23
กกกกกกกกกกกกกกกกก กกกกกกกกกก (Cooperative Learning)

การจัดการ เรียนรู้แบบ ร่วมมือ (Cooperative Learning)

  • Upload
    buck

  • View
    58

  • Download
    5

Embed Size (px)

DESCRIPTION

การจัดการ เรียนรู้แบบ ร่วมมือ (Cooperative Learning). ความหมาย. การ จัดการเรียนการสอนที่ผู้สอนจัดให้ผู้เรียนแบ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 4-6 คน เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้โดยการทำงานร่วมกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และร่วมกันรับผิดชอบงานในกลุ่มที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้เกิดเป็นความสำเร็จของกลุ่ม. - PowerPoint PPT Presentation

Citation preview

การจั�ดการเร�ยนร��แบบร�วมม�อ

(Cooperative Learning)

การจั�ดการเร�ยนการสอนที่��ผู้��สอนจั�ดให้�ผู้��เร�ยนแบ่�งเป็�นกลุ่��มเลุ่�กๆ ป็ระมาณ 4-6 คน เพื่$�อให้�ผู้��เร�ยนได�เร�ยนร� �โดยการที่'างานร�วมก�น ช่�วยเห้ลุ่$อซึ่+�งก�นแลุ่ะก�น แลุ่ะร�วมก�นร�บ่ผู้,ดช่อบ่งานในกลุ่��มที่��ได�ร�บ่มอบ่ห้มาย เพื่$�อให้�เก,ดเป็�นความส'าเร�จัของกลุ่��ม

ความหมาย

1. เพื่$�อให้�ผู้��เร�ยนเร�ยนร� �แลุ่ะฝึ/กที่�กษะในการที่'างานเป็�นกลุ่��ม

2. เพื่$�อให้�ผู้��เร�ยนพื่�ฒนาที่�กษะการค,ดค�นคว�า ที่�กษะ การแสวงห้าที่�กษะการค,ดสร�างสรรค2 การแก�ป็3ญห้า การ

ตั�ดส,นใจั การตั�6งค'าถาม ตัอบ่ค'าถาม การพื่�ด ฯลุ่ฯ3. เพื่$�อให้�ผู้��เร�ยนได�ฝึ/กที่�กษะที่างส�งคม การอย��ร �วม

ก�บ่ผู้��อ$�น การม�น'6าใจัช่�วยเห้ลุ่$อผู้��อ$�น การเส�ยสลุ่ะ การเป็�น ผู้��น'า ผู้��ตัาม ฯลุ่ฯ

อาภรณ2 ใจัเที่��ยง (2550 : 121)

ว�ตถุ�ประสงค�

1. ม�การที่'างานกลุ่��มร�วมก�น 2. สมาช่,กในกลุ่��มม�จั'านวนไม�ควรเก,น 6 คน3. สมาช่,กในกลุ่��มม�ความสามารถแตักตั�างก�นเพื่$�อช่�วยเห้ลุ่$อก�น4. สมาช่,กในกลุ่��มตั�างม�บ่ที่บ่าที่ร�บ่ผู้,ดช่อบ่ เช่�น

- เป็�นผู้��น'ากลุ่��ม (Leader) - เป็�นผู้��อธิ,บ่าย (Explainer)

- เป็�นผู้��จัดบ่�นที่+ก (Recorder) - เป็�นผู้��ตัรวจัสอบ่ (Checker)

- เป็�นผู้��ส�งเกตัการณ2 (Observer) - เป็�นผู้��ให้�ก'าลุ่�งใจั (Encourager) ฯลุ่ฯ

ลั�กษณะของการเร�ยนร��แบบร�วมม�อ

“ความส'าเร�จัของแตั�ลุ่ะคน ค$อ ความส'าเร�จัของกลุ่��ม ความส'าเร�จัของกลุ่��ม ค$อ ความส'าเร�จัของ

ที่�กคน ”

1.ความเก�"ยวข�องส�มพั�นธ์�ก�นในทางบวก (Positive Interdependence)

ห้มายถ+ง การที่��สมาช่,กในกลุ่��มที่'างานอย�างม�เป็;าห้มายร�วมก�น ม�การที่'างานร�วมก�น โดยที่��สมาช่,กที่�กคนม�บ่ที่บ่าที่ ห้น�าที่��แลุ่ะป็ระสบ่ความส'าเร�จัร�วมก�น

