Upload
others
View
1
Download
0
Embed Size (px)
Citation preview
คณิตศาสตร์สำหรับฟิสิกส์
Nature speaks to us in the languageof mathematics
Richard P. Feynman
รูปจาก http://discovermagazine.com/2005/mar/feynman-file#.Ua1OJ2SMHbo
http://discovermagazine.com/2005/mar/
คณิตศาสตร์สำหรับฟิสิกส์
● ฟังก์ชัน – เส้นตรง เส้นโค้ง ตรีโกณฯ exponential & logarithm● การแก้สมการ● ปริมาณพื้นฐาน และ หน่วย● การวิเคราะห์เชิงมิติ (dimensional analysis)● เวกเตอร์● แคลคูลัส
ฟังก์ชันy = f(x)
การย้ายจาก set หน่ึงไปอีก set หน่ึงx คือค่าของตัวเลขใดๆ หรือ domain ของฟังก์ชันy คือผลลัพธ์ของฟังก์ชัน หรือ range ของฟังก์ชันf คือฟังก์ชัน
x y
f
ฟังก์ชัน เส้นตรง
y = f(x) = mx+c
m หมายถึง ความชันc หมายถึงจุดตัดแกน y (y-intercept)
m>0
m
y
x
c
y = mx+c , m>0
y = mx+c , m
ฟังก์ชัน เส้นโค้ง พาราโบลา
y = f(x) = ax2+bx+d a, b และ d เป็นค่าคงที่
หรือ
(x-h)2=4c(y-k)
(h,k) คือจุด vortexc คือระยะจาก vortex ถึงจุดโฟกัส
ฟังก์ชัน เส้นโค้ง พาราโบลา
y = f(x) = ax2+bx+d
y=(√ax)2+2(√ax)( b2√a
)+( b2√a
)2
−( b2√a
)2
+d
y=(√ax+ b2√a
)2
−( b2√a
)2
+d
y+( b2√a
)2
−d=a(x+ b2a )2
4 14a (y+(b
2√a)2
−d)=(x+ b2a )2
a>0 หรือ c>0
a
ฟังก์ชัน เส้นโค้ง พาราโบลา
(y−k)2=4c(x−h)จุดยอด (vortex) (h,k) จุดโฟกัส (h+c,k)
ฟังก์ชัน เส้นโค้ง พาราโบลา
c>0 c
a>0 หรือ c>0
a
ฟังก์ชัน ตรีโกณมิติ
sinθ cscθ=1/sinθcosθ secθ=1/cosθtanθ = sinθ/cosθ cotθ=1/tanθ
θ เป็นตัวแปร อยู่ใน domain ของฟังก์ชัน
sin= yr
สามเหล่ียมมุมฉาก
cos=xr
tan= yx
csc= 1sin
sec= 1cos
cot = 1tan
กฎ ของฟังก์ชัน Sines
asinA=
bsinB=
csinC
กฎ ของฟังก์ชัน Cosines
a2=b2c2−2cbcosA
b2=a2c2−2cacosB
c2=a2b2−2abcosC
เอกลักษณ์ของฟังก์ชันตรีโกณฯ
sin2cos2=1
tan21=sec2
cot21=csc2
คุณสัมบัติของฟังก์ชันตรีโกณฯ
sin=sincoscossin
sin −=sincos−cossin
cos=coscos−sinsin
cos−=coscossinsin
คุณสมบัติของฟังก์ชันตรีโกณฯ (ต่อ)
sin−sin =2cos 2 sin −2
sinsin =2sin 2 cos−2
coscos=2cos 2 cos−2
cos−cos=−2sin 2 sin −2
ฟังก์ชัน exponential & logarithm
y x=ax โดย a เป็น จำนวนจริงใดๆ
ฟังก์ชัน exponential & logarithm
inverse function ของ exponential function คือ logarithm function
y x=logax
คุณสมบัติ exponential & logarithm
am×an=am+n
am
an=am−n
loga(m×n)=logam+logan
loga mn =logam−logan
loga1=0a0=1
logbac=c logba a
logab=b
การแก้สมการ (Solving Equation)
การหาคำตอบทางฟิสิกส์บางครั้งอาจจำเป็นต้องแก้สมการ โดยเฉพาะสมการกำลังสอง
ax2bxc=0
คำตอบของสมการน้ีสามารถหาได้จาก
x=−b±b2−4ac
2a
การแก้สมการ (Solving Equation)ตัวอย่าง
−12t2+3t+10=0
คำตอบของสมการน้ีสามารถหาได้จาก
จงคำนวณหาเวลาในสมการ
การแก้สมการ (Solving Equation)ตัวอย่าง
−12t2+3t+10=0
คำตอบของสมการน้ีสามารถหาได้จาก
t=−3±√32−4(−12)(10)
2×(−12)=−3±√9+480
−24
จงคำนวณหาเวลาในสมการ
การแก้สมการ (Solving Equation)ตัวอย่าง
−12t2+3t+10=0
คำตอบของสมการน้ีสามารถหาได้จาก
t=−3±√32−4(−12)(10)
2×(−12)=−3±√9+480
−24
จงคำนวณหาเวลาในสมการ
t=3∓√48924
การแก้สมการ (Solving Equation)การบ้าน
4t2+5t−8=0
จงคำนวณหาเวลาสำหรับการเคลื่อนที่ภายใต้แรงโน้มถ่วง
การแก้สมการ (Solving Equation)ในบางครั้งการแก้ปัญหาอาจมีตัวแปรหลายตัวแปร
5x-4y = -3 และ 3x+2y = 7
สำหรับสมการ 2 ตัวแปร เราสามารถกำจัดตัวแปรหนึ่งโดยการแทนค่าลงไปในอีกสมการหนึ่ง เช่น x = (-3+4y)/5 ดังนั้น
3(-3+4y)/5+2y = 7 -9/5+12y/5+2y = 7
(12+10)y =5x(7+9/5) 22y = 44 หรือ y = 2
ดังนั้น x = (-3+4x2)/5=(-3+8)/5=1
ปริมาณพื้นฐาน และ หน่วยการพัฒนาของวิชาฟิสิกส์ในช่วง 1900 ถึง 1925 ทำให้เราแบ่งวิชาฟิสิกส์ออกเป็น 2 แบบ คือ● ก่อนปี 1900 จะเรียกฟิสิกส์คลาสสิค (classical physics)● หลังปี 1900 จะเรียกฟิสิกส์ยุคใหม่ (modern physics)เรานึกถึงฟิสิกส์ในเทอมของขนาดก็ได้
Scanning Tunneling Microscope Crab nebula
รูปจาก physics for scientists and engineers;Fishbane et.al.
ปริมาณพื้นฐาน และ หน่วย
เราสามารถใชก้ฎของนิวตันกับพฤติกรรมของสิ่งของต่างๆที่อยู่รอบตัว
เราสามารถใชก้ลศาสตร์ควอนตัมกับพฤติกรรมของสิ่งต่างๆในระดับอะตอม
เราสามารถใชส้ัมพันธภาพพิเศษกับพฤติกรรมของสิ่งต่างๆที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วที่เข้าใกล้ความเร็วแสง
การอธิบายพฤติกรรมต่างๆน้ี จะอธิบายได้จากปริมาณในวิชาฟิสิกส์ไม่ว่าจะเป็น มวล ระยะทาง หรือ เวลา ซ่ึงเป็นปริมาณพื้นฐานของวิชาฟิสิกส์
ปริมาณพื้นฐาน และ หน่วย
ปริมาณพื้นฐานน้ี เราจะใช้หน่วย SI (Le Système International d' Unites) เป็นมาตราฐาน
มวล จะใช้ กิโลกรัม (kg)เวลา จะใช้ วินาที (s)ระยะทาง จะใช้ เมตร (m)กระแสไฟฟ้า จะใช้ แอมแปร์ (A)อุณหภูมิ จะใช้ เคลวิน (K)ความเข้มแสง จะใช้ Candela (cd)จำนวนสสาร จะใช้ โมล (mol)
ปริมาณพื้นฐาน และ หน่วย
คำนำหน้าหน่วย
จาก physics for scientists and engineers;Serway, R.A.
ตัวอย่างจงเปลี่ยนหน่วยเหล่าน้ีให้ถูกต้อง
a) 1.4 MHz = GHzb) 1.45 kN = mNc) 2.7 m3 = cm3 d) 1.5 nm = kme) 5.2 m2 = nm2
การบ้าน
จงเปลี่ยนหน่วยจาก 2.5x103 kg/m3 เป็น g/cm3
จงเปลี่ยนหน่วยจาก 13 cm/s เป็น km/min
การวิเคราะห์เชิงมิติ
ปริมาณต่างๆทางฟิสิกส์สามารถเขียนให้อยู่ในปริมาณพื้นฐาน (มวล,เวลา, และ ระยะทาง) ซ่ึงเป็นการวิเคราะห์เชิงมิติ
เช่น อัตราเร็วสามารถเขียนให้อยู่ในรูปของ ระยะทาง/เวลา สัญลักษณ์ที่
ระยะทาง → [L]เวลา → [T]มวล → [M]
[v] = [L]/[T]
ตัวอย่าง
จงหามิติ (dimensions) ของค่าคงที่ของแรงทางประจุไฟฟ้า
F=kQ1Q2r2
เวกเตอร์ (vectors)
เป็นปริมาณที่มีทั้งขนาด และ ทิศทาง
A⃗=a î+b ĵ+c k̂
โดย î เป็นเวกเตอร์หน่ึงหน่วยในทิศแกน xĵ เป็นเวกเตอร์หน่ึงหน่วยในทิศแกน y
เป็นเวกเตอร์หน่ึงหน่วยในทิศแกน zk̂
เวกเตอร์ (vectors)
A
B
การหาขนาดของเวกเตอร์
A=a ib jc k
ขนาดของเวกเตอร์ สามารถหาได้จาก
∣A∣=a2b2c2
y
xa
b
A
(a,b)
ระยะทาง คือขนาดของ A A
∣A∣=a2b2
tan=ba
a=∣A∣cos
b=∣A∣sin
ตัวอย่าง การหาขนาด x และ y
300
x
y
15
ตัวอย่าง การหาขนาด x และ y
600
x
y
12
เวกเตอร์หนึ่งหน่วย (unit vector)
การหาเวกเตอร์หน่ึงหน่วย
A=A
∣A∣
การบวกเวกเตอร์
A=a ib j B=c id j
AB=ac ibd j
A
BAB
a c
b
d
x
y
การลบเวกเตอร์
A=a ib j B=c id j
A−B=a−c ib−d j
A −B
ABa c
b
d
x
y
B
ตัวอย่าง
จากรูปจงหา และAB B⃗− A⃗
ตัวอย่าง
A⃗=3 î+5 ĵ+2 k̂ B⃗=−6 ĵ+4 k̂
จงหา
AB
A⃗− B⃗3
∣A∣
∣B∣
y
x
A⃗B⃗
300
5 m3 m
จงหา A⃗+ B⃗ A⃗−2 B⃗
ตัวอย่าง
ตัวอย่าง
A⃗=2 î+3 ĵ+4 k̂ B⃗= î−10 ĵ+8 k̂
จงหาABC
A D−B
∣2 A⃗+ D⃗∣
C⃗=−5 î+7 ĵ−9 k̂
D⃗=2 î−3 k̂
จงหา R⃗
ตัวอย่าง
การบ้าน
จงหาขนาดของ และ ตามแนวแกน x และ แกน y A⃗ B⃗
ชายคนหน่ึงเดินจากจุดเริ่มต้นไปทางทิศเหนือเป็นระยะทาง 2.6 km แล้วเดิน
ไปทางทิศตะวันออกอีก 4.0 km ก่อนจะเดินขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ทำมุมกับทิศตะวันออก 450 อีก 3.1 km แล้วจึงหยุด จงหาการกระจัดของชาย
คนน้ี
การบ้าน
การบ้านจากรูป แสดงเส้นทางการแล่นเรือใบโดยแล่นจากจุดเริ่มต้นไปจุดสิ้นสุดได้ระยะกระจัด 5.8 km จงหาระยะทาง และทิศทางของช่วงที่สาม (third leg) ของการแล่นครั้งน้ีเพื่อให้ถึงจุดสิ้นสุด
การคูณเวกเตอร์
การคูณแบบ scalar ผลคูณจะเป็น scalar
การคูณแบบ vector ผลคูณจะเป็น vector
การคูณแบบ scalar (scalar product)
A⃗=a î+b ĵ+c k̂ B⃗=d î+e ĵ+ f k̂
A⃗⋅B⃗=ad+be+cf =∣A∣∣B∣cosθ= B⃗⋅A⃗
เป็นมุมระหว่าง เวกเตอร์ A และ เวกเตอร์ B
î⋅̂i= ĵ⋅ ĵ= k̂⋅k̂=1
î⋅ ĵ= ĵ⋅k̂=k̂⋅̂i=0
การคูณแบบ vector (vector product)
A⃗=a î+b ĵ+c k̂ B⃗=d î+e ĵ+ f k̂
A⃗× B⃗=∣ î ĵ k̂a b cd e f ∣= î [bf −ce ]− ĵ [af −cd ]+ k̂ [ae−bd ]A⃗× B⃗=−B⃗× A⃗
î× î= ĵ× ĵ= k̂× k̂=0
î× ĵ= k̂ ĵ×k̂= î k̂× î= ĵ
B⃗=−2 î+4 ĵ+4 k̂
จงหา
A⃗⋅B⃗3A×B
B×A
ตัวอย่าง
A⃗= î+4 k̂
y
x
AB
300
5 m3 m
จงหา A⋅B A×B
ตัวอย่าง
แคลคูลัส (calculus)
เป็นวิชาที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณสองปริมาณโดยเมื่อปริมาณหน่ึงมีการเปลี่ยนแปลง จะทำให้อีกปริมาณหน่ึงมีการเปลี่ยนแปลง
ddx y=lim x0
y x x−y x x
เมื่อ x เปลี่ยนแปลง จะทำให้ y เปลี่ยนแปลงด้วย
การหาอนุพันธ์ของฟังก์ชัน
ddx x
n=nxn−1 n เป็น จำนวนเต็ม
ddx sin x=cosx
ddx cosx=−sin x
ddx uv =u
ddx vv
ddx u
ddx
uv =
v ddx u−uddx v
v2
ddx a
x=ax logeaddx logax=
1x logae
ตัวอย่าง
ddx
cot (x)= ddx
cos (x)sin (x)
=sin (x) d
dxcos(x)−cos(x) d
dxsin (x)
sin2(x)
ddx cot (x)=
−cos2(x)−sin2(x)sin2(x)
=− 1sin2(x)
=−csc2(x)
การหาปริพันธ์ของฟังก์ชัน
∫xndx= xn+1
n+1+cn เป็น จำนวนเต็ม ไม่เท่ากับ -1
∫sinx dx=−cosx+ c ∫cosxdx=sin x+ c
∫udv=u×v−∫vdu
∫axdx= ax
logea+ c ∫ 1x dx=logex+ c=lnx+ c
ตัวอย่าง∫ sec2(x)sin ( tan x)dx