปนส่ิงของตามควรแกกาล การใหรางวัล ใหเคร่ืองบริโภค อุปโภคตามควรแกกาลสมัย

(๒) ปยวาจา เจรจาไพเราะ(๓) อัตถจริยา ประพฤติแตส่ิงท่ีเปนประโยชนแกผูอ่ืน(๔) สมานัตตา ต้ังตนไวชอบ หมายถึง วางตัวเหมาะสมกับฐานะ

เสมอตนเสมอปลายไมเยอยิ่งไมแข็งกระดาง ไมออนแอ

Page 19: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๑๙

ผูน ําคนใดยึดม่ันในหลักธรรมท่ีกลาวมาแลว และถากระท ําได ผูน ําสามารถรักษาศีล ๕ ซึ่งหมายถึงไมฆาสัตว ไมลักทรัพย ไมเสพของมึนเมา ไมผิดลูกเมียเขา ไมพูดเท็จพูดยุยงสอเสียดก็จะเปนผูนํ าท่ีมีโอกาสพลาดไดยาก และจะเปนผูน ําท่ีไดรับความนิยม เปนท่ีเคารพนับถือ และชื่นชมแกผูใตบังคับบัญชาตลอดจนบุคคลท่ัวไปท่ีเก่ียวของดวย แมชีวิตหาไมแลว ก็จะมีแตคนยกยองสรรเสริญแตเพียงสวนเดียว

๑-๘ คุณสมบัติของผูน ําคุณลักษณะผูน ําท่ีกลาวมาแลวในขอ ๗ น้ัน เปนลักษณะท่ีทุกคนจะตองมี สวนจะเปน

ลักษณะดีเลวน้ันยอมแลวแตกํ าเนิด ภาวะแวดลอม การอบรม และการศึกษา และโดยเฉพาะบุคคลชั้นนํ า หรือผูนํ าจะตองมีลักษณะท่ีดีดังกลาวแลวยังจะตองมีคุณลักษณะเฉพาะตน ซึ่งจ ําเปนจะตองไดทํ าใหมีข้ึนโดยการศึกษาอบรม หรือการฝกฝนตนเอง มีอยูดวยกัน ๑๔ ประการดังตอไปน้ี

๑) ความรู ( KNOWLEDGE )ความรูเปนสิ่งสํ าคัญและจํ าเปนอยางย่ิงโดยเฉพาะความรูในกิจการท่ีตนรับผิดชอบ

ตามตํ าแหนงหนาท่ี ผูน ําจะตองมีความรู ความสามารถดีจึงจะสามารถควบคุมกํ ากับดูแลใหคํ าแนะนํ าตลอดจนตรวจสอบไดนอกจากจะมีความรูตามตํ าแหนงหนาท่ีแลวจะตองมีความรอบรูอยางกวางขวางแมจะไมเก่ียวของกับตํ าแหนงหนาท่ีโดยตรง ทั้งนี้ เพ่ือประโยชนในการประสานงานกับผูอ่ืนและอาจจะตองปฏิบัติงานรวมกับผูอ่ืน

ผูน ําท่ีดอยความรู และไมมีความรอบรูมักจะไมไดรับความเชื่อถือ ความเคารพและความศรัทธาจากผูใตบังคับบัญชาและผูรวมงาน

ความรูและความรอบรูเปนปจจัยสํ าคัญในการประมาณการ การใชดุลยพินิจและการตัดสินใจความไมรอบรูในขอเท็จจริง ความไมรอบรูในภาวะแวดลอมท่ีจํ าเปน เปนมูลเหตุใหตัดสินใจผิดพลาดไมสามารถตกลงใจอยางถูกตองได และเปนโอกาสใหเกิดความลังเล

ผูน ํา หรือบุคคลช้ันนํ า จึงมีความจ ําเปนท่ีจะตองใชเวลาวางใหเปนประโยชนสนใจในเร่ืองราวตางๆ นโปเลียนเปนผูนํ าท่ีมีท้ังความรูและความรอบรู ดังปรากฏวา เกวียนสัมภาระของนโปเลียนในการรบ จะตองมีเกวียนบรรทุกหนังสอืติดตามไปดวย สมเด็จพระจุลจอมเกลา ทรงมีความรอบรูอยางกวางขวาง ยากท่ีจะหาบุคคลใดในยุคน้ันทัดเทียม ดังปรากฏวา มีพระบรมวงศานุวงศบางพระองคและขุนนางไดเสนอเร่ืองเพ่ือเปล่ียนระบบการปกครองใหเปนระบอบประชาธิปไตย โดยบุคคลเหลาน้ันไดแสดงความคิดเห็นอยางตรงไปตรงมา พระองคไดอธิบายหลักประชาธิปไตยใหทานเหลาน้ันทราบโดยละเอียดซ่ึงคนไทยในยุคน้ันไมมีผูใดเขาใจเร่ืองน้ี แมทานท่ีเสนอความเห็นก็ยังไมเขาใจถองแท พระองคไดเปรียบเทียบฐานะของคนอังกฤษท้ังดานการศึกษา และความเปนอยูกับคนไทยในยุคนั้นย่ิงกวาน้ันพระองคยังทรงแสดงใหเห็นวาขั้นตอนการปกครองที่พระองคก ําลังทรง

