21
CarVariety Tip & Technique นักบุญในมาด EV จอดงาย จอดสบาย จากอดีตจนปจจุบัน Renault Popemobile • ระบบสองสวาง Advanced Parking Guidance System 2013 Toyota Avalon สวย..สะกดทุกสายตา • ทองนครโบราณ "นครวัด" • สิ้นสุดการรอคอย iPhone 5 ที่มาพรอมกับความยาววิ LifeStyle OCTOBER ISSUE 9

e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

Embed Size (px)

DESCRIPTION

e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

Citation preview

Page 1: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

CarVariety

Tip�&�Technique นักบุญในมาด EV

จอดงาย จอดสบาย

จากอดีตจนปจจุบัน

• Renault Popemobile

• ระบบสองสวาง

• Advanced Parking Guidance System

• 2013 Toyota Avalon สวย..สะกดทุกสายตา

• ทองนครโบราณ "นครวัด"

• สิ้นสุดการรอคอย iPhone 5 ที่มาพรอมกับความยาววิ

LifeStyle

OCTOBER ISSUE 9

Page 2: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

“ถ้าพูดถึงรถยนต์ซีดานหรูที่โดดเด่นที่สุดในงานNewYorkAutoShow2012ก็คงต้องเป็นซีดานตัวเด่นประจำาค่ายToyotaAvalonโฉม2013มาSoftLunchให้บรรดาแฟนๆน้ำาลายหกกันเล่นๆ”

..........

CarVariety2013 Toyota Avalonสวย..สะกดทุกสายตา

1

Page 3: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

รุ่นเก่ายังไม่เครื่องยังไม่ทันหายร้อน Toyotaก็ได้ออกโฉม2013กันมาแล้วแต่มาในคราวนี้ได้ปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้เป็นระบบ Full Hybrid เหมาะสมกับสถานการณ์น้ำามันโลก อีกทั้งยังมีอัตราการประหยัดที่ซีดานหลายๆค่ายทำาไม่ได้ การออกแบบภายนอกนั้นต้องบอกว่าได้ทำาให้สัดส่วนเข้าที่เข้าทางกว่ารุ่น 2012 พร้อมตกแต่งรายละเอียดต่างๆให้สมกับเป็นซีดานท่ีเน้นอารมณ์สปอร์ตไปในตัว ด้วยไฟหน้าทรงเฉี่ยว ที่สอดรับกับกระจังหน้าและช่องดักอากาศขนาดยักษ์ และเส้นสายด้านหน้าและสปอร์ทไลท์ฝังอยู่ในโครเมี่ยมที่เงางามดูทันสมัย

ด้านหลังจะเห็นระบบท่อไอเสียเป็นแบบสแตนเลสคู่ บวกกับล้ออัลลอยด์ 5 ก้าน ขอบ17 นิ้ว และ 18 นิ้ว มีการออกแบบและเชื่อมต่อโครงสร้างแบบใหม่ รวมถึงการใช้เหล็กที่มีความแข็งแรงสูงกว่าเดิม ระบบกันสะเทือนแบบอิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมชุดสปริงที่แข็งแรงขึ้นและมี Anti-Roll Bar ที่ขนาดใหญ่กว่าเดิมทั้งหมดทั้งปวงนี้ออกแบบโดยทีม Calty DesignResearch ทีมออกแบบของโตโยต้าที่มีฐานอยู่ในแคลิฟอเนีย

2

Page 4: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

ภายในดีไซน์มาได้โดนใจจริงๆ ครับ ด้วยแผงควบคุมถูกจัดวางได้อย่างเป็นระบบระเบียบ โดยสวิทช์ทั้งหลายอยู่ในรัศมีการใช้งานที่ง่ายต่อการควบคุม ทั้งนี้ เรือนไมล์จะบอกทั้งในแบบดิจิตอลและอนาล็อก โดยออกแบบให้กลมกลืนเป็นชุดเดียวกับช่องระบบปรับอากาศอยู่ในกรอบโครเมี่ยม พวงมาลัยเพาเวอร์ทรงซิ่ง 3 ก้านพร้อมด้วยปุ่มควบคุมแบบ Multi Function พร้อมหุ้ม dashboardด้วยหนังที่ทำาให้ดูเท่ห์ได้อีก ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ขนาด V6 กับความจุ 3.5 ลิตรDOHC ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 speed โดยทั้ง 6 สูบนั้นสามารถรีดกำาลังได้ถึง268แรงม้าส่วน248คือตัวเลขของแรงบิดโดยสามารถพารถที่หนักราว1,570กิโลวิ่งไปด้วยความเร็ว0-100ได้ภายใน 7 วินาที โดยผนวกกับระบบHSDก็สามารถลดอัตราสิ้นเปลืองได้ที่40MPG

