Upload
others
View
0
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
1
เขื่อน กับความต้องการของประเทศไทย
- สถานการณ์ปัจจุบันและประเด็นปัญหาเขื่อนในประเทศไทย
- แนวคิดและความจ าเป็นในการสร้างเขื่อน ณ ปัจจุบันในประเทศไทย
ภาระกิจ
+ วิศวกรรมและธรณีวิทยาเกี่ยวกับเขื่อน
+ ความจ าเป็นในการสร้างเขื่อนในประเทศไทย (แก่งเสือเต้น)
ความคิดเห็น
+ ประเทศไทยจ าเป็นต้องมีเขื่อนเพิ่มขึ้นหรือไม่ (ผลกระทบทางบวก/ลบด้านธรณีวิทยา)
+ ท าไมหน่วยงานต่างๆ จึงพูดถึง เขื่อนแก่งเสือเต้นอีกครั้ง
2
ประเทศไทยมี ความจ าเป็นในการสร้างเขื่อนเพิ่มหรือไม่ ประเทศไทยได้มีการสร้างเขื่อนเพื่อกักเก็บน้ าเป็นจ านวนมากในช่วงสาม
ทศวรรษที่ผ่านมา และมีโครงการท่ีจะสร้างเขื่อนเพิ่มขึ้นอีกเป็นจ านวนมากในอนาคต ประเทศไทยมีวัตถุประสงค์หลายประการในการสร้างเขื่อน
. เพ่ือจัดหาพลังงานไฟฟ้าให้แก่ประชาชนในราคาต่ า . เพ่ือการชลประทาน . เพ่ือการจัดหาน้ าเพื่อการอุปโภคและบริโภค .. ครัวเรือน .. อุตสาหกรรม . เพ่ือป้องกันน้ าท่วม เขื่อนเก็บกักน้ าแห่งแรกของไทยได้ถูกสร้างขึ้นหลังจากสงครามโลกคร้ังที่ 1 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นของประเทศ เนื่องจากประเทศไทยมิได้ต้ังอยู่ในบริเวณท่ีอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรพลังงานประเภทถ่านหิน หรือปิโตเลียม นอกจากนี้แล้ว ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศยังอยู่ในภาคเกษตรกรรมมีรายได้ที่ไม่แน่นอน เพราะปริมาณผลผลิตขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตมรสุม ในฤดูฝนบางปีที่มีฝนตกมาก เกษตรกรจะประสบปัญหาน้ าท่วมไร่นาเสียหาย ในฤดูร้อน เกษตรกรก็ประสบปัญหาการขาดแคลนน้ าเพื่อการเพาะปลูก ดังนั้นการสร้างเขื่อนเก็บกักน้ าจึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาความแน่นอนของปริมาณน้ าเพ่ือการเกษตรได้ทางหนึ่ง
3
โดยมีหลักการง่าย ๆ ว่าเขื่อนจะเก็บกักน้ าที่มีมากในช่วงฤดูฝนและเมื่อถึงฤดูแล้งก็จะค่อย ๆ ระบายน้ าออกจากเขื่อนเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ า การชลประทานจากเขื่อนจะสามารถท าให้เกษตรกรเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ได้มากขึ้น ซึ่งอาจจะเกิดจากการเพิ่มผลิตภาพในการผลิตหรือจากการปลูกพืชได้มากกว่าหนึ่งครั้งต่อปี (Multiple crop cultivation) นอกจากผลประโยชน์ด้านพลังงานและการชลประทานแล้ว ประโยชน์ทางอ้อมที่อาจจะเกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อน ได้แก่ . การเดินเรือ . การป้องกันน้ าท่วม . การป้องกันการแทรกซึมของน้ าทะเล . การประมง และการท่องเที่ยว ซึ่งผลประโยชน์ต่าง ๆ เหล่านี้จะแตกต่างกันไปตามลักษณะเฉพาะของเขื่อนและท่ีตั้งโครงการ การสร้างเขื่อนต้องอาศัยเงินลงทุนที่สูง และจ าเป็นต้องเปลี่ยนแปลงการไหลของกระแสน้ าตามธรรมชาติ ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อการใช้น้ าที่มีอยู่เดิม รวมไปถึงสภาพความเป็นอยู่ของชมุชนและสิ่งแวดล้อม ท าให้การสร้างเขื่อนนั้นไม่ได้จ ากัดเพียงแค่การสร้างและใช้งานเขื่อนเพื่อพัฒนาและปรับปรุงความเป็นอยู่ของประชาชน เท่านั้น แต่รวมไปถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นต่อสังคมและส่ิงแวดล้อมอีกด้วย (World Commission on Dams, 2000)
4
เช่น ประชาชนที่ต้องอพยพออกจากบริเวณก่อสร้างอ่างเก็บน้้านั้นได้รับความเสียหายจากการจัดสรรที่ดินใหม่ที่มีคุณภาพต่้า ขาดแคลนน้้าและสาธารณูปโภค หรือในบางครั้งปริมาณน้้าในอ่างเก็บน้้าไม่เพียงพอ ท้าให้เขื่อนอเนกประสงค์ (Multipurpose dam) ไม่สามารถด้าเนินการเพื่อวัตถุประสงค์หลาย ๆ ด้านไปพร้อมกัน จ้าเป็นต้องเลือกด้าเนินการเพียงวัตถุประสงค์เดียวเท่านั้น เช่น เลือกที่เก็บกักน้้าเพ่ือจะผลิตกระแสไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว โดยไม่ค้านึงถึงวัตถุประสงค์ด้านการชลประทานหรือการป้องกันน้้าท่วม เหตุการณ์เช่นน้ีจะน้าไปสู่ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้ใช้ประโยชน์จากโครงการได้
โครงการเขื่อนอเนกประสงค์ในประเทศไทยจะเกี่ยวข้องกับหน่วยงานของรัฐทั้งหมดสามหน่วยงาน ได้แก่
. กรมชลประทาน
. การไฟฟ้าแห่งประเทศไทย
. ส้านักงานพลังงานแห่งชาติ
ท้าหน้าที่ในการจัดหาน้้าชลประทาน ผลิตกระแสไฟฟ้าและจัดการพลังงานของประเทศ
โดยหน่วยงานดังกล่าวอาศัยการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ (Feasibility Analysis) เพ่ือประเมินความเหมาะสมโครงการสร้างเขื่อน และ การวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์จึงเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะประเมินว่าโครงการสร้างเขื่อนนั้นมีความเหมาะสมในเชิงเศรษฐศาสตร์หรือไม่
5
การระบุผลกระทบจากโครงการ
ผลกระทบของโครงการสร้างเขื่อนนั้นมีทั้งผลกระทบเชิงบวก (Positive Impacts) และผลกระทบเชิงลบ (Negative Impacts) ทั้งที่จับต้องได้ (Tangible impacts) และจับต้องไม่ได ้(Intangible impacts) The World Commission on Dams ได้พยายามอธิบายถึงประเด็นต่าง ๆ ทีอ่าจจะเกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนดังแสดงในรูปที่ 1
6
7
จากรูปที ่1 แสดงให้เห็นว่าการสร้างเขื่อนนั้นมีผลกระทบหลาย ๆ ด้าน เช่น การผลิตกระแสไฟฟ้า การชลประทาน การท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรม และความเป็นอยู่ของชุมชน โดยผลกระทบต่าง ๆ เหล่านี้จ าแนกได้เป็นสองประเภทคือ ผลกระทบในทางลบ (Negative impacts) และผลกระทบในทางบวก (Positive impacts)
8
ผลกระทบในเชิงลบ
1. ผลกระทบทางกายภาพ (Physical impacts)