Page 20: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๒๐

กระท ําอยู ก็เพ่ือจะไปสูประชาธิปไตยในอนาคต พระองคไดอธิบายหลักประชาธิปไตย โดยแสดงถึงฝายนิติบัญญัติและฝายบริหาร จะตองรับผิดชอบอยางไร จนเปนใหทานท่ีเสนอความคิดเห็นเหลาน้ันยอมจํ านนในเหตุผล แทนที่พระองคจะทรงต ําหนิหรือกลาวโทษทานเหลาน้ัน พระองคกลับแสดงความชอบใจท่ีเห็นแกบานเมืองอีกดวยความรอบรูในหลักประชาธิปไตยของพระองคดูเหมือนพระองคจะรูดีกวาคนไทยยุคปจจุบันน้ีดวยซ้ํ าพระองคจึงทรงเปนมหากษัตริยท่ีไดรับความเคารพรัก และกราบไหวบูชาอยูจนกระท่ังปจจุบันน้ี และตอไปอีกนานเทานาน

ฉะนั้น จึงจะเห็นไดแลววา ผูน ํา หรือบุคคลช้ันนํ าย่ิงมีความรูและความรอบรูมากเพียงใด ก็ยอมเกิดประโยชนตอสวนรวมและประเทศชาติมาก และยังทํ าใหบุคคลผูน้ัน เปนผูมีเกียรติไดรับความเคารพยกยองจากบุคคลท่ัวไปอีกดวย

๒) ความกลาหาญ ( COURAGE )ความกลาหาญ คืออํ านาจทางใจอยางหนึ่งที่ท ําใหสามารถควบคุมตนเองได ไมวา

จะอยูในสถานการณอยางไร เชนกํ าลังประสบอันตรายก็สามารถควบคุมอารมณมิใหต่ืนตระหนกหวาดกลัว และสามารถปฏิบัติหนาท่ีไดอยางมีประสิทธิภาพ ตลอดจนกลาท่ีจะเผชิญกับความจริงกลาท่ีจะรับผิดชอบไมสะทกสะทานหรือหว่ันไหวกลาท่ีจะรับโทษ รับคํ าตํ าหนิ

ผูน ํา หรือบุคคลช้ันนํ าจะตองสํ ารวจตนเองวาตนน้ันมีอารมณแหงความกลาหาญอยูหรือไม ถาพบวาไมมีจะตองรีบแกไขโดยการฝกตนเองใหปราศจากอารมณแหงความกลัวน้ันถาไมสามารถขจัดมันออกไปไดก็ไมสมควรจะเปนผูนํ าอีกตอไป เพราะถายังขืนเปนผูน ําอีกตอไปเม่ือมีสถานการณท่ีจะตองความกลา ก็จะไมสามารถแกปญหาได จะทํ าใหหนวยท่ีตนรับผิดชอบตองประสบความเสียหาย ท้ังตนเองก็จะเส่ือมเสียเกียรติ มีแตความอัปยศและขาดความศรัทธาเส่ือมใส

การขจัดอารมณแหงความกลัวใหหมดสิ้นนั้นอาจฝกไดโดยก) ฝกสอบใจ ควบคุมอารมณดวยวินัยข) ควบคุมไมใหต่ืนตูมค) พยายามกระทํ าในสิง่ท่ีเคยกลวัซํ ้า ๆ จนรูสกึกวาสิง่น้ันไมนากลวัอีกตอไปแลวง) ยืนหยัดในสิง่ท่ีตนเห็นวาถูกตองจ) แสวงหาความรับผดิชอบฉ) ยอมรับขอตํ าหนิเมือ่รูวาตนบกพรองหรือเปนผูผดิช) ฝกหัดเผชญิตออันตรายและความยากล ําบากจนสามารถควบคุมจติใจใหเปนปกติได

การฝกใหกลา หรือกลาหาญน้ีสามารถฝกมาแตเยาววัย ซึ่งจะไดผลด ี แตเม่ือไดรับการแตงต้ังใหเปนหัวหนาหนวยและผูรูตัววายังมีความกลัวอยู ก็ตองรีบแกไขโดยฝกตนเองใหเร็วท่ีสุดผูน ําจะตองเปนผูกลาหาญซ่ึงจะเปนตัวอยางท่ีดีแกผูใตบังคับบัญชาไปพรอมดวย

Page 21: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๒๑

ใครก็ตาม ถายังมีความกลัว หรือเปนคนประเภทท่ีเรียกวา มักจะต่ืนตกใจระงับไวไมอยูในเมื่อมีเหตุการณรุนแรง หรือนากลัวอันตราย ถายังแกไขไมไดก็อยาคิดท่ีจะเปนผูนํ าบุคคลช้ันนํ าหรือหัวหนาตอไปเลย

๓) ความริเร่ิม ( INITIATIVE )ความริเร่ิมหมายถึง ความคิดทีจะหาหนทาง พัฒนางานท่ีตนรับผิดชอบใหเจริญ

