Upload
teerapon-chasan
View
220
Download
4
Embed Size (px)
DESCRIPTION
The decorative patterns used in Wat Pra Singh: deities, flowers, and imaginary animals, reflect the Buddhist ideology of the Thai northern community.
Citation preview
อลังการงานประดับ วัดพระสิงห์เชียงราย
ธีรพล จะสาร
4
วัดพระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงราย
วัดพระสิงห์ เชียงราย เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่
ที่ถนนสิงหไคล ต�าบลเวียง อ�าเภอเมือง จังหวัดเชียงราย สันนิษฐาน
กันว่าน่าจะสร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 1928 ในรัชสมัยของพระเจ้า
มหาพรหม พระอนุชาของพระเจ้ากือนา ซึ่งมาครองเมืองเชียงราย
ระหว่างพุทธศักราช 1888-1943 สาเหตุที่วัดนี้มีชื่อว่า “วัดพระ
สิงห์” นั้น น่าจะเป็นเพราะครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป
ส�าคัญคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย คือ พระพุทธสิหิงค์ หรือที่เรียก
กันในชื่อสามัญว่า “พระสิงห์” พระอุโบสถสร้างขึ้นราว พ.ศ. 2432 ถึง
พ.ศ. 2433 รูปทรงเป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนา สมัยเชียงแสน
โครงสร้างเดิมเป็นไม้เนื้อแข็งและได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ให้มีสภาพ
สมบูรณ์ ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2504 และครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2533 โดย
พระราชสิทธินายก เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน
ที่มา : http://www.chiangraifocus.com
55
ที่มา : โชติ กัลยาณมิตร
คติจักรวาล
คติจักรวาล ในพระพุทธศาสนาเป็นการอธิบายการมีอยู่ของ
ภพภูมิทั้งสาม ประกอบด้วย โลกสวรรค์ โลกมนุษย์และโลกนรก โดย
อธิบายว่าลักษณะของจักรวาลมีสัณฐานเป็นทรงกลม มีศูนย์กลาง
ของแต่ละจักรวาลคือเขาพระสุเมรุ ยอดของเขาพระสุเมรุเป็นสวรรค์
ชั้นดาวดึงห์เป็นวิมานของพระอินทร์ผู้ปกครองโลกสวรรค์ และประ
เป็นท่ีประดิษฐานพระเกศแก้วจุฬามณี โดยสวรรค์จะมีหลายชั้นไล่
ระดับตามสวรรค์ช้ันต่าง 16 ช้ันก่อนจะเป็นชั้นพรหมและชั้นนิพพาน
ที่หลุดออกจากการการเวียนว่ายตายเกิดแล้ว โดยเชิงเขาพระสุเมรุ
เป็นป่าหิมพานต์ รายล้อมเขาพระสุเมรุด้วยเขาสัตตบริภัณฑ์ทั้ง 7 ชั้น
แล้วคั่นด้วยมหาสมุทรสีทันดร ส่วนโลกมนุษย์นั้นจะอยู่ชั้นกลาง คือ
อาศัยอยู่ในทวีปท้ังสี่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ และโลกนรกจะอยู่ชั้น