“นั่นเป็นเพียงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆนะครับสำาหรับToyotaAvalon2013คันนี้โดยในทางงานยังอุบเรื่องราคาขายไว้ก่อนโดยระบุว่าจะ

ออกจำาหน่ายจริงๆช่วงปลายปีครับ”

3

Page 5: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

4

Page 6: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

“ถ้าพูดกันถึงรถประจำาตำาแหน่งแล้วเพื่อนๆคงนึกถึงรถซีดานหรูของเหล่าผู้บริหารหรือผู้นำาประเทศแต่รถประจำาตำาแหน่งที่นายทีจะพาไปรู้จักวันนี้เป็นรถประจำาตำาแหน่งท่ีศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลก นั่นก็คือรถประจำาตำาแหน่งของสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่16ที่ใช้บริการของRenaultมาดัดแปลงให้เป็นPopemobileในสไตล์EVนั่นเอง”

..........

CarVarietyRenault PopemobileนักบุญในมาดEV

5

Page 7: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

จริงๆทางวาติกันไม่ได้ใช้บริการหรอกครับแต่Renaultเป็นผู้บริจาคRenaultKangooVanMaxiให้พร้อมกับตกแต่งภายนอกภายในเสียใหม่หมด เพื่อที่จะใช้เป็นรถสำาหรับเสด็จไปตามที่ต่างๆ

และในปี 2012 Popemobile จึงเข้าสู่ยุคของEV โดยKangooVanMaxiที่เดิมทีเป็นรถแวน1ที่นั่งโดยเน้นบรรทุกสัมภาระ แต่เหตุกระนั้นเอง ทางค่ายจึงนำามาดัดแปลงตกแต่งให้นั่งสบาย พร้อมอุปกรณ์อำานวยความสะดวกสำาหรับผู้สูงอายุ โดยว่ากันเรื่องภายนอกที่ความยาว 4.2 เมตร นั่นทำาให้สามารถเพิ่มเบาะแบบนั่งสบายๆได้อีก 3 ที่ รวมทั้งเจาะเป็น moonroof ขนาดยักษ์ และอีกหนึ่งสาเหตุที่ใช้ Kangoo ในการทำารถเสด็จของโป๊ปก็คือตัวบานประตูที่มีขนาดใหญ่และเหมาะสำาหรับใส่ช่องกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นเพื่อ โดยเรื่องของกำาลังการขับเคลื่อนนั้น Pop-emobileคันนี้เป็นZeroEmission ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด44kWหรือราว60แรงม้าจัดการพลังงานด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 22 kWh ที่ฝังตัวอยู่กลางคันรถ ซึ่งสามารถขับได้ไกลราว 170กิโลเมตรใช้เวลาชาร์จเต็มประมาณ6-8ชั่วโมงจึงจะวิ่งได้อีกครั้ง

และที่จริงแล้ว Renault Popemobile คันนี้ก็ไม่ใช่ Popemobile คันแรกเหมือนกัน เพราะรถประจำาตำาแหน่งพระสันตะปาปานั้นมีมาตั้งแต่ปี 1978 ซึ่งรถคันแรกที่ได้เกียรตินั้นก็คือ SEAT Pandaสีขาว (รถPopemobile ทุกคันจะใช้สีขาว)ซึ่งอยู่ในยุคของพระสันตะปาปาจอห์นปอลที่2นั่นเองครับ

“ถ้าใครประสงค์จะใช้Kangooมาดัดแปลงเป็นรถเอนกประสงค์ต่างๆก็สามารถ

จับจองได้นะครับที่ราคาราว15,000ยูโรส่วนเวอร์ชั่น2ที่นั่งจะอยู่ที่16,000ยูโรส่วนแบบ5ที่นั่งอยู่ที่17,000ยูโรครับ”

6

Page 8: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

“ต่อจากในคอลัมน์ที่แล้วกับระบบช่วยจอดท่ีทำาให้การถอยรถยนต์เข้าซองเป็นเรื่องง่ายเรามาดูกันต่อครับว่าเทคโนโลยีดีๆเหล่านี้นั้นมีความอัจฉริยะแค่ไหน”

..........