กาวหนาโดยเฉพาะถาจะพูดถึงประเทศชาติ ก็เพ่ือท่ีจะใหประเทศชาติมีความม่ันคงประชาชนมีรายไดพอเพียงตอการดํ ารงชีวิต มีสุขภาพอนามัยดี มีความปลอดภัยรวมท้ังหนทางแกไขขอบกพรองความเส่ือมโทรม ใหหมดสิ้นความริเริ่มมิไดหมายความเพียงน ําเอาส่ิงใหมท่ีไมเคยมีผูใดดํ าเนินการหรือปฏิบัติมากอนเอามาทํ าดํ าเนินการแตหมายถึงนํ าเอาสิ่งท่ีดีท่ีผูอ่ืนเขาปฏิบัติไดผลมาแลวนํ าเอามาพัฒนาหนวยงานหรือประเทศชาติของตนไดอยางเหมาะสมกับสถานการณและกาลเวลา แตถาสถานการณไมเอ้ืออํ านวยหรือยังไมเหมาะกับกาลเวลาก็ไมควรหักหาญดวยอํ านาจดังเชนที่พระบาทสมเด็จพระจุล-จอมเกลาเจาอยูหัวไดทรงปฏิรูปการปกครองประเทศชาติ พระองคก็มิไดนํ าเอาระบบของตางประเทศมาใชท้ังหมดโดยทันที หรือการเลิกทาสของพระองค แตไดทรงดํ าเนินการเปนข้ัน ๆจนในท่ีสุดก็สามารถเปล่ียนแปลงการปกครองเดิมไดท้ังหมด ท้ังยังไดทรงวางรากฐานการปกครองระบอบประชาธิปไตยไวใหดวยการเลิกทาสก็เลิกโดยละมุนละมอมไมมีการเสียเลือดเน้ือเหมือนอยางสหรัฐอเมริกา โดยใชเวลาถึง ๓๐ ป จึงเลิกทาสไดส ําเร็จ

ความริเริ่มเปนการแสดงถึงสติปญญาและประสิทธิภาพของผูนํ าอยางสํ าคัญย่ิงเคยปรากฏวาหัวหนาหนวยบางคนเม่ือไดรับการแตงต้ังใหไปดํ ารงตํ าแหนง หรือ ไดเล่ือนตํ าแหนงขึ้นไปอยากจะเปลี่ยนแปลงแกไขพัฒนาหนวยงาน ก็ทํ าการปรับปรุงเปล่ียนแปลงโดยทันที แทนที่จะไดผลดีกลับกลายเปนการสรางความยุงยากใหเกิดข้ึน โปรดจํ าไวแตเดียวน้ีเลยวา “ ผลแหงการริเร่ิมน้ันจะตองคํ านึงถึงผลท่ีจะเกิดข้ึนในระยะเวลาอันยาวนานดวย มิใชจะเกิดผลด ี ช่ัวระยะเวลาหน่ึงเทาน้ัน”ผูน ําท่ีสามารถจะตองมองการณไกล สามารถมองเห็นผลที่จะสะทอนในระยะเวลาอันยาวนาน มิใชเปนระยะแรกดูเปนผลดีแตตอไปกลายเปนผลเสียหาย และสิ่งส ําคัญท่ีสุด ขอบกพรองและความเสียหายบางอยางเม่ือเกิดข้ึนแลวไมอาจแกไขได เปนผลเสียหายแกสวนรวมและประเทศชาติไปดวย

เพื่อท่ีจะใหการริเริ่มไมบังเกิดผลเสียหายนั้นกอนจะริเริ่มดํ าเนินการอยางไรหรือจะแกไขเปลี่ยแปลง หรือจะพัฒนาใหเจริญกาวหนา จะตองศึกษาขอเท็จจริงใหชัดเจนเสียกอน โดยหาขอมูลใหละเอียดดวยความรอบคอบ กํ าหนดแผนใหแนนอน พิจารณาถึงผลไดผลเสียที่จะเกิดขึ้นตลอดจนผลท่ีจะสะทอนในอนาคต แลงจึงไดริเริ่มลงมือปฏิบัติ โดยจะตองหาหนทางปฏิบัติใหเหมาะสมถูกตองโดยพิจารณาเปรียบเทียบกับหนทางปฏิบัติทุกหนทางเสียกอน เม่ือไดดํ าเนินการไปแลวจะเปลี่ยนแปลงแกไขใหมเปนเรื่องยุงยาก

Page 22: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๒๒

สิ่งที่ส ําคัญท่ีสุดอีกประการหน่ึงคือ การริเริ่มใด ๆ จะตองมุงถึงผลที่เกิดขึ้นแกสวนรวมอยางแทจริง มิใชเอาผลประโยชนสวนรวมเปนสิ่งบังหนา แตโดยขอเท็จจริงน้ันมุงผลประโยชนสวนตัวมากกวา เชน เพ่ือใหตนมีช่ือเสียง หวังประโยชนแกตนและพวกพอง ฉะน้ันการริเร่ิมจะตองกระท ําโดยปราศจากอคติและอุปทานใด ๆ ทั้งสิ้น อน่ึงในการโฆษณาผลงาน ถาโฆษณาน้ันมุงหมายท่ีจะไดรับความรวมมือจากสวนรวมมุงใหสวนรวมเขาใจเพื่อจะไดชวยกันสรางสรรคจรรโลงไมฝาฝนรวมกันรักษาประโยชนการโฆษณาเปนส่ิงจํ าเปน หรือการโฆษณาเพ่ือกระตุนหรือเราสวนรวมใหเห็นความจํ าเปนท่ีจะตองดํ าเนินการเชนน้ี ก็นับวาเปนส่ิงจํ าเปนท่ีจะตองโฆษณา แตถาการโฆษณาผลงานหรือการริเร่ิมน้ันเพียงเพ่ือใหตนเองเกิดความสํ าคัญหรือตองการความชอบ การโฆษณาเชนน้ีจะไมบังเกิดประโยชน คนท่ีมีปญญาเทาน้ันท่ีจะเขาใจไดดี

