Upload
others
View
3
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
สงวนลิขสิทธิ์
สำ�นักพิมพ์ บริษัทพัฒน�คุณภ�พ
วิช�ก�ร (พว.) จำ�กัด
พ.ศ. ๒๕๕๘
สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)
๗๐๑ ถนนนครไชยศรี แขวงถนน
นครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ
๑๐๓๐๐ โทร. ๐-๒๒๔๓-๘๐๐๐
(อัตโนมัติ ๑๕ ส�ย),
๐-๒๒๔๓-๑๘๐๕
แฟกซ์ : ทุกหม�ยเลข,
แฟกซ์อัตโนมัติ :
๐-๒๒๔๑-๔๑๓๑,
๐-๒๒๔๓-๗๖๖๖
website : www.iadth.com
เลม่ ๑ ประวตัศิาสตรไ์ทย :เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ประเดน็วภิาค บคุคลสำาคญั และภมูปิญัญาไทย
กลุ่มส�ระก�รเรียนรู้สังคมศึกษ� ศ�สน� และวัฒนธรรมต�มหลักสูตรแกนกล�งก�รศึกษ�ขั้นพื้นฐ�น พุทธศักร�ช ๒๕๕๑
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔-๖
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน
ผู้เรียบเรียง
ผู้ช่วยศ�สตร�จ�รย์ ดร.วงเดือน น�ร�สัจจ์ผู้ช่วยศ�สตร�จ�รย์ชมพูนุท น�คีรักษ์
อ�จ�รย์มิตรชัย กุลแสงเจริญ
ผู้ตรวจ
ผู้ช่วยศ�สตร�จ�รย์เช�วลี จงประเสริฐผู้ช่วยศ�สตร�จ�รย์ยุวดี วงศ์สว่�ง
อ�จ�รย์อัมพร เอ็งสุโสภณ
บรรณาธิการ
ผู้ช่วยศ�สตร�จ�รย์ม�ลินี ประเสริฐธรรม
ค�ำน�ำ สำรบัญ
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ เล่ม๑ประวัติศาสตร์ไทย : เวลาและยุคสมัยทาง
ประวัติศาสตร์ประเด็นวิภาคบุคคลส�าคัญและภูมิปัญญาไทยกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนา
และวัฒนธรรมชั้นมัธยมศึกษาปีที่๔-๖ของสถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ(พว.)เล่มนี้เป็นหนังสือเรียน
ทีส่อดแทรกการบรูณาการและเน้นการสร้างความรูก้บัค่านยิมตามแนวทางปรชัญาของเศรษฐกจิพอเพยีง
ตรงตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช๒๕๕๑
หน่วยการเรียนรู้แต่ละหน่วยประกอบด้วย
• ตัวชี้วัดของเนื้อหาในหน่วยการเรียนรู้นั้นๆ
• ผังสาระการเรียนรู้ สรุปเนื้อหาสาระของทั้งหน่วย
• สาระส�าคัญเพื่อง่ายต่อความเข้าใจของผู้เรียน
• จุดประกายความคิดกระตุ้นความคิดของผู้เรียนก่อนเข้าสู่บทเรียน
• เนื้อหา ถูกต้องตามหลักวิชาการ เน้นการใช้ภาษาที่ถูกต้องและครบถ้วนตามขอบข่าย
องค์ความรู้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ว่าด้วยการอยู่ร่วมกันในสังคม
ที่มีความเชื่อมสัมพันธ์กัน และมีความแตกต่างกันอย่างหลากหลาย เพื่อช่วยให้สามารถปรับตนเองกับ
บริบทสภาพแวดล้อมเป็นพลเมืองดีมีความรับผิดชอบมีความรู้ทักษะคุณธรรมและค่านิยมที่เหมาะสม
โดยได้ก�าหนดไว้ในสาระประวัติศาสตร์เรื่องแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับความเป็นมาของชาติไทยวัฒนธรรม
ภูมิปัญญาไทยให้มีความรักความภูมิใจและสามารถธ�ารงความเป็นไทยไว้ได้สืบไป
• ผังสรุปสาระส�าคัญผังความคิดสรุปเนื้อหาสาระส�าคัญของทั้งหน่วย
• จุดประกายโครงงานให้ผู้เรียนฝึกกระบวนการคิดที่น�าไปสู่การสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
• กิจกรรมบูรณาการอาเซียน มุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศสมาชิก
อาเซียน
• กิจกรรมการเรียนรู้และค�าถามพัฒนากระบวนการคิด เน้นให้ผู้เรียนพัฒนาพฤติกรรมด้าน
ความรู้เจตคติคุณธรรมจริยธรรมค่านิยมที่ดีงามโดยมุ่งให้ผู้เรียนเกิดสมรรถนะส�าคัญและมุ่งพัฒนา
ผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์
• เว็บไซต์แนะน�าส่งเสริมการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการเรียนรู้
สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) หวังว่าหนังสือเรียนเล่มนี้ จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนา
กระบวนการเรียนรู้และกระบวนการคิดได้ สมดังเจตนารมณ์ของการปฏิรูปการศึกษาอย่างครบถ้วน
ทุกประการ
สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.)
