Upload
biew-nattakron
View
218
Download
0
Embed Size (px)
DESCRIPTION
ท่องเที่ยววัดสันต้นกอก, วิหารเก่า, สารภี, เชียงใหม่, มอเตอร์ไซค์, TRAVEL to San Tonkok Temple, Old Temple, Sarape, Chiang Mai, Motocycle
Citation preview
เที่ยววิหารเก่าเล่าสู่กันฟัง
ณัฐกร กองคำา
2
หลังจากที่ผมได้หาที่ที่จะท�าการศึกษาในเรื่องของโครงสร้างวิหารผมได้
ปรึกษาทั้งรุ่นพี่อาจารย์หลายๆท่านผมได้ค�าแนะน�าให้ไปดูที่วัดหนองควายแต่
พอผมได้เดินทางเข้าไปดูที่วัดหนองควายแล้วได้ท�าการสอบถามจากหลายๆท่าน
ที่อยู่ในละแวกวัดได้มีคนมาบอกว่ามีคนมาศึกษาแล้วมากมายท�าไมไม่ลองขับไปดู
แถวสารภีตัวผมนั้นก็ไปตามค�าบอกของคนที่แนะน�าผมไปผมได้ขับรถไปเรื่อยๆแถว
อ�าเภอสารภีได้ถามไถ่ชาวบ้านไปตลอดทางปรากฏว่ามีชาวบ้านคนหนึ่งได้บอกว่า
ที่สันต้นกอกมีอยู่วัดหนึ่งมันจะล่มละนะลองเข้าไปดูไหมพ่อหนุ่มผมก็ขับรถไปอีกไม่
ได้มีส่วนได้เสียอะไรไปเพื่อประสบการณ์และความรู้ทางระหว่างเข้าวัดเป็นป่าเป็น
สวนเงียบๆเย็นสบายมีหมู่บ้านสลับกับทุ่งนาสบายตาพอเดินทางเข้าไปถึงตัววัด
มองไปรอบๆบรรยากาศที่วัดดูเงียบๆสงบมีสุนัขเข้ามาล้อมอย่างน่าเอ็นดูถ้าท่านได้
มีโอกาสควรลองหาเวลาสร้างประสบการณ์แบบนี้บ้างออกไปแบบไม่มีจุดหมายแต่
ใช่จะไร้จุดหมายกลับมาสู่ประตูวัดผมเดินไปเที่ยวรอบๆตัววัดก่อนดูหลายๆอย่างใน
วัดไปเรื่อยๆหลายสิ่งปลูกสร้างในวัดดูใหม่
เที่ยววิหารเก่าเล่าสู่กันฟัง
3
ผมแทบจะไม่เห็นว่าวัดนี้จะเหลือของเก่าให้เราศึกษาแต่พอเดินไปด้านหลัง
ของตัววิหารกลับเห็นการค�้าผนังวิหารด้านหลังผมได้แต่แปลกใจพอเดินไปได้สักพัก
ก็ได้เห็นพระรูปหนึ่่งซึ่งท่านก็คือเจ้าอาวาสผมได้สอบถามข้อมูลกับเจ้าอาวาสอยู่ครู่
ใหญ่ก็ได้ทราบว่าวิหารที่มันค�้าอยู่ก็เพราะโดนภัยพิบัติทางธรรมชาติโดนแผ่นดิน
ไหวไปประมาณสองถึงสามครั้งเลยท�าให้ตัววิหารมีความทรุดโทรมลงมากจึงต้อง
ท�าการค�้ายันฝาผนังด้านหลังวิหารไว้เพื่อไม่ให้ตัววิหารนั้นพังลงมาและเจ้าอาวาสได้
พูดอีกว่า“ไม่อยากทุบวิหารนี้ทิ้งแล้วสร้างใหม่เพราะเสียดายโครงสร้างด้านในและ
งานศิลปกรรมที่ชาวบ้านในสมัยพ.ศ.2390ช่วยกันสร้างขึ้นมาแต่อย่างไรก็ตามทุก
สิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ต้านทานเวลาไม่ไหวสักวันหนึ่งวิหารหลังนี้ก็ต้องถูกสร้างขึ้น
ใหม่ไม่ช้าก็เร็ว”ถึงแม้ว่าวิหารหลังนี้จะมีความทรุดโทรมมากขึ้นทุกวันแต่ทว่าเราก็ยัง
สามารถที่จะอนุรักษ์ตัววิหารหลังนี้ไว้ให้คนรุ่นหลังได้เห็นถึงจะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลา
สั้นๆแต่ก็สามารถช่วยให้ความรู้ด้านโครงสร้างของวิหารล้านนาเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
4
วัดแห่งนี้ชื่อว่าวัดสันต้นกอกสิ่งที่จะมาน�าเสนอในครั้งนี้คือตัววิหารที่เป็นวิหารแบบ