ประกอบด้วยการก่อสร้าง การใช้งานและการบ ารุงรักษา การบรรเทาผลกระทบ และการท าลายเขื่อนเมื่อหมดอายุการใช้งาน
- การก่อสร้าง (Construction) หมายถึงการสร้างเขื่อน ระบบชลประทาน และทางระบายน้ า โดยวิศวกรจะท าการประเมินจ านวนแรงงาน วัสด ุและอุปกรณ์ที่จ าเป็นในการก่อสร้าง เพื่อใช้ในการประเมินต่อไป - การด าเนินงานและการบ ารุงรักษา (Operation and Maintenance) หมายถึงการบริการและวัสดุท่ีใช้ในระหว่างที่เขื่อนมีการใช้งาน เช่น การบริการของวิศวกร เชื้อเพลิง และแรงงานอื่น ๆ - การบรรเทาผลกระทบ (Mitigation) หมายถึงมาตรการท่ีจะลดผลกระทบในเชิงลบที่อาจมีสาเหตุจากการสร้างเขื่อน เนื่องจากเขื่อนจะมีการเปลี่ยนกระแสน้ าตามธรรมชาติท่ีอาจกระทบต่อประชาชนที่อาศัยในบริเวณที่ต้องการสร้างอ่างเก็บน้ า เช่น การสร้างอ่างเก็บน้ าท าให้ปลาไม่สามารถไปวางไข่บริเวณเหนือน้ าได้ จ านวนปลาในแหล่งน้ ามีแนวโน้มที่จะลดลง ดังนั้นโครงการอาจบรรเทาผลกระทบดังกล่าวโดยสร้างบันไดปลาโจนเพื่อให้ปลาสามารถว่ายขึ้นไปเหนือน้ าเพื่อวางไข่ได้เมื่อถึงฤดูกาล
9
- การท าลายเขื่อนเมื่อหมดอายุการใช้งาน (Decommission)1 ผลกระทบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อเขื่อนหมดอายุการใช้งาน หมายถึงการท าลายเขื่อนและฟื้นฟูแม่น้ าให้อยู่ในสภาพก่อนที่จะมีการสร้างเขื่อน (pre-dam state) การท าลายเขื่อนนั้นมีความจ าเป็นในแง่ของความปลอดภัยและการรักษาสภาพแวดล้อม เพราะการท าลายเขื่อนผิดวิธีนั้นจะท าให้เกิดความเสียหายได้ อย่างไรก็ตามการวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์โดยทั่วไม่มักไม่ได้พิจารณาการท าลายเขื่อนเป็นผลกระทบส าคัญของโครงการเนื่องจากเหตุผลส าคัญหลายประการ (1) เขื่อนไม่จ าเป็นต้องถูกท าลายเมื่อหมดอายุการใช้งาน แต่อาจสามารถท่ีจะซ่อมแซมเพื่อให้เขื่อนสามารถใช้งานต่อไปได้แทนที่จะท าลายแล้วปรับสภาพแหล่งน้ าให้เหมือนเดิม (2) บางคร้ังไม่สามารถฟื้นฟูแหล่งน้ าหรือสร้างเขื่อนใหม่ได้ เนื่องจากมีการตกตะกอนในอ่างเก็บน้ ามากเกินไป และ (3) เมื่อท าการคิดลดต้นทุนในการท าลายเขื่อนและฟื้นฟูสภาพแหล่งน้ าแล้ว พบว่าต้นทุนดังกล่าวมีมูลค่าน้อยมาก
2. การอพยพและการตั้งถิน่ฐานใหม่ การสร้างเขื่อนมักจ าเป็นต้องใช้พื้นท่ีขนาดใหญ่ในการสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ า ท าให้จ าเป็นต้องมีการอพยพประชากรท่ีอยู่อาศัยเดิมออกจากพื้นท่ี แล้วปล่อยให้น้ าท่วมพื้นที่ท่ีราษฎรอยู่อาศัยท าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสิทธิที่ดินและการใช้ทรัพยากร ชุมชน สังคม และระบบเศรษฐกิจได้รับความเสียหาย ดังนั้นรัฐจะต้องจัดหาที่อยู่อาศัยและที่ดินท ากินแหล่งใหม่ รวมไปถึงการชดเชยให้แก่ราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อน เพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด
10