องค�ประกอบส(าค�ญของการเร�ยนร��แบบร�วมม�อ

2. การม�ปฏิ+ส�มพั�นธ์�ท�"ส�งเสร+มซึ่-"งก�นแลัะก�น (Face To Face PronotiveInteraction)

เป็�นการแลุ่กเป็ลุ่��ยนความค,ดเห้�นซึ่+�งก�นแลุ่ะก�น การอธิ,บ่ายความร� �ให้�แก�เพื่$�อนในกลุ่��มฟั3ง เป็�นลุ่�กษณะส'าค�ญของการม�ป็ฏิ,ส�มพื่�นธิ2โดยตัรงของการเร�ยนแบ่บ่ร�วมม$อ

3.ความร�บผิ+ดชอบของสมาช+กแต�ลัะคน (Individual Accountability)

ความร�บ่ผู้,ดช่อบ่ในการเร�ยนร� �ของสมาช่,กแตั�ลุ่ะบ่�คคลุ่ โดยม�การช่�วยเห้ลุ่$อส�งเสร,มซึ่+�งก�นแลุ่ะก�น เพื่$�อให้�เก,ดความส'าเร�จัตัามเป็;าห้มายกลุ่��ม โดยที่��สมาช่,กที่�กคนในกลุ่��มม�ความ

4. การใช�ท�กษะระหว�างบ�คคลัแลัะท�กษะการท(างานกลั��มย�อย (Interdependence and Small Group Skills)

ที่�กษะระห้ว�างบ่�คคลุ่ แลุ่ะที่�กษะการที่'างานกลุ่��มย�อย เป็�นที่�กษะส'าค�ญที่��จัะช่�วยให้�การที่'างานกลุ่��มป็ระสบ่ผู้ลุ่ส'าเร�จั ผู้��เร�ยนควรได�ร�บ่การฝึ/กที่�กษะในการส$�อสาร การเป็�นผู้��น'า การตั�ดส,นใจั การแก�ป็3ญห้า เพื่$�อให้�สามารถที่'างานได�อย�างม�ป็ระส,ที่ธิ,ภาพื่

เที่คน,คที่��น'ามาใช่�ในการเร�ยนร� �แบ่บ่ร�วมม$อ ม�ห้ลุ่ายว,ธิ� ได�แนะน'าไว�ด�งน�6

ปร+ศนาความค+ด (Jigsaw)เป็�นเที่คน,คที่��สมาช่,กในกลุ่��มแยกย�ายก�นไป็

ศึ+กษาห้าความร� � ในห้�วข�อเน$6อห้าที่��แตักตั�างก�น แลุ่�วกลุ่�บ่เข�ากลุ่��มมาถ�ายที่อดความร� �ที่��ได�มาให้�สมาช่,กกลุ่��มฟั3ง ว,ธิ�น�6คลุ่�ายก�บ่การตั�อภาพื่จั,กซึ่อว2 จั+งเร�ยกว,ธิ�น�6ว�า Jigsaw ห้ร$อป็ร,ศึนาการค,ด

 เทคน+คการเร�ยนร��แบบร�วมม�อ

ลั�กษณะการจั�ดก+จักรรมผู้��เร�ยนที่��ม�ความสามารถตั�างก�นเข�ากลุ่��ม

ร�วมก�นเร�ยกว�า กลุ่��มบ่�าน (Home Group) สมาช่,กในกลุ่��มบ่�านจัะร�บ่ผู้,ดช่อบ่ศึ+กษาห้�วข�อที่��แตักตั�างก�น แลุ่�วแยกย�ายไป็เข�ากลุ่��มให้ม�ในห้�วข�อเด�ยวก�น กลุ่��มให้ม�น�6เร�ยกว�า กลุ่��มผู้��เช่��ยวช่าญ (Expert Group) เม$�อกลุ่��มผู้��เช่��ยวช่าญที่'างานร�วมก�นเสร�จั ก�จัะย�ายกลุ่�บ่ไป็กลุ่��มเด,มค$อ กลุ่��มบ่�านของตัน น'าความร� �ที่��ได�จัากการอภ,ป็รายจัากกลุ่��มผู้��เช่��ยวช่าญมาสร�ป็ให้�กลุ่��มบ่�านฟั3ง ผู้��สอนที่ดสอบ่แลุ่ะให้�คะแนน