Tip & Technique

Advanced Parking Guidance Systemจอดง่ายจอดสบาย

7

Page 9: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

ซึ่งสามารถมองเห็นท้ายรถขณะถอย เป็นอุปกรณ์ที่มือใหม่ชอบมาก เนื่องจากเซ็นเซอร์เสียงเพียงอย่างเดียวอาจจะทำางานผิดพลาดได้ ในบางสถานการณ์ที่ระบบไม่สามารถตรวจจับได้เช่นหลุมบ่อหรือท่อที่ไม่มีฝาปิดอยู่การมองเห็นด้วยตัวเองดูท่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยอุปกรณ์ชุดนี้จะค่อนข้างใหญ่ เพราะต้องมีกล้องติดอยู่ที่ท้ายรถ (ตอนสอบใบขับขี่ห้ามใช้นะครับ) จอ LCD เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลังระบบจะSyncกล้องกับจอให้แบบอัตโนมัติทำาให้สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้ง่ายๆ ส่วนมากผู้ผลิตจะไม่ได้ทำาระบบมาแค่นั้นแต่จะใส่ลูกเล่นต่างๆ เช่น ในจอภาพจะมีเส้นบอกระยะที่สามารถกะได้ว่าที่ที่จะเข้าจอดนั้นพอกับตัวรถหรือไม่ บางรุ่นสามารถกะระยะที่พวงมาลัยได้พอหมุนพวงมาลัยเส้นแนวก็จะโค้งตามทำาให้ผู้ขับกะได้ว่าล้อจะไปอยู่ตำาแหน่งไหนในภาพ ก็จะทำาให้การจอดรถเป็นเรื่องง่ายอีกแยะ

แบบใช้จอภาพ

8

Page 10: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

ถ้าหากระบบอื่นๆไม่สามารถช่วยให้จอดรถได้โดยง่ายเพราะติดปัญหาที่ยากที่สุดคือ การควบคุมพวงมาลัยนั่นเองมาลองดูระบบนี้กันดีกว่า ระบบถอยจอดให้เองครับ เป็นการพัฒนาการต่อยอดมาจากระบบคำานวณที่จอดโดยใช้คลื่นเสียงอัลตราโซนิค (เหมือนกับที่กล่าวมาในคอลัมน์ที่แล้ว) แต่หลังจากรถรับรู้แล้วว่าพื้นที่สามารถจอดได้ มันก็จะช่วยหมุนพวงมาลัยให้โดยอัตโนมัติ และขับรถผ่านช่องว่างที่เห็น แล้วก็จอดเข้าเกียร์ถอยหลังจากนั้นก็ปล่อยให้รถไหลเข้าไปจอดเองซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีรายละเอียดที่ไม่เหมือนกัน เช่น เร่งอัตโนมัติเบรกอัตโนมัติ โดยระบบจะหยุดการทำางานทันทีที่มีการหมุนพวงมาลัยหรือเมื่อรถเคลื่อนที่เร็วไป เมื่อรถถอยจนเข้าที่แล้วเปลี่ยนเป็นเกียร์เดินหน้า พวงมาลัยก็จะหมุนเองอีกเล็กน้อยเป็นอันเสร็จสิ้นระบบนี้

แบบจอดอัตโนมัติ(Self-ParkingSystems)

“ซึ่งจะเห็นได้ว่ายิ่งนับวันเทคโนโลยีเหล่านี้ยิ่งใกล้หนังไซ-ไฟเข้าไปทุกทีซึ่งนายทีคิดว่าอีกไม่นานเทคโนโลยีอัจฉริยะเหล่านี้จะแพร่หลาย

และจะทำาให้มีต้นทุนที่ถูกลงนั่นหมายความว่าอีกไม่กี่อึดใจก็คงจะเป็นหนึ่งในออปชั่นเสริมให้กับรถหลายๆรุ่นแน่ครับ”