ต�่าสุดลงมาจากภูมิของมนุษย ์
6
ลวดลายดอกพุดตาน พบบนโก่งคิ้ว เป็นภาพดอกพุดตานขนาดใหญ่ ประกอบไป
ด้วยกิ่ง และใบ เทคนิคที่ใช้คือแกะสลักฉลุไม้และปิดทอง
ลวดลายดอกโบตั๋น บนโก่งคิ้ว เป็นลวดลวยดอกโบตั๋น
77
วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงรายถือว่าเป็นวัดที่เก่าแก่และมีความ
ส�าคัญมากวัดหนึ่งในจังหวัดเชียงราย ทั้งงามงดงามของลวดลายประดับ
วิหารอย่างวิจิตรอลังการด้วยฝีมือช่างล้านนาที่ได้ผสมผสานลวดลาย
ประดับล้านนาเข้ากับรูปแบบของลวดลายไทยภาคกลาง ลายจีนและ
ตะวันตกได้อย่างลงตัวและงดงามอย่างยิ่ง เป็นสิ่งสะท้อนถึงแรงศรัทธา
ในพระพุทธศสานาของชาวล้านนาอย่างแรงกล้าตลอดจนฝีมือในเชิงช่าง
ภูมิปัญญาและความคิดสร้างสรรค์ของบรรพชนที่ได้สร้างานศิลปะอันทรง
คุณค่าให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษา
ลวดลายประดับวิหารวัดพระสิงห์เชียงราย แบ่งออกได้ 3 ประเภท
1.ลวดลายพันพฤกษา
2.ลวดลายสัตว์ป่าหิมพานต์
3.ลวดลายประเภทบุคคล
ลวดลายพันธุ์พฤกษา
เป็นลายที่นิยมใช้ประดับหน้าบันและโก่งคิ้วมากที่สุด สามารถ
แบ่งลวดลายพันธุ์พฤกษาได้ 2 ประเภท คือ ประเภทลวดลายดอกไม้
และใบไม้ ซึ่งลวดลายที่ปรากฏได้แก่ ลายดอกพุฒตาน ดอกโบตั๋น
ดอกบัว ดอกทานตะวัน ดอกจันทน์ เป็นต้น อีกประเภท คือลวดลาย
เครือเถาก้านขด ลายเถาเงาะหัวขอด ลายใบไม้ต่างๆ ลวดลายเครือเถา
ทั้งหมดจะแสดงออกถึงความเจริญงอกงาม และความอุดมสมบูรณ์อย่าง
ต่อเนื่อง
8
ลวดลายดอกพุดตานบนโก่งคิ้วหน้าบัน
ลวดลายดอกโบตั๋นบนโก่งคิ้วหน้าบัน
99
ลวดลายประเภทดอกไม้
ดอกพุดตาน และดอกโบตั๋น เป็นลวดลายที่รับมาจากอิทธิพลจีน
นิยมใช้ประดับศาสนสถานล้านนามานับแต่โบราณ มักพบลวดลายอยู่บน
หน้าบัน โก่งคิ้ว ปูนปั้นบนผนังอาคาร สันนิษฐานว่าน่าเป็นลวดลายที่เข้า
มาในล้านนาพร้อมกับลวดลายบนเครื่องถ้วยจีน
ลวดลายดอกโบตั๋น จากการค้นพบหลักฐานเครื่องถ้วยจีนในสมัย
ราชวงศ์หยวน - ราชวงศ์หมิง นิยมใช้เป็นลายประดับศาสนสถานมาก
ในสมัยพระเจ้าตโิลกราช เป็นต้นมา เป็นดอกไมท้ี่เป็นตวัแทนของความมั่งมี
ศรีสุข มีลาภยศยิ่งใหญ่ ความมั่งคั่ง ควมยุติธรรม โชคลาภและความร�่ารวย
10
ลวดลายพญานาคบนหูช้าง
พญานาคปากนกแก้ว บนป้านลม
1111
ลวดลายสัตว์ป่าหิมพานต์
มักจะน�ามาประดับตกแต่งตามองค์ประกอบทางสถาปัยกรรมของ
วิหาร สัตว์ป่าหิมพานต์ที่นิยมมากในล้านนาได้แก่
พญานาค
คือ งูหรือนาคเป็นสัญลักษณ์ส�าคัญร่วมกันของสังคมที่มีวัฒนธรรม
น�้า ดังนั้นงูหรือนาคจึงปรากฏอยู่ในศิลปะและคติความเชื่อของหลายๆ