3. ความเสี่ยงจากการพังทลายของเข่ือน การพังทลายของเขื่อนนั้นหมายถึงการท่ีเขื่อนยุบตัวหรือเกิดการเคล่ือนตัวของส่วนใดส่วนหนึ่งของเขื่อนหรือฐานเขื่อน มีผลให้เขื่อนไม่สามารถกักเก็บน้ าไว้ได้ โดยสาเหตุส าคัญที่ท าให้เขื่อนพังทลายอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การกัดกร่อนภายในตัวเขื่อนและฐานเขื่อน หรือทางระบายน้ ามีความจุไม่เพียงพอก็อาจท าให้เกิดการพังทลายของเขื่อนได้ อัตราการพังทลายของเขื่อนนั้นค่อย ๆ ลดลง จนปัจจุบันอยู่ในระดับท่ีต่ ากว่า 5 % (International Commission On Large Dams, 1995) นอกจากนี้ผู้วิเคราะห์ควรค านึงว่าเขื่อนท่ีมีขนาดใหญ่มากมักท าให้โอกาสในการเกิดแผ่นดินไหว มีสูงขึ้น ดังนั้นความเสี่ยงของการพังทลายของจะมีมากขึ้น
4. การใช้ที่ดิน ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในข้อ 2 การสร้างเขื่อนจ าเป็นต้องใช้ท่ีดินขนาดใหญ่ ท าให้สังคมต้องเสียสละที่ดินที่เป็นป่าไม้ ที่ดินท าการเกษตร และท่ีดินท่ีอยู่อาศัยเพื่อใช้ในการสร้างอ่างเก็บน้ าและตัวเขื่อน ป่าไม้เป็นทรัพยากรท่ีมีประโยชน์หลายด้าน เช่น ประโยชน์จากเนื้อไม้ ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่เนื้อไม้ สัตว์ป่า ประโยชน์ด้านนิเวศน์วิทยา และประโยชน์ด้านการดูดซับคาร์บอน ดังนั้นการสูญเสียที่ดินที่เป็นป่าไม้ย่อมท าให้เกิดการสูญเสียประโยชน์อื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากป่าไม้ด้วย
11
5. ผลภายนอก
ก) การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ก๊าซเรือนกระจกหมายถึงก๊าซท่ีสะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นอุปสรรคกีด
ขวางไม่ให้รังสีความร้อนสะท้อนกลับไปอวกาศได้ ท าให้ความร้อนยังคงถูกเก็บรักษาอยู่ในบริเวณผิวโลก โครงการสร้างเขื่อนนั้นจะท าให้ปริมาณก๊าซเรือนกระจกเพ่ิมขึ้นจากการย่อยสลายของอินทรีย์สารในอ่างเก็บน้ า อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกโดยรวม โครงการสร้างเขื่อนมีข้อดีในด้านการลดปริมาณการเกิดก๊าซเรือนกระจกจากแหล่งอื่น ๆ เพราะสามารถผลิตไฟฟ้าพลังน้ าทดแทนเชื้อเพลิงชนิดอื่น ๆ ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า
ข) ผลกระทบทางสังคมและวัฒนธรรม เนื่องจากการสร้างเขื่อนจะท าให้เกิดน้ าท่วมบริเวณอ่างเก็บน้ า ซึ่งแต่เดิมอาจ
เคยเป็นที่อยู่อาศัยของประชาชน รวมถึงอาจเป็นแหล่งที่ต้ังโบราณสถานที่ไม่สามารถเคล่ือนย้ายได้ ดังนั้นการสร้างเขื่อนจึงอาจมีผลท าให้สังคมและวัฒนธรรมของชุมชนเปลี่ยนแปลงไป
12
ค) การแทรกซึมของน้ าเค็มในดิน การชลประทานเขื่อนนั้นอาจท าให้น้ าใต้ดินมีระดับตื้น เมื่อระดับน้ าใต้ดินใกล้เคียงกับพ้ืนดิน capillary action จะดึงเกลือท่ีมีอยู่ในธรรมชาติขึ้นมาอยู่บนผิวดิน ท าให้ระดับความเค็มของดินเพิ่มสูงขึ้นและมีผลกระทบต่อปริมาณผลผลิตทางการเกษตรที่ทนความเค็มได้น้อย