โดยในช่องใส่จอภาพหรือมอนิเตอร์นี้ จะต้องเป็นแบบ 2DIN ซึ่งจะได้จอภาพอยู่ที่ขนาดตั้งแต่ 4.8-7 นิ้ว ซึ่งปัจจุบันในที่ล้ำากว่านั้นก็คือบางรุ่นไม่ใช้จอ LCDติดตรงวิทยุแล้ว แต่จะใช้เป็นกระจกมองหลังไฮเทคที่ออกแบบมาเป็นจอLCDได้อีกด้วยเพิ่มความหรูหราแถมยังสะดวกไม่ต้องลดระดับสายตาลงมาอีกด้วย

9

Page 11: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

10

Page 12: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

“Headlight หรือ Headlamp เป็นที่รู้จักกันมานานแสนนานตั้งแต่รถยนต์คันแรกเกิดขึ้น เพราะไฟหน้ารถถือเป็นเหมือนดวงตาท่ีจะทำาให้ผู้ขับขี่ได้มองเห็นถนนหนทางในยามค่ำาคืน แต่กว่าจะออกมาเป็นไฟหลากหลายรูปแบบนั้น ก็ต้องผ่านการทดลองเป็นพันๆครั้งกว่าจะได้ระบบส่องสว่างดีๆ ให้เราใช้กัน เอาล่ะครับวันนี้นายทีจะพาไปดูวิวัฒนาการของระบบส่องสว่างหน้ารถในแบบต่างๆ กัน”..........

ระบบส่องสว่างจากอดีตจนปัจจุบัน

Tip & Technique

11

Page 13: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

มีต้นกำาเนิดมาตั้งแต่ยุค 1880 โดยเริ่มจากจุดสังเกตของจานทรงโค้งแบบ Parabolic และหลอดไส้ โดยในรถยนต์รุ่นแรกๆ ที่ใช้นั้นจะเปลี่ยนหลอดไม่ได้ (Sealed beam) แต่ก็ได้พัฒนาเรื่อยมาจนสามารถเปลี่ยนหลอดได้ โดยข้อดีคือหลอดขาดก็ไม่ต้องเปลี่ยนทั้งโคม โดยจะใช้ไฟต่ำา ไฟสูงในโคมเดียวกันหรือแยกก็ได้ ซึ่งปัจจุบันไฟหน้าแบบดั้งเดิมนี้ก็ยังเป็นไฟหน้าที่นิยมใช้กันมากที่สุดทั่วโลก

และในปี 1962 European consortium of bulb and headlamp makers ก็ได้คิดค้นหลอดไฟฮาโลเจน ไฟหน้าที่ใช้หลอดแบบมีไส้ที่มีความพิเศษอยู่ก็คือ เมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าไปจนไส้หลอดก็จะเกิดการเปล่งแสงผ่านก๊าชฮาโลเจนที่บรรจุอยู่ภายใน ทำาให้เกิดความสว่าง รองรับด้วยจานฉายสะท้อนยิงแสงผ่านหน้าเลนส์ และฮาโลเจนนี้เองใช้ได้ทั้งไฟต่ำาและไฟสูงเพราะมีการตอบสนองค่อนข้างไว ลำาแสงที่ปล่อยออกมามีสีอมเหลืองอ่อน และแบ่งการใช้งานได้อีกตามลักษณะของขนาดฐานรูปตัวโคม จำานวนไส้ และ ระดับความสว่างที่เราเห็นเป็นแบบ H1, H2, H3, H4

ก็ได้แจ้งเกิดครั้งแรกในรถคอนเซปต์ของค่าย AUDI (1981) ภายนอกดูแปลกใหม่ล้ำายุค โดยต่อมาถูกพัฒนาให้มีลำาแสงพุ่งตรงเป็นลำา ไม่ฟุ้งกระจายเหมือนไฟแบบอื่น โดยติดตั้งครั้งแรกใน BME Series 1986 ซึ่งในยุคนั้นถือว่าเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถเพื่อการจำาหน่ายจริงเป็นครั้งแรก แต่ไฟ Projector ก็ยังติดปัญหาเรื่องของไส้จาก Halogen ที่ยังให้แสงไม่สว่างพอที่จะตัดตรงไปได้ในระยะไกล แม้จะเพิ่มวัตต์ให้สูงขึ้นก็ตามแต่กลับกลายเป็นการเพิ่มความร้อนให้สูงข้ึน พวกจานฉายหลอดตลอดจนหน้าเลนส์ที่บางค่ายใช้ลาสติคจึงหมองเสื่อมสภาพไปไวกว่าสมควร จุดนี้โปรเจคเตอร์จึงพัฒนามาเป็นไฟแบบ Xenon นั่นเอง