ประเทศมาแต่โบราณกา นาคเป็นสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดม
สมบูรณ์ ความมีวาสนา และนาคยังเป็นสัญลักษณ์ของบันไดสายรุ้งสู่
จักรวาล พญานาคมีความเกี่ยวพันกับพุทธศาสนามาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล
แล้ว ตามพุทธประวัติถือเป็นผู้ปกป้องพระพุทธเจ้า ในทางศิลปกรรมนั้น
พบการสร้างนาคมาตั้งแต่ศิลปะอินเดียสมัยอมราวดีแล้ว ในล้านนามีการน�า
นาคมาใช้ในการประดับประดางานสถาปัตยกรรมอย่างมากมายในความ
หมายของ “นาคกลางหาว” คือนาคที่ท�าหน้าที่ให้ฝนให้ลมอันก่อให้เกิด
ความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นสิ่งส�าคัญที่สุดของการด�ารงชีวิต หรืออาจเป็น
นาคสวรรค์อันมีหน้าที่เผ้าประตูวิมานเทวดา สามารถ จ�าแนกประเภทได้
2 ประเภท คือ พญานาคปากนกแก้ว และพญานาคล้านนา
12
ลวดลายสิงห์ประดับหน้าวิหาร
ลวดลายสิงห์ บนหูช้างและหน้าบัน
1313
สิงห์ สิงห์เป็นสัตว์ในเทพนิยายที่มีพลังอ�านาจเหนือสัตว์ทั้ง
ปวง นั้นถูกน�ามาใช้ตกแต่งสถาปัตยกรรมที่ เกี่ยวข้องกับกษัตริย์
เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของพระราชา พลังอ�านาจ ดวงอาทิตย์
และความแข็งแกร่ง ซึ่งในทุกวัฒนธรรมล้วนแล้วแต่ใช้สิงห์เป็น
สัญลักษณ์ในเชิงนี้กันทั้งสิ้น ในสถาบันศาสนา “สิงห์” ถือว่า
มีบทบาทอย่างมาก ในพระพุทธศาสนา
ล้านนาเชื่อว่าสิงห์เป็นเครื่องหมายของพระพุธทศาสนา เพราะ
พระพุทธเจ้าเอยู่ในวงศ์ศากยะ และเป็นพาหนะของพระโพธิสัตย์
มัญชุลี ผู้เป็นเลิศทางปัญญา ขณะเดียวกันยังเป็นผู้ปกปักรักษา
สิ่งก่อสร้างทางศาสนา เพราะเป็นสัตว์วิเศษ มีพลังอ�านาจขับไล้
ภูตผรปีศาจ จึงนิยมว้รางรูปสิงห์ประดับไว้ตามประตูวิหาร
อย่างไรก็ตามประติมากรรมสิงห์หน้าวัดนักวิชาการเชื่อ
ว่าเป็นอิทธิพลเมื่อครั้งที่พม่าปกครองล้านนา โดยก�าหนดให้รับ
เอาวัฒนธรรมพม่ามาใช้ในล้านนา เช่นบังคับให้เจาะหู สักหมึก
และรวมถึงประติมากรรมรูปสิงห์ประดับหน้าวัดด้วย แต่จากการ
ศึกษาในภายหลังพบว่าล้วนแล้วเป็นศิลปะล้านนา ที่สร้างขึ้นใน
ยุคหลังที่ชาวไทใหญ่ ชาวไทลื้อ ที่มีวัฒนธรรมผสมผสานกับพม่า
และชาวพม่าที่ถูกกวาดต้อนมาอยู่ในล้านนาในยุค ฟื้นฟูล้านนา
และเป็นพ่อค้าท่ีเข้ามาท�าสัมปทานป่าไม้ในตอนต้นพุทธศตวรรษ
ที่ 25
14
ลวดลายหนุมานบนหูช้างลวดลายหนุมานและช้าง
15
15
ลายวานร หรือ หรมาน
หรมานเป็นพญาลิง เป็นลิงที่มีฤทธิ์มาก เป็นทหารเอก
และองครักษ์ที่รู้ใจของพรหมจักรทั้งยังเป็นตัวละครเอกในการ