ผลกระทบในเชิงบวก
1. พลังงานไฟฟ้า เขื่อนกักเก็บน้ าสามารถใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้โดยการติดตั้งเครื่องก าเนิดกระแสไฟฟ้าไว้ที่ตัวเขื่อน เมื่อเขื่อนจะน้ าเพื่อการชลประทาน น้ าจะถูกปล่อยผ่านเครื่องก าเนิดไฟฟ้าและเกิดเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ โดยไฟฟ้าพลังน้ านั้นจัดได้ว่าเป็นพลังงานที่มีราคาต่ าประเภทหนึ่งที่สามารถตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นได้ 2. น้ าชลประทาน การชลประทานนั้นมีอิทธิพลต่อการท าการเกษตร ท าให้ผลผลิตเกษตรมีจ านวนเพ่ิมมากขึ้น โดยขนาดของผลกระทบที่เกิดจากการชลประทานนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ หลายประการ เช่น การส่งน้ า พื้นที่ชลประทาน และแบบแผนในการเพาะปลูก
13
3. ความเสียหายจากน้ าท่วมและการแทรกซึมของน้ าทะเลลดลง การสร้างเขื่อนนั้นช่วยบรรเทาอุทกภัยได้โดยการเก็บกักน้ าในฤดูฝนและค่อย ๆ ปล่อยน้ าออกมาในฤดูแล้งได้ นอกจากนี้ยังสามารถลดความเสียหายอันเนื่องมาจากการที่น้ าทะเลแทรกซึมเข้ามาในเขตแม่น้ าได้โดยการปล่อยน้ าจากเขื่อนดันน้ าทะเลออกจากแม่น้ าได้ 4. น้ าเพ่ือการอุปโภคบริโภค ความต้องการน้ าเพื่อการอุปโภคและบริโภคเพิ่มขึ้นอันเนื่องจากจ านวนประชากรและการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นการสร้างเขื่อนสามารถตอบสนองความต้องการใชน้้ าที่เพิ่มขึ้นได้ รวมไปถึงการจัดหาน้ าที่มีคุณภาพดีขึ้นให้กับครัวเรือนและอุตสาหกรรม 5. การท่องเที่ยวและการประมง นอกจากผลประโยชน์ด้านอื่น ๆ แล้ว การสร้างเขื่อนยังมีประโยชน์ในแง่ของการท่องเที่ยวและการประมงอีกด้วย โดยปกติแล้ว หลังจากมีการสร้างเขื่อน กรมประมงจะเพาะพันธุ์ปลาในบริเวณอ่างเก็บน้ าและส่งเสริมการประมงในชุมชน อย่างไรก็ตามหากไม่มีโครงการสร้างเขื่อน ผลประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวและการประมงจะเกิดขึ้นได้จากแม่น้ าที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ดังนั้นการประเมินผลกระทบด้านการท่องเที่ยวและการประมงจะต้องพิจารณาท้ังผลประโยชน์ที่ต้องเสียสละไปจากแม่น้ าที่มีอยู่ตามธรรมชาติและผลประโยชน์ทท่ีได้รับจากโครงการ ท าให้ผลกระทบสุทธิด้านการท่องเที่ยวและประมง อาจเป็นได้ท้ังผลกระทบในเชิงบวก และผลกระทบในเชิงลบ
14
6. การเดินเรือ เนื่องจากปริมาณน้ าในแม่น้ าตามธรรมชาติมักจะลดน้อยลงในฤดูแล้ง เป็นอุปสรรคต่อการเดินเรือ ดังนั้นในฤดูแล้ง เขื่อนสามารถปล่อยน้ าเพื่อเพิ่มปริมาณน้ าในแม่น้ าให้เหมาะสมในการเดินเรือได้