ไฟแบบจานสะท้อน (Multi-Reflector)

ไฟหน้าฮาโลเจน (Halogen Headlamp)

Projector

“นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของวิวัฒนาการไฟหน้านะครับ ยังมีหลอดไฟอีกหลายประเภท รวมทั้งรายละเอียดยิบย่อยอีกเพียบทั้ง LED, HID ฯลฯและอื่นๆ ที่นายทีจะมาแนะนำาให้เพื่อนๆ ได้รู้จัก

กันในครั้งหน้า อย่าลืมติดตามนะครับ”

12

Page 14: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

“สิ้นสุดการลอยคอรอคอยจริงๆค่ะ กับสมาร์ทโฟนเปลี่ยนโลก iPhone 5 ของ Apple ที่อยู่ภายใต้บังเหียนของ Tim Cook รายละเอียดเสป็คจะเป็นอย่างไร ไปดูกันค่ะ”..........

สิ้นสุดการรอคอย iPhone 5ที่มาพร้อมกับความยาวว

LifeStyleGadget

13

Page 15: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

14

แม้ว่าจะได้รับการวิพากษ์ต่างๆ นาๆ ว่าหลังจาการจากไปของจ๊อบส์ จะเป็นช่วงขาลงของ Apple แต่นั่นก็ไม่ได้ทำาให้ทีมงานหยุดในการพัฒนาสมาร์ทโฟนที่มีคู่แข่งรอเชือดอยู่ตลอดเวลา ทำาให้การตีโจทย์ที่จะทำาให้หน้าจอใหญ่ขึ้นนั้นยาก ตรงที่จ็อบส์ได้เคยบอกว่าจะไม่เพิ่มความกว้างให้มากกว่านี้ เพราะหากกว้างกว่านี้มันไม่สามารถจับถือได้ด้วยมือเดียว Apple ก็เลยเคาะกันว่าจะเพิ่มความยาวให้กับ iPhone 5 ซึ่งนั่นก็หมายความว่ามันจะต้องผิดสัดส่วนแน่นอน การแหกกฎครั้งนี้ไม่ใช่แค่การแหกกฎของจ๊อบส์อย่างเดียว แต่เป็นการแหกกฎ Golden Ratio หรืออัตราส่วนทองคำา ที่ว่าด้วยความสวยงามของทุกสรรพสิ่งในโลกนั้นจะมีค่าที่ 1.618 เสมอ ว่ากันตั้งแต่มหาวิหารพาร์ธีนอน ใบหน้าโมนาลิซ่า โทรทัศน์ LCD และรวมถึง iPhone ทุกรุ่นที่ออกแบบโดยจ๊อบส์

แต่อย่าลืมว่าถ้าไม่คิดว่าเจ๋งจริง Apple คงไม่กล้าทำา เพราะการขยายหน้าจอให้ยาวขึ้นจนมีขนาด 4 นิ้วนั้นเป็นผลดีต่อการอัพเกรดจอ Retina Display ความละเอียดขนาด 1136x640 pixel ที่ทำาอัตราส่วนได้ที่ 16:9 อีกทั้งแอพเปิ้ลยังบอกว่ามันพร้อมให้สีสันที่สดใสขึ้นถึง 44% แต่ตัวเครื่องบางลงอยู่ที่ 7.6 มม. ส่งผลให้น้ำาหนักรวมอยู่ที่ 112 กรัมเท่านั้น มาพร้อมกับพอร์ทใหม่ถอดด้าม Lighting Connector ที่เล็กกว่า เท่ห์กว่า ชาร์จได้เร็วกว่า