เครื่องไม้โครงสร้างเป็นแบบเสาคานและผนังรับน�้าหนักโครงสร้างด้านบนเป็น
โครงสร้างในระบบที่เรียกกันว่า“ขื่อม้าต่างไหม”วิหารมีความกว้าง3ห้องยาว6
ห้องวิหารหลังนี้สร้างตามแนวแกนทิศตะวันออก-ตะวันตกโดยหันหน้าไปทางทิศ
ตะวันออกเป็นวิหารแบบปิดคือมีการสร้างผนังก่ออิฐถือปูนเดิมเป็นวิหารที่ไม่มี
หน้าต่างภายหลังได้เจาะหน้าต่างเป็นหน้าต่างเล็กๆไว้ทุกห้องแผนผังของตัววิหาร
เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีการยกเก็จออกจากด้านหน้า3ซด(เดิมมี2ซดแต่เนื่องด้วย
เหตุผลบางอย่างจึงมีการเพิ่มซดขึ้นอีกหนึ่ง)ด้านหลังออกมา1ซดชึ่งจะสัมพันธ์กับ
การลดชั้นของหลังคาที่มีการลดทางด้านหน้าลง4ชั้นด้านหลัง2ชั้นรวมถึงยังมีการ
ซ้อนผืนหลังคา2ชั้น(ตับ)อีกด้วยกระเบื้องหลังคาเป็นกระเบื้องดินเผาเคลือบสี
น�้าตาลคาดว่าน่าจะมาพร้อมกับการบูรณะครั้งล่าสุด
5
ตัววิหาร
ผนังวิหารก่อทึบรอบตัววิหารโดยแต่ละห้องของวิหารจะมีการเจาะเป็นช่อง
หน้าต่างเล็กไว้ห้องละ1บานและด้านหน้าก็มีการเจาะหน้าต่างทางช้ายและขวาของ
ประตูอีกข้างละ1บานด้านล่างตรงส่วนฐานมีการคาดบัวคว�่าบัวหงายไว้เป็นแนว
ยาวรอบวิหารซึ่งห่างจากพื้นประมาณ1เมตร
6
ส่วนของหลังคา
ช่อฟ้าเป็นช่อฟ้าไม้แกะเป็นของเดิมแต่มีการทาสีทองทับในการบูรณะครั้งล่าสุด
ป้านลมเป็นป้านลมที่สร้างด้วยไม้แกะสลักเป็น
รูปตัวพญานาคมีใบระกาและหางหงส์
ก็คล้ายแบบไทยภาคกลางเป็นรูปหัว
พญานาคมีการประดับกระจกจืน
หางหงส์เป็นเครื่องไม้ที่อยู่ส่วนปลายของป้านลม
สร้างเป็นรูปหัวพญานาค
7
เชิงชาย (แป้นน�้าย้อย) เป็นแผ่นไม่ยาวติดอยู่ด้านล่างของ
โครงสร้างหลังคาโดยมีการฉลุและแกะ
ไม้ด้วยลวดลายเมฆไหล
แผงแลเป็นขื่อระหว่างแปรับกลอนหลังคากับ
คอสองรับปีกนกด้านข้างด้วยแผ่นไม้ฉลุ
เพื่อรับแสงและแบ่งระดับเอียงระนาบ
หลังคาให้แยกกัน
หน้าแหนบ
เป็นส่วนที่ปิดโครงหลังคาจากด้านหน้าของวิหารซึ่งวิหารวัดสันต้นกอกนั้นได้ท�าการ
เพิ่มซดข้างหน้ามาอีก1ซดจึงท�าให้วิหารนี้มีหน้าบัน2อันซึ่งหน้าบันอันหน้าสุด
เป็นของใหม่ละมี่ได้สร้างแบบเดิมจะเป็นโครงสร้างแบบหน้าแหนบใหญ่บวกกับ
ปีกนกเลยไม่มีโก่งคิ้วส่วนหน้าบันอันเก่าด้านในเป็นโครงสร้างที่เลียนแบบตัวของ
โครงสร้างวิหารเป็นแบบขื่อม้าต่างไหมซึ่งจะมีโก่งคิ้วมารับกับตัวปีกนกและหน้าบัน
(แต่ปัจจุบันได้มีการเอาโก่งคิ้วออกไปแล้ว)
8
นาคทันต์
นาคทันต์หรือคันทวยของวิหารวัดสันต้นกอกเป็นการแกะสลักไม้โดยจะติดอยู่กับเสา
วิหารโดยสามารถแบ่งลายเป็นกลุ่มใหญ่ๆดังนี้
1.ลายพันธ์พฤกษา
2.ลายวานรประกอบลายพันธ์พฤกษา
3.ลายพญานาคประกอบลายพันธ์พฤกษา
นาคทันต์ที่พบที่วิหารวัดสันต้นกอกมีทังหมด16ตัวเป็นลายพันธ์พฤกษา4ลาย
ลายวานรประกอบลายพันธ์พฤกษา10ตัวลายพญานาคประกอบลายพันธ์พฤกษา
2ตัว
9
10
บานหน้าต่าง
หน้าต่างที่วิหารวัดสันต้นกอกมีทั้งหมด16บานด้านข้างมีฝั่งละ7บานด้านหน้า