ร�ป็แบ่บ่การเร�ยนร� �แบ่บ่ร�วมม$อที่��น,ยมใช่�ในป็3จัจั�บ่�น ม� 7 ร�ป็แบ่บ่ ด�งน�6

1. ร�ปแบบ Jigsaw 2. ร�ปแบบ STAD (Student Teams –

Achievement Division) 3. ร�ปแบบ LT (Learning Together) 4. ร�ปแบบ TAI (Team Assisted

Individualization) 5. ร�ปแบบ TGT (Teams-Games-

Tournaments)6. ร�ปแบบ GI (Group

Investigation) 7. โปรแกรม CIRC (Cooperative

Integrated Reading and Composition)

ร�ปแบบการเร�ยนร��แบบร�วมม�อ

1.ร�ปแบบ Jigsaw เป็�นการสอนที่��อาศึ�ยแนวค,ดการตั�อภาพื่ ค$อ ผู้��เร�ยนจัะที่'างานเป็�นกลุ่��มที่��ได�ร�บ่มอบ่ห้มายให้�ศึ+กษาห้�วข�อย�อย แลุ่ะเตัร�ยมพื่ร�อมที่��จัะกลุ่�บ่ไป็อธิ,บ่ายห้ร$อสอนเพื่$�อนสมาช่,กในกลุ่��มพื่$6นฐานของตันเอง ผู้��เสนอว,ธิ�การน�6คนแรก ค$อ อารอนส�นแลุ่ะคณะ

2. ร�ปแบบ STAD (Student Teams – Achievement Division) (8. : 208-211)

สลุ่าว,น (Slavin : 1980) ได�เสนอร�ป็แบ่บ่การเร�ยนแบ่บ่เป็�นที่�มเป็�นว,ธิ�การห้น+�งในการวางเง$�อนไขให้�น�กเร�ยนพื่+�งพื่าก�นแม�แตั�คนที่��เร�ยนอ�อนก�สามารถม�ส�วนช่�วยที่�มได� ด�วยการพื่ยายามที่'าคะแนนให้�ด�กว�าคร�6งก�อน ๆ น�กเร�ยนที่�6งเก�ง ป็านกลุ่าง แลุ่ะอ�อน ตั�างได�ร�บ่การส�งเสร,มให้�ตั�6งใจัเร�ยนให้�ด�ที่��ส�ด

ว,ธิ�การของ Jigsaw จัะด�กว�า STAD ตัรงที่��ว�า เป็�นการฝึ/กให้�น�กเร�ยนแตั�ลุ่ะคนม�ความร�บ่ผู้,ดช่อบ่ในการเร�ยนมากข+6น แลุ่ะน�กเร�ยนย�งร�บ่ผู้,ดช่อบ่ก�บ่การสอนสมาช่,กคนอ$�น ๆ ของกลุ่��มอ�กด�วย น�กเร�ยนไม�ว�าจัะม�ความสามารถมากน�อยแค�ไห้นจัะตั�องร�บ่ผู้,ดช่อบ่เห้ม$อน ๆ ก�น ถ+งแม�ว�าความลุ่+กความกว�างห้ร$อค�ณภาพื่ของรายงานจัะแตักตั�างก�นก�ตัาม

3. ร�ปแบบ LT (Learning Together) ร�ป็แบ่บ่ LT (Learning Together) น�6

จัอห้2นส�น แลุ่ะจัอห้2นส�น (Johnson and Johnson) เป็�นผู้��เสนอ เร�ยกร�ป็แบ่บ่น�6ว�า วงกลุ่มการเร�ยนร� � (Circles of Learning) ร�ป็แบ่บ่น�6ม�การก'าห้นดสถานการณ2แลุ่ะเง$�อนไขให้�ผู้��เร�ยนที่'าผู้ลุ่งานเป็�นกลุ่��ม ให้�ผู้��เร�ยนแลุ่กเป็ลุ่��ยนความค,ดเห้�นแลุ่ะแบ่�งป็3นเอกสาร การแบ่�งงานที่��เห้มาะสม แลุ่ะการให้�รางว�ลุ่กลุ่��ม