ดังกลาวแลววา ความริเร่ิมของผูนํ า หรือบุคคลช้ันหัวหนา หรือบุคคลระดับผูนํ ามิใชของงาย ตัวอยางเชน ประธานาธิบดีมอนโรแหงสหรัฐอเมริกา พิจารณาวาประเทศอเมริกาทรัพยากรสมบูรณประเทศก็กวางใหญไพศาลมีประชากรมากพอสมควร ท้ังยังอยูหางไกลประเทศอ่ืนๆ มีทะเลลอมรอบ ฉะนั้น อเมริกาไมมีความจ ําเปนจะตองเก่ียวของกับใคร อเมริกาก็ดํ ารงอยูไดดวยตนเอง ขณะน้ันคนอเมริกันก็เห็นดวยถึงกับมีคํ าวา “ ลัทธิมอนโร ” คือ อยูแตลํ าพัง แตแลวผลก็ปรากฏออกมาวา ลัทธิมอนโรใชไมได เพราะอเมริกาจะไมเกี่ยวของกับประเทศอื่นเปนสิ่งเปนไปไมไดแสดงใหเห็นวา ความริเร่ิมของประธานาธิบดีมอนโรมิไดบังเกิดผลอยางถาวร ในท่ีสุดก็ตองลมเลิกแตก็ไมไดกอใหเกิดความเสียหายสวนประธานาธิบดีมอนโรมิไดบังเกิดผลอยางถาวร ในท่ีสุดก็ตองลมเลิกแตก็ไมกอใหเกิดความเสียหาย สวนประธานาธิบดีไอเซนฮาวมีความเห็นวาอเมริกา จะดํ ารงอยูไดก็เพราะมิตรประเทศ จึงมีความเห็นวาควรเพ่ิมงบประมาณชวยเหลือมิตรประเทศแตประชาชนกลับไมเห็นดวย ประธานาธิบดีจึงไดออกโทรทัศนช้ีแจงใหกับประชาชนเขาใจ ถาอเมริกาทอดท้ิงมิตรประเทศแลวอเมริกาก็จะอยูอยางโดดเด่ียวซ่ึงจะตองพินาศ ในที่สุดประชาชนจึงเขาใจและยินยอมรับนโยบายของไอเซนฮาวนับแตบัดน้ันมาจนกระท่ังปจจุบันน้ีอเมริกาถือวาการชวยเหลือมิตรประเทศยังมีความส ําคัญอยู ฉะน้ันความริเร่ิม ของผูนํ าหรือบุคคลช้ันนํ าจึงเปนการแสดงถึงสติปญญาและประสิทธิภาพของผูน ําท่ีสํ าคัญย่ิงดังกลาว

๔) ความเด็ดขาด ( DECISIVENESS )ความเด็ดขาด คือ ความสามารถในการตกลงใจไดถูกตองโดยไมมีการเปล่ียน

แปลงมีความม่ันคงแนนอน ปราศจากการลังเล และตกลงใจทันกับเหตุการณ อยาไดเอาความหมายของความเด็ดขาดไปปนกับความเอะอะโผงผาง ความมุทะล ุความด้ือร้ัน ซึ่งไมใชความเด็ดขาด สิ่งที่กลาวภายหลังนี้เปนกิเลส เปนโทษจริต

ความเด็ดขาดจะเกิดข้ึนไดจากก) มีความรูในกิจการน้ัน ๆ อยางแทจริง

Page 23: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๒๓

ข) มีความรอบรูค) มีการศึกษาอยางถองแท วิเคราะห วินิจฉัย และหาทางปฏิบัติโดย

ใชดุลยพินิจ และการง) ตัดสินใจอยางถูกตองจ) ยึดถือความจริงฉ) ปราศจากอคติช) มีประสบการณมากพอควร

การตัดสินใจท่ีผิดพลาดแลวไมยอมแกไข ไมใชความเด็ดขาดแตเปนความด้ือดึงดังกลาวแลววา การตัดสินใจ คือ ข้ันสุดทายของการใชดุลยพินิจกอนตกลงใจปฏิบัติ ฉะนั้น ถาปรากฏวาผิดพลาดหรือสถานการณเปล่ียนแปลงไป ก็อาจเปล่ียนแปลงการตัดสินใจใหมได แตการตกลงใจลงมือกระทํ าแลวจะตองไมเปลี่ยนแปลง เวนเสียแตมีความจํ าเปนอยางย่ิงบางกรณีก็อาจเปล่ียนแปลงใหมได

ผูน ําจะมีความเด็ดขาดไดน้ันจะตองต่ืนตัวอยูเสมอ และจะตองแสวงหาขอตกลงใจอยูตลอดเวลาเพราะไมเชนน้ันก็จะมีโอกาสผิดพลาดไดความเด็ดขาดเชนน้ีจะไมเปลี่ยนแปลงขอตกลงใจซึ่ง ขอตกลงใจน้ันจะถูกตองและทันกับเหตุการณจึงจะถือวาเปนความเด็ดขาดของผูนํ าชนชั้นนํ าและหัวหนาหนวย ตัวอยางเชน สมเด็จพระนเรศวรมหาราชไดใหพระราชมนูคุมก ําลังเขาตีเชียงใหมขณะนั้นฝายขาศึกมีกํ าลังมาก ซึ่งกองทัพพระรามนูกํ าลังรบติดพันอยู สมเด็จพระนเรศวรตองการลอใหขาศึกรุกเขามาในพ้ืนท่ีซ่ึงพระองคเตรียมกํ าลังซุมโจมตีขาศึกษา จึงใหคนไปบอกพระราชมนูถอย พระราชมนูพิจารณาวาถาถอยจะเสียขบวน เพราะฝายขาศึกกํ าลังมาก ตองการตรึงขาศึกไวกอนจึงไมยอมถอย สมเด็จพระนเรศวรใชคนที่ไปบอกพระราชมนูแพใหถอย ถาไมถอยใหเอาหัวพระราชมนูมา พระราชมนูจํ าเปนตองถอย ฝายขาศึกคิดวาพระราชมนูแพ จึงไลติดตามไปดวยความฮึกเหิม สมเด็จพระนเรศวรจึงนํ ากํ าลังเขาตัดกํ าลังขาศึกจึงไลติตตามจนขาศึกเสียขบวน แลวพระองคจึงไดใชกํ าลังอีกสวนหน่ึงเขาบดขย้ีขาศึก จะเห็นไดวาสมเด็จพระนเรศวรไดตกลงพระทัยเด็ดขาด ตอพระราชมนูอีกคํ ารบหน่ึงจะเห็นไดวาสมเด็จพระนเศวรไดทรงพิจารณาอยางรอบคอบแลววาควรจะดํ าเนินการอยางไร จึงตัดสินพระทัยตามแนวความคิดน้ัน แตเมื่อพระราชมนูไมเขาใจขัดพระบรมราชโองการ ก็ดวยความหวังดี จึงตองทรงใชความเด็ดขาดตอพระราชมนูดวย