Page 16: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

มาดูที่กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล iSight ค่า f/2.4 เเละเลนส์ 5 ชิ้นเเบบ BSI ขนาดเล็กลงกว่ารุ่นที่เเล้ว 25% ถ่ายรูปได้เร็วขึ้น 40% ลด Noise เเละถ่ายรูปในที่เเสงน้อยได้ดีกว่าเดิม (ใช้ชิป Apple A6 ช่วยเพราะทำาหน้าที่เป็น Image Signal Processing) หน่วยประมวลผลใหม่ล่าสุดกับ A6 Chip มาพร้อมกับความเร็วกว่า A5 ถึง 2 เท่าและยังแจ่มแจ๋วในการแสดงผลกราฟฟิคต่างๆนาๆโดยไร้ที่ติ รองรับ 4G LTE , HSPA+,DC-SHDPA 802.11 a/b/g/n wifi กับแบตเตอรี่ที่อึดขึ้นโดยใช้ LTE ได้นานถึง 8 ชั่วโมง คุยติดต่อกันจนหูไหม้ได้ 8 ชั่วโมง และแสดงผลวีดีโอได้ที่ 10 ชั่วโมง

“ดูเสป็คตามประสาผู้ที่ยังไม่เคยได้จับแล้ว ชาวเราก็คงคิดกับเพื่อนๆ ว่ายังไม่ถึงกับ ร้องว้าว แต่ว่ากันว่าลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆของ iPhone 5 ยังตามมาอีกเพียบ จะเป็นอย่างไรนั้นอาจจะต้องรอรีวิวจากหลายๆแหล่งข่าวหลังวันวาง

จำาหน่ายวันแรก 21 กันยานี้ค่ะ”

15

Page 17: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

16

Page 18: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

“แม้การจัดอันดับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคใหม่นี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยแต่เม่ือพูดถึงส่ิงมหัศจรรย์ของโลกแห่งหน่ึงท่ีเป็นท่ียอมรับกันทั่วโลกและยังเป็นเป้าหมายการเดินทางของชาว BackPack นั่นก็คือ ”นครวัด” ซึ่งอยู่ในจังหวัดเสียมเรียบประเทศกัมพูชาห่างจากชายแดนไทยประมาณ150กิโลเมตรทั้งใกล้และไปง่ายขนาดนี้แล้วทำาไมเราจะพลาดการเดินทางครั้งนี้ซะหละคะ!!”..........

ท่องนครโบราณ“นครวัด”

LifeStyleRoadTrip

17

Page 19: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

นครวัดถือเป็นเป้าหมายของการเดินทางที่นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยสามารถเดินทางได้ท้ังเคร่ืองบินและรถยนต์ส่วนตัวแต่การเดินทางครั้งนี้เราจะไปด้วยรถยนต์กันค่ะ แต่ก่อนจะว่าไปถึงการเดินทางเรามาว่ากันถึงการเตรียมตัวกันซะก่อนว่าการที่เราจะขับรถข้ามไปนั้นจะเตรียมอะไรบ้าง ก็ต้องมีใบขับขี่สากลที่มีภาษาอังกฤษอยู่ในบัตรด้วย ต่อมาก็ต้องนำารถคันเก่งของเราที่จะเดินทางไปๆทำาพาสสปอร์ตเสียด้วย และหลังจากนั้นเราก็จะได้ทะเบียนรถที่เป็นสติ๊กเกอร์และสัญลักษณ์ตัวTมาแปะพร้อมเอกสารขับผ่านแดนค่ะ เมื่อเอกสารพร้อมอะไรพร้อม ก็บึ่งออกจากกรุงเทพด้วยถนนหมาย 304 หรือเอาง่ายๆ ก็คือทางไปจังหวัดฉะเชิงเทราแล้วเพื่อมุ่งหน้าต่อไปจังหวัดสระแก้ว 18