ข้างประตูวิหารอีก2บาน
ลวดลายที่พบในบานหน้าต่างมี2ลายใหญ่คือ
1.ลายเทวดาพนมมือ
2.ลายพันธ์พฤกษา
ลายเทวดาพนมมือ12บาน
ลายพันธ์พฤกษา4บาน
11
ประตูวิหาร
เป็นประตูแบบมีไม้ขัดด้านหน้าเป็นตัวล็อคเปิดแบบดึงเข้าหาตัวลวดลายที่ประดับ
ถูกลบโดยใช้ยางลักมาทาทับจนปัจจุบันไม่มีให้เห็นแล้ว
12
เจดีย์
เจดีย์หลังวิหารเป็นเจดีย์ทรงพม่าประดับด้วยสัตว์หิมพานต์ต่างๆ
13
ต่อไปเราจะได้มาดูด้านในกันนะครับ
ระบบโครงสร้างวิหารขื่อม้าต่างไหม
หน้าแหนบภายในวิหาร
เป็นโครงสร้างเดียวกับตัวของหน้าบันเก่าเป็นแบบขื่อม้าต่างไหม
14
ดาวเพดาน
เป็นแผงสี่เหลี่ยมจัตุรัสอยู่เหนือพระประธานยึดติดกับขื่อหลวงประดับลายค�า
15
พระประธาน
ฐากชุกชี(แท่นแก้ว)เป็นฐานที่ประดิษฐานพระประธานโดยตั้งอยู่ในห้องวิหารห้องสุดท้ายการตกแต่ง
แท่นแก้วเป็นการประดับกระจกญี่ปุ่นคาดว่าท�าการเปลี่ยนในการบูรณะครั้งล่าสุด
16
เสาวิหาร
เสาวิหารทั้งหมดเป็นเสาไม้โดยมีเสาเหลี่ยมอยู่ทางด้านนอกทั้งสองด้านและมีเสา
กลมหรือเสาหลวงตั้งอยู่เป็นคู่อยู่ตอนกลางของวิหารคู่ห้าเสาคู่ด้านหน้าของวิหาร
เท่านั้นที่จะเป็นเสาแปดเหลี่ยมมีการประดับตกแต่งเป็นรูปบัวหัวเสาและประดับด้วย
ลายค�า
17
จากการที่ได้เก็บข้อมูลภาคสนามมางานศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมที่วิหารวัดสัน
ต้นกอกพบว่างานศิลปกรรมส่วนใหญ่ยังเป็นของเดิมอยู่แต่ก็มีบางส่วนที่ได้รับการ
บูรณะไปแล้วบ้างเนื่องจากที่วิหารหลังนี้ได้เกิดแผ่นดินไหวมาแล้วประมาณสองครั้ง
ท�าให้ตัวอาคารสถาปัตยกรรมและงานศิลปะกรรมหลายจุดได้รับความเสียหายและ
ณตอนนี้เองตัววิหารเองก็ทรุดโทรมเป็นอย่างมากเพราะช่วงหลังมานี้ขาดการดูแล
เพราะเนื่องจากด้านหลังของวิหารได้รับความเสียหายมากทางเจ้าอาวาสเองก็ไม่
อยากให้ชาวบ้านหรือประชาชนเข้าไปใช้เพราะอาจจะเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมาได้
ไม่อยากทุบวิหารนี้ทิ้งแล้วสร้างใหม่ เพราะเสียดายโครงสร้างด้านใน
และงานศิลปกรรมที่ชาวบ้านในสมัย พ.ศ. 2390 ช่วยกันสร้าง
ขึ้นมาแต่อย่างไรก็ตามทุกสิ่งทุกอย่าง
ล้วนแล้วแต่ต้านทานเวลาไม่ไหว
สักวันหนึ่งวิหารหลังนี้
ก็ต้องถูกสร้างขึ้นใหม่ไม่ช้าก็เร็ว
เที่ยววิหารเก่าเล่าสู่กันฟัง
ภาพและเนื้อเรื่อง © 2014 (พ.ศ. 2557) โดย ณัฐกร กองค�า, 540310110
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ
พิมพ์ครั้งแรก เดือนตุลาคม พ.ศ. 2557
จัดพิมพ์โดย ภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ออกแบบและจัดรูปเล่มโดย ณัฐกร กองค�า
โดยใช้ฟอนท์ TH SarabunPSK 16 pt.
หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานทางวิชาการจัดท�าขึ้นเพื่อส่งเสริม และต่อยอดศักยภาพการศึกษา
ภายในภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่