ฉะนั้น ความเด็ดขาดของผูนํ า เม่ือมีความเช่ือม่ันวาจะตองตกลงใจทํ าอยางน้ีก็ตองไมยอมใหอุปสรรคใดๆ มาขัดขวางอีกดวย จะตองกระทํ าใหจงไดและทันกับเหตุการณดวย

๕) ความแนบเนียน ( TACT )ความแนบเนียนน้ีไดเคยกลาวมาแลวในเร่ืองลักษณะทางปญญาของผูนํ า แตการท่ี

นํ ามากลาวไวในคุณสมบัติก็เพ่ือจะเนนใหเห็นวา ผูน ําจะตองมีความแนบเนียนเปนคุณสมบัติประจํ า

Page 24: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๒๔

ตัว ( บางทานแปลวา “ ไหวพริบ ” ก็คงเหมือกันโดยนัย ) และถาผูน ําคนใดขาดความแนบเนียน ก็จะปลูกฝงหรือสรางสรรคข้ึนใหได ผูน ําคนใดขาดความแนบเนียน ผูน ําคนน้ันจะเปนผูนํ าที่ดีไมไดเลยในการสรางความแนบเนียนเปนคุณสมบัติประจํ าตัวน้ัน จะตองปฏิบัติดังตอไปน้ี.-

ก) สํ ารวจขอบกพรอง และจุดออนของตนใหพบวาอะไรเปนสาเหตุใหขาดความแนบเนียน

ข) ฝกใหมีมนุษยสัมพันธอันดี กับคนทุกคนค) มีความสุภาพและความแชมชื่นง) พิจารณาผูอื่นใหเขาใจ ( รูใจคนอ่ืน )จ) ศึกษามนุษยวิทยา และจิตวิทยาฉ) ใหความรวมมือกับผูอ่ืนดวยความจริงใจช) พูดดวยความสุภาพและจริงใจซ) ฝกสังเกตุบุคคลท่ีมีศิลปในการจูงใจผูอ่ืนใหคลอยตามและตองพยายาม

ฝกตนเองใหเปนคนมีศิลปในการชักจูงผูอ่ืนใหคลอยตามใหไดด) อยาใชสํ านวนโวหาร จนมองดูวาเปนคนเลนล้ินต) อยาพูดใหผูอ่ืนหลงดวยการยกยองท่ีไมเปนจริงถ) อยาทํ าตนเปนนักจิตวิทยา เพราะจะท ําใหผูอ่ืนรูสึกวา ไมมีความ

จริงใจ๖) สํ านึกในความยุติธรรม ( SENSE OF JUSTTCE )ไดกลาวแลวในเร่ืองลักษณะทางอุปนิสัย ผูน ําจะตองสํ านึกถึงเร่ืองความยุติธรรม

ในการนํ าคนน้ันเปนการยากถามีอุปนิสัยไมยุติธรรมฉะน้ันจะตองสํ ารวจตัวเองอยูเสมอวาตนมีอคติ และอุปทานอันเปนมูลเหตุใหเกิดความไมยุติธรรมหรือไมและถาส ํารวจพบวาไมมีอุปนิสัยในความยุติธรรมแลวตองพยายามปลูกฝงสรางข้ึนโดยขจัดอคติ และอุปทานใหหมดส้ิน พึงระลึกวา ผูน ําขาดความยุติธรรมแลวคนดี ๆ มีความสามารถจะไมใหความรวมมือและจะทอดทิ้งไปในที่สุด ขอผิดพลาดท่ีมักจะเกิดข้ึนแกผูนํ าบุคคลช้ันนํ าหรือหัวหนาหนวยก็คือ เพราะหลงงมงาย มีอคติ มีอุปทานอันเกิดจากความอํ าเอียงเพราะความหลงนั้นเอง

๗) ความเช่ือถือ หรือ ไววางใจได ( RELIABILITY )คนเราจะเปนท่ีเชื่อถือหรือเปนท่ีไววางใจแกบุคคลอ่ืนน้ันจะตองประกอบดวยปจจับ

หลายประการดวยกันโดยเฉพาะอยางย่ิงผูนํ า หรือบุคคลช้ันนํ า ฉะน้ันบุคคลช้ันนํ าจะตองมีลักษณะท่ีดีดังกลาวเปนคุณสมบัติประจํ าตัวปจจัยตาง ๆ ดังกลาวประกอบดวย มีความรู - ความสามารถและที่ส ําคัญตองมีความกลาหาญ มีความจริงใจ กลารับผิด มิใชคอยรับแตชอบ ซึ่งจะชวยใหคนอื่นเช่ือถือ และไววางใจในที่สุด