ปราบพระยาวิโรหาซึ่งเป็นฝ่ายอธรรม ซึ่งชาดกเรื่องพรหมจักรนี้เป็น
วรรณกรรมชาดกนอกนิบาตรของล้านนาซึ่งมีเนื้อหาที่คล้ายคลึงกับ
รามเกียรติ์ในภาคกลาง โดยครั้งหนึ่งในสมัยพุทธกาล ในกาลของ
พระธัมมทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโพธิสัตย์เสวยพระชาติเป็น
พระยาสิริราช ในครั้งนั้นพระยาสิริราชพร้อมด้วยมเหสีและบริวารได้
ท�าบุญสร้างวิหารถวายอัฐบริขารต่างๆแด่ พระธัมมทัสสีสัมมาสัมพุทธ
เจ้า และพระภิกษุทั้งหลายขณะกรวดน้�าพระองค์ได้อธิฐานว่า ขอเป็น
พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในโลก และขออย่าได้พลัดพรากจากบริวาล
ทั้งหลาย บัดนั้นพระธัมมทัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้ตรัสท�านาย
พระยาสิริราชท่ามกลางที่ประชุมสงฆ์ว่า จะได้เป็นพระพุทธเจ้า
พระนามว่า โคตรมะ หลังจากนั้นพระองค์จึงได้ท�าบุญมิได้ขาด
เมื่อสิ้นพระชนจึงได้ไปเกิดในสวรรค์ตามบารมีของตน ครั้งจุติจาก
สวรรค์พระโพธิสัตย์ทรงปฏิสนธิเสวยพระชาติเป็นพรหมจักร
16
ลวดลายนกยูงและกระต่าย สัญลักษณ์แทน พระอาทิตย์และพระจันทร์
ลวดลายนกยูงและกระต่าย ประดับด้านหลังพระประธานในวิหาร
1717
ภาพพระอาทิตย์กับพระจันทร์
ใช้สัญลักษณ์เป็นรูปนกยูงกับกระต่าย โดยนกยูงเป็นสัญลักษณ์
แทนพระอาทิตย์ท่ีส่องแสงสว่างในเวลากลางวันและกระต่ายแทน
พระจันทร์แสงสว่างในเวลากลางคืน ตามคติจักรวาลที่มีพระอาทิตย์และ
พระจันทร์โคจรรอบเขาพระสุเมรุ สัญลักษณ์ทั้งสองนี้จะพบที่ด้านหลังพระ
ประธานโดยวางพระอาทิตย์ไว้ด้านขวาพระจันทร์อยู่ทางด้านซ้าย เป็น
สัญลักษณ์ที่แสดงถึงจักรวาล นอกจากนี้ยังมีความหมายเชิงนัยยะในด้าน
ความเชื่อพลังคู่ตรงข้ามและเพศสภาวะ เนื่องจากพระอาทิตย์เป็นพลังแห่ง
แสงสว่างในยามกลางวันเปรียบเสมือนเพศชายที่แข็งแรง ส่วนพระจันทร์
ส่องแสงในยามกลางคืนจึงเปรียบเสมือนเพศหญิงที่มีความนุ่มนวล
อ่อนหวาน ลึกลับอันเป็นพลังแห่งความมืด ทั้งสองเป็นคู่ตรงข้ามแต่ขาด
จากกันไม่ได้ ถ้าขาดสิ่งไดสิ่งหนึ่งไปก็จะไม่สมบูรณ์ และไม่มีความหมาย
เพราะมีกลางวันจึงมีกลางคืน เพราะสิ่งหนึ่งจะคงอยู่ได้ย่อมมีสิ่งหนึ่งที่อยู่
ตรงข้ามมาเปรียบเทียบด้วยเสมอ เป็นธรรมดาของจักรวาล
18
งานไม้แกะรูปกินนร ร่ายร�า
บนโก่งคิ้วหน้าวิหาร
งานไม้แกะรูปกินรี ร่ายร�า
บนโก่งคิ้วหน้าวิหาร
1919
ลวดลายประเภทบุคคล
กินรี
กินนร กินรี ในความรู้สึกของคนไทย คือ สัตว์ที่มาจากดินแดน
สวรรค์ ดินแดนแห่งจินตนาการ และเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ กินนรที่พบ