ผลกระทบเกี่ยวกับธรณีวิทยา เขื่อนแก่งเสือเต้น . ความไม่ปลอดภัยของเขื่อน -ปัญหาแผ่นดินไหว เขื่อนแก่งเสือเต้นจะถูกสร้างขึ้นในเขตรอยเล่ือนแพร่(Phrae Fault Zone) ซึ่งกรมทรัพยากรธรณีจัดให้อยู่ในเขตเสี่ยงภัยในการเกิดความเสียหายจากแผ่นดินไหวในระดับปานกลาง(โซน 2) เขตรอยเลื่อนของเปลือกโลกนี้กรมอุตุนิยมวิทยาได้รวบรวมข้อมูลพบว่า ระหว่างปี - พ.ศ.2520-2538 เกิดแผ่นดินไหวถึง 71 คร้ังแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงเกิดขึ้นถึง 4 คร้ัง คือ เมื่อ .. วันที่ 22-23 ธันวาคม 2523 มีขนาด 4 และ 4.2 ตามมาตราริคเตอร์ตามล าดับ บริเวณศูนย์กลางอยู่ท่ีเด่นชัย .. เมื่อวันท่ี 24 กรกฎาคม 2532 ขนาด 4.2 ตามมาตราริคเตอร์ บริเวณศูนย์กลางอยู่ท่ี อ.ปง จ.พะเยา
15
.. ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2538 บริเวณศูนย์กลางอยู่ที่สูงเม่น จ.แพร่ห่างจากที่ตั้งเขื่อนประมาณ 50 กิโลเมตร มีขนาด 5.1 ตามมาตราริคเตอร์ ตามด้วยการเกิดแผ่นดินไหวในลักษณะอาฟ-เตอร์ช็อคอกี 6 ครั้ง รอยเลื่อนที่เกิดการเคลื่อนตัวคร้ังนี้เป็นรอยเล่ือนท่ีมีความยาว 80
กิโลเมตร วางตัวขนานกับแม่น้ ายมตั้งรับกับเขื่อนแก่งเสือเต้นพร้อมทั้งมีรอยเลื่อนของเปลือกโลกแยกออกไปพาดผ่านเขื่อนแก่งเสือเต้นพอดี การศึกษาของกรมทรัพยากรธรณี ซึ่งไม่ค่อยมีการกล่าวถึงก็คือ มีรอยเลื่อนท่ีมีพลังห่างจากท่ีตั้งเขื่อนแก่งเสือเต้นออกไป 31 กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกเป็นรอยเลื่อนขนาดใหญ่ที่มีนัยส าคัญอันอาจก่อให้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7 ตามมาตราริคเตอร์ขึ้นได้การสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นบนเขตรอยเลื่อนของเปลือกโลกนั้นนอกจากจะท าให้เขื่อนเกิดความไม่ปลอดภัยขึ้นแล้วการกักเก็บน้ าของเขื่อนขนาด 1,175 ล้านลูกบาศก์เมตร์(หรือประมาณ 1,175ล้านตัน)จะท าให้เมื่อน้ าเป็นตัวการล่ันไก(Trigering)น าไปสู่การเกิดแผ่นดินไหวหนักยิ่งขึ้นได้ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วในหลาย ๆ เขื่อน
-ปัญหาดินถล่ม การศึกษาของกรมทรัพยากรธรณีพบว่า บริเวณด้านตะวันออกของอ่างเก็บน้้าห่างจากที่ตั้งเขื่อน 5.2 กิโลเมตร จะเกิดการพังทลายขึ้นได้ในกรณีที่เกิดแผ่นดินไหวในบริเวณใกล้เคียงมีขนาดมากกว่า 6 ตามมาตราริคเตอร์ การพังทลายนี้มีปริมาตรดินและหินประมาณเกือบ 20 ล้านลูกบาศก์เมตรและอาจก่อให้เกิดคลื่นน้้า ณ. บริเวณที่ตั้งเขื่อนสูงถึง 28 เมตร จากระดับเก็บกักปกติ หรือสูงจากสันเขื่อน 23 เมตร ซึ่งจะท้าให้อ่างเก็บน้้ามีอายุการใช้งานสั้นลง การพังทลายอาจก่อให้เกิดคลื่นน้้าที่อาจท้าความเสียหายต่อเขื่อนและโครงสร้างประกอบ ตลอดจนทรัพย์สินของประชาชนทางด้านท้ายน้้า
16