Page 25: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๒๕

๘) ความอดทน ( ENDURANCE )ความอดทน คือกุญแจท่ีจะนํ าไปสูความสํ าเร็จในกิจการท้ังปวง งานบางอยางมี

ความยากลํ าบากซ่ึงตองใชความอดทนและอดกล้ัน สมเด็จพระเจาตาก-สินมหาราชกวาจะกูเอกราชสํ าเร็จนอกจากพระองคจะมีพระปรีชาญาณอันเลิศแลว พระองคก็ทรงมีความอดทนตอการตรากตรํ าและความยากลํ าบากอยางท่ีสุด พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัวทรงใชความอดทนอดกล้ันอยางมากในการปฏิรูปการปกครองโดยเฉพาะการเลิกทาส พระองคตองใชเวลาถึง ๓๐ ปทาสจึงหมดส้ินจากแผนดินไทยในการเลิกทาสถาพระองคไมทรงอดกล้ันแลว จะตองเกิดการจลาจลในบานเมืองอยางสหรัฐอเมริกาอยางแนนอน นโปเลียนเม่ือถูกเนรเทศไปยังเกาะเอลบา นโปเลียนมิไดทอแทหรือหมดหวังแตมีความเช่ือม่ัน วาจะตองกลับไปเปนมหาจักรพรรดิแหงฝร่ังเศลอีกนโปเลียนก็กลับเปนจนได เม่ือพระองคไดกลับมายังปรารีสแลว ไดทรงกลาวถึงมูลเหตุที่ท ําใหพระองคสามารถกลับมาเปนจอมจักรพรรดิอีกคร้ังหน่ึงวา

“ อยาหมดหวัง อยาทอใจ แมทองฟาจะมืดมัวดวยพายุ แมหนทางแสนจะมืดแมวาจะมีความล ําบากสักปานใด แมเราจะพบกับความลมเหลวซํ้ าแลวซํ้ าเลาก็ตาม จงกระท ําตอไปจงมุงหนาตอไป และตอ ๆ ไป.

ความสํ าเร็จของมหาบุรุษน้ันมิใชไดมาดวยการตอสูทันทีทันใด แตขณะท่ีผูอ่ืนหลับไหล(ประมาท) มหาบุรุษตองทํ างานอยางคร่ํ าเครงตลอดวันตลอดคืน

จากความอดทนไมทอแทและความต้ังใจอันแนวแนของนโปเลียนก็จะกลับเปนจอมจักรพรรดิฝร่ังเศลก็บรรลุผล ทั้งนี้ไมเพียงแตความตั้งใจเทานั้น แตนโปเลียนตองใชความอดทนอยางยอดเย่ียม ยิ่งจะทํ าใหผูใตบังคับบัญชาเปนผูอดทนไปอีกดวย และที่ส ําคัญก็คือ ความอดทนสามารถทํ าใหผูนํ าสามารถดํ ารงความมุงหมายในการปฏิบัติไดอีกดวย

๙) ลักษณะทาทางดี ( GOOD POSTURE )ไดกลาวถึงบุคลิกลักษณะนานิยมแลวในเร่ืองท่ีเก่ียวกับลักษณะผูนํ า บุคลิกลักษณะ

นานิยมน้ัน เปนลักษณะท่ีเปนไปโดยธรรมชาติหรือเปนมาแตกํ าเนิดของบุคคลน้ัน อาจมีการปรับปรุงไดบาง แตลักษณะทาทางท่ีดีท่ีเก่ียวกับคุณสมบัติเปนลักษณะท่ีสามารถฝกได ปรับปรุงไดอาทิเชน ลักษณะทาทางขณะพูด การวางตัวอันเหมาะสมในสังคม ลักษณะทาทางมิไดหมายถึงรูปรางหนาตาอันเปนรูปธรรม แตหมายถึงอากัปกิริยาท่ีปรากฏแกบุคคลท่ัวไป ซึ่งรวมทั้งความประพฤติการพูด การใชภาษา ทวงทีวาจา การวางตัวอันเหมาะสมในสังคม ลักษณะดังกลาวน้ีฝกไดปรับปรุงแกไขได ผูไดรับการแตงต้ังใหเปนหัวหนาหนวยหรือบุคคลช้ันนํ าหรือผูนํ า จํ าเปนอยางย่ิงท่ีจะตองมีลักษณะทาทางที่นาศรัทธา นานับถือ ลักษณะทาทางไมเพียงแตเปนการแสดงใหเห็นอากัปกิริยาอันนานับถือ และนาเคารพของบุคคลช้ันนํ า ผูน ําหรือหัวหนาหนวยเทาน้ัน แตยังเปนการแสดงถึงความม่ันใจและสมรรถภาพหรือความสามารถของเขาอีกดวย

Page 26: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๒๖

๑๐) ความกระตือรือรน ( DECISION )ผูน ํา บุคคลช้ันนํ า หรือหัวหนายอมมีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะอยางย่ิงจะตองให