Page 20: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

เวลาเดินทางจากกรุงเทพ-สระแก้วใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง(ตามน้ำาหนักเท้า) การเดินทางครั้งนี้ชาวเราจะใช้เวลารวม 3 วัน 2คืน ถือว่ามีเวลาไม่มากแต่รับรองว่าเต็มอิ่ม ล้อหมุนช่วง 6 โมงเช้าและถึงด่านประมาณ 9 โมง แวะกินข้าวเช้าแถวตลาดโรงเกลือหลังจากนั้นก็เตรียมเข้าด่าน ที่ด่านนี้จะใช้เวลาค่อนข้างนานสักหน่อยอย่างเร็วก็40นาทีเมื่อผ่านด่านคลองลึกไปก็จะเจอคาสิโนเรียงอยู่เป็นแถวเลย อ้อลืมบอกไปว่าถนนที่จะเดินทางไปเสียมเรียบเมื่อก่อนนี้ใช้เวลาเดินทางกันประมาณ 6-8 ชม.เลย เพราะทางแย่มากๆแต่ปัจจุบันนั้นสามารถเดินทางด้วยรถส่วนตัวแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้นและ 3-4 ชั่วโมงสำาหรับรถบัสที่มีบริการเมื่อเราผ่าน immigration boarder ของกัมพูชาเข้าไปแล้วจากนั้นการขับรถจากด่านคลองลึกไปที่เสียมเรียบนั้นขับไปไม่ ยากค่ะ เพราะตรงอย่างเดียวจะมีอยู่วงเวียนเดียวที่ต้องสังเกตุป้ายสักหน่อย ถ้าเจอวงเวียนนี้นั่นก็หมายถึงคุณเดินทางมาเกินครึ่งทางแล้วล่ะ ตลอดเส้นทางก็จะมีบ้านเรือนสลับกับทุ่งนาและก็สลับกับหลุมบ้างฮ่าๆๆ (น่าจะชินเพราะบ้านเราก็ไม่ต่าง) และสำาหรับผู้ที่รถใช้ก๊าซแอลพีจีที่เสียมเรียบจะมีให้ไว้บริการอยู่1ปั๊มแต่ทางที่ดีขอแนะนำาให้เติมจากสระแก้วไปให้เต็มและก็ไปเต็มที่เสียมเรียบเลยอีกทีหนึ่งเพื่อความประหยัดค่ะแต่ถ้าเป็นน้ำามันดีเซลและเบนซินมีตลอดทางสบายใจได

ตลอดเส้นทางก็จะมีบ้านเรือนสลับกับทุ่งนาและก็สลับกับหลุมบ้างฮ่าๆๆ (น่าจะชินเพราะบ้านเราก็ไม่ต่าง) และสำาหรับผู้ท่ีรถใช้ก๊าซแอลพีจีที่เสียมเรียบจะมีให้ไว้บริการอยู่1ปั๊ม แต่ทางที่ดีขอแนะนำาให้เติมจากสระแก้วไปให้เต็มและก็ไปเต็มที่เสียมเรียบเลยอีกทีหนึ่งเพื่อความประหยัดค่ะ แต่ถ้าเป็นน้ำามันดีเซลและเบนซินมีตลอดทางสบายใจได ใช้เวลาไม่นาน ก็มาถึงกัมพูชาแล้ว ว่ากันเรื่องที่พักบ้าง เราขอแนะนำาว่าให้จองทางออนไลน์และเลือกที่พักที่ติดกับPubStreetเพราะราคาที่พักไม่แพงอยู่ราว1200บาท+ Extra Bed แล้ว + อาหารเช้าด้วย ภายในห้องสะอาดดีมีทีวีเคเบิ้ล มีแอร์ เครื่องทำาน้ำาอุ่นและที่สำาคัญอยู่กลางเมืองเสียมเรียบติดกับPubStreetที่เปรียบเหมือนตรอกข้าวสารบ้านเค้าแต่จะใหญ่กว่าบ่าย2โมงเราก็เดินทางมาถึงเสียมเรียบเมื่อไปถึงเราก็เช็คอินและจอดรถไว้ที่โรงแรม(เค้ามีที่จอดรถให้)หลังจากนั้นก็เตรียมตัวออกไปแลกเงิน เราแลกเป็น USDollar เพราะที่นี่ส่วนมากจะใช้us ร้านสำาหรับแลกเงินก็จะมีให้เห็นทั่วไปในเสียมเรียบ Rate ราคาก็แล้วแต่ละร้านเดินเปรียบเทียบกันสักหน่อย อาหารมื้อเย็นและเป็นอาหารกัมพูชามื้อแรกของเรา เราเลือกทานหมูกระทะก็คล้ายๆที่บ้านเราแต่ของเค้าถือว่าเป็นอาหารที่ข้ึนร้านอาหารแบบแต่งสไตล์ร้านที่ขายอาหารFusionFoodในบ้านเราเลยหละค่ะหลังจากอิ่มท้องแล้วหนังท้องตึงหนังตาหย่อนต้องขอเข้านอนก่อน แล้วคอลัมน์หน้าจะพาเพื่อนๆไปตะลุยเมืองนครวัดกันค่ะ19

Page 21: e-TOYOTACLUB e-Magazine October issue9 2012 week2

20