- ปัญหาการทับถมตะกอน แม่น้ ายมเป็นแม่น้ าที่มีอัตราการพังทะลายของหน้าดินสูง เนื่องจากมีหินท่ีถูกกัดเซาะได้ง่าย ท าให้เป็นแม่น้ าที่มีการตกตะกอนสูงท่ีสุดสายหนึ่งของประเทศ ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้เขื่อนแก่งเสือเต้นมีอายุใช้งานสั้นลง ศาสตราจารย์ ดร.ปริญญา นุตาลัย แห่งสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย (AIT)ระบุว่า แม่น้ ายมเป็นแม่น้ าที่มี การตกตะกอนมากกว่า 540 ล้านตัน/ปี ซึ่งจะท าให้เขื่อนแก่งเสือเต้นมีดินเต็มปริมาตรออกแบบเก็บกกตะกอนของเขื่อน ภายใน 20 ปี ท าให้เขื่อนมีอายุการใช้งานสั้นลงถึง 30 ปีจากท่ีคาดว่าเขื่อนจะมีอายุการใช้งาน 50 ปี
17
18
ความต้องการเขื่อนเพิ่ม ? . Water Resources Development/การพัฒนา
แหล่งน้ า
.. Irrigation /น้ าเพ่ือการชลประทาน
.. Water Supply
+ Domestic Water Supply
+ Industrial Water Supply
.. Water Regulating
+ Artificial Recharge/Groundwater Recharge
+ Flood Regulation/ Detention Dam
19
Thailand Water Vision
1. Water Resources
1.1 Surface Water
. 5 Regions
. 25 River Basins
+ Rainfall 1700 mm/year ( 800,000 mil. m3)
- 75 % (600,000 mil. m3) Evaporation, Evapotranspiration, Infiltration
- 25 % (200,000 mil. m3) Run-off
+ 60 mil. People - ~ 3,300 m3 /head/year
20
21
1.2 Groundwater
- 220 Towns and Cities - 1/5 use G/W
- 700 Sanitary districts - ½ use W/T
- 75 % Domestic Water --- G/W
. Rainfall ---- Infiltration (12.5 – 18 % rainfall)
---- ~ 9 % rainfall -- Reach aquifers
(North, Upper Central Plain, Gulf Coastal Plain)
---- ~ 5 -6 % rainfall reaches aquifers
(Lower Central Plain, Bangkok, Khorat Plateua)
. Groundwater Well Projects : --- ~ 200,000 wells
+ 7.55 mil. m3 /day ( 2,700 mil. m3/year)
(Serve 35 mil. People ~ 75 % domestic water use)
22
2. Water Provision and Demand
. North and Central Plain ~ 1,200 mm. rainfall/year
. South and East ~ 2,000 – 2,700 mm. rainfall/year
Average 1,700 mm. rainfall/year
+ ~ 25 % Rainfall -- Run-off -- ~ 29 % Run-off (70,770
mil. m3/year)are stored in large – medium scale projects(650 projects), and small scale projects (60,000 projects) -- Irrigable areas ~ 31 mil. Rai
~ 80 years of implementation
+ Present Demand : Irrigation and other uses -- 68,000 mil. m3 /year --- ~ 86,000 mil. m3/year by
year 2006
23
24
3. Water Resources Management
. 30 years ago : - water for power
generation, irrigation, domestic and industrial water supplies -- emphasis on EXPANSION of ACCESS to
SERVICE (potable water, food, power,etc.)
.. Inefficient use , excessive use of fertilizers/pesticides, wastewaters ---- Availability/adequacy of water -- Water scarcity
Water Resources based Management:
- Who/allocated ?/ how ?
- Who will provide/deliver
- Who pay ?