ภารกิจในความรับผิดชอบบรรลุผลสํ าเร็จอยางดีท่ีสุด และบางโอกาสจํ าเปนจะตองทํ างานแขงกับเวลา ฉะนั้นจึงตองเรงรัด กวดขันใหเจาหนาท่ีท่ีเก่ียวของปฏิบัติหนาท่ีโดยไมตองทอดท้ิง ไมเฉื่อยชาและจะตองกระทํ าอยางตอเน่ือง ถาหัวหนาหนวย หรือผูนํ าเปนคนเฉ่ือยชา เปนของธรรมดาลูกนองก็จะพลอยเฉ่ือยชาตามไปดวย ดังน้ันในการเปนบุคคลระดับหัวหนา ผูน ําหรือบุคคลช้ันนํ าจะตองมานะบากบ่ัน มุงมั่นกระทํ าภารกิจท่ีไดรับมอบโดยปราศจากความทอแท เบ่ือหนายท้ังจะตองกระทํ าดวยอารมณแจมใสเบิกบานแลวดังน้ันความกระตือรือรนก็จะเกิดข้ึนได ท้ังน้ีท้ังน้ันก็จะตอง

ก) เขาใจและเกิดความเชื่อมั่นในผลส ําเร็จของภารกิจ (มีความรูความชํ านาญ)

ข) มีความพอใจในการกระทํ าค) มีความเพียรที่จะกระท ําใหส ําเร็จง) พิจารณาใหถองแทกอนมีที่จะลงมือกระท ําจ) ไมรูสึกเบ่ือหนาย และอารมณราเริงที่ไดกระทํ าฉ) มีความปติเบิกบานเม่ือภารกิจสํ าเร็จ

หรือถากลาวโดยสรุปตามหลักธรรม ก็คือความกระตือรือรนจะเกิดข้ึนได โดยหลักอิทธบิาท ๔ น่ันเอง คือเกิดจาก

ก) ฉันทะ ความพอใจที่จะกระทํ าข) วิริยะ ความพรากเพียรพยายามที่จะกระท ําใหส ําเร็จค) จิตตะ มีใจจดจอ หรือเอาใจใสง) วิมังสา พินิจพิจารณาโดยรอบคอบ

บุคคลระดับ ผูน ํา หรือหัวหนา ถาขาดความกระตือรือรนจะทํ าใหไมกาวหนา และอาจเส่ือมโทรมในท่ีสุด ความกระตือรือรนมีความจํ าเปนตอผูนํ าทุก ๆระดับช้ัน

๑๑) ความไมเห็นแกตัว ( UNSELFISHNESS )คนท่ีเห็นแกตัว ก็คือ คนถือวาประโยชนสวนตัวมีความสํ าคัญโดยไมคํ านึงถึงผูอื่น

คนเห็นแกตัวจะไมยอมเสียสละ ย่ิงไปกวาน้ันยังจะชอบเอาเปรียบคนอ่ืน ชอบแตไดไมยอมเสีย เปนคนใจแคบไมเอ้ือเฟอ บุคคลอยางน้ีถาดํ ารงตํ าแหนงส ําคัญ ก็จะมุงแตประโยชนสวนตนมากกวาประโยชนสวนรวมและขาดความยุติธรรม

บุคคลท่ีเห็นแกตัวน้ี ถาเปนผูนํ า, บุคคลช้ันนํ า, หรือหัวหนาหนวย จะไมอาจสรางประโยชนใหแกสวนรวมไดอยางแทจริง และในทีสุดก็จะประพฤติช่ัวรายแรง คือฉอราษฎรบังหลวงอันเปนภัยแกสังคมและประเทศชาติ

Page 27: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๒๗

ฉะนั้น ความไมเห็นแกตัว จึงเปนคุณสมบัติสํ าคัญของบุคคลช้ันนํ า ผูน ําหรือหัวหนาหนวย ท่ีไมเห็นแกตัวก็สามารถดํ ารงความยุติธรรมไวได สามารถสรางสรรคความเจริญกาวหนาใหแกหนวยงาน จนในทีสุดแกประเทศชาติได บุคคลผูไมเห็นแกตัวจะไมฉวยโอกาสเอาผลงานของผูใต-บังคับบัญชามาเปนความดีความชอบของตนเอง และ ความไมเห็นแกตัวน้ีจะชักนํ าใหไดรับความรวมมือท้ังจากผูใตบังคับบัญชาและเพ่ือรวมงานเปนอยางดี

๑๒) ความซ่ือสัตยสุจริต ( INTEGRITY ) ความซ่ือสัตยสุจริต คือ ความไมหลอกลวงท้ังตนเองและผูอ่ืนอันประกอบดวย การ

กรรม วจีกรรม และมโนกรรม กลาวคือ กายสุจริต วจีสุจริต และใจสุจริต ความซ่ือสัตยน้ีเปนคุณสมบัติสํ าคัญย่ิงของบุคคลระดับผูนํ า ชนชั้นนํ า ผูน ําคนใดปราศจากความซ่ือสัตยไมเพยีงแตไมสามารถสรางความเจริญใหแกหนวยงานหรือแกสังคม แตยังจะเปนผูท ําลายอีกดวย ทั้งนี้เพราะผูนํ าท่ีปราศจากความซ่ือสัตยสุจริตจะเปนผูมีอคติ คือปราศจากความยุติธรรม เห็นแกประโยชนสวนตัว ไมมีความจริงใจ ในท่ีสุดก็ไมไดรับความเช่ือถือศรัทธา และความไววางใจจากผูใตบังคับบัญชาเพื่อรวมงาน เปนการยากเหลือเกินท่ีจะทราบวาผูใดซ่ือสัตยสุจริตหรือไม จํ าเปนตองใชเวลา บางคร้ังไมมีโอกาสจะทราบไดจนกวาจะเกิดความเสียหายจนไมอาจแกไขไดเสียแลว ฉะน้ันการแตงต้ังบุคคลใหดํ ารงตํ าแหนงส ําคัญ ๆ ควรจะไดพินิจพิเคราะหถึงเร่ืองความซ่ือสัตยสุจริตเปนกรณีพิเศษ