4. ร�ปแบบ TAI (Team Assisted Individualization)

TAI (Team Assisted Individualization) ค$อ ว,ธิ�การสอนที่��ผู้สมผู้สานระห้ว�างการเร�ยนแบ่บ่ร�วมม$อ (Cooperative Learning) แลุ่ะการสอนรายบ่�คคลุ่ (Individualization Instruction) เข�าด�วยก�น โดยให้�ผู้��เร�ยนได�ลุ่งม$อที่'าก,จักรรมในการเร�ยนได�ด�วยตันเองตัามความสามารถของตันแลุ่ะส�งเสร,มความร�วมม$อภายในกลุ่��ม ม�การแลุ่กเป็ลุ่��ยนป็ระสบ่การณ2การเร�ยนร� �แลุ่ะป็ฏิ,ส�มพื่�นธิ2ที่างส�งคม

5. ร�ปแบบ TGT (Teams-Games-Tournaments)

การจั�ดการเร�ยนการสอนแบ่บ่ร�วมม$อตัามร�ป็แบ่บ่ TGT เป็�นการเร�ยนแบ่บ่ร�วมม$อก�นแข�งข�นที่'าก,จักรรม

6. ร�ปแบบ GI (Group Investigation)

GI (Group Investigation) พื่�ฒนาโดย Sharan แลุ่ะคณะ ค$อ ตั�องการการร�วมม$อก�น ม�การกระจัายภาระงานแลุ่ะส,ที่ธิ,ในการแสดงความค,ดเห้�นที่��เที่�าเที่�ยมก�นของสมาช่,กในกลุ่��ม

7. โปรแกรม CIRC (Cooperative Integrated Reading and Composition)

ค$อ โป็รแกรมส'าห้ร�บ่สอนการอ�าน การเข�ยนแลุ่ะที่�กษะที่างภาษา (Language arts) โดยเน�นที่��ห้ลุ่�กส�ตัรแลุ่ะว,ธิ�การสอน ในการพื่ยายามน'าการเร�ยนร� �แบ่บ่ร�วมม$อมาใช่� โป็รแกรม CIRC พื่�ฒนาข+6นโดย Madden, Slavin แลุ่ะ Stevens น�บ่ว�าเป็�นโป็รแกรมที่��ให้ม�ที่��ส�ดของว,ธิ�การเร�ยนร� �เป็�นที่�ม ซึ่+�งเป็�นโป็รแกรมการเร�ยนการสอนที่��น'าการเร�ยนแบ่บ่ร�วมม$อมาใช่�ก�บ่การอ�านแลุ่ะการเข�ยนโครงการ

1. สร�างความส�มพื่�นธิ2ที่��ด�ระห้ว�างสมาช่,ก2. สมาช่,กที่�กคนม�โอกาสค,ด พื่�ดแสดงออก

แสดงความค,ดเห้�น ลุ่งม$อกระที่'า3. เสร,มให้�ม�ความช่�วยเห้ลุ่$อก�น เช่�น เด�กเก�ง

ช่�วยเด�กที่��เร�ยนไม�เก�ง ที่'าให้�เด�กเก�งภาคภ�ม,ใจั ร� �จั�กสลุ่ะเวลุ่า ส�วนเด�กที่��ไม�เก�งเก,ดความซึ่าบ่ซึ่+6งในน'6าใจัของเพื่$�อนสมาช่,กด�วยก�น

ประโยชน�ของการเร�ยนแบบร�วมม�อ

4. ที่'าให้�เก,ดการระดมความค,ด น'าข�อม�ลุ่ที่��ได�มาพื่,จัารณาร�วมก�น เพื่$�อป็ระเม,นค'าตัอบ่ที่��เห้มาะสมที่��ส�ด เป็�นการส�งเสร,มให้�ว,เคราะห้2แลุ่ะตั�ดส,นใจัเลุ่$อก

5. ส�งเสร,มที่�กษะที่างส�งคม เช่�น การอย��ร �วมก�นด�วยมน�ษยส�มพื่�นธิ2ที่��ด�ตั�อก�น เข�าใจัก�นแลุ่ะก�น อ�กที่�6งเสร,มที่�กษะการส$�อสาร ที่�กษะการที่'างานเป็�นกลุ่��ม

The end