ในวรรณคดีไทยมันถูกกล่าวถึงในแง่ของความงามเสมอ ขณะที่ในงาน
ศิลปกรรมนั้น กินนรจะถูกสร้างขึ้นในความหมายที่เป็นศิริมงคลมากกว่า
อย่างอื่น เราจึงพบรูปกินนรที่เป็นงานจิตรกรรม เขียนอยู่บนจิตรกรรม
ฝาผนังบ้าง สมุดข่อยบ้าง ส่วนในงานประติมากรรมพบว่านิยมปั้นไว้
ส�าหรับประดับสถานที่ส�าคัญๆ เช่นเดียวกัน อาทิ ศาสนสถาน หรือ
พระบรมหราชวัง
20
2121
ในทางด้านความเชื่อ ลวดลายเทพที่ปรากฏเป็นอิทธิพลจากภาค
กลาง สะท้อนให้เห็นความเชื่อด้านที่ปกปักคุ้มครองศาสนสถาน เคารพบูชา
พระประธานในวิหาร นอกจากนี้ลวดลายประดับที่ช่างได้สร้างสรรค์ไว้บน
ศาสนถานนั้น เกิดจากความเชื่อทางศาสนาเรื่องคติจักรวาล อันเป็นความ
เชื่อเกี่ยวโลกและดาราศาสตร์ของชาวพุทธในอดีตประกอบไปด้วยสวรรค์
โลกมนุษย์ และนรก โดยดินแดนสวรรค์นั้นมียอดเขาพระสุเมรุเป็นแกนกลาง
ของจักรวาล อันมีสวรรค์ชั้นต่างๆตามล�าดับมีเหล่าเทพยดาสถิตอยู่ตามผล
บุญที่ได้กระท�าเมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ ความเชื่อเหล่านี้มีส่วนช่วยกระตุ้น
และน้อมน�าจิตใจของพุทธศาสนิกชนในการปฏิบัติชอบตามค�าสอนขององค์
พระสัมมาสัมมาพุทธเจ้า และยังเป็นแรงบันดาลใจให้ช่างได้สร้างสรรค์
งานพุทธศิลป์จากการตีความตามหลักธรรมค�าสอนในพระพุทธศาสนาผ่าน
งานศิลปกรรม ออกมาในเชิงสัญลักษณ์และลวดลายต่างๆมากมาย ทั้งยัง
สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญาในเชิงช่างของชาวล้านนา รสนิยมในศิลปะ
อุดมคติทางความงาม ตลอดจนบริบททางสังคมในยุคนั้นๆที่ได้สะท้อน
ออกมาจากงานศิลปะ ลวดลายเหล่านี้ต่างๆที่ประดับบนศาสนสถานนั้นเพื่อ
แสดงถึงคติความเชื่อเกี่ยวกับสรวงสวรรค์ ในพระพุทธศาสนา ความคิดใน
การคุ้มครองศาสนสถาน ความอุดมสมบูรณ์ แสดงถึงการเฉลิมพระเกียรติ
ของพระมหากษัตรย์ หรือการอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษ ตลอดจน
แนวคิดถึงสิ่งอันเป็นมงคล และการประสาทพรแก่ผู้ที่เข้ามาในศาสนสถาน
อลังการงานประดับ วิหารวัดพระสิงห์เชียงราย
© 2015 (พ.ศ. 2558) โดย ธีรพล จะสาร
สงวนลิขสิทธิ์
พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ตุลาคม พ.ศ. 2558
จัดพิมพ์โดย ภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เรียบเรียงและออกแบบโดย ธีรพล จะสาร
ออกแบบโดยใช้ฟอนท์ TH SarabunPSK 16 pt
หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน
เพื่อส่งเสริม และต่อยอดศักยภาพการศึกษา
ภายในภาควิชาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่