๑๓) ความจงรักภักดี ( JUDGEMENT )สวนมากคนมักเขาใจความหมายของคํ าวาจงรักภักดีน้ัน หมายถึง ความจงรักภักดี

ตอองคพระมหากษัตริย ความจริงแลวความจงรักภักดีมีความหมายกวางขวาง นอกจากจะหมายถึงจงรักภักดีตอพระองคพระประมุขของประเทศแลว ยังหมายถึง ชาติศาสนาตลอดจนหนวยงานท่ีตนสังกัดอยูอีกดวยความจงรักภักดีกอใหเกิดการเสียสละ ท้ังยังเปนเคร่ืองยึดเหน่ียวท่ีสํ าคัญท่ีจะทํ าใหเกิดความเช่ือม่ันมุงประโยชนของชาติบานเมือง สํ าคัญเหนืออ่ืนใด แมยามขับขันก็สามารถเสียสละชีวิตเพ่ือปองกันพิทักษรักษาไวซ่ึง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย ความจงรักภักดีน้ี เปนเคร่ืองกอใหเกิดความปติ และเสียสละ ฉะนั้นผูน ําบุคคลช้ันนํ าระดับสูงจะตองจงรักภักดีตอ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย นอกจากน้ียังตองแสดงความจงรักภักดีใหเปนตัวอยางอันดีแกผูใตบังคับบัญชาอีกดวย ส่ิงใดท่ีแสดงออกซ่ึงความจงรักภักดี ผูน ําจะตอง เต็มใจกระตือรือรนและตองกระทํ าดวยความจริงใจ และปล้ืมปติ

๑๔) การตัดสินใจ ( DECISSION )กอนตกลงใจปฏิบัติการใด ๆ ก็ตาม หรือกอนจะออกคํ าสั่งใด ๆ จะตองตัดสินใจ

อยางถูกตองเสียกอน การตัดสินใจท่ีถูกตองยอมเกิดจากการไดขอมูล ขาวสารท่ีถูกตองและละเอียดพอ แลวจึงน ําขอมูล ขอเท็จจริง ขาวสารท่ีไดรับมอบน้ันมาพินิจพิเคราะหอยางละเอียดรอบคอบดวยความรูความรอบรูและสติปญญา ฉะนั้น บุคคลระดับหัวหนา ผูน ํา หรือบุคคลช้ันนํ า ตลอดจนเจา

Page 28: บทที่ ๑ - artyschool.org · บทที่ ๑ ... นผู นําอริยสัจ ๔ มาแสดงให โลกเห็นความจริง

๑-๒๘

หนาท่ีท่ีรับผิดชอบงานจะตองสรางคุณสมบัติสํ าคัญ คือ งานทุกข้ันตอนงานทุกชนิด ตองไดขอมูลขอเท็จจริงถูกตองเสมอและพิจารณาประมาณการณอยางถูกตอง จึงคอยตัดสินใจ ตองฝกฝนตนเองใหเปนคนละเอียดถ่ีถวนรอบคอบ พินิจพิจารณาใหเห็นถองแท ดังตัวอยางเชน นายแพทยกอนตัดสินใจกํ าหนดวิธีรักษาหรือผาตัด ตองพิจารณาอยางละเอียดรอบคอบ จนมั่นใจวาจะไมเกิดผิดพลาดจึงกํ าหนดวิธีรักษาหรือผาตัด เม่ือม่ันใจแลวจึงตัดสินใจปฏิบัติ

ผูน ําท่ีตัดสินใจโดยไมผิดพลาด ปกติจะตองม่ันแสวงหาขอตกลงใจ คือ หาขอมูลขอเท็จจริงและนํ ามาวิเคราะหการตัดสินใจเปนความคิดท่ีจะกระทํ า การตกลงใจเปนการปฏิบัติตามท่ีคิดไวการตกลงใจไมผิดพลาด ยอมเกิดจากการตัดสินใจท่ีถูกตองดังน้ัน ผูน ําท่ีดีจึงตองต่ืนตัวอยูเสมอ เพ่ือใหไดขอตัดสินใจอันถูกตองแนนอนผูนํ าท่ีตกลงใจไมแนนอน ก็เพราะมิไดแสวงหาขอตกลงใจไว ขาดการตัดสินใจท่ีถูกตองแนนอน การตัดสินใจท่ีดีจะตองประกอบดวย

ก) ความรูข) ความรอบรูค) การหาขอมูลง) ขาวสารท่ีแนนอนจ) การรูจักประมาณสถานการณฉ) การวิเคราะหหาเหตุผล

ซ่ึงท้ังน้ีก็ข้ึนอยูกับลักษณะทางสติปญญาเปนสํ าคัญ

๑-๙ สรุปในสมัยปจจุบันน้ีเช่ือวา ความเปนผูนํ าน้ันสามารถส่ังสมฝกอบรมได แตก็มิใชจะเปนกันได

เสียทุกคนไปซึ่งลักษณะของผูน ําและคุณสมบัติของผูนํ าท่ีปรากฏอยูในแนวสอนน้ี ถาผูใดใฝใจใครศึกษาดวยความพินิจใหเห็นถองแทและนํ าไปพฒันาปรับปรุงตนเองแลว ก็จะไดเช่ือวาเปนผูนํ าบุคคลชั้นนํ าไปถึงตัวแลวหากไดมีประสบการณเพ่ิมข้ึน ก็สามารถจะเปนผูน ําท่ีดีเดนไดบางเหมือนกัน

********************