25
4. Water Management Perspective
. Historical perspectives
. River Basin Concept/perspectives
. National Development Plan Perspectives
+ Historical Perspectives
- 1283 – 1857 : Managing people to suit water conditions.
- 1857 – Present : Supply-side management
RID -- canal digging, reservoirs
- NOW – 2025 : Demand-side Management
Transport water to where demands
(people and activities, control/regulate wastewaters, conserve water)
26
- Water rights, allocation plans ( precious water,treat water like ores)--- World water Congress -- water are free for all.
+ River Basin Perspectives
- Integrated Basin Management (IBM)
- Process- people - develop vision ,agree on shared
values/behaviors, make informed decisions, act together to MANAGE the
NATURAL RESOURCES of their CATCHMENT ---- 5 Regions , 25 River
Basins
+ The National Development Plans
1962 – 1966 (Plan 1) : - Mae Klong, Chao Phraya
dams , Bhumibol dam, Lum Pao/Lum Phraploeng projects, Sao Tong project (Nakhon Si Thamarat), Mae Tang project(Chiang Mai),
- 12 mil. Rai irrigation -- 2,000 mil. ฿ Gov., 1,000 mil. ฿ loans
27
1967 – 1971(Plan 2) : - Nan/Num Un, Upper Mun-Chi ,
Maekong, Sirikit dam projects.
- Irrigation expansion - 7,300 mil. ฿ - 5,400 mil. ฿
Gov. ,1,950 mil. ฿ loans, 550 mil. ฿ grants
- 15 mil. Rai irrigation by 1971
1972 – 1976(Plan 3) : -- Upper Chao Phraya project
- 8,000 mil. ฿, 6,500 mil. ฿ Gov.,800 mil. ฿ loans, 600
mil. ฿ foreign grants
1977 – 1981 (Plan 4): -- Supply magement and rehabilitation , 20,000 mil. ฿ -- Water resources
deterioration
1982 – 1986(Plan5): - Water shortage/allocation
management/efficient use , L-M-S scale projects , no master plan for water development - RID and many
agencies (~32 agencies/organizations)
28
1987 – 1991 (Plan 6): - Policy guidelines , small-scale
water resources development, guidelines not implemented thoroughly
1992 – 1996(Plan 7): - Strong devlopment guidelines,
122,000 mil. ฿ ม8,005 projects, 650 L-M scale projects, 7,346 small-scale projects - 28.4 mil. Rai irrigation
(21 % total irrigable land)
- Open access system water free for all , some
payment for wastewater
1997 – 2001(Plan 8): - Water quality/quantity problems,
water resources management plan and guidelines ( 25 river basins)
Basin Management:
- Long-term planning, short-term realtime operation, basin development, environment protection, water quality/quantity, surface and groundwater development
- Water management strategy(clean drinking
water,water quality, pollution control and drainage)
29
- Institution, policy, technical measures
2002 – 2006(Plan 9): - Basin management approach,
River Basin Authority, etc.
.. Changing from Supply-side approach (30 years of implementation)
to Demand-side approach.
+ Integrated Basin Management
- Institutional,
- Policy,
- Legal, and
- Technical Measures
+ Water as tradable commodity
+ Cost recovery - Economic instrument
+ Participative management , private sector roles
30
31
BASIN TARGETS To create a better future we must develop management systems that allow the community and governments at all levels to work together for both public and private good. We will use targets as a way to guide our actions and to measure progress toward achieving the outcomes we agree.
32
33
34
35
- ประเทศไทย มีความต้องการใชน้้ า ในอนาคตมากเท่าใด ?
- มีแผนกลยุทธ์ ในการพัฒนาแหล่งน้ าอย่างไร ระยะส้ัน กลาง
ระยะยาว
- มีวิธีการพัฒนาแหล่งน้ า อย่างไร มีทางเลือกอะไรบ้าง ?
เราถาม สังคมตอบ เรา (ไม่ใช่คุณคนเดียว) ช่วยกันตัดสิน
- ประเทศไทยต้องการเขื่อนเพิ่มขึ้นหรือไม่ ?
------------------
36