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑ เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ ๕
เวลากับประวัติศาสตร์ ๖
ยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ ๑๖
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒ การสร้างองค์ความรู้ด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์ ๓๓
องค์ความรู้ทางประวัติศาสตร์ ๓๔
การใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์สร้างองค์ความรู้ทางประวัติศาสตร์ ๓๙
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓ ประเด็นส�าคัญในประวัติศาสตร์ไทย ๕๐
ประเด็นที่๑ความเป็นมาของชนชาติไทย ๕๒
ประเด็นที่๒การค้ากับต่างประเทศสมัยอยุธยา ๖๔
ประเด็นที่๓ที่ปรึกษาและข้าราชการต่างชาติในสมัยรัชกาลที่๕ ๗๔
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔ สถาบันพระมหากษัตริย์ ๘๒
สถานภาพของพระมหากษัตริย์ ๘๔
รากฐานแห่งพระราชอ�านาจ ๘๗
บทบาทและหน้าที่ของกษัตริย์ ๙๒
การเถลิงถวัลยราชสมบัติ ๑๐๕
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ บุคคลส�าคัญในประวัติศาสตร์ไทย ๑๑๖
พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ไทย ๑๑๗
บทบาทของสตรีในประวัติศาสตร์ไทย ๑๓๒
ศิลปินแห่งชาติ ๑๔๓
บุคคลส�าคัญของไทยที่ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก ๑๔๖
ชาวต่างประเทศที่มีส่วนสร้างสรรค์ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและความก้าวหน้าของสังคมไทย ๑๕๕
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๖ ภูมิปัญญาไทย ๑๖๒
ความหมายของภูมิปัญญาไทย ๑๖๓
สาเหตุของการเกิดภูมิปัญญาไทย ๑๖๔
ลักษณะของภูมิปัญญาไทย ๑๖๕
ประเภทของภูมิปัญญาไทย ๑๖๘
สาขาของภูมิปัญญาไทย ๑๖๙
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๗ การอนุรักษ์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย ๒๐๐
นโยบายคุ้มครองและอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมไทย ๒๐๒
การด�าเนินการอนุรักษ์และคุ้มครองศิลปวัฒนธรรม ๒๐๖
บรรณานุกรม ๒๑๓
ตาราง ผลการวิเคราะห์ทักษะศตวรรษที่ ๒๑ ของนักเรียนที่ได้รับการพัฒนา
จ�าแนกตามหน่วยการเรียนรู้ของรายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ : ประวัติศาสตร์ไทย ๔
หน้า
ตาราง ผลการวิเคราะห์ทักษะศตวรรษที่ ๒๑ ของนักเรียนที่ได้รับการพัฒนา
จำาแนกตามหน่วยการเรียนรู้ของรายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ : ประวัติศาสตร์ไทย
หน่วยการเรียนรู้/เรื่อง
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียนในศตวรรษที่ ๒๑
การเรียนรู้
ในศตวรรษที่ ๒๑
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๑
เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๒
การสร้างองค์ความรู้ด้วยวิธีการ
ทางประวัติศาสตร์
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๓
ประเด็นสำาคัญในประวัติศาสตร์ไทย
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๔
สถาบันพระมหากษัตริย์
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕
บุคคลสำาคัญในประวัติศาสตร์ไทย
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๖
ภูมิปัญญาไทย
หน่วยการเรียนรู้ที่ ๗
การอนุรักษ์ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
✓
การเ
รียน
รู้เพ
ื่อรู้
(Lea
rnin
g to
kno
w)
การเ
รียน
รู้เพ
ื่อปฏ
ิบัติไ
ด้จริง
(Lea
rnin
g to
do)
การเ
รียน
รู้ที่จะ
อยู่ร่ว
มกัน
(Lea
rnin
g to
live
toge
ther
)
การเ
รียน
รู้ที่จะ
เป็น
(Lea
rnin
g to
be)
ทกัษ
ะการ
เรยีน
รูแ้ละ
นวตั
กรรม
ทักษ
ะด้าน
สารส
นเท
ศ สื่อ
แล
ะเท
คโน
โลยี
ทักษ
ะชีวิต
และก
ารท
ำางาน
หน่วยการเรียนรู้ที่
ตัวชี้วัด
ผังสาระการเรียนรู้
เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
สาระสำาคัญ
ตระหนักถึงความส�าคัญของเวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลง
ของมนุษยชาติ(ส๔.๑ม.๔-๖/๑)
ผูศ้กึษาประวตัศิาสตร์จ�าเป็นต้องเข้าใจเรือ่งเวลาซึง่มคีวามเกีย่วข้องกบัการศกึษาประวตัศิาสตร์
เพื่อให้สามารถล�าดับช่วงเวลา เชื่อมโยงเหตุการณ์และวิเคราะห์หลักฐานทางประวัติศาสตร์ตาม
ยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ได้ถูกต้อง
๑
เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
ยุคสมัยทางประวัติศาสตร์เวลากับประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์ไทย ม.๔-๖6 เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ 7
เวลามีความสัมพันธ์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและปัจจุบันอย่างไร
เวลาเป็นสิ่งเชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบัน เนื่องจากยุคประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติมีพัฒนาการมา
ยาวนานหลายพันปีการศึกษาความต่อเนื่องระหว่างยุคสมัยในประวัติศาสตร์ช่วงต่างๆ จึงต้องอาศัยเวลา
ที่ปรากฏอยู่ในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ประเภทต่าง ๆ ในการล�าดับเหตุการณ์ เพื่อให้สามารถ
เชื่อมโยงถึงปัจจุบันดังนั้นเวลาจึงมีความส�าคัญต่อการศึกษาประวัติศาสตร์มาก
ภาพพมิพ์คณะทตูสยามเดนิทางไปฝรัง่เศสในสมยั สมเดจ็พระนารายณ์มหาราช วาดโดยนโิคลาส์ เดอ ลาร์ เมสแซง็
ตพีมิพ์ทีป่ารสี มข้ีอความบรรยายและเวลาก�ากบัด้านล่าง
จุดประกายความคิด
๑. เวลากับประวัติศาสตร์
๑.๑ ความส�าคัญของเวลาในการศึกษาประวัติศาสตร์ เวลาที่ปรากฏในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ช่วยให้ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์เข้าใจเหตุการณ์
ที่เกิดขึ้นในอดีตทั้งการล�าดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน-หลังการเชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบันการสร้างความ
ต่อเนื่องของเหตุการณ์ต่างๆในอดีตและการเปรียบเทียบเหตุการณ์ร่วมสมัยในประวัติศาสตร์
การล�าดับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์
คนส่วนใหญ่มักเรียกเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วว่า “อดีต”
หรือ “สมัยก่อน (ปัจจุบัน)” ท�าให้บางครั้งไม่สามารถสืบสาวได้ว่า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตนั้น เหตุการณ์ใดเกิดขึ้นก่อนหรือหลัง
โดยเฉพาะเหตกุารณ์ทีน่บัย้อนหลงัไปยาวนานและห่างไกลจากปัจจบุนั
มาก เนื่องจากมนุษยชาติมีพัฒนาการมายาวนานมากกว่า๒ล้านปี
โดยเฉพาะยุคประวัติศาสตร์ของแต่ละดินแดนซึ่งมีช่วงเวลาแตกต่าง
กนักม็เีหตกุารณ์ประวตัศิาสตร์เกดิขึน้มากมายเกนิกว่าจะพรรณนาได้
ครบถ้วนดังนั้น นักประวัติศาสตร์จึงอาศัย “เวลา” ที่ปรากฏอยู่ใน
หลักฐานทางประวัติศาสตร์อธิบายหรือล�าดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ในแต่ละดินแดน
เอกสารหลักฐานทางประวัติศาสตร์ การประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา ค.ศ. ๑๗๗๖
นกัประวตัศิาสตร์เรยีงล�าดบัเหตกุารณ์
ในประวัติศาสตร์ตามปีที่เกิดเหตุการณ์นั้นๆ โดย
นับตามศักราช (ปี) ที่ปรากฏอยู่ในหลักฐานทาง
ประวัติศาสตร์ ทั้งนี้แต่ละสังคมมีวิธีเริ่มต้นนับ
ศักราชแตกต่างกันส่วนใหญ่มักยึดตามเหตุการณ์
ส�าคญัทางศาสนาทีต่นนบัถอืเป็นเกณฑ์เช่นครสิต์-
ศักราช (ค.ศ.)พุทธศักราช (พ.ศ.) และฮิจเราะห์-
ศักราช (ฮ.ศ.) ปัจจุบันประเทศส่วนใหญ่ต่างยึด
คริสต์ศักราชเป็นศักราชสากลแม้แต่ประเทศไทย
ซึ่งประกาศใช้พุทธศักราชอย่างเป็นทางการตั้งแต่
พ.ศ.๒๔๕๕ก็ใช้คริสต์ศักราชในการติดต่อสื่อสาร
กับนานาประเทศด้วย
การศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับอดีตของมนุษยชาติที่มีพัฒนาการมายาวนานตั้งแต่สมัยก่อน
ประวัติศาสตร์และสมัยประวัติศาสตร์จ�าเป็นต้องใช้เวลาเป็นเกณฑ์แบ่ง เพราะจะท�าให้ผู้ศึกษาเข้าใจ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามล�าดับก่อน-หลังและสามารถเชื่อมโยงหรือเปรียบเทียบเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น
ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติได้
ประวัติศาสตร์ไทย ม.๔-๖8 9เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
การล�าดบัเหตกุารณ์ในประวตัศิาสตร์สามารถล�าดบัทัง้เหตกุารณ์ในประวตัศิาสตร์ของแต่ละ
ชาติและเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์สากลดังนี้
การล�าดับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของชาติ โดยทั่วไปนักประวัติศาสตร์สามารถล�าดับ
เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นภายในประเทศใดประเทศหนึ่งได้โดยง่าย โดยเฉพาะประเทศที่ใช้
คริสต์ศักราชเพียงศักราชเดียว ดังเช่นประเทศในยุโรป สหรัฐอเมริกา ฯลฯ การล�าดับเหตุการณ์
ประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นก่อน-หลังในประเทศเหล่านั้นตรวจสอบได้ง่าย เนื่องจากผู้ศึกษาประวัติศาสตร์
สามารถเรียงล�าดับเหตุการณ์ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีศักราชก�ากับ เช่น ในเหตุการณ์สงคราม
ปฏวิตัขิองชาวอเมรกินั(AmericanRevolutionWar,1775-1783)ชาวอาณานคิมอเมรกินัเริม่ท�าสงคราม
กับอังกฤษในยุทธการที่คองคอร์ด(BattleofConcord,1775)ในเดือนเมษายนค.ศ.๑๗๗๕ก่อนที่จะ
ประกาศอิสรภาพ(TheDeclarationof Independence)อย่างเป็นทางการในวันที่๔กรกฎาคมค.ศ.
๑๗๗๖ตัวอย่างที่ยกมานี้ช่วยให้ผู้ศึกษาล�าดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพรวมได้ถูกต้อง
อย่างไรก็ตามบางประเทศ เช่นประเทศไทยในอดีตมีการใช้ศักราชหลายประเภท ได้แก่
พุทธศักราช (พ.ศ.) เริ่มขึ้นในอินเดียและแพร่หลายในประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเป็นหลัก ไทยใช้
พุทธศักราชตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยนับปีถัดจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานเป็นพุทธศักราชที่ ๑
(ศรีลังกาและพม่านับปีที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานเป็นศักราชที่ ๑) ดังปรากฏในหลักฐานที่
เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา เช่น จารึกสุโขทัยและต�านานต่อมามีการใช้แพร่หลายมากขึ้นตั้งแต่สมัย
สมเดจ็พระนารายณ์มหาราชและรฐับาลไทยได้ประกาศใช้พทุธศกัราชอย่างเป็นทางการตัง้แต่พ.ศ.๒๔๕๕
มหาศักราช(ม.ศ.)เริ่มขึ้นในอินเดียหลังพุทธศักราช๖๒๑ปี(พ.ศ.=ม.ศ.+๖๒๑)และน�า
มาใช้ในดินแดนประเทศไทยตั้งแต่สมัยก่อนสุโขทัยจนถึงอยุธยาตอนกลาง
จุลศักราช(จ.ศ.)เริ่มขึ้นในพม่าหลังพุทธศักราช๑๑๘๑ปี(พ.ศ.=จ.ศ.+๑๑๘๑)และไทย
เริ่มใช้จุลศักราชตั้งแต่สมัยสุโขทัย จากนั้นได้แพร่หลายในสมัยอยุธยาตอนปลายต่อเนื่องจนถึงรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัตนโกสินทรศก (ร.ศ.) ในพ.ศ.๒๔๓๒พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรง
ประกาศใช้รตันโกสนิทรศกโดยเริม่นบัรตันโกสนิทรศกที่๑ในพทุธศกัราช๒๓๒๕(พ.ศ.=ร.ศ.+๒๓๒๔)
ซึง่เป็นปีทีพ่ระบาทสมเดจ็พระพทุธยอดฟ้าจฬุาโลกมหาราชทรงสถาปนากรงุรตันโกสนิทร์เป็นราชธานีและ
ไทยได้ใช้รัตนโกสินทรศกจนถึงพ.ศ.๒๔๕๕ซึ่งมีการประกาศใช้พุทธศักราชอย่างเป็นทางการมาจนถึง
ปัจจุบัน
ปัจจุบันนอกจากการใช้พุทธศักราชแล้วในสังคมไทยยังใช้คริสต์ศักราชซึ่งเป็นศักราชสากล
และฮจิเราะห์ศกัราชในการนบัปฏทินิทางศาสนาอสิลามด้วยดงันัน้เพือ่ความสะดวกในการล�าดบัเหตกุารณ์
ในประวัติศาสตร์ไทยนักประวัติศาสตร์ต้องน�าศักราชต่างๆที่ปรากฏในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไป
เทียบกับพุทธศักราชก่อนดังตัวอย่างหลักฐานชั้นต้นต่อไปนี้
จารึกวัดป่าแดงสมัยสุโขทัย
จารึกพ่อขุนรามค�าแหงใช้มหาศักราช และระบุศักราช
(ศกหรือสก)ที่มีการจัดท�าจารึกไว้ว่า “...๑๒๑๔ศกปีมะโรง...”
ตรงกับพุทธศักราช๑๘๓๕(ม.ศ.๑๒๑๔+๖๒๑=พ.ศ.๑๘๓๕)
จารึกวัดป่ามะม่วงสมัยสุโขทัยมีการระบุพุทธศักราชไว้ว่า
“...แต่พระพุทธเจ้าเราเข้านิพพานมาเถิงวันบวชนั้นได้พันเก้าร้อย-
ห้าปี” ตรงกับพุทธศักราช ๑๙๐๔ (หลังจากปีที่ปรินิพพานแล้ว
๑๙๐๔ปี)
จารกึวดัป่าแดงสมยัสโุขทยัใช้จลุศกัราชและปรากฏศกัราช
ที่จารึกว่า“เมื่อศักราชได้๗๖๘จอนักษัตรเดือนอ้ายแรม๑๐ค�่า
วันอาทิตย์...”ตรงกับพุทธศักราช๑๙๔๙(จ.ศ.๗๖๘+๑๑๘๑=
พ.ศ.๑๙๔๙)
พระราชพงศาวดารกรงุศรอียธุยาฉบบัหลวงประเสรฐิอกัษรนติิใ์ช้จลุศกัราชและมบีานแผนก
บอกปีที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีพระบรมราชโองการให้เรียบเรียงไว้ว่า “ศุภมัสดุ ๑๐๔๒ศกวอก
นกัษตัรณวนัพธุเดอืน๕ขึน้๑๒ค�า่...”ตรงกบัพทุธศกัราช๒๒๒๓(จ.ศ.๑๐๔๒+๑๑๘๑=พ.ศ.๒๒๒๓)
พระราชด�ารขิองพระบาทสมเดจ็พระจลุจอมเกล้าเจ้าอยูห่วัในการปฏริปูการปกครองหวัเมอืง
ตามที่โปรดเกล้าฯให้แจ้งต่อที่ประชุมข้าหลวงเทศาภิบาลครั้งแรกลงวันที่๑๘มกราคมรัตนโกสินทรศก
๑๑๔ตรงกับพุทธศักราช๒๔๓๘(ร.ศ.๑๑๔+๒๓๒๔=พ.ศ.๒๔๓๘)
จากตัวอย่างข้างต้นพบว่าในสมัยสุโขทัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์มีการใช้ศักราชแตกต่าง
กนัดงันัน้ผูศ้กึษาจงึต้องน�าศกัราชเหล่านัน้ไปเทยีบกบัพทุธศกัราชก่อนแล้วจงึจะสามารถล�าดบัเหตกุารณ์
ก่อน-หลังได้
การล�าดับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์สากล นักประวัติศาสตร์สามารถล�าดับเหตุการณ์ใน
ประวัติศาสตร์สากลโดยใช้ศักราชสากล คือ คริสต์ศักราช เช่น การศึกษาพัฒนาการความเจริญของ
อารยธรรมโบราณในดินแดนเมโสโปเตเมีย และอียิปต์ซึ่งเจริญรุ่งเรืองต่อเนื่องในช่วงหลายพันปี อนึ่ง
ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ยังสามารถล�าดับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในประเทศของตนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งใน
เหตกุารณ์ส�าคญัของโลกทีเ่กีย่วข้องกบัชะตากรรมของมนษุยชาตจิ�านวนมากได้โดยวธิกีารเทยีบศกัราชที่
ใช้อยูใ่นประเทศนัน้กบัครสิต์ศกัราชเช่นกรณขีองประเทศไทยให้น�าพทุธศกัราชไปเทยีบกบัครสิต์ศกัราช
(พ.ศ.=ค.ศ.+๕๔๓)ในการศึกษาสถานะของประเทศไทยในเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่๑และ๒ดังนี้
10 ประวัติศาสตร์ไทย ม.๔-๖ 11เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
สงครามโลกครัง้ที่๑(ค.ศ.๑๙๑๔-๑๙๑๘)เริม่ขึน้ในยโุรปเมือ่ค.ศ.๑๙๑๔ประเทศไทยประกาศ
สงครามต่อฝ่ายมหาอ�านาจกลางและเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรในพ.ศ.๒๔๖๐หรือค.ศ.๑๙๑๗
(พ.ศ.๒๔๖๐–๕๔๓=ค.ศ.๑๙๑๗)ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไทยด�าเนินนโยบายเป็นกลางมาตลอดจนถึง
ช่วงท้ายของสงครามจึงตัดสินใจเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร
สงครามโลกครั้งที่๒(ค.ศ.๑๙๓๙-๑๙๔๕)เริ่มในยุโรปเมื่อค.ศ.๑๙๓๙หลังจากนั้นได้ขยาย
ไปทั่วโลก ในเอเชียญี่ปุ่นได้เริ่มสงครามมหาเอเชียบูรพาเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคมค.ศ. ๑๙๔๑ และ
ยกพลขึ้นบกในประเทศไทยโดยอ้างว่าเพื่อขอยกทัพผ่านไปยังพม่าและอินเดีย ส่งผลให้ไทยต้อง
ประกาศสงครามต่อฝ่ายพันธมิตรเมื่อวันที่๒๕มกราคมพ.ศ.๒๔๘๕(ค.ศ.๑๙๔๒)
ข้อมูลที่ปรากฏในจารึกนี้เชื่อมโยงให้เห็นว่าภาษาไทยที่เราใช้กันในปัจจุบันมีพัฒนาการมา
นานกว่า๗๐๐ปีแล้วความสามารถในการประดิษฐ์อักษรไทยแสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของชนชาติไทย
เพราะอักษรไทยแสดงถึงความก้าวหน้าทางภูมิปัญญาและวัฒนธรรมด้านวรรณกรรมของชนชาติ
นอกจากนี้อักษรไทยยังท�าให้มีการบันทึกข้อมูลประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบันได้
อนุสาวรีย์เฉลิมฉลองครบรอบ ๑,๐๐๐ ปีของชาวรัสเซีย ตั้งอยู่ที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย
การเผยแพร่ข้อมูลในพ.ศ.๒๕๕๒ เกี่ยวกับการค้นพบลูกปัดหลากสีจ�านวนมากในพื้นที่แถบ
ชายทะเลฝั่งตะวันตกของภาคใต้โดยเฉพาะที่อ�าเภอคลองท่อมจังหวัดกระบี่ซึ่งผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์
ว่ามีอายุมากกว่า๒,๐๐๐ปีท�าให้นักโบราณคดีเชื่อว่าดินแดนประเทศไทยในอดีตมีการติดต่อค้าขาย
กบัโลกภายนอกและมคีวามสามารถผลติสนิค้าประเภทหตัถกรรมเป็นสนิค้าออกเช่นเดยีวกบัดนิแดน
อารยธรรมอื่นๆของโลก
ข้อความในจารึกพ่อขุนรามค�าแหงระบุศักราชที่ประดิษฐ์ลายสือไทยว่า “...๑๒๐๕ศกปีมะแม
พ่อขุนรามค�าแหงหาใคร่ใจในใจ แลใส่ลายสือไทยนี้ ลายสือไทยนี้จึ่งมีเพื่อขุนผู้นั้นใส่ไว้...” ศักราช
๑๒๐๕ที่ระบุไว้คือมหาศักราชหรือพ.ศ.๑๘๒๖(พ.ศ.๑๘๒๖=ม.ศ.๑๒๐๕+๖๒๑)
ตัวอย่างเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ข้างต้นชี้ให้เห็นว่าข้อมูลเกี่ยวกับเวลามีความส�าคัญต่อการ
ล�าดับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์มาก ไม่ว่าหลักฐานทางประวัติศาสตร์จะใช้ศักราชใดก็ตามผู้ศึกษา
ก็สามารถน�ามาเทียบกับศักราชสากลและล�าดับเรื่องราวต่างๆได้ต่อเนื่องและถูกต้อง
การเชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบัน
เวลาในประวัติศาสตร์คืออดีตที่มีความเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงถึงปัจจุบันได้เวลาที่ยาวไกล
ในประวตัศิาสตร์บ่งบอกถงึอดตีทีย่าวนานของมนษุยชาติประเทศต่างๆ ให้ความส�าคญักบัประวตัศิาสตร์
ของชาติ เพราะประวัติศาสตร์บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองก้าวหน้าของบรรพชนในอดีตที่สั่งสมความภูมิใจให้
กับคนรุ่นปัจจุบัน อย่างไรก็ตามแต่ละสังคมมีช่วงเวลาในอดีตต่างกันประเทศอียิปต์ จีนและอินเดียมี
ประวตัศิาสตร์ยาวนานหลายพนัปีทีส่ามารถเชือ่มโยงถงึ
ปัจจบุนัได้ส่วนประเทศมหาอ�านาจในยโุรปเช่นองักฤษ
ฝรั่งเศสเยอรมนีและรัสเซียมีประวัติศาสตร์ที่ยาวไกล
ไม่ถึง ๒,๐๐๐ ปี ความเจริญรุ่งเรืองที่ผ่านกาลเวลา
ยาวนานในประวัติศาสตร์ของชาติต่างๆที่เชื่อมโยงถึง
ปัจจุบันได้สร้างเกียรติภูมิให้กับชนชาตินั้น ๆ ดังนั้น
การศึกษาวิเคราะห์คุณค่าของประเทศใดประเทศหนึ่ง
จงึต้องให้ความส�าคญัต่อภมูหิลงัในอดตีทีบ่รรพชนของ
ชนชาตินั้นๆสั่งสมความเจริญให้กับโลกปัจจุบันด้วย
นอกจากนี้ เวลาที่ปรากฏในหลักฐาน
ทางประวัติศาสตร์ยังเชื่อมโยงเหตุการณ์ในอดีตกับ
ปัจจุบันด้วย หลักฐานทางประวัติศาสตร์ทั้งหลักฐาน
ประเภทลายลกัษณ์และหลกัฐานทางโบราณคดทีีค้่นพบ
ในดินแดนต่างๆล้วนบ่งบอกถึงอดีตและความเป็นมา
ของมนุษยชาติเช่น
การสร้างความต่อเนื่องของเหตุการณ์ในอดีต
ข้อมูลที่พบในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ช่วงเวลาต่าง ๆ มีความส�าคัญต่อการเชื่อมโยง
เหตกุารณ์ในอดตีมากเพราะช่วยให้ผูศ้กึษามองเหน็ความต่อเนือ่งของเหตกุารณ์จากช่วงเวลาหนึง่ไปยงัอกี
ช่วงเวลาหนึง่และสามารถเข้าใจภาพรวมของเหตกุารณ์ได้ดงัตวัอย่างการวเิคราะห์ค�าว่า“สยาม”ในหนงัสอื
เรื่องความเป็นมาของค�าสยามไทยลาวและขอมและลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติของจิตรภูมิศักดิ์
ซึ่งใช้ข้อมูลทางด้านนิรุกติศาสตร์ที่ปรากฏในหลักฐานสมัยต่าง ๆ อธิบายวิวัฒนาการของค�าว่า “สยาม”
หนังสือ “ความเป็นมาของค�าสยาม ไทย ลาว และขอม และลักษณะทาง
สังคมของชื่อชนชาติ” โดย จิตร ภูมิศักดิ์ ตีพิมพ์ครั้งที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๒๔
ผู้ศึกษาสามารถน�าองค์ความรู้ที่จิตรภูมิศักดิ์ ค้นคว้าไว้มาประกอบ
การอธิบายภาพรวมของพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ในดินแดน
ประเทศไทยได้ดังนี้
หลักฐานที่กล่าวถึงดินแดนสยามมีทั้งหลักฐานประเภท
จารึกต�านานจดหมายเหตุจีน วรรณกรรมและหลักฐานทางราชการ
ในสมัยรัตนโกสินทร์
หลกัฐานประเภทจารกึได้แก่จารกึของเขมรโบราณและ
จามต�านานภาคเหนือของไทยเช่นรัตนพิมพวงศ์(ต�านานพระแก้ว-
มรกต)ซึ่งเขียนในพ.ศ.๑๙๗๒จามเทวีวงศ์ซึ่งเขียนประมาณพ.ศ.
๒๐๐๐และชินกาลมาลีปกรณ์ซึ่งเขียนในพ.ศ.๒๐๕๙จดหมายเหตุ
จีนพ.ศ.๑๘๒๕เรียกดินแดนของชนชาติไทยว่า“เสียม”หรือ“เสียน”
ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา พบค�าว่า
“สยาม” ในวรรณกรรมเรื่องลิลิตยวนพ่าย และมหาชาติค�าหลวง ใน
12 ประวัติศาสตร์ไทย ม.๔-๖ 13เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
การเปรียบเทียบเหตุการณ์ร่วมสมัยในประวัติศาสตร์
การศึกษาเปรียบเทียบเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในดินแดนต่าง ๆ ช่วยให้ผู้ศึกษา
เข้าใจพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามการศึกษาในลักษณะนี้จะต้อง
เปรียบเทียบกับดินแดนที่อยู่ร่วมสมัยกันหรืออยู่ในช่วงเวลาเดียวกันหรืออยู่ในสถานการณ์ที่มีลักษณะ
เดยีวกนัเนือ่งจากความแตกต่างในด้านมติขิองเวลาท�าให้ไม่สามารถศกึษาเปรยีบเทยีบเหตกุารณ์ได้อย่าง
ถูกต้องแท้จริง การเปรียบเทียบเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ร่วมสมัยสามารถศึกษาได้หลากหลาย เช่นการ
เปรยีบเทยีบพฒันาการของอารยธรรมร่วมสมยัในดนิแดนต่างๆ และการเปรยีบเทยีบวธิกีารแก้ปัญหาของ
ประเทศต่างๆที่เผชิญสถานการณ์ร่วมสมัยหรือสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน
การเปรียบเทียบพัฒนาการของอารยธรรมร่วมสมัย การศึกษาในประเด็นนี้ไม่ได้เน้นการ
เปรียบเทียบว่าดินแดนใดเหนือกว่า หรือดีเลิศกว่าดินแดนอื่น ๆ แต่อย่างใดหากเป็นการเปรียบเทียบ
ให้เห็นว่ามนุษย์ในสมัยโบราณไม่ว่าจะมีถิ่นก�าเนิดณที่ใด เช่น อียิปต์ เมโสโปเตเมียอินเดียหรือจีน
ต่างก็มีสติปัญญาและความสามารถในการพัฒนาความเจริญก้าวหน้าให้กับสังคมของตนเองแต่ละสังคม
สามารถสร้างสังคมเมืองมีระบอบการปกครองที่เป็นแบบแผนการศึกษาเปรียบเทียบในลักษณะนี้ท�าให้
จารึกบนแผ่นหินของจีน (ซ้าย) และเมโสโปเตเมีย (ขวา) แสดงถึงสังคมเมืองที่พัฒนาอย่างมีแบบแผน
สมยัอยธุยาและรตันโกสนิทร์สมยัสมบรูณาญาสทิธริาชย์ในเอกสารจดหมายเหตชุือ่BurneyPapersของ
นายเฮนรีเบอร์นีย์(HenryBurney)สนธิสัญญาทางพระราชไมตรีที่ไทยท�ากับประเทศตะวันตกในสมัย
รัตนโกสินทร์ก็ใช้ชื่อว่าสยาม เช่น “หนังสือสัญญาทางพระราชไมตรี ประเทศอังกฤษแลประเทศสยาม
คฤษต์ศักราช ๑๘๒๖” และ “หนังสือสัญญาทางพระราชไมตรี ประเทศอเมริกา แล ประเทศสยาม
คฤษต์ศักราช๑๘๓๓”ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
หลักฐานเกี่ยวกับค�าว่า“สยาม”ที่ปรากฏในช่วงเวลาต่างๆ ท�าให้ผู้ศึกษาทราบความต่อเนื่อง
ของพัฒนาการทางด้านประวัติศาสตร์ของชนชาติไทยในดินแดนประเทศไทย อีกทั้งยังท�าให้เข้าใจถึง
ภาพรวมการตั้งถิ่นฐานของชนชาติไทยที่ก่อตั้งอาณาจักรในภาคเหนือของประเทศไทย (ดินแดนล้านนา)
มาเป็นเวลาช้านานก่อนที่จะเคลื่อนย้ายลงมาตั้งอาณาจักรทางตอนใต้ คือ สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และ
รัตนโกสินทร์ในปัจจุบัน
ผู้ศึกษาตระหนักถึงคุณค่าของภูมิปัญญาที่มนุษยชาติในอดีตได้สร้างสรรค์ผลงานและความรุ่งเรืองต่างๆ
ที่กลายเป็นรากฐานของความเจริญในปัจจุบันและเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังช่วยกันสืบทอดและอนุรักษ์มรดก
ทางวัฒนธรรมเหล่านั้นไว้ไม่ให้สูญสลายไปพร้อมกับกาลเวลา
การเปรียบเทียบวิธีการแก้ปัญหาของประเทศต่างๆในสถานการณ์ร่วมสมัยพัฒนาการทาง
ประวตัศิาสตร์ทีผ่่านมาชีใ้ห้เหน็ว่ามนษุยชาตใินหลายดนิแดนต่างเผชญิชะตากรรมในสถานการณ์ร่วมสมยั
เป็นต้นว่าภัยจากลัทธิอาณานิคมภัยสงครามภัยเศรษฐกิจฯลฯ
การศกึษาเปรยีบเทยีบเหตกุารณ์ร่วมสมยัในประวตัศิาสตร์ช่วยให้ผูศ้กึษาเรยีนรูบ้ทเรยีนจาก
ประวตัศิาสตร์สามารถเข้าใจวธิกีารแก้ปัญหาของผูน้�าในอดตีทีเ่สยีสละอดทนและยนืหยดัต่อสูเ้พือ่เอกราช
ของชาติ อีกทั้งจะช่วยให้เกิดคุณธรรม มีความรักและยึดมั่นต่อสันติสุขของประเทศชาติมากกว่า
ผลประโยชน์ส่วนตน
๑.๒ เวลากับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ นักประวัติศาสตร์เรียนรู้เรื่องราวในอดีตจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นเครื่องมือ
ส�าคัญในการศึกษาประวัติศาสตร์ หากขาดหลักฐานทางประวัติศาสตร์ นักประวัติศาสตร์จะไม่สามารถ
ตรวจสอบความถูกต้องของเหตุการณ์ในอดีตได้ ขณะเดียวกันมนุษย์ก็จะไม่ทราบถึงภูมิหลังและ
ความเป็นมาของบรรพชนอย่างไรก็ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ต้องมีเวลาก�ากับอยู่ด้วย เพราะหาก
หลักฐานนั้นไม่ปรากฏข้อมูลเกี่ยวกับเวลาผู้ศึกษาก็จะไม่สามารถวิเคราะห์ความส�าคัญของหลักฐานและ
ความเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ได้
ในการศึกษาหลักฐานทางประวัติศาสตร์นอกเหนือจากข้อมูลส�าคัญอื่นๆแล้วสิ่งที่ผู้ศึกษา
ต้องการทราบคือข้อมูลเกี่ยวกับเวลาหรืออายุของหลักฐานชิ้นนั้นเช่นหลักฐานนั้นสร้างขึ้นเมื่อไรสมัยใด
เกีย่วข้องกบัเหตกุารณ์ในอดตีในช่วงเวลาใดบ้างข้อมลูเกีย่วกบัเวลาทีป่รากฏในหลกัฐานจะช่วยให้ผูศ้กึษา
ทราบว่าหลักฐานนั้นเกี่ยวข้องกับใครในยุคสมัยใดและมีความต่อเนื่องหรือเชื่อมโยงกับเหตุการณ์อื่นๆ
ทัง้ก่อนหน้านัน้และหลงัจากนัน้อย่างไรอย่างไรกต็ามเนือ่งจากหลกัฐานทางประวตัศิาสตร์ในแต่ละยคุสมยั
มีจ�านวนมากและหลากหลายวิธีการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเวลาจากหลักฐานจึงแตกต่างกันโดยเฉพาะการ
สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเวลาจากหลักฐานประเภทลายลักษณ์และหลักฐานทางโบราณคดี
การสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเวลาจากหลักฐานประเภทลายลักษณ์
หลกัฐานประเภทลายลกัษณ์จดัเป็นหลกัฐานทีพ่ดูได้กล่าวคอืเป็นหลกัฐานทีส่ามารถสือ่กบั
ผู้ศึกษาได้โดยตรงด้วยข้อความหรือเนื้อหาที่ปรากฏอยู่ในหลักฐานนั้นๆเช่นศิลาจารึกเอกสารประเภท
จารกึต่างๆ จดหมายเหตุพงศาวดารบนัทกึส่วนบคุคลกฎหมายราชกจิจานเุบกษาเอกสารราชการรายงาน
การประชุม รายงานการวิจัย หนังสือพิมพ์ บทความ แผ่นปลิว หลักฐานเหล่านี้ส่วนใหญ่มักให้ข้อมูล
เกีย่วกบัเวลาดงัเช่นศลิาจารกึสมยัสโุขทยัมกักล่าวถงึศกัราชทีเ่กีย่วข้องกบัเหตกุารณ์ทีป่รากฏอยูใ่นจารกึ
นัน้จารกึทีม่กีารระบศุกัราชไว้ช่วยให้นกัประวตัศิาสตร์สามารถเชือ่มโยงและล�าดบัเหตกุารณ์ประวตัศิาสตร์
ในสมยัสโุขทยัได้นอกจากนีพ้ระราชพงศาวดารต่างๆ กม็กัระบศุกัราชทีจ่ารหรอืเขยีนไว้ทีบ่านแผนก(หรอื
14 ประวัติศาสตร์ไทย ม.๔-๖ 15เวลาและยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
บันทึกส่วนบุคคลของแอนน์ แฟรงก์ (ขวา) ถูกน�ามาใช้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับชาวยิวสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๑
ซึ่งต่อมาได้ตีพิมพ์เผยแพร่ในชื่อ เดอะไดอารีออฟอะยังเกิร์ล (ซ้าย)
อย่างไรก็ตามมีหลักฐานจ�านวนไม่น้อยที่ไม่ปรากฏข้อมูลเกี่ยวกับเวลา เนื่องจากหลักฐาน
นั้นช�ารุดเช่นศิลาจารึกสึกกร่อนหรือแตกหักหินกะเทาะหลุดหายไปบางส่วนเอกสารประเภทใบลานและ
กระดาษส่วนใหญ่ผุพังและช�ารุดสูญหาย เพราะความชื้นของอากาศท�าให้กระดาษเปื่อยหรือมดปลวก
กัดแทะ หรือฉีกขาด ส่งผลให้ข้อมูลขาดความต่อเนื่อง ดังนั้น นักประวัติศาสตร์จึงต้องสืบค้นข้อมูล
เกี่ยวกับเวลาเพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการวิเคราะห์หลักฐานชิ้นนั้นๆการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับอายุของ
หลักฐานประเภทลายลักษณ์ท�าได้หลายวิธีเช่น
เอกสารประเภทใบลาน
ศุภมัสดุ ศักราช ๑๑๕๗ สัปตศก (พ.ศ. ๒๓๓๗) สมเด็จพระบรมธรรมิกมหาราชาธิราช
พระเจ้าอยูห่วัผ่านถวลัยราชย์ณกรงุเทพทวารวดศีรอียธุยาเถลงิพระทีน่ัง่ดสุติมหาปราสาททรงช�าระ
พระราชพงศาวดาร(ประชุมพงศาวดารเล่ม๔๐ภาค๖๕-๖๖เรื่องพระราชพงศาวดารกรุงธนบุรีฉบับ
พันจันทนุมาศ(เจิม),หน้า๑)
การสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเวลาจากหลักฐานทางโบราณคดี
หลักฐานทางโบราณคดีมีอยู่เป็นจ�านวนมาก เช่น ซากเมืองโบราณพีระมิดศาสนสถาน
โบสถ์ วิหาร เจดีย์ ปรางค์ ก�าแพงเมือง สุสานโบราณ สระน�้า โครงกระดูกของคนและสัตว์ เศษอิฐ
เศษกระเบื้อง เครื่องประดับ เครื่องปั้นดินเผา เครื่องดนตรี อาวุธ เรือ เครื่องใช้ต่างๆหลักฐานเหล่านี้
ให้ข้อมูลและองค์ความรู ้ทางประวัติศาสตร์ด้วย แต่ส่วนใหญ่เป็นหลักฐานที่พูดไม่ได้ เพราะไม่มี
การจารึกไว้ หรือจารึกอาจเลือนหายไปดังนั้น นักประวัติศาสตร์จึงต้องอาศัยการศึกษาวิเคราะห์และ
การก�าหนดอายุโบราณวัตถุเหล่านั้นจากนักโบราณคดี
นักโบราณคดีสนใจศึกษาพัฒนาการของมนุษยชาติทั้งยุคก่อนประวัติศาสตร์และยุค
ประวัติศาสตร์ตลอดจนวิถีการด�ารงชีวิตของมนุษย์ โดยศึกษาจากวัสดุที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นเครื่องมือใน
การด�ารงชีวิตคือหินและโลหะประเภทต่างๆและใช้วัสดุเหล่านั้นก�าหนดช่วงเวลาของพัฒนาการมนุษย์
ในแต่ละยคุซึง่มรีะยะเวลายาวนานและแตกต่างกนัโดยทัว่ไปนกัโบราณคดใีช้วธิกี�าหนดอายขุองหลกัฐาน
ทางโบราณคดหีลายวธิีทีส่�าคญัได้แก่วธิกีารทางวทิยาศาสตร์และวธิปีระตมิานวทิยาของนกัประวตัศิาสตร์
ศิลปะ
การก�าหนดอายหุลกัฐานทางโบราณคดด้ีวยวธิวีทิยาศาสตร์การใช้วธิกีารทางวทิยาศาสตร์
ก�าหนดอายหุลกัฐานทางโบราณคดีได้แก่การวเิคราะห์ทางธรณวีทิยาโดยน�าชัน้ดนิต่างๆ ทีพ่บวตัถสุิง่ของ
หรือโครงกระดูกไปวิเคราะห์เพื่อค�านวณอายุของวัตถุ นอกจากนี้ยังใช้การทดสอบทางเคมีที่เรียกว่า
คาร์บอน-14(carbon-14)เพื่อค�านวณอายุของโบราณวัตถุต่างๆ เช่นการวิเคราะห์อายุของภาชนะดินเผา
ซึ่งขุดพบที่บ้านเชียงจังหวัดอุดรธานีเพื่อน�ามาใช้ก�าหนดอายุของวัฒนธรรมบ้านเชียง
บานแพนก)ของพงศาวดารด้วยเช่นพระราชพงศาวดารกรุงธนบุรีฉบับพันจันทนุมาศ(เจิม)ดังข้อความ
ในบานแผนกต่อไปนี้
- การวิเคราะห์จากชื่อบุคคลหรือ
สถานที่
- การศึกษาเปรียบเทียบข ้อมูล
เกี่ยวกับประเพณีหรือพิธีกรรม
- การวิเคราะห์ส�านวนภาษาที่บันทึก
ในหลักฐาน
- การวเิคราะห์ทางด้านนริกุตศิาสตร์
เป็นการวิเคราะห์จากค�าศัพท์ต่าง ๆ ที่ปรากฏใน
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ การศึกษาหลักฐานทางโบราณคดีของนักโบราณคดี
การก� าหนดอายุหลักฐานทาง
โบราณคดด้ีวยวธิปีระตมิานวทิยาเป็นวธิกี�าหนดอายุ
หลกัฐานทางโบราณคดขีองนกัประวตัศิาสตร์ศลิปะ
ซึ่ ง ใช ้ วิ ธีศึกษา เปรียบเทียบกับลักษณะของ
รูปแบบศิลปกรรมร่วมสมัย และประเภทของวัสดุ
ทีใ่ช้ในการจดัท�า/ก่อสร้างเพือ่สรปุอายหุรอืสมยัของ
โบราณสถานหรือโบราณวัตถุนั้น นอกจากนี้
นักโบราณคดียังสามารถก�าหนดอายุของหลักฐาน
ทางโบราณคดีอื่น ๆ ทั้งประเภทสถาปัตยกรรม
ประติมากรรม จิตรกรรม เครื่องปั้นดินเผาสมัย
ต่างๆที่พบในประเทศไทยและมีลักษณะร่วมสมัย
กับศิลปกรรมสมัยต่าง ๆ เช่น สมัยลพบุรี สมัย
เชียงแสนสมัยสุโขทัย สมัยอยุธยาตอนต้น สมัย
รัตนโกสินทร์ตอนต้นได